การตากผ้าให้ประหยัดพลังงาน

ซักอย่างไร ??? ให้ประหยัด

ในการซักล้างทำความสะอาดเสื้อผ้าที่โดยปกติจะซักกันอย่างสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าและน้ำอย่างไม่จำเป็น วันนี้เรามีวิธีช่วยให้คุณซักผ้าได้อย่างประหยัดมากยิ่งขึ้นกับเทคนิคซักผ้าแบบประหยัด และช่วยโลกของเรากันค่ะ >>
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากผ้าโพลีเอสเตอร์
การเลือกผ้าที่ทำจากโพลีเอสเตอร์ช่วยให้คุณลดขั้นตอนในการรีดผ้าหลังจากซักเสร็จ เพียงแค่ใช้ไม้แขวนก็ทำให้เสื้อผ้าของคุณเรียบและยังเป็นการประหยัดค่าไฟในการรีดเสื้อผ้าครั้งละมากๆอีกด้วย

น้ำยาซักผ้าไร้สารเคมี
เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผ้าด้วยธรรมชาติ ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติที่ปลอดภัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่มีสารตกค้าง ช่วยถนอมใยผ้าและช่วยปกป้องผิวอันบอบบางของคุณ

ซักด้วยน้ำเย็น
การซักผ้าด้วยการควบคุมอุณหภูมิซึ่งควรใช้น้ำอุณหภูมิต่ำหรือน้ำเย็น จะมีส่วนช่วยให้ประหยัดพลังงาน สะอาด และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

ใส่ผ้าปริมาณมากในแต่ละครั้ง
การซักเครื่องในแต่ละครั้งจะใช้น้ำปริมาณมาก จึงจำเป็นต้องใส่เสื้อผ้าลงไปทำความสะอาดครั้งละมากๆให้เต็มเครื่อง จะช่วยประหยัดน้ำและพลังงานได้อีก

ทำความสะอาดผ้าด้วยมือ
เลือกใช้วิธีง่ายๆ ด้วยการซักด้วยมือ ช่วยประหยัดทั้งพลังงานและการใช้น้ำในปริมาณมากจากเครื่องซักผ้าด้วยวิธีธรรมชาติสุดๆ ทั้งยังสะอาดกว่าการทำความสะอาดผ้าด้วยเครื่อง

แสงแดดตากผ้าแทนการใช้เครื่องอบผ้าให้แห้ง
ความร้อนจากแสงอาทิตย์ใช้ในการตากผ้าช่วยลดพลังงานและประหยัดค่าใช้จ่าย โดยที่ไม่ต้องนำไปเข้าเครื่องอบให้เปลืองค่าไฟและแถมผ้าซีดเร็วอีก

เรียบเรียงโดย www.jongstit.com

ภาพจาก pixabay

1. เตารีดแบบธรรมดานิยมใช้กันมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะวิธีใช้ง่ายแสนง่าย มีปุ่มสำหรับปรับอุณหภูมิให้เหมาะกับผ้าแต่ละชนิด เมื่อความร้อนถึงกำหนด อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิจะตัดทันทีโดยอัตโนมัติ

2. เตารีดแบบไอน้ำ พัฒนาขึ้นมาจากเตารีดแบบธรรมดา ส่วนประกอบจึงคล้ายกันแต่ทำงานสะดวกกว่า มีภาชนะสำหรับเก็บนำเพื่อผลิตเป็นไอน้ำให้กับผ้าที่ต้องการรีด ทำให้ไม่จำเป็นต้องพรมน้ำให้กับผ้า แต่กำลังไฟที่ใช้จะสูงกว่าเตารีดแบบธรรมดา

3. เตารีดแบบกดทับ มีใช้กันไม่มากนัก เพราะราคาค่อนข้างสูง แต่ทำให้รีดผ้าจำนวนมากได้ในเวลาอันรวดเร็ว เหมาะสำหรับการใช้งานในร้านซักรีด เตารีดแบบนี้ใช้พลังงานโดยรวมน้อยกว่าเตารีดแบบธรรมดาและแบบไอน้ำ

เมื่อเราพร้อมเเล้ว เรามาเตรียมพร้อมก่อนรีดกันเลย

1. ตรวจดูหน้า(สัมผัสของเตารีด)หากมีคราบสกปรกให้ใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาทำความสะอาดเช็ดออกเพราะคราบสกปรกจะเป็นค่าต้านทานความร้อนทำให้สิ้นเปลืองไฟฟ้าในการเพิ่มความร้อนมากขึ้น

