เฉลยช วว ทยา ม.4-6 เล ม 4 หน า 36

สารบัญ บทที่ 4 โมลและสูตรเคม ี 1 ผลการเรียนรู้ 1 การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ 1 ผังมโนทัศน์ 3 สาระสำ�คัญ 4 เวลาที่ใช้ 4 ǩǕǖǛDžǏǑǐǗǣǘ ความรู้ก่อนเรี ǛLj Ǵ 4.1 มวลอะตอม 6 เฉลยแบบฝึกหัด 4.1 8 4.2 โมล 12 เฉลยแบบฝึกหัด 4.2 18 เฉลยแบบฝึกหัด 4.3 22 เฉลยแบบฝึกหัด 4.4 30 4.3 สูตรเคม ี 32 เฉลยแบบฝึกหัด 4.5 36 เฉลยแบบฝึกหัด 4.6 37 เฉลยแบบฝึกหัด 4.7 40 เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท 49 โมลและสูตรเคมี 4

Made with FlippingBook

RkJQdWJsaXNoZXIy NzMxODQ4

คู่มือครู, คู่มือ, วิทยาศาสตร์, มัธยมศึกษา, ม.4, เคมี, ความปลอดภัย, ทักษะ, ปฏิบัติการเคมี, อะตอม, ธาตุ, พันธะ, GHS, NFPA, ปฐมพยาบาล, วิธีการทางวิทยาศาสตร์, จิตวิทยาศาสตร์, จริยธรรม, ความเที่ยง, ความแม่น, เลขนัยสำคัญ, วิธีการเทียบหน่วย, แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย, เอสไอ, SDS, อุบัติเหตุ, สารประกอบ, อะตอม, โมเลกุล, ไอออน, แบบจำลอง, โปรตอน, นิวตรอน, อิเล็กตรอน, สัญลักษณ์นิวเคลียร์, ไอโซโทป, ตารางธาตุ, โลหะ, อโลหะ, กึ่งโลหะ, นำไฟฟ้า, ดอลตัน, ทอมสัน, โบร์, กลุ่มหมอก, เลขอะตอม, เลขมวล, กัมมันตรังสี, แทรนซิชัน, พลังงานไอออไนเซชัน, สัมพรรคภาพอิเล็กตรอน, อิเล็กโทรเนกาติวิตี, โคเวเลนต์, ไอออนิก, กฎออกเตต. ลิวอิส, บอร์น-ฮาเบอร์

ใตก้ ลอ้ งจลุ ทรรศนท์ ม่ี กี �ำ ลงั ขยาย 400 เทา่ พบวา่ พารามเี ซยี มยาว 1/4 ของเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง

ของจอภาพ ดงั นน้ั พารามเี ซยี มมคี วามยาวเท่าใด ให้แสดงวิธที �ำ

พารามีเซยี มมคี วามยาว 0.1 มลิ ลเิ มตร

วธิ ีค�ำ นวณ

เม่ือเปล่ยี นกำ�ลงั ขยายของกลอ้ งจาก 100 เท่า เป็น 400 เท่า

กลอ้ งจะมีกำ�ลงั ขยายเพ่มิ ขน้ึ เป็น = 400 = 4 เท่า 100

ทกี่ ำ�ลงั ขยาย 100 เท่า เส้นผา่ นศูนย์กลางของจอภาพยาว 1.6 มิลลเิ มตร

ทกี่ ำ�ลังขยาย 400 เทา่ เสน้ ผ่านศูนยก์ ลางของจอภาพยาว = 1.6 = 0.4 มลิ ลเิ มตร 4 1 พารามเี ซยี มยาว = 4 ของเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางของจอภาพ

\= 1 × 0.4 = 0.1 มิลลิเมตร 4

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชีววทิ ยา เลม่ 1 บทที่ 3 | เซลล์และการท�ำ งานของเซลล์ 241

4. ในการศึกษาตัวอย่างที่กำ�หนดให้ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ให้ใส่เครื่องหมาย √ ในช่องชนิด ของกล้องจลุ ทรรศน์ที่ใชศ้ ึกษาใหถ้ กู ตอ้ ง

ตวั อยา่ งทศี่ กึ ษา กลอ้ งจลุ ทรรศน์ กลอ้ งจุลทรรศน์ ใช้แสง ใชแ้ สง 1. นิวเคลยี สของสไปโรไจรา 2. การไหลเวียนของไซโทพลาซึมของเซลล์ เชิงประกอบ แบบสเตอริโอ

สาหรา่ ยหางกระรอก √ √ 3. ลักษณะภายนอกของดว้ ง √ 4. การงอกของหลอดเรณอู ย่างตอ่ เน่ืองทร่ี ะยะ √ √ เวลาต่าง ๆ ของดอกแพงพวยฝรง่ั (เรณูของ ดอกแพงพวยฝรง่ั มีเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 60 √ ไมโครเมตร) 5. การผ่าตัดไสเ้ ดอื นดินตลอดความยาวของล�ำ ตวั 6. ฟาโกไซโทซสิ ของแมคโครฟาจ

5. จากภาพแสดงโครงสรา้ งของเซลล์ จงน�ำ ตวั อกั ษรทช่ี แ้ี สดงสว่ นประกอบตา่ ง ๆ ของเซลลใ์ ส่ ลงในชอ่ งว่างหน้าข้อความท่มี คี วามสัมพันธ์กนั มากที่สุด

ค. ข.

ง.

จ.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

242 บทท่ี 3 | เซลล์และการทำ�งานของเซลล์ ชวี วิทยา เล่ม 1

.......ง....... 5.1 บริเวณทม่ี กี ารสร้างไรโบโซม .......ค....... 5.2 ท�ำ หน้าท่เี ตมิ กลุ่มคารโ์ บไฮเดรตใหก้ ับโปรตีนหรอื ลพิ ดิ ทสี่ ่งมาจาก ER .......ก....... 5.3 แหลง่ ผลติ สารพลังงานสงู ใหแ้ กเ่ ซลล์ .......จ....... 5.4 แหล่งสรา้ งโปรตนี ทีเ่ ป็นองค์ประกอบของเยื่อห้มุ เซลล์ .......ข....... 5.5 พบในเซลลส์ ตั วแ์ ละสงิ่ มชี ีวติ เซลล์เดยี ว ไมพ่ บในเซลล์พชื และเหด็ รา

6. จากตารางรอ้ ยละของพื้นท่ผี วิ ของเยอื่ หุม้ ในส่วนตา่ ง ๆ ของเซลลต์ ับหนู (rat liver cell)

เยือ่ ห้มุ ในส่วนต่าง ๆ ของเซลล์ รอ้ ยละของพ้นื ที่ผวิ

เยอ่ื หุ้มเซลล์ 1.81

เอนโดพลาสมกิ เรติคูลมั แบบผวิ ขรขุ ระ 30.98

เย่ือหมุ้ ชน้ั นอกของไมโทคอนเดรยี 7.61

เยอ่ื หุ้มชน้ั ในของไมโทคอนเดรีย 40.35

นิวเคลียส 0.29

ไลโซโซม 0.11

ส่วนประกอบส่วนทเี่ หลอื ภายในเซลล์ 18.85

รวม 100.00

จงตอบค�ำ ถามต่อไปนี้

6.1 เพราะเหตุใดไมโทคอนเดรียจึงมีร้อยละของพ้ืนที่ผิวของเย่ือหุ้มช้ันนอกและเยื่อหุ้ม ชน้ั ในแตกต่างกัน และมคี วามเหมาะสมกับหน้าทีแ่ ละการท�ำ งานอย่างไร จงอธบิ าย

เยอ่ื หมุ้ ชน้ั ในของไมโทคอนเดรยี มรี อ้ ยละของพน้ื ทผ่ี วิ มากกวา่ ของเยอื่ หมุ้ ชนั้ นอกของ

ไมโทคอนเดรีย เพราะบรเิ วณเยอ่ื หมุ้ ชั้นในของไมโทคอนเดรียทำ�หน้าทเี่ กย่ี วขอ้ งกับ การถ่ายทอดอิเล็กตรอนและการสร้าง ATP ในกระบวนการสลายอาหารแบบใช้ ออกซเิ จน ดงั นนั้ การที่มีพื้นทผ่ี วิ มากจึงทำ�ใหม้ ีการสร้าง ATP ไดเ้ พมิ่ ข้ึน

6.2 เพราะเหตุใดเซลล์ตับจึงมีร้อยละของพื้นที่ผิวของเอนโดพลาสมิกเรติคูลัมแบบผิว ขรขุ ระมากเปน็ อนั ดับสอง รองจากเยื่อหุ้มช้ันในของไมโทคอนเดรยี

เซลล์ตับมีกิจกรรมต่าง ๆ จำ�นวนมาก โดยเฉพาะการสร้างโปรตีนสำ�หรับส่งออกไป

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชวี วทิ ยา เลม่ 1 บทที่ 3 | เซลลแ์ ละการทำ�งานของเซลล์ 243

นอกเซลล์ เชน่ การสังเคราะหโ์ ปรตีนอลั บูมิน (albumin) ไฟบริโนเจน (fibrinogen) ดังน้ันเซลล์ตับจึงมีร้อยละของพื้นที่ผิวของเอนโดพลาสมิกเรติคูลัมแบบผิวขรุขระ (RER) จำ�นวนมาก ซ่งึ ทำ�หนา้ ทีส่ งั เคราะหโ์ ปรตีน

6.3 เมอื่ ศกึ ษารอ้ ยละของพน้ื ทผ่ี วิ ในเซลลช์ นดิ อน่ื จะพบรอ้ ยละของพนื้ ทผ่ี วิ ในสว่ นตา่ ง ๆ ของเซลล์ สอดคลอ้ งกบั เซลล์ตบั หรอื ไม่ เพราะเหตุใด

ร้อยละของพื้นที่ผิวในส่วนต่าง ๆ ภายในเซลล์แต่ละชนิดควรจะแตกต่างกัน ทั้งนี้ เพราะเซลล์แต่ละเซลล์มีการเปล่ียนรูปร่างและทำ�หน้าท่ีเฉพาะอย่างที่แตกต่างกัน ออกไป

7. นำ�ช่อื โครงสรา้ งของเซลล์ทกี่ �ำ หนดใหต้ ่อไปน้ี เติมลงหน้าข้อความทม่ี ีความสัมพันธก์ ัน

Cell membrane Cell wall Centriole Chloroplast

Contractile vacuole Free ribosome Golgi complex Lysosome

Microfilament Microtubule Mitochondria Peroxisome

Plastid RER SER

.F..r.e.e...r.i.b.o..s..o.m...e...7.1 แหล่งสร้างโปรตนี ส�ำ หรบั ใช้ภายในเซลล์ .....L.y..s.o..s.o..m...e.....7.2 โ ครงสรา้ งทป่ี ระกอบดว้ ยเอนไซมไ์ ฮโดรเลสชนดิ ตา่ ง ๆ เพอ่ื ยอ่ ยโปรตนี ...P..e..r.o..x.i.s..o.m...e....7.3 โครงสร้างท่ีประกอบด้วยเอนไซม์ที่ใช้ในการสลายไฮโดรเจนเปอร์

ออกไซด์ใหก้ ลายเปน็ ออกซิเจนและน้�ำ ..M...i.t.o..c.h..o..n..d..r.i.a..7.4 โครงสรา้ งท่ีท�ำ หนา้ ที่สร้างสารพลงั งานสูงในรูป ATP ให้แก่เซลล์ .C..e.l.l..m...e.m...b..r.a..n.e..7.5 การจดั เรียงตัวแบบฟลอู ิดโมเซอิกโมเดล .......P.l.a..s.t..id........7.6 โครงสร้างทปี่ ระกอบด้วยสารสีชนดิ ต่าง ๆ

Contractile

......v..a.c..u..o.l.e.......7.7 โครงสรา้ งท่ีรักษาสมดลุ ของน�ำ้ ในพารามีเซยี ม ...M...ic..r.o..t.u..b..u.l.e....7.8 โครงสร้างที่ยดึ และลำ�เลียงออร์แกเนลล์ภายในเซลล์ .....C..e..l.l..w..a.l.l......7.9 โครงสรา้ งทปี่ ระกอบดว้ ยเซลลโู ลส บางบรเิ วณพบพลาสโมเดสมาตา ...C..h..l.o.r..o.p..l.a..s.t....7.10 แหลง่ สรา้ งสารอาหารของเซลลพ์ ชื และโพรทสิ ตบ์ างชนดิ .....C..e..n..t.r.i.o..l.e.....7.11 ออร์แกเนลลท์ พ่ี บเฉพาะในเซลลส์ ตั ว์เท่านนั้ ........S..E..R..........7.12 โครงสรา้ งทเี่ กยี่ วกบั การสงั เคราะหฮ์ อรโ์ มนเพศชาย (testosterone)

ซ่งึ เปน็ สเตอรอยด์ฮอร์โมน

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

244 บทท่ี 3 | เซลล์และการท�ำ งานของเซลล์ ชีววทิ ยา เล่ม 1

.........R..E..R.........7.13 แหลง่ ทสี่ รา้ งโปรตนี เพอ่ื สง่ ออกไปใชน้ อกเซลลห์ รอื เปน็ สว่ นประกอบ ของเยอื่ หมุ้ เซลล์

.M...i.c.r..o.f.i.l.a..m...e.n..t..7.14 โ ครงสรา้ งทเ่ี กดิ จากโปรตนี แอกทนิ ท�ำ หนา้ ทส่ี �ำ คญั ในการเปลย่ี นรปู รา่ งของเซลล์

.G..o..l.g.i..c..o.m...p..l.e.x...7.15 โครงสรา้ งทที่ �ำ หนา้ ทร่ี วบรวมโปรตนี ใหเ้ ขม้ ขน้ และเตมิ คารโ์ บไฮเดรต ใหก้ บั โปรตีนเป็นแกรนลู เพื่อสง่ ออกนอกเซลล์

8. สีนิวทรลั เรดเป็น indicator ที่มสี แี ดงท่ีคา่ pH ตำ่�กว่า 7.4 และมสี ีเหลอื งทีค่ ่า pH สูงกวา่ 7.4 เม่อื น�ำ นำ�้ กล่ันและสารละลายของเบส 3 ชนดิ มาเตมิ สนี วิ ทรลั เรดจากน้นั ใส่เซลล์ยสี ต์ ทีย่ งั มีชวี ติ ลงไป ไดผ้ ลดังตาราง

ที่ สาร สขี องสารละลาย สใี นเซลลข์ องยสี ต์หลงั เตมิ ยสี ต์ หลงั เตมิ สนี วิ ทรัลเรด ลงในสารละลาย 1 น�ำ้ กลั่น 2 0.01 M Na2CO3 สแี ดง สแี ดง 3 0.01 M NaOH สีเหลือง สแี ดง 4 0.01 M NH4OH สีเหลอื ง สแี ดง สเี หลอื ง สีเหลอื ง

เยอ่ื หุ้มเซลล์ของยสี ตเ์ ปน็ เยื่อทเ่ี ลอื กใหไ้ อออนในการทดลองชนดิ ใดผา่ น เพราะเหตใุ ด เย่ือหมุ้ เซลลข์ องยสี ต์เป็นเย่ือทเี่ ลือกให้ NH4+ ผ่านได้ เน่ืองจากในการทดลองชดุ ที่ 4 เม่ือ เติมยีสต์ลงในสารละลาย NH4OH เซลล์ยีสต์เปล่ียนเป็นสีเหลืองเช่นเดียวกับสีของ สารละลาย สว่ นในหลอดท่ี 2 และ 3 สขี องยสี ตไ์ ม่เปลยี่ นไปเหมือนในสารละลาย ซึ่งแสดง

ว่าเซลลไ์ ม่สามารถล�ำ เลียงไอออนดังกล่าวได้

9. นำ�ตัวอักษร A-E ไปเติมในช่องว่างหน้ากรณีการลำ�เลียงสารท่ีสัมพันธ์กัน (เลือกเติม 1

คำ�ตอบ ตอ่ 1 กรณี) ...........E...........9.1 น�ำ้ เข้าเซลลร์ ากขนออ่ น ...........C...........9.2 กรดไขมนั เขา้ สเู่ ซลล์บุผวิ ล�ำ ไสเ้ ล็ก ...........B...........9.3 กรดแอมิโนเข้าส่เู ซลล์บผุ ิวลำ�ไส้เลก็

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชีววิทยา เลม่ 1 บทท่ี 3 | เซลล์และการท�ำ งานของเซลล์ 245

...........A...........9.4 การนำ�แบคทีเรยี เขา้ ส่เู ซลลเ์ มด็ เลอื ดขาว ...........D...........9.5 การล�ำ เลยี งคลอไรดไ์ อออน (Cl-) เขา้ และไฮโดรเจนคารบ์ อเนตไอออน

(HCO3-) ออกจากเซลลเ์ มด็ เลอื ดแดงท่บี รเิ วณปอด

  1. ฟาโกไซโทซสิ D. เกิดผา่ นโปรตีนทีม่ คี วามจำ�เพาะตอ่ สาร
  1. ใชพ้ ลงั งานจาก ATP E. เกดิ จากบริเวณที่มคี วามเขม้ ขน้ ตำ�่ ไปยังบริเวณทีม่ ีความ
  1. เกิดโดยการแพร่แบบธรรมดา เข้มข้นสูง

10. ในการตรวจวินิจฉัยหลอดเลือดด้วยเทคนิค MRI โครงสรา้ งโมเลกลุ ของ gadoteric acid (Magnetic Resonance Imaging) จะมีการฉดี สาร ท่ีเพ่ิมความชัดเจนระหว่างหลอดเลือดและเนื้อเยื่อ อ่ืน ๆ เช่น gadoteric acid ให้ผู้เข้ารับการตรวจ โดยสารท่ีเพิ่มความชัดเจนระหว่างหลอดเลือดและ เนื้อเยื่ออ่ืน ๆ ที่ดีนั้น ต้องคงอยู่ภายในหลอดเลือด และไม่ถูกลำ�เลียงเข้าสู่เซลล์หลังการฉีด จาก โครงสร้างโมเลกุลของ gadoteric acid ดังภาพ นักเรียนคิดว่าสารน้ีมีสมบัติเหมาะสมต่อการนำ�ไป ใชใ้ นกรณดี ังกลา่ วอยา่ งไร

โมเลกุลของ gadoteric acid มีประจุจงึ ไมล่ ะลายใน ลพิ ิด และมขี นาดใหญ่ จงึ ไมส่ ามารถล�ำ เลียงผ่านชั้น ลพิ ดิ ได้ นอกจากนที้ เ่ี ยอ่ื หมุ้ เซลลข์ องหลอดเลอื ดไมม่ ี โปรตนี จ�ำ เพาะทสี่ ามารถล�ำ เลยี ง gadoteric acid ได้ ดงั นนั้ สารดงั กลา่ วจงึ ยงั คงอยภู่ ายในหลอดเลอื ดหลงั การฉีด ทำ�ให้ภาพที่ถ่ายออกมาจะเห็นส่วนของ หลอดเลือดชัดเจน

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

246 บทที่ 3 | เซลล์และการท�ำ งานของเซลล์ ชีววทิ ยา เล่ม 1

11. จากภาพเป็นโครงสร้างบางส่วนของเซลล์ยีสต์ในสารละลายกลูโคส จงนำ�ตัวอักษรเติม ลงในช่องวา่ งหนา้ ขอ้ ความทม่ี ีความสมั พันธ์กันมากทสี่ ุด (อาจมคี �ำ ตอบไดม้ ากกวา่ 1 ค�ำ ตอบ)

ก. ข. ค. ง. จ. ฉ.

……ก…. แ…ล…ะ ข….….11.1 บริเวณใดบ้างท่ีสามารถตรวจพบกลโู คสได้ …………ข.……….11.2 ใ นภาวะทมี่ อี อกซเิ จนไมเ่ พยี งพอ จะเกดิ การสลายสารอาหารบรเิ วณ

ใดบ้าง …………ฉ.……….11.3 บรเิ วณใดบ้างทีม่ ีการสร้าง NADH และFADH2 ในปรมิ าณมาก …………จ.……….11.4 บ ริเวณใดบ้างที่พบโปรตีนประเภทต่าง ๆ ท่ีทำ�หน้าท่ีเป็นตัวรับและ

ส่งอิเล็กตรอนในการสร้าง ATP …………ง.……….11.5 บรเิ วณใดทม่ี กี ารสะสมโปรตอน (H+) มากขณะทม่ี กี ารหายใจแบบใช้

ออกซเิ จน …………ข.……….11.6 ในภาวะทเ่ี ซลลเ์ กดิ กระบวนการหมกั จะพบการสรา้ งแอลกอฮอลแ์ ละ

คารบ์ อนไดออกไซด์ทบ่ี ริเวณใด

แนวการคดิ จากภาพ ตัวอกั ษรแทนสว่ นตา่ งๆ ดงั ตอ่ ไปนี้ ก. คือ ภายนอกเซลล์ ข. คือ ไซโทพลาซมึ ค. เย่ือหุ้มชั้นนอกของไมโทคอนเดรีย ง. ชอ่ งวา่ งระหวา่ งเยอื่ หมุ้ ไมโทคอนเดรยี จ. เยอ่ื หมุ้ ชนั้ ในของไมโทคอนเดรยี ฉ. เมทรกิ ซ์

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชวี วทิ ยา เลม่ 1 บทที่ 3 | เซลลแ์ ละการทำ�งานของเซลล์ 247

11.1 อธิบาย ในภาวะท่ีมีออกซิเจนเพียงพอหรือมีออกซิเจนไม่เพียงพอก็ตาม จะเกิดการสลายกลูโคส

ด้วยกระบวนการไกลโคลิซิสขึ้นภายในไซโทซอลของเซลล์ และเปลี่ยนเป็นสารประกอบ อ่นื ๆ ก่อนเคล่ือนท่เี ขา้ สไู่ มโทคอนเดรีย ดงั นัน้ จึงตรวจพบกลูโคสได้ทั้งภายนอกเซลล์และ

ในไซโทพลาซึม

11.2 อธิบาย ในภาวะท่ีมีออกซิเจนไม่เพียงพอจะเกิดการสลายกลูโคสด้วยกระบวนการไกลโคลิซิสขึ้น

เปน็ ปกตภิ ายในไซโทซอล แตภ่ ายในไมโทคอนเดรยี จะไมเ่ กดิ การสลายสารอาหารเนอื่ งจาก ไม่มีออกซิเจนมาเปน็ ตัวรับอิเล็กตรอนในกระบวนการถ่ายทอดอเิ ลก็ ตรอน

11.3 อธบิ าย การสรา้ ง NADH และ FADH2 จะเกดิ ปรมิ าณมากในเมทรกิ ซข์ องไมโทคอนเดรยี ซง่ึ เกดิ ขนึ้

ท้ังจากในขั้นตอนการเปล่ียนกรดไพรูวิกไปเป็นแอซิทิลโคเอนไซม์เอ และกระบวนการ เปลี่ยนแปลงของสารประกอบคาร์บอนต่าง ๆ ในวฏั จกั รเครบส์

11.4 อธิบาย กระบวนการถ่ายทอดอิเล็กตรอนจะเกิดข้ึนที่เย่ือหุ้มช้ันในของไมโทคอนเดรีย ซ่ึงต้องมี

โปรตีนท่ีเป็นตัวนำ�อิเล็กตรอนชนิดต่าง ๆ ในการส่งผ่านอิเล็กตรอนไปให้ออกซิเจนซึ่งเป็น ตวั รบั อิเล็กตรอนตวั สดุ ทา้ ย

11.5 อธิบาย ในภาวะทม่ี อี อกซเิ จนเพยี งพอจะเกดิ กระบวนการถา่ ยทอดอเิ ลก็ ตรอนและมกี ารเคลอ่ื นยา้ ย

โปรตอนจากเมทรกิ ซเ์ ขา้ สชู่ อ่ งวา่ งระหวา่ งเยอ่ื หมุ้ ชน้ั ในและเยอ่ื หมุ้ ชน้ั นอกของไมโทคอนเดรยี

11.6 อธบิ าย เหตผุ ลเชน่ เดยี วกบั ขอ้ 5.2 แตก่ รดไพรวู กิ ทไ่ี ดจ้ ากการสลายกลโู คสจะไมเ่ คลอื่ นผา่ นเยอ่ื หมุ้

ไมโทคอนเดรียเข้าไปภายในเมทริกซ์และจะปล่อยคาร์บอนในรูปของคาร์บอนไดออกไซด์ และมแี อซิตลั ดไี ฮด์เปน็ ตัวรบั อิเลก็ ตรอนจาก NADH กลายเปน็ เอทิลแอลกอฮอล์

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

248 บทท่ี 3 | เซลลแ์ ละการทำ�งานของเซลล์ ชีววิทยา เลม่ 1

12. การผลิตไวน์ผลไม้ในประเทศไทยนิยมนำ�ยีสต์ Saccharomyces cerevisiae มาใช้เป็น หัวเชื้อในกระบวนการหมักเพ่ือให้ได้แอลกอฮอล์ กระบวนการหมักไวน์จะทำ�ในภาชนะ ปดิ สนทิ เพ่ือไม่ให้อากาศจากภายนอกเข้าไปภายในระบบ และจะหมกั ไว้จนกวา่ นำ�้ ตาลใน ผลไม้ถูกใช้ไปจนเกือบหมดและได้ปริมาณแอลกอฮอล์ประมาณ 10-14 % โดยปริมาตร จงึ จะถอื วา่ เสร็จสน้ิ กระบวนการหมักไวน์

จากตารางการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบต่าง ๆ ระหว่างการหมักไวน์ผลไม้เป็นระยะเวลา 14 วนั จงตอบคำ�ถามต่อไปนี้

เวลา ปริมาณนำ้�ตาล ปรมิ าณยสี ต์ ปริมาณแอลกอฮอล์ การหมัก (องศาบรกิ ซ์*) (×107 เซลล์ตอ่ mL) ( % โดยปริมาตร)

(วนั ) 0.20 0 0.88 1.6 0 22.5 5.60 11.6 2 20.0 9.20 12.9 4 14.5 11.30 13.7 6 10.7 9.65 13.9 8 8.0 8.80 13.9 10 8.0 8.85 13.9 12 7.8 14 7.8

(* ตวั เลขที่มากในหนว่ ย องศาบรกิ ซ์ แสดงว่ามีน�้ำ ตาลมาก)

12.1 เพราะเหตใุ ดจงึ มปี รมิ าณแอลกอฮอลเ์ พม่ิ ขนึ้ อยา่ งมากในวนั ท่ี 4 ของการหมกั แตพ่ บ ได้น้อยมากในช่วง 2 วนั แรกของการหมกั

ในช่วง 2 วันแรกจำ�นวนเซลล์ยีสต์ยังมีน้อย และมีออกซิเจนเพียงพอทำ�ให้เกิดการ สลายน�้ำ ตาลเพอ่ื สรา้ งเปน็ พลงั งานในการแบง่ เซลลข์ องยสี ต์ สว่ นในวนั ที่ 4 มจี �ำ นวน เซลล์ยีสต์เพ่ิมขึ้นมาก ออกซิเจนถูกใช้ไปจนเหลือน้อย ยีสต์จึงสลายน้ำ�ตาลโดย กระบวนการหมักและผลติ แอลกอฮอล์ปรมิ าณมาก

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชวี วิทยา เลม่ 1 บทที่ 3 | เซลล์และการท�ำ งานของเซลล์ 249

12.2 ถา้ กลมุ่ แมบ่ า้ นทผี่ ลติ ไวนผ์ ลไมต้ อ้ งการน�ำ ไวนท์ ห่ี มกั ไดไ้ ปวางขาย ควรแนะน�ำ ใหก้ ลมุ่ แมบ่ ้านหมักไวน์ผลไม้ไมเ่ กนิ ก่ีวัน เพราะเหตใุ ด

แนะนำ�ให้กลุ่มแม่บ้านหมักไวน์ผลไม้ไม่เกิน 10 วัน เพราะต้ังแต่วันท่ี 10 ปริมาณ แอลกอฮอล์เร่มิ คงท่แี ละใกลเ้ คียงกับ 14 % โดยปรมิ าตร

12.3 ถา้ ตอ้ งการผลติ เซลลย์ สี ตใ์ หไ้ ดป้ รมิ าณมาก ๆ เพอื่ ใชเ้ ปน็ หวั เชอื้ ในการหมกั ไวนผ์ ลไม้ ในการผลติ คร้ังตอ่ ไป นกั เรียนจะปรับเปลย่ี นวิธกี ารข้างตน้ อย่างไร

ควรปรบั เปลย่ี นวธิ กี ารหมกั ในวนั ที่ 2 เพอ่ื เพม่ิ ปรมิ าณเซลลย์ สี ต์ โดยการเพมิ่ ปรมิ าณ ออกซิเจน เช่น เปิดฝาเล็กน้อยเพื่อให้อากาศเข้าไปในภาชนะ คนให้ท่ัว และเพ่ิม ปรมิ าณนำ�้ ตาล เพ่ือใหม้ อี อกซเิ จนและสารอาหารเพยี งพอต่อการสร้างพลังงานของ ยสี ตท์ จ่ี ะใชใ้ นการเจริญเติบโตและเพิม่ จำ�นวน

13. วัตถุประสงค์ของการแบ่งเซลล์ในสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์เหมือนหรือแตกต่างจากส่ิงมีชีวิต เซลลเ์ ดียวอย่างไร การแบง่ เซลลข์ องสงิ่ มชี วี ติ หลายเซลลท์ �ำ ใหร้ า่ งกายมกี ารเตบิ โตทดแทนเซลลท์ ตี่ ายลงหรอื เสยี หาย หรอื เปน็ การสรา้ งเซลลส์ บื พนั ธ ์ุ ในขณะทส่ี ง่ิ มชี วี ติ เซลลเ์ ดยี วการแบง่ เซลลเ์ ปน็ การ เพิม่ จ�ำ นวนประชากร

14. จงเตมิ คำ�ทก่ี �ำ หนดใหต้ ่อไปนี้ลงในช่องวา่ งหนา้ ขอ้ ความใหม้ ีความสัมพันธ์กันถกู ต้อง

อินเตอร์เฟส เซลล์พืช เซลลส์ ตั ว์ ไมโทซสิ

ไมโอซิส โพรเฟส I โพรเฟส II เมทาเฟส I

เมทาเฟส II แอนาเฟส I แอนาเฟส II เทโลเฟส

……แอ…น…าเ…ฟส…I….14.1 ระยะที่ฮอมอโลกัสโครโมโซม แยกออกจากกันไปด้านตรงข้ามของ เซลล์

……โพ…ร…เฟ…ส…I….14.2 การแลกเปลีย่ นช้ินสว่ นของโครมาทดิ ……โพ…ร…เฟ…ส…I ….14.3 ระยะท่ีฮอมอโลกัสโครโมโซมเริ่มจับคู่กันและมีการแลกเปล่ียน

ช้นิ สว่ นของโครมาทิด ……ไ…มโ…ท…ซสิ…….14.4 เซลล์ลกู ที่ไดม้ จี �ำ นวนโครโมโซมเท่ากบั เซลลแ์ ม่ ……ไ…ม…โอ…ซสิ…….14.5 เซลล์ลูกทไ่ี ด้มีจำ�นวนโครโมโซมลดลงเปน็ ครงึ่ หนึง่ ของเซลล์แม่

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

250 บทที่ 3 | เซลล์และการท�ำ งานของเซลล์ ชีววทิ ยา เลม่ 1

…อ…ิน…เต…อ…รเ์ …ฟส….14.6 เซลลม์ กี ารจ�ำ ลองตวั ของโครโมโซมโดยสงั เคราะห์DNAขน้ึ มาอกี 1ชดุ ……เซ…ล…ล…พ์ ชื…….14.7 มีการสร้างแผน่ กนั้ เซลลแ์ บ่งเซลล์ออกเป็น 2 เซลล์

15. จากภาพ จงตอบค�ำ ถามใหถ้ กู ตอ้ ง เซนโทรเมียร์ AAa a 15.1 ภาพน้ีมักเกิดในการแบ่งเซลล์แบบ ใด และอยู่ในระยะใดของการแบ่ง BBb b เซลล์ CCc c การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส อยู่ใน ระยะ โพรเฟส I DDd d

15.2 จงวาดโครโมโซมในเซลล์ลูกท่ีได้ หลังจากสิ้นสุดกระบวนการแบ่ง เซลล์อย่างสมบูรณ์ พร้อมระบุยีน บนโครโมโซม

AA a a

Bb Bb

Cc Cc

DD d d

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชวี วิทยา เลม่ 1 บทท่ี 3 | เซลลแ์ ละการทำ�งานของเซลล์ 251

16. จากกราฟแสดงปริมาณ DNA ของเซลล์ชนิดหน่ึงในวฏั จักรเซลล์ จงนำ�ระยะ G1 S G2 M ใส่ลงในกล่องส่เี หล่ียมใตภ้ าพและตอบค�ำ ถามใหถ้ ูกตอ้ ง

ป ิรมาณ DNA ใน ินวเคลียส

G1 S ระยะในวัฏจกั รเซลล์ G2 M

16.1 ระยะท่ีเซลลม์ ีการจำ�ลองตวั ของโครโมโซม คือ ระยะใด ระยะ S

16.2 ระยะทีเ่ ซลลเ์ กิดการสงั เคราะห์ DNA คือ ระยะใด ระยะ S

16.3 ระยะท่มี กี ารแบง่ เซลลแ์ บบไมโทซสิ คือ ระยะใด ระยะ M

16.4 ถา้ พบเซลลจ์ �ำ นวนหนง่ึ มปี รมิ าณ DNA เปน็ ครงึ่ หนง่ึ ของเซลลอ์ น่ื ๆ เซลลช์ นดิ นค้ี วร อยใู่ นระยะใด

ระยะ G1

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ภาคผนวก

254 ภาคผนวก ชีววิทยา เล่ม 1

ตัวอยา่ งเครือ่ งมือวดั และประเมินผล

แบบทดสอบ การประเมินผลด้วยแบบทดสอบเป็นวิธีท่ีนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในการวัดผลสัมฤทธ์ิใน

การเรียนโดยเฉพาะด้านความรู้และความสามารถทางสติปัญญา ครูควรมีความเข้าใจในลักษณะของ แบบทดสอบ รวมทั้งข้อดแี ละข้อจ�ำ กดั ของแบบทดสอบรูปแบบตา่ ง ๆ เพื่อประโยชนใ์ นการสร้างหรอื เลือกใช้แบบทดสอบให้เหมาะสมกับส่ิงท่ีต้องการวัด โดยลักษณะของแบบทดสอบ รวมทั้งข้อดีและ ข้อจ�ำ กดั ของแบบทดสอบรปู แบบตา่ ง ๆ เปน็ ดงั นี้

  1. แบบทดสอบแบบที่มีตัวเลอื ก แบบทดสอบแบบทมี่ ตี วั เลอื ก ไดแ้ ก่ แบบทดสอบแบบเลอื กตอบ แบบทดสอบแบบถกู หรอื ผดิ และ

แบบทดสอบแบบจับคู่ รายละเอยี ดของแบบทดสอบแต่ละแบบเปน็ ดงั นี้ 1.1) แบบทดสอบแบบเลือกตอบ เป็นแบบทดสอบที่มีการกำ�หนดตัวเลือกให้หลายตัวเลือก โดยมีตัวเลือกที่ถูกเพียงหนึ่ง ตวั เลอื ก องคป์ ระกอบหลกั ของแบบทดสอบแบบเลอื กตอบมี 2 ส่วน คือ คำ�ถามและตวั เลอื ก แต่บางกรณีอาจมีส่วนของสถานการณ์เพ่ิมข้ึนมาด้วย แบบทดสอบแบบเลือกตอบมีหลาย รปู แบบ เชน่ แบบทดสอบแบบเลอื กตอบค�ำ ถามเดยี่ ว แบบทดสอบแบบเลอื กตอบค�ำ ถามชดุ แบบทดสอบแบบเลือกตอบค�ำ ถาม 2 ชน้ั โครงสรา้ งดังตัวอยา่ ง

แบบทดสอบแบบเลือกตอบแบบคำ�ถามเด่ียวทไ่ี ม่มสี ถานการณ์

ค�ำ ถาม…………………………………………………………………….

ตวั เลอื ก ก................................................ ข................................................ ค................................................ ง................................................

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชวี วิทยา เลม่ 1 ภาคผนวก 255

แบบทดสอบแบบเลอื กตอบแบบคำ�ถามเด่ยี วทม่ี ีสถานการณ์

สถานการณ…์ …………………………………………………………..

ค�ำ ถาม…………………………………………………………………….

ตัวเลือก ก................................................ ข................................................ ค................................................ ง................................................

แบบทดสอบแบบเลือกตอบแบบค�ำ ถามเปน็ ชดุ

สถานการณ์……………………………………………………………..

คำ�ถามท่ี 1 ……………………………………………………………..

ตวั เลอื ก ก................................................ ข................................................ ค................................................ ง................................................

คำ�ถามที่ 2 ……………………………………………………………..

ตวั เลอื ก ก................................................ ข................................................ ค................................................ ง................................................

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

256 ภาคผนวก ชวี วิทยา เลม่ 1

แบบทดสอบแบบเลอื กตอบแบบค�ำ ถาม 2 ช้ัน

สถานการณ…์ …………………………………………………………..

ค�ำ ถามที่ 1 ……………………………………………………………..

ตวั เลือก ก................................................ ข................................................ ค................................................ ง................................................

คำ�ถามท่ี 2 …(ถามเหตผุ ลของการตอบคำ�ถามท่ี 1)…… …………………………………………………………………………………...... …………………………………………………………………………………......

แบบทดสอบแบบเลือกตอบมีข้อดีคือ สามารถใช้วัดผลสัมฤทธ์ิของนักเรียนได้ครอบคลุมเนื้อหา ตามจดุ ประสงค์ สามารถตรวจใหค้ ะแนนและแปลผลคะแนนไดต้ รงกนั แตม่ ขี อ้ จ�ำ กดั คอื ไมเ่ ปดิ โอกาส ให้นักเรียนได้แสดงออกอย่างอิสระจึงไม่สามารถวัดความคิดระดับสูง เช่น ความคิดสร้างสรรค์ ได้ นอกจากน้นี กั เรียนทีไ่ มม่ คี วามรูส้ ามารถเดาค�ำ ตอบได้

1.2) แบบทดสอบแบบถกู หรือผดิ เปน็ แบบทดสอบทม่ี ตี วั เลอื ก ถกู และผดิ เทา่ นนั้ มอี งคป์ ระกอบ 2 สว่ น คอื ค�ำ สงั่ และขอ้ ความ

ใหน้ กั เรยี นพิจารณาวา่ ถูกหรือผิด ดังตัวอยา่ ง

แบบทดสอบแบบถูกหรือผดิ

ค�ำ ส่ัง ใ ห้พิจารณาวา่ ขอ้ ความต่อไปนถ้ี ูกหรือผิด แล้วใสเ่ ครอื่ งหมาย √ หรือ × หน้าข้อความ

………… 1. ขอ้ ความ……………………………………………..…………………….. ………… 2. ข้อความ……………………………………………..…………………….. ………… 3. ขอ้ ความ……………………………………………..…………………….. ………… 4. ขอ้ ความ……………………………………………..…………………….. ………… 5. ขอ้ ความ……………………………………………..……………………..

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชีววทิ ยา เล่ม 1 ภาคผนวก 257

แบบทดสอบรปู แบบนสี้ ามารถสรา้ งไดง้ า่ ย รวดเรว็ และครอบคลมุ เนอื้ หา สามารถตรวจไดร้ วดเรว็ และใหค้ ะแนนไดต้ รงกนั แตน่ กั เรยี นมโี อกาสเดาไดม้ าก และการสรา้ งขอ้ ความใหเ้ ปน็ จรงิ หรอื เปน็ เทจ็ โดยสมบรู ณ์ในบางเน้อื หาท�ำ ไดย้ าก

1.3) แบบทดสอบแบบจับคู่ ประกอบดว้ ยสว่ นทเี่ ปน็ ค�ำ สงั่ และขอ้ ความ 2 ชดุ ทใี่ หจ้ บั คกู่ นั โดยขอ้ ความชดุ ที่ 1 อาจเปน็ ค�ำ ถาม และขอ้ ความชดุ ที่ 2 อาจเป็นค�ำ ตอบหรอื ตัวเลือก โดยจำ�นวนขอ้ ความในชุดที่ 2 อาจมมี ากกวา่ ในชุด ที่ 1 ดงั ตัวอยา่ ง

แบบทดสอบแบบจบั คู่

คำ�สง่ั ใหน้ ำ�ตัวอกั ษรหน้าขอ้ ความในชดุ ค�ำ ตอบมาเติมในชอ่ งว่างหน้าขอ้ ความในชุดคำ�ถาม

ชุดคำ�ถาม ชดุ ค�ำ ตอบ

……… 1. ………………………………… ก. ………………………………… ……… 2. ………………………………… ข. ………………………………… ……… 3. ………………………………… ค. ………………………………… ง. …………………………………

แบบทดสอบรปู แบบนส้ี รา้ งไดง้ า่ ยตรวจใหค้ ะแนนไดต้ รงกนั และเดาค�ำ ตอบไดย้ ากเหมาะส�ำ หรบั วัดความสามารถในการหาความสัมพันธ์ระหว่างคำ�หรือข้อความ 2 ชุด แต่ในกรณีท่ีนักเรียนจับคู่ผิด ไปแลว้ จะทำ�ใหม้ กี ารจับคผู่ ดิ ในคู่อ่ืน ๆ ดว้ ย

  1. แบบทดสอบแบบเขียนตอบ เป็นแบบทดสอบท่ีให้นักเรียนคิดคำ�ตอบเอง จึงมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นและสะท้อน

ความคดิ ออกมาโดยการเขยี นใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจ โดยทวั่ ไปการเขยี นตอบมี 2 แบบ คอื การเขยี นตอบแบบ เติมคำ�หรือการเขียนตอบอย่างส้ัน และการเขียนตอบแบบอธิบาย รายละเอียดของแบบทดสอบท่ีมี การตอบแต่ละแบบเป็นดังนี้

2.1) แบบทดสอบเขยี นตอบแบบเตมิ ค�ำ หรือตอบอย่างส้นั ประกอบด้วยคำ�สั่ง และข้อความท่ีไม่สมบูรณ์ซึ่งจะมีส่วนท่ีเว้นไว้เพ่ือให้เติมคำ�ตอบหรือ

ขอ้ ความสน้ั ๆ ทท่ี �ำ ใหข้ อ้ ความขา้ งตน้ ถกู ตอ้ งหรอื สมบรู ณ์ นอกจากนแี้ บบทดสอบยงั อาจประกอบดว้ ย สถานการณ์และคำ�ถามที่ให้นักเรียนตอบโดยการเขียนอย่างอิสระ แต่สถานการณ์และคำ�ถามจะเป็น สงิ่ ท่กี ำ�หนดคำ�ตอบใหม้ ีความถกู ตอ้ งและเหมาะสม

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

258 ภาคผนวก ชวี วิทยา เล่ม 1

แบบทดสอบรปู แบบนส้ี รา้ งไดง้ า่ ย มโี อกาสเดาไดย้ าก และสามารถวนิ จิ ฉยั ค�ำ ตอบทน่ี กั เรยี น ตอบผิดเพ่ือให้ทราบถึงข้อบกพร่องทางการเรียนรู้หรือความเข้าใจที่คลาดเคล่ือนได้ แต่การจำ�กัด คำ�ตอบให้นักเรียนตอบเป็นคำ� วลี หรือประโยคได้ยาก ตรวจให้คะแนนได้ยากเน่ืองจากบางครั้งมี คำ�ตอบถูกต้องหรอื ยอมรบั ได้หลายคำ�ตอบ

2.2) แบบทดสอบเขียนตอบแบบอธบิ าย เปน็ แบบทดสอบทตี่ อ้ งการใหน้ กั เรยี นสรา้ งค�ำ ตอบอยา่ งอสิ ระ ประกอบดว้ ยสถานการณแ์ ละ

คำ�ถามท่สี อดคลอ้ งกัน โดยค�ำ ถามเป็นคำ�ถามแบบปลายเปดิ แบบทดสอบรูปแบบนี้ให้อิสระแก่นักเรียนในการตอบจึงสามารถใช้วัดความคิดระดับสูงได้

แต่เนื่องจากนักเรียนต้องใช้เวลาในการคิดและเขียนคำ�ตอบมาก ทำ�ให้ถามได้น้อยข้อ จึงอาจทำ�ให้ วัดได้ไม่ครอบคลมุ เน้ือหาทัง้ หมด รวมท้ังตรวจใหค้ ะแนนยาก และการตรวจให้คะแนนอาจไมต่ รงกนั

แบบประเมนิ ทักษะ

เมื่อนักเรียนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมจริงจะมีหลักฐานร่องรอยที่แสดงไว้ทั้งวิธีการปฏิบัติและ ผลการปฏบิ ตั ิ ซงึ่ หลกั ฐานรอ่ งรอยเหลา่ นนั้ สามารถใชใ้ นการประเมนิ ความสามารถ ทกั ษะการคดิ และ ทกั ษะปฏิบัตไิ ด้เป็นอย่างดี

การปฏบิ ตั กิ ารทดลองเปน็ กจิ กรรมทสี่ �ำ คญั ทใ่ี ชใ้ นการจดั การเรยี นรทู้ างวทิ ยาศาสตร์ โดยทว่ั ไปจะ ประเมิน 2 ส่วน คือ ประเมินทักษะการปฏิบตั กิ ารทดลองและการเขยี นรายงานการทดลอง โดยเคร่อื ง มือทใ่ี ชป้ ระเมนิ ดังตัวอยา่ ง

ตวั อยา่ งแบบสำ�รวจรายการทกั ษะปฏบิ ตั กิ ารทดลอง

รายการที่ตอ้ งส�ำ รวจ ผลการสำ�รวจ

การวางแผนการทดลอง มี ไมม่ ี การทดลองตามข้ันตอน (ระบุจ�ำ นวนคร้งั ) การสงั เกตการทดลอง การบนั ทึกผล การอภปิ รายผลการทดลอง ก่อนลงขอ้ สรปุ

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชวี วิทยา เล่ม 1 ภาคผนวก 259

ตัวอยา่ งแบบประเมินทกั ษะปฏบิ ัตกิ ารทดลองทีใ่ ชก้ ารให้คะแนนแบบแยกองค์ประกอบย่อย

ทกั ษะปฏิบตั กิ ารทดลอง คะแนน

321

การเลอื กใช้อปุ กรณ/์ เลือกใช้อปุ กรณ/์ เลือกใช้อปุ กรณ/์ เลอื กใชอ้ ุปกรณ/์ เคร่อื งมอื ในการทดลอง เครือ่ งมอื ในการทดลองได้ เครื่องมอื ในการทดลองได้ เครื่องมือในการทดลอง ถูกต้องเหมาะสมกบั งาน ถกู ตอ้ งแต่ไม่เหมาะสมกบั ไมถ่ กู ตอ้ ง งาน

การใชอ้ ปุ กรณ/์ ใช้อปุ กรณ/์ เครื่องมอื ใน ใชอ้ ุปกรณ์/เครอ่ื งมอื ใน ใชอ้ ปุ กรณ์/เครื่องมือใน เครื่องมือในการทดลอง การทดลองไดอ้ ยา่ ง การทดลองไดถ้ ูกตอ้ งตาม การทดลองไมถ่ กู ตอ้ ง คลอ่ งแคล่ว และถูกต้อง หลักการปฏบิ ตั ิ แตไ่ ม่ การทดลองตามแผนที่ ตามหลักการปฏิบัติ คลอ่ งแคลว่ ก�ำ หนด ทดลองตามวธิ กี ารและ ทดลองตามวิธกี ารและ ทดลองตามวธิ กี ารและ ขนั้ ตอนทกี่ �ำ หนดไว้อย่าง ขัน้ ตอนท่กี ำ�หนดไว้ มกี าร ข้ันตอนท่ีกำ�หนดไว้หรอื ถูกตอ้ ง มีการปรับปรุง ปรับปรงุ แกไ้ ขบา้ ง ดำ�เนินการขา้ มขัน้ ตอนที่ แกไ้ ขเปน็ ระยะ กำ�หนดไว้ ไม่มีการ ปรับปรงุ แก้ไข

ตัวอยา่ งแบบประเมนิ ทักษะปฏิบตั กิ ารทดลองทีใ่ ช้เกณฑก์ ารให้คะแนนแบบมาตรประมาณคา่

ทักษะทป่ี ระเมิน ผลการประเมนิ

1. วางแผนการทดลองอยา่ งเป็นขั้นตอน 321 2. ป ฏบิ ตั กิ ารทดลองได้อยา่ งคลอ่ งแคล่ว สามารถเลอื กใช้ ระดบั 3 ระดับ 2 ระดับ 1 อุปกรณ์ไดถ้ ูกตอ้ ง เหมาะสม และจดั วางอุปกรณ์เปน็ หมายถึง หมายถึง หมายถึง ระเบียบ สะดวกตอ่ การใช้งาน ปฏบิ ัติได้ ปฏิบตั ิได้ ปฏบิ ตั ไิ ด้ 3. บันทกึ ผลการทดลองได้ถูกตอ้ งและครบถ้วนสมบรู ณ์ 3 ขอ้ 2 ข้อ 1 ขอ้

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

260 ภาคผนวก ชวี วิทยา เล่ม 1

ตัวอย่างแนวทางการใหค้ ะแนนการเขียนรายงานการทดลอง

คะแนน

32 1

เขยี นรายงานตามลำ�ดบั ขนั้ ตอน เขียนรายงานการทดลอง เขียนรายงานโดยลำ�ดบั ขน้ั ตอน ผลการทดลองตรงตามสภาพจรงิ ตามล�ำ ดบั แต่ไม่สือ่ ความหมาย ไม่สอดคลอ้ งกัน และส่ือความหมาย และไม่สือ่ ความหมาย

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ การประเมินจิตวิทยาศาสตร์ไม่สามารถทำ�ได้โดยตรง โดยท่ัวไปทำ�โดยการตรวจสอบพฤติกรรม

ภายนอกทป่ี รากฏให้เห็นในลกั ษณะของค�ำ พดู การแสดงความคิดเหน็ การปฏบิ ัตหิ รอื พฤติกรรมบง่ ช้ี ทส่ี ามารถสงั เกตหรอื วดั ได้ และแปลผลไปถงึ จติ วทิ ยาศาสตรซ์ งึ่ เปน็ สง่ิ ทส่ี ง่ ผลใหเ้ กดิ พฤตกิ รรมดงั กลา่ ว เครื่องมอื ทใี่ ช้ประเมนิ คุณลักษณะดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ ดงั ตัวอย่าง

ตัวอย่างแบบประเมนิ คุณลกั ษณะด้านจติ วทิ ยาศาสตร์

ค�ำ ชี้แจง จงทำ�เคร่ืองหมาย √ ลงในช่องว่างที่ตรงกับคณุ ลักษณะทีน่ กั เรียนแสดงออก โดยจำ�แนกระดับพฤตกิ รรม การแสดงออกเป็น 4 ระดับ ดังน้ี มาก หมายถงึ นักเรียนแสดงออกในพฤติกรรมเหลา่ นั้นอย่างสม�ำ่ เสมอ ปานกลาง หมายถงึ นักเรยี นแสดงออกในพฤติกรรมเหลา่ นัน้ เป็นครง้ั คราว นอ้ ย หมายถึง นกั เรียนแสดงออกในพฤติกรรมเหลา่ นน้ั น้อยครง้ั ไมม่ ีการแสดงออก หมายถึง นักเรียนไมแ่ สดงออกในพฤตกิ รรมเหล่านนั้ เลย

รายการพฤติกรรมการแสดงออก ระดบั พฤติกรรมการแสดงออก

ด้านความอยากรู้อยากเห็น มาก ปานกลาง น้อย ไม่มกี าร 1. น กั เรยี นสอบถามจากผรู้ หู้ รอื ไปศึกษาค้นควา้ เพ่ิมเตมิ แสดงออก เมอ่ื เกดิ ความสงสัยในเรอื่ งราววิทยาศาสตร์ 2. นกั เรยี นชอบไปงานนทิ รรศการวิทยาศาสตร์ 3. นกั เรียนนำ�การทดลองที่สนใจไปทดลองตอ่ ท่ีบ้าน

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชวี วิทยา เล่ม 1 ภาคผนวก 261

รายการพฤตกิ รรมการแสดงออก ระดบั พฤตกิ รรมการแสดงออก

ดา้ นความซอื่ สัตย์ มาก ปานกลาง น้อย ไมม่ กี าร 1. นักเรยี นรายงานผลการทดลองตามทีท่ ดลองได้จรงิ แสดงออก 2. เ มื่อทำ�การทดลองผดิ พลาด นกั เรียนจะลอก

ผลการทดลองของเพือ่ นส่งครู 3. เมื่อครมู อบหมายใหท้ �ำ ช้นิ งานออกแบบส่ิงประดิษฐ์

นักเรยี นจะประดิษฐ์ตามแบบท่ปี รากฏอยู่ในหนงั สือ

ดา้ นความใจกวา้ ง 1. แ ม้ว่านกั เรยี นจะไมเ่ ห็นด้วยกบั การสรุปผลการทดลอง

ในกลุ่ม แตก่ ย็ อมรับผลสรุปของสมาชิกสว่ นใหญ่ 2. ถ ้าเพือ่ นแย้งวธิ ีการทดลองของนกั เรียนและมเี หตผุ ลท่ี

ดกี ว่า นกั เรยี นพรอ้ มท่จี ะน�ำ ขอ้ เสนอแนะของเพื่อนไป ปรับปรงุ งานของตน 3. เมื่องานทีน่ ักเรียนตัง้ ใจและทุ่มเทท�ำ ถูกตำ�หนหิ รอื โต้แย้ง นกั เรียนจะหมดกำ�ลังใจ

ด้านความรอบคอบ 1. น กั เรยี นสรุปผลการทดลองทันทเี ม่อื เสร็จสิน้

การทดลอง 2. น ักเรียนท�ำ การทดลองซ้�ำ ๆ ก่อนทีจ่ ะสรปุ ผล

การทดลอง 3. น กั เรยี นตรวจสอบความพรอ้ มของอุปกรณ์ก่อนทำ�

การทดลอง

ด้านความมงุ่ มัน่ อดทน 1. ถ ึงแม้ว่างานคน้ คว้าทีท่ ำ�อยมู่ ีโอกาสส�ำ เร็จได้ยาก

นักเรียนจะยงั คน้ ควา้ ต่อไป 2. น ักเรียนลม้ เลกิ การทดลองทนั ที เม่อื ผลการทดลอง

ทีไ่ ดข้ ดั จากท่เี คยไดเ้ รยี นมา 3. เมือ่ ทราบวา่ ชุดการทดลองท่นี กั เรยี นสนใจต้องใช้

ระยะเวลาในการทดลองนาน นักเรยี นกเ็ ปลยี่ นไป ศกึ ษาชดุ การทดลองท่ีใชเ้ วลานอ้ ยกวา่

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

262 ภาคผนวก ชวี วิทยา เลม่ 1

รายการพฤตกิ รรมการแสดงออก ระดับพฤตกิ รรมการแสดงออก

เจตคติทด่ี ีต่อวิทยาศาสตร์ มาก ปานกลาง น้อย ไม่มกี าร 1. น ักเรียนนำ�ความรูท้ างวทิ ยาศาสตรม์ าใชแ้ กป้ ญั หาใน แสดงออก

ชวี ติ ประจำ�วันอยูเ่ สมอ 2. นักเรียนชอบท�ำ กิจกรรมท่ีเกี่ยวข้องกบั วทิ ยาศาตร์ 3. น ักเรยี นสนใจตดิ ตามขา่ วสารที่เกี่ยวข้องกับ

วิทยาศาสตร์

วิธีการตรวจให้คะแนน ตรวจใหค้ ะแนนตามเกณฑโ์ ดยก�ำ หนดน�ำ้ หนกั ของตวั เลอื กในชอ่ งตา่ ง ๆ เปน็ 4 3 2 1 ข้อความที่มคี วามหมายเป็นทางบวก ก�ำ หนดให้คะแนนแต่ละขอ้ ความดงั น้ี

ระดบั พฤตกิ รรมการแสดงออก คะแนน

มาก 4

ปานกลาง 3

นอ้ ย 2

ไมม่ ีการแสดงออก 1

สว่ นของขอ้ ความทมี่ คี วามหมายเปน็ ทางลบการก�ำ หนดใหค้ ะแนนในแตล่ ะขอ้ ความจะ

มลี กั ษณะเป็นตรงกันขา้ ม

การประเมินการน�ำ เสนอผลงาน การประเมนิ ผลและใหค้ ะแนนการน�ำ เสนอผลงานใชแ้ นวทางการประเมนิ เชน่ เดยี วกบั การประเมนิ

ภาระงานอ่ืน คือ การใช้คะแนนแบบภาพรวม และการให้คะแนนแบบแยกองค์ประกอบย่อย ดงั รายละเอียดตอ่ ไปนี้

  1. การใหค้ ะแนนในภาพรวม เปน็ การใหค้ ะแนนทต่ี อ้ งการสรปุ ภาพรวมจงึ ประเมนิ เฉพาะประเดน็ หลักที่สำ�คัญ ๆ เช่น การประเมินความถูกต้องของเน้ือหา ความรู้และการประเมินสมรรถภาพ ด้านการเขยี นโดยใช้เกณฑก์ ารให้คะแนนแบบภาพรวม ดังตัวอย่างต่อไปน้ี

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชวี วทิ ยา เล่ม 1 ภาคผนวก 263

ตัวอย่างเกณฑ์การประเมนิ ความถกู ตอ้ งของเนือ้ หาความรู้ (แบบภาพรวม)

รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ

เน้อื หาไมถ่ กู ต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ตอ้ งปรบั ปรุง

เน้ือหาถูