ข้อดี ของ การ เอาใจเขามาใส่ใจเรา

เราจะสังเกตได้ว่า Empathy Skill นั้น สามารถใช้ได้กับทุกสถานการณ์ ทั้งการคุยกับเพื่อนร่วมงาน การกระจายงานให้ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างมีประสิทธิภาพ หรือการเข้าใจความต้องการของลูกค้า ซึ่งนอกจากนี้ในชีวิตประจำวันก็ยังสามารถนำ Empathy Skill มาใช้ได้อีกเช่นกัน เพื่อให้เราสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้ ทำให้ Empathy เป็นทักษะที่สำคัญในยุคที่ขาดไม่ได้เลย

“ความไม่เข้าใจกัน” คำนี้แหละค่ะที่ทำให้คนที่รักกันตัดสินใจเลิกรากันไปอย่างง่ายดาย เราเคยลองมานั่งคิดมั้ยคะว่าอะไรที่ทำให้คุณและคนรักเดินมาถึงจุดนี้ได้ จุดที่ว่าทำไมต้องเลิกกัน เพราะตอนแรกต่างก็บอกว่าพร้อมจะดูแลกันทุกอย่าง เอาใจใส่กันทุกอย่าง มองเป้าหมายทุกอย่างไปด้วยกัน แต่สุดท้ายก็มาถึงทางตัน เอาอย่างนี้มั้ยคะลองกลับมาทบทวนกันดูอีกทีในเรื่องราวความรักของเราทั้งหมด แล้วตอบตัวเองให้ได้ว่าเรายังรักกันอยู่ไหม ถ้าคำตอบคือ “ยังรักกันอยู่” เอาแบบนี้ค่ะ ลองเอาคำว่า “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” ไปใช้ดู เพื่อที่จะประคองความรักให้หอมหวานและยาวนานต่อไป

การรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรานั้น เป็นการแสดงถึงความเป็นคนใจกว้างของคุณว่าเป็นคนไม่เอาตนเองเป็นใหญ่ รู้จักคิดถึงใจคนอื่น รู้จักเปรียบเทียบดูว่า ถ้าเราเป็นเขาเราจะรู้สึกอย่างไรถ้ามี คนมาปฏิบัติหรือกระทำอะไร แบบที่เรากำลังจะทำหรือพูดออกไป หลายคนอาจคิดว่าก็เรารักกับใครเราคิดเห็นอย่างไรเค้าก็ต้องคิดแบบนั้น  หรือคิดเหมือนกับเรา อันนั้นเข้าใจผิดค่ะ เพราะในความเป็นจริงอาจไม่ใช่ทุกอย่างหรือทุกเรื่องที่คนรักของเราจะยอม การที่คู่รักเค้ายอมคุณอาจเป็นเพราะคำว่ารักก็ได้ จึงไม่คิดที่จะขัดใจ แต่หากเราทำแบบนั้นบ่อยๆ อาจส่งผลร้ายกับความรักของคุณก็ได้นะคะ

ข้อดี ของ การ เอาใจเขามาใส่ใจเรา

>> คิดว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้<< การที่คนสองคนที่ต่างพ่อต่างแม่ ต่างการเลี้ยงดูอันนี้เป็นสิ่งแรกที่ต้องเข้าใจค่ะ ถ้าเราเรียนรู้ถึงจิตใจเขาว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ พฤติกรรมเขาเป็นแบบนี้ คือรู้ที่มาที่ไปของการกระทำของเขา เราจะไม่โกรธเขาเลย ในขณะเดียวกันเราก็ต้องเข้าใจตัวเราเองด้วย ต้องเป็นความเข้าใจที่เกิดจากคนสองคนต้องรู้จักสังคมของเขา และให้เขารู้จักสังคมของเรา โดยเฉพาะคนสนิทที่อยู่แวดล้อมกันไม่ว่าจะเป็นสังคมเพื่อน เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว ควรทำความรู้จักไว้ ต่างคนต่างจะได้รู้ว่าสังคมของกันว่าเป็นอย่างไร

> ไม่ใช่ต้องติดตามกันไปทุกครั้ง จนทำให้เขาอึดอัด<< คนรักกันไม่จำเป็นต้องไปไหนด้วยกันตลอดในทุกๆ ที่ หรือไม่ใช่ว่าเราไม่สนใจเลยว่าเขาจะไปไหน กับใคร ควรพอดีๆ เช่นถ้าเราไม่รู้จักเพื่อนของเขาเลยอาจทำให้ความรู้สึกระหว่างกันมันขาดๆหายๆ ไปเวลาคุยกันเรื่องเพื่อนก็มักจะต่อกันไม่ค่อยติดเวลาเขาไปไหนกับเพื่อนก็ไม่อยากให้เราไปด้วย ให้คุณคิดเพียงว่าการที่เขากลับไปเจอเพื่อนก็ไม่ได้ทำให้เขารักคุณน้แอยลง ถ้าเขายังคงซื่อสัตย์ ยังเป็นห่วงคุณอยู่ แต่บางทีเวลาอยู่ด้วยกันเยอะเกินไป  ก็อาจอยากกลับไปใช้ชีวิตอีกแบบบ้างเท่านั้น เวลาที่เขาอยู่กับเพื่อนมันมีอีกแง่มุมนึงที่ไม่เหมือนอยู่กับคุณแล้วเวลาอยู่กับคุณก็ไม่เหมือนมุมที่อยู่กับเพื่อน ทั้งสองมุมแทนกันไม่ได้ เขาจะมีเส้นแบ่งตรงนี้อยู่ คุณเองก็ควรมีเหมือนกันเพราะเวลาที่อยู่กับเพื่อน เราจะเป็นธรรมชาติมากๆ

