ข้อมูลจาก : พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49 และพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2562 มาตรา 118 , 120 , 121 และ 122 Show เอกสารแนบ
ขอเชิญร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาการนำเสนอข้อมูลข่าวสารของกระทรวงยุติธรรมท่านคิดว่าข้อมูลข่าวสารนี้มีประโยชน์มากน้อยเพียงใด ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ส่งข้อมูล อธิบายกฎหมายแรงงานสัมพันธ์-การกระทําอันไม่เป็นธรรม - *การกระทําอันไม่เป็นธรรม - พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 121 ห้ามมิให้นายจ้าง (1) เลิกจ้าง หรือกระทําการใดๆ อันอาจเป็นผลให้ลูกจ้าง ผู้แทน ลูกจ้าง กรรมการสหภาพ แรงงาน หรือกรรมการสหพันธ์แรงงาน ไม่สามารถทน ทํางานอยู่ต่อไปได้เพราะเหตุที่ลูกจ้าง หรือ สหภาพแรงงานได้นัดชุมนุม ทําคําร้อง ยื่นข้อเรียกร้อง เจรจา หรือดําเนินการฟ้องร้อง หรือเป็นพยาน หรือให้หลักฐาน ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานหรือนายทะเบียน พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงาน ผู้ชี้ขาดข้อพิพาทแรงงาน หรือกรรมการแรงงาน สัมพันธ์ ตามพระราชบัญญัตินี้ หรือต่อศาลแรงงาน หรือเพราะเหตุที่ลูกจ้าง หรือ สหภาพแรงงานกําลังจะ กระทําการดังกล่าว (2) เลิกจ้างหรือกระทําการใดๆ อันอาจเป็นผลให้ลูกจ้างไม่สามารถ ทน ทํางานอยู่ต่อไปได้ เพราะเหตุที่ลูกจ้างนั้นเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงาน (3) ขัดขวางในการที่ลูกจ้างเป็นสมาชิกหรือให้ลูกจ้างออกจากการเป็น สมาชิกของ สหภาพแรงงาน หรือให้ หรือตกลงจะให้เงิน หรือทรัพย์สินแก่ลูกจ้าง หรือเจ้าหน้าที่ของสหภาพแรง งานเพื่อมิให้สมัครหรือรับสมัครลูกจ้างเป็นสมาชิก หรือเพื่อให้ออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพ แรงงาน (4) ขัดขวางการดําเนินการของสหภาพแรงงานหรือสหพันธ์แรงงาน หรือขัดขวางการ ใช้สิทธิของลูกจ้างในการเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน หรือ (5) เข้าแทรกแซงในการดําเนินการของสหภาพแรงงานหรือสหพันธ์ แรงงานโดยไม่มี อํานาจโดยชอบด้วยกฎหมาย - ข้อสังเกต 1) ห้ามมิให้นายจ้างกระทําการดังนี้ 1. เลิกจ้าง เพราะเหตุที่ลูกจ้างหรือสหภาพแรงงานได้นัดชุมนุม ทําคําร้อง ยื่นข้อเรียกร้อง เจรจา หรือดําเนินการฟ้องร้อง เป็นพยานหรือให้หลักฐานต่อเจ้าพนักงาน 2. เลิกจ้างหรือกระทําการใดๆ อันอาจเป็นผลให้ลูกจ้างไม่สามารถทน ทํางานอยู่ต่อไปได้เพราะเหตุที่ลูกจ้างนั้นเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงาน 3. ขัดขวาง - การที่ลูกจ้างเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน - การดําเนินงานของสหภาพแรงงานหรือสหพันธ์แรงงาน 4. แทรกแซงการ ดําเนินการของของสหภาพแรงงานหรือสหพันธ์แรงงาน 2) การกระทําที่ห้ามนายจ้างกระทําและถือเป็นการกระทําอันไม่เป็นธรรม เช่น - ลดวันทํางานจากสัปดาห์ละ 6 วันเหลือ 2 วัน และจ่ายค่าจ้างเฉพาะ วันที่มา เท่านั้น - ยุบเลิกแผนกเนื่องจากลูกจ้างแผนกนั้นแจ้งข้อเรียกร้อง 3) การที่นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างบางกรณีอาจเป็นทั้งการกระทําอันไม่เป็น ธรรม ตาม พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา 121 หรือมาตรา 123 และเป็นการเลิกจ้าง ไม่เป็นธรรม ตาม พ.ร.บ. จัดตั้ง ศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 49 ด้วยก็ได้ - - กรณีศึกษาจากคำพิพากษาศาลฎีกา คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3808/2547 แม้บทบัญญัติของ พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ฯ และ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานฯ จะกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาแก่ลูกจ้างไว้แตกต่างกัน และเป็น กฎหมายคนละฉบับแต่ก็เป็นเรื่องที่มีวัตถุประสงค์จะให้ความคุ้มครองแก่ลูกจ้าง ไม่ให้ถูกนายจ้าง เลิกจ้างโดยไม่ได้กระทําความผิดเช่นเดียวกัน ในกรณีที่การเลิกจ้างนั้น เป็นทั้งการกระทําอันไม่เป็น ธรรมและการเลิกจ้างโดยลูกจ้างไม่ได้กระทําความผิด แม้ ลูกจ้างจะมีสิทธิยื่นคําร้องได้ทั้งต่อคณะ กรรมการแรงงานสัมพันธ์และพนักงานตรวจ แรงงานก็ตาม แต่ลูกจ้างจะถือเอาประโยชน์จากคําสั่ง ของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ และคําสั่งของพนักงานตรวจแรงงานซึ่งมาจากเหตุแห่งการเลิก จ้างเดียวกันทั้งสองทาง มิได้ เพราะจะเป็นการซ้ำซ้อนกันไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกฎหมาย ลูกจ้างจะต้อง เลือกรับเอาประโยชน์ตามคําสั่งดังกล่าวอย่างใดอย่างหนึ่งแต่เพียงอย่างเดียว โจทก์ถูกจําเลยเลิกจ้างจึงยื่นคําร้องทั้งต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์และ พนักงานตรวจแรงงาน เมื่อพนักงานตรวจแรงงานมีคําสั่งให้จําเลยจ่ายค่าชดเชยให้แก่ โจทก์พร้อมดอกเบี้ย และโจทก์ได้รับ ค่าชดเชยพร้อมดอกเบี้ยตามคําสั่งของพนักงาน ตรวจแรงงานไปครบถ้วนแล้ว อันเป็นการเลือกเข้า ถือเอาประโยชน์ตามคําสั่งของพนักงาน ตรวจแรงงานแล้ว ย่อมถือได้ว่าโจทก์สละสิทธิไม่ถือเอา ประโยชน์ตามคําสั่งของ คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ซึ่งมาจากเหตุแห่งการเลิกจ้างเดียวกันไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น คําสั่งในส่วนให้จําเลยรับโจทก์กลับเข้าทํางานหรือให้จ่ายค่าเสียหายนับแต่วันถูกเลิกจ้าง จนถึงวันที่รับกลับเข้าทํางาน โจทก์จึงไม่สิทธิฟ้องร้องบังคับจําเลยตามคําสั่งของ คณะกรรมการแรง งานสัมพันธ์ได้อีก คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993/2546 โจทก์มีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างให้ลูกจ้างทํางาน วันละ 3 กะ แต่ในทางปฏิบัติให้ทํางานวันละ 2 กะเป็นส่วนใหญ่ โดยให้ทํากะละ 12 ชั่วโมง จํานวน 8 ชั่วโมงแรกเป็นการทํางานปกติ พัก 1 ชั่วโมง อีก 3 ชั่วโมงเป็นการทํางาน ล่วงเวลา การที่โจทก์มี คําสั่งให้จําเลยร่วมกับพวกซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องทํางาน วันละ 3 กะ แม้จะเป็นสิทธิของโจทก์ จะสั่งได้ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง แต่ ก็เป็นการเลือกปฏิบัติเพื่อบีบคั้นไม่ให้ทนทํางานอยู่ ต่อไปได้เพราะเหตุที่ยื่นข้อเรียกร้อง หรือเป็นตัวแทนเจรจาอันถือว่าเป็นการกระทําอันไม่เป็นธรรม ตามพระราชบัญญัติแรงงาน สัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 121 (1) การที่จําเลยได้มีคําสั่งคณะกรรมการ แรงงานสัมพันธ์ ให้โจทก์เปลี่ยนแปลงเวลาทํางานสําหรับจําเลยร่วมกับพวกเป็นเวลาการทํางานตาม เดิม และวินิจฉัยว่าการสั่งให้ลูกจ้างทํางานล่วงเวลาเป็นสิทธิของนายจ้างที่จะพิจารณาสั่งให้ ทําหรือ ไม่ก็ได้ตามหลักเกณฑ์ในมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และไม่มี กฎหมายรองรับให้จําเลยออกคําสั่งบังคับให้โจทก์สั่งให้จําเลยร่วมกับพวก ทํางานล่วงเวลาได้ จึงเป็นคําสั่งและคําวินิจฉัยที่ชอบแล้ว คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1695/2544 มาตรา 121 บัญญัติห้ามมิให้นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างฯลฯ เพราะเหตุที่ลูกจ้างนัดชุมนุม ทําคําร้อง ยื่นข้อเรียกร้อง เจรจา หรือดําเนินการฟ้องร้อง หรือเป็นพยาน หรือให้หลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ หรือเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน หรือมี เหตุใดเหตุหนึ่งใน 5 เหตุ ที่ระบุ ไว้ในมาตรา 121 หากนายจ้างกระทําการดังกล่าวก็เป็น การกระทําอันไม่เป็นธรรม ในคดีนี้แม้ลูกจ้าง จะเป็นประธานสหภาพแรงงานและเป็น ผู้เกี่ยวข้องกับการยื่นข้อเรียกร้อง แต่นายจ้างเลิกจ้างโดยเข้า ใจว่าลูกจ้างมึนเมาสุราใน ขณะทํางานเพราะดื่มสุราก่อนมาทํางานเพียงไม่นาน โดยมีอาการหน้าแดง และพูดเสียงดัง กว่าปกติมิใช่เลิกจ้างลูกจ้างเนื่องจากการยื่นข้อเรียกร้อง การเลิกจ้างดังกล่าวจึงมิใช่ การ กระทําอันไม่เป็นธรรม คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2157/2543 การที่นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างจะเป็นการกระทําอันไม่เป็น ธรรมหรือไม่ หรือจะเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่นั้น แม้บทบัญญัติของ พ.ร.บ. แรงงาน สัมพันธ์ พ.ศ. 2518 และ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 จะกําหน ดหลักเกณฑ์ในเรื่องดังกล่าวไว้แตกต่างกันและเป็นกฎหมายต่าง ฉบับกันก็ตาม แต่ก็เป็นเรื่องที่มี วัตถุประสงค์จะให้ความคุ้มครองแก่ลูกจ้างในการได้รับชดใช้ค่าเสียหายจากนายจ้างเช่นเดียวกัน สําหรับกรณีที่คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ หรือศาลแรงงานไม่เห็นสมควรให้นายจ้างรับลูกจ้าง กลับเข้าทํางานอีก โจทก์นําสาเหตุจากการที่จําเลยเลิกจ้างไปยื่นคําร้องกล่าวหาจําเลยต่อ คณะ กรรมการแรงงานสัมพันธ์ว่าเป็นการกระทําอันไม่เป็นธรรม ขอให้จําเลยชําระค่า เสียหายแก่โจทก์ และต่อมาโจทก์ได้นําเหตุแห่งการเลิกจ้างดังกล่าวไปฟ้องจําเลยต่อศาล แรงงาน ขอให้บังคับจําเลย ชดใช้ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมเป็นเงินอีก จํานวนหนึ่ง พร้อมทั้งให้จําเลยชําระเงินค่า ชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า แล้วโจทก์กับจําเลยได้ตกลงทําสัญญาประนีประนอม ยอมความกัน โดยจําเลยยอมชําระ เงินให้แก่โจทก์บางส่วนและโจทก์ตกลงรับเงินดังกล่าวและไม่ติด ใจเรียกร้องค่าเสียหาย และเงินอื่นใดจากจําเลยอีก ศาลแรงงานมีคําพิพากษาไปตามสัญญาประนี ประนอมยอม ความแล้ว ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจําเลยดังกล่าวหมายความว่า โจทก์พอใจจํานวน เงิน ค่าเสียหายที่จําเลยชําระตอบแทนในการที่จําเลยเลิกจ้างโจทก์แล้ว ซึ่งรวมทั้งโจทก์ไม่ติดใจ เรียก ร้องค่าเสียหายที่โจทก์ยื่นคําร้องขอให้คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์มีคําสั่งให้ จําเลยชําระให้แก่ โจทก์ด้วย แม้ภายหลังจากที่โจทก์และจําเลยได้ตกลงทําสัญญาประนี้ ประนอมยอมความต่อกันแล้ว คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์จะมีวินิจฉัยว่าการที่จําเลย เลิกจ้างโจทก์เป็นการกระทําอันไม่เป็นธรรม และมีคําสั่งให้จําเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่ โจทก์ก็ตาม คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3985-3987/2529 เมื่อที่ประชุมใหญ่ของสหภาพแรงงานได้เลือกตั้ง ผู้ใดเป็นกรรมการสหภาพแรงงาน ผู้นั้นย่อมได้ชื่อว่าเป็นกรรมการสหภาพแรงงานตาม ความหมาย ในมาตรา 121 แล้ว เมื่อสหภาพแรงงานมีมติแต่งตั้งให้ลูกจ้างเป็นกรรมการ สหภาพแรงงาน แม้นาย จ้างจะเลิกจ้างลูกจ้างในขณะที่นายทะเบียนยังไม่ได้จดทะเบียน กรรมการ สหภาพแรงงานดังกล่าว ก็ได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 121 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1600/2526 ลูกจ้างเป็นผู้มีบทบาทสําคัญในการเตรียมการยื่นข้อ เรียกร้อง ต่อนายจ้าง โดยเข้าร่วมประชุมปรึกษากับลูกจ้าง แม้จะไม่มีชื่อและลายมือชื่อของลูกจ้าง ดังกล่าว ในหนังสือแจ้งข้อเรียกร้องต่อนายจ้าง ก็ถือว่าลูกจ้างเป็นผู้ที่ได้ยื่นข้อเรียกร้อง ด้วย การที่ นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างดังกล่าวจึงเป็นการกระทําอันไม่เป็นธรรมตามมาตรา 121 (1) คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2602-2603/2523 การที่ลูกจ้างยื่นข้อเรียกร้องต่อบริษัทผู้เป็นนายจ้าง แม้จะยื่นในระหว่างที่ยังใช้ข้อบังคับเดิมที่ตกลงกันก็ถือได้ว่าได้มีการยื่นข้อเรียกร้องแล้ว บริษัท นายจ้างจึงต้องห้ามมิให้เลิกจ้างลูกจ้าง เพราะเหตุที่ยื่นข้อเรียกร้องดังกล่าว ตาม พระราชบัญญัติแรง งานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 121 การเลิกจ้างจึงไม่ชอบ - การปิดงาน หมายถึงอะไรการปิดงาน หมายถึง การที่นายจ้างไม่ให้ลูกจ้างทางานชั่วคราว เนื่องจากมีข้อพิพาทแรงงาน(มาตรา 5)
การกระทำอันไม่เป็นธรรมของนายจ้างที่ส่งผลให้ลูกจ้างไม่สามารถทำงานต่อไปได้กรณีใดบ้างลูกจ้างจะต้องถูกเลิกจ้างโดยนายจ้าง หรือกระทำการใดๆ อันอาจเป็นผลให้ลูกจ้างไม่สามารถทนทำงานต่อไปได้ ซึ่งหมายถึง การกระทำที่นายจ้างไม่มีอำนาจกระทำได้ เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างโดยไม่ชอบ เช่น นายจ้างโยกย้ายลูกจ้างไปทำงานในตำแหน่งที่ต่ำกว่าเดิม หรือที่ได้ค่าจ้างน้อยลง
การเลิกจ้างไม่เป็นธรรม มีอะไรบ้างปัญหาเรื่องการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม หมายถึง การเลิกจ้างโดยไม่มีเหตุผลที่สมควร ไม่ใช่ความจำเป็นของกิจการ เช่น การเลิกจ้างเพราะเกิดจากความรู้สึกไม่พอใจกันในเรื่องส่วนตัวระหว่างลูกจ้างกับนายจ้าง หรือการจงใจกลั่นแกล้งกันให้เดือดร้อน
เมื่อมีการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น ให้ดำเนินการอย่างไรเมื่อมีการฝ่าฝืนมาตรา 121-123 ผู้เสียหายมีสิทธิดำเนินคดี ทั้งในส่วนแพ่งและอาญา ดังนี้ 1. การดำเนินคดีในส่วนแพ่ง เมื่อมีการกระทำอันไม่เป็นธรรม ผู้เสียหายมีสิทธิยื่นคำร้องกล่าวหาผู้ฝ่าฝืนต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ภายใน 60 วันนับแต่วันที่มีการฝ่าฝืน เมื่อได้รับข้อกล่าวหาแล้ว คณะกรรมการแรงานสัมพันธ์จะต้องวินิจฉัยและมีคำ ...
|