2. เก็บผ้าที่รอรีดไว้ให้เรียบร้อย ทำให้ผ้ายับน้อยที่สุดตั้งแต่เวลาซักและเวลาตากดึงผ้าให้ตึง จะทำให้รีดง่ายและ ประหยัดพลังงาน

3. ก่อนจะรีดควรแยกประเภทของผ้าไว้เสมอ เพื่อความสะดวกในการเลือกรีดก่อนหรือหลัง

4. รวบรวมผ้าที่จะรีดแต่ละครั้งให้มากพอ ไม่ควรรีดทีละชุด เพราะในการเสียบปลั๊กแต่ละครั้งจะมีช่วงสิ้นเปลืองไฟ ในเวลาที่รอให้ความร้อนสูงถึงระดับ

เมื่อเตรียมพร้อมเสร็จเเล้วก็มาลงมือกันเลย

1. ไม่ควรพรมน้ำมากจนเกินไป เพราะจะทำให้สูญเสียความร้อน

2. เริ่มจากการรีดผ้าบางๆ หรือผ้าที่ต้องการความร้อนน้อยก่อน พอเตารีดเริ่มร้อนขึ้นแล้วจึงรีดผ้าที่ต้องการความร้อนสูง

3. ควรถอดปลั๊กก่อนเสร็จสิ้นการรีดประมาณ 3-4 นาที เพราะความร้อนที่เหลืออยู่ในเตารีดไฟฟ้ายังสามารถรีดผ้าชนิดที่ไม่ต้องการความร้อนมาก เช่น ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น

เราจะประหยัดไฟจากอะไรได้บ้าง มาดูกัน


– ในการรีดผ้าแต่ละครั้งควรรวบรวมผ้าไว้รีดรวมกันครั้งละหลายๆ ชุด การรีดผ้าหลายๆชุดใน 1 ชั่วโมง จะประหยัดกว่าการเสียบ/ถอดปลั๊กหลายๆ ครั้ง เพื่อรีดเพียงครั้งละชุด

– อย่าพรมน้ำเปียกจนเกินไป เพราะจะทำให้เสียเวลาในการรีดประมาณ 2 เท่า สิ้นเปลืองไฟมากขึ้น

– เตารีดที่ใช้งานมานานๆ ถึงจะไม่มีการเสียหายชำรุด ก็ควรมีการตรวจสอบหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ภายในบางอย่าง รวมทั้งสายไฟที่ต่อซึ่งอาจมีการชำรุด เสื่อมสภาพลง ทำให้วงจรติดต่อภายในไม่ทำงาน

- ที่สำคัญควรเลือกสินค้าที่ผ่านการรับรองประหยัดไฟเบอร์ 5 เป็นมาตรฐานการประหยัดไฟจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 

สำหรับเครื่องซักผ้าใช้อย่างไรให้ประหยัดพลังงาน เพราะเป็นเครื่องทุ่นแรงที่ดีในปัจจุบัน แต่การซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้ามักใช้พลังงานในการซักมาก และอาจส่งผลเสียแก่สิ่งแวดล้อม บทความนี้จะมาเสนอวิธีใช้เครื่องซักผ้าของคุณให้เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน ซักผ้าอย่างไรช่วยคุณประหยัดค่าไฟและทรัพยากรธรรมชาติ ecolover จะพามาดูวิธีประหยัดไฟในบ้านเมื่อซักผ้าได้

การตากผ้าให้ประหยัดพลังงาน

ใช้เครื่องซักผ้าอย่างไรให้ประหยัดพลังงาน

1. การแยกเสื้อผ้าแต่ละชนิด แยกซักผ้าเนื้อบาง กางเกงยีนส์ หรือผ้าขนหนู เพราะการซักผ้าประเภทเดียวกันจะช่วยในการตั้งโปรแกรมการซักและการปั่นแห้งที่เหมาะสมได้ง่ายกว่า อีกทั้งยังเป็นการถนอมเนื้อผ้าอีกด้วย

2. การแช่ผ้าก่อนนำไปซักเครื่องซักผ้า เพราะการแช่ผ้าสักครึ่งชั่วโมงก่อนนำไปเข้าเครื่องซักจะทำให้เครื่องซักผ้าทำความสะอาดผ้าได้ง่ายขึ้น วิธีนี้เป็นการช่วยผ่อนแรงเครื่องซักผ้าและประหยัดพลังงานไฟฟ้า

การตากผ้าให้ประหยัดพลังงาน

3. การซักผ้าในอุณหภูมิสูงน้ำที่ปกติ ดังนั้นการซักผ้าในน้ำเย็นหรือด้วยโปรแกรมการซักที่อุณหภูมิ 30 องศา จึงช่วยประหยัดไฟฟ้าได้ดีที่สุด หรือการซักผ้าด้วยน้ำร้อนโดยเฉพาะบางเวลาที่จำเป็นเท่านั้น เช่น เมื่อเสื้อผ้าสกปรกมากหรือเปื้อนคราบน้ำมัน เป็นต้น การเลือกใช้อุณหภูมิการซักที่เหมาะสมกับเสื้อผ้านั้นเป็นการประหยัดพลังงานเครื่องซักผ้าและช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้มากทีเดียว

4. การใส่ผงซักฟอกและปริมาณน้ำที่เหมาะสม เพราะหากใส่ผงซักฟอกมากเกินไปอาจทำให้ถังซักทำงานได้ยากขึ้น และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่เหมาะสมกับเครื่องซักผ้า เช่น หากคุณใช้เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า คุณควรเลือกใช้ผงซักฟอกที่ออกแบบมากับการซักด้วยเครื่องฝาหน้าโดยเฉพาะ วิธีนี้เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องซักผ้าได้

การตากผ้าให้ประหยัดพลังงาน

5. ไม่เสียบปลั๊กแช่ หรือถอดเมื่อไม่ใช่งาน วิธีนี้ควรนำไปใช้กับเครื่องไฟฟ้าทุกชนิดภายในบ้าน ซึ่งจะช่วยให้คุณประหยัดพลังงานไฟฟ้าในบ้านได้มาก

6. การเลือกซื้อเครื่องซักผ้าที่มีขนาดเหมาะสม การซักผ้าด้วยเครื่องที่มีขนาดใหญ่เกินไป ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าในการซักโดยเปล่าประโยชน์

7. การซักผ้าไม่ควรซักเมื่อมีเสื้อผ้าน้อยเกินไป การใช้เครื่องซักผ้าเมื่อมีปริมาณผ้าที่ต้องซักมากพอเหมาะ กับขนาดของถังซักโดยไม่ใส่เสื้อผ้าอัดแน่นจนเกินกำลังของเครื่อง เพื่อให้การซักด้วยเครื่องมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ากับพลังงานที่ใช้

การตากผ้าให้ประหยัดพลังงาน

การประหยัดพลังงานเครื่องซักผ้ากับการปั่นแห้ง

รู้ไหมว่าการปั่นแห้งหรืออบแห้ง เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนในกระบวนการซักผ้าที่ใช้พลังงานอย่างมาก มาดูวิธีที่จะช่วยให้คุณประหยัดพลังงานได้ ดังนี้

1. การตากผ้าในที่โล่งด้วยแสงแดด เพราะแสงแดดคือพลังงานความร้อนจากธรรมชาติที่ช่วยให้ผ้าแห้งได้ดี วิธีนี้ช่วยให้ประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ดีที่สุด เพราะจะได้ไม่ต้องนำผ้าไปปั่นแห้งให้เปลืองไฟ

การตากผ้าให้ประหยัดพลังงาน

2. การทำความสะอาดผ้ากรองฝุ่นเป็นประจำ สำหรับแผ่นกรองฝุ่นหรือผ้ากรองเป็นตัวทำให้อากาศผ่านเข้าไปในเครื่องปั่นแห้งได้ เมื่อผ้ากรองมีฝุ่นเกาะมากเข้าจะทำให้เครื่องปั่นผ้าทำงานได้ยากขึ้น ดังนั้นควรทำความสะอาดแผ่นกรองฝุ่นทุกครั้งหลังซักผ้าเสมอ ๆ 

3. การปั่นผ้าให้หมาดก่อนนำไปปั่นแห้ง จะได้ความความเร็วจะช่วยให้ผ้าหมาดและแห้งง่ายขึ้นเมื่อนำไปปั่นแห้ง ขอบขอบคุณบทความดีๆ จากล็อตโต้สด