ข้อดี ของ การ เอาใจเขามาใส่ใจเรา

> อย่าคาดหวังว่าอีกคนจะมาเติมเต็มส่วนที่ขาดให้เรา<<  การที่คนเราอยู่ด้วยกันให้คิดแค่ว่าเรามีเขาอีกคนเป็นเพื่อน เพื่อนที่รักกัน ดูแลกันก็พอแล้วอย่างอื่นถ้าเราอยากได้ อยากเป็นอะไรก็ต้องหาเอง ไม่งั้นเราก็จะคาดหวัง และอาจทำให้เราเสียใจ บางเรื่องคุยกับเพื่อนแล้วเข้าใจได้มากกว่า อย่าไปน้อยใจเลยเวลาที่เขาอยู่กับเพื่อน แต่ละคนต้องมีอิสระระหว่างกันต่างฝ่ายต่างต้องมีพื้นที่ส่วนตัวเพราะคนเรามีความสนใจหลหากหลาย ถ้าเราไม่ปล่อยให้เขาเป็นอิสระเวลาอยู่กันไปนานๆ ก็จะทำให้ชีวิตเริ่มเบื่อ และอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ เราต้องรู้จักหาความพึงพอใจในชีวิตของตัวเองด้วยค่ะ

ข้อดี ของ การ เอาใจเขามาใส่ใจเรา

การใช้ชีวิตคู่ให้หอมหวานและราบรื่นเอาจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอำร ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใช้ความพยายาม เพราะอะไรก็ตามที่ต้องใช้ความพยายามมันจะเหนื่อยค่ะ ให้คิดแค่ว่าถ้าเราทำแบบนั้นเขารู้สึกอย่างไง การเอาใจเขามาใส่ใจเรา หลายๆ เรื่องเกิดจากคนสองคน ทั้งเรื่องงาน เพื่อน ครอบครัวเราต้อง ถ้าเราทำอะไรไม่ดีออกไป เราก็ต้องเข้าใจว่าทำไมเขาถึงโกรธ ไม่ได้มองตัวเองเป็นศูนย์กลางไปซะทุกอย่าง ต้องยอมรับธรรมชาติของอีกฝ่ายด้วยหัวใจบริสุทธิ์และปล่อยวาง พยายามทำร้อนให้กลายเป็นเย็น เรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก เมื่อเปิดใจยอมรับก็จะเข้าใจ เมื่อเข้าใจ แม้เขาจะไม่ได้ดั่งใจ ก็คิดซะว่าเราเองก็คงมีเรื่องไม่ได้ดั่งใจเขาเช่นกัน ถ้ารักกันแล้ว ใจเราก็คือใจดวงเดียวกันนะคะ เอาใจเขามาใส่ใจเรา แล้วรักของคุณก็จะหอมหวานชวนอิจฉาเลยล่ะ

การฟังเป็นหนึ่งในทักษะที่สำคัญของการสื่อสาร แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถเข้าใจด้วยว่า ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกอย่างไร? หัดเอาใจเขามาใส่ใจเรา เข้าอกเข้าใจผู้อื่นมากขึ้นด้วย “Empathy” ทักษะสำคัญที่ทุกคนควรมี

Empathy ถูกพูดถึงมากขึ้นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะในแง่ของการใช้ชีวิตหรือการทำงาน สามารถพูดได้ว่า Empathy กลายเป็นหนึ่งในทักษะที่เราควรมีในโลกปัจจุบัน  ตกลงแล้ว Empathy คืออะไรและมีความสำคัญอย่างไร?

Empathy คืออะไร? 

Empathy คือทักษะในการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น รับรู้ว่าผู้อื่นนั้นมีความรู้สึกอย่างไรผ่านการมองในมุมมองของผู้อื่น โดยจินตนาการว่าตัวเราไปอยู่ในจุดเดียวกับเขา เป็นการทำความเข้าใจว่าถ้าเราตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เราจะรู้สึกอย่างไร

Empathy มีไว้เพื่อทำความเข้าใจว่าผู้อื่นนั้นมีความคิดและความรู้สึกอย่างไร ในสถานการณ์หรือเหตุการณ์ต่างๆ การมี Empathy จะช่วยให้เราสามารถเข้าใจผู้อื่นได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้นและเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้ผู้คนหันมารับฟังและเข้าใจกันมากขึ้น ซึ่ง Empathy แบ่งได้ออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่

  1. Affective Empathy คือ ความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ของผู้อื่น รับรู้ว่าเขามีความรู้สึกและอารมณ์อย่างไร  เพื่อให้เราสามารถเข้าใจผู้อื่นมากขึ้นและวางตัวได้อย่างเหมาะสมในการพูดคุย
  1. Compassionate Empathy  คือ ความสามารถในการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น นอกจากจะเข้าใจว่าผู้อื่นนั้นมีความรู้สึกอย่างไร แต่ต้องรู้ด้วยว่าเพราะอะไรถึงทำให้เขารู้สึกเช่นนั้น และพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือเขา
  1. Cognitive empathy คือ ความสามารถในการเข้าใจความรู้สึกและความคิดของผู้อื่น รวมไปถึงสภาวะจิตใจในปัจจุบันของเขาว่าเป็นอย่างไร รับรู้ว่าเขารู้สึกและมีความคิดอย่างไรต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น

ข้อดีของ Empathy

Empathy นั้นมีข้อดีที่หลากหลายและสามารถนำปรับใช้ได้ทั้งในด้านชีวิตและการทำงาน Empathy สามารถทำให้ผู้คนสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างกันได้ โดยการเข้าใจความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ของผู้อื่น ทำให้เราสามารถเข้าใจและรับฟังผู้อื่นได้มากขึ้น การที่เราหันมาเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้นจะทำให้ปัญหาต่างๆ ในสังคมนั้นลดลง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทั้งตัวเราและผู้อื่น รวมถึงสังคมด้วย 

การเข้าอกเข้าใจผู้อื่น ทำให้เรารู้จักการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง เพราะเมื่อเรารับรู้ว่าผู้อื่นนั้นมีความรู้สึกและอารมณ์อย่างไร เราก็จะพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้สอดคล้องไปกับสถานการณ์เหล่านั้น ซึ่งเป็นทักษะที่มีประโยชน์อย่างมากต่อตัวเรา เพราะเมื่อเราสามารถเข้าอกเข้าใจผู้อื่นและพร้อมที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเขา สิ่งเหล่านี้ก็จะย้อนกลับมาหาเราในที่สุด เพราะฉะนั้นการมี Empathy ติดตัวไว้จึงไม่ใช่เรื่องเสียหายและยังสามารถทำประโยชน์ให้กับเราได้ด้วย 

สร้าง Empathy ได้อย่างไร

จริงๆ แล้ว Empathy เป็นทักษะที่เราสามารถสร้างและฝึกฝนได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเราสามารถฝึกฝนและเสริมสร้าง Empathy ได้ง่ายๆ ด้วยวิธีเหล่านี้ 

  • การพูดคุยกับผู้อื่นบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นคนรู้จักหรือไม่รู้จักก็ตาม ในระหว่างการพูดคุยให้เราคอยสังเกตและพยายามทำความเข้าใจว่าฝ่ายตรงข้ามมีความรู้สึกอย่างไร พยายามฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เพราะวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเสริมสร้าง Empathy ให้กับเราโดยตรง
  • การสังเกตภาษากายของผู้อื่น รวมไปถึงน้ำเสียง จะทำให้เราสามารถเข้าใจถึงอารมณ์และความรู้สึกของผู้อื่นได้ แม้ว่าจะไม่ได้สื่อสารกันก็ตาม ศึกษาว่าภาษากายแบบไหนแสดงความรู้สึกอะไรออกมา การเข้าใจถึงความหมายของภาษากายก็ช่วยให้เราเข้าใจถึงความรู้สึกของผู้อื่นได้
  • รับฟังอย่างตั้งใจ พยายามรับฟังผู้อื่นอย่างตั้งใจตลอดการสนทนา ไม่ให้สิ่งใดมาเบี่ยงเบียนความสนใจของเรา แม้ว่าจะเป็นความคิดของเราเองก็ตาม หรือพยายามควบคุมอารมณ์ของตนเองให้สอดคล้องไปกับการสนทนา สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้และเข้าใจถึงอารมณ์ของผู้อื่นเช่นกัน
  • จินตนาการว่าเราอยู่ในสถานการณ์เดียวกับผู้อื่น ให้เราลองคิดว่าถ้าเราตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันเราจะมีความคิดและรู้สึกอย่างไร ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา การทำแบบนี้จะทำให้เราได้เห็นภาพและมุมมองใหม่ๆ ที่ทำให้เราสามารถเข้าใจถึงความรู้สึกของผู้อื่นอย่างชัดเจนมากขึ้น

เราสามารถนำ Empathy ไปปรับใช้ได้ในหลากหลายด้าน แต่หนึ่งในด้านที่สำคัญคือ การทำงาน เราสามารถนำความเข้าอกเข้าใจไปปรับใช้ในที่ทำงาน เพื่อทำให้เราสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและราบรื่นมากยิ่งขึ้น เรียนรู้ทักษะการเข้าอกเข้าใจกันในการทำงานไปกับ คุณมณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ CEO แห่ง Sea ประเทศไทย ในคอร์ส Scale People, Scale Company “สร้างบริษัทให้โตด้วยพลังคนรุ่นใหม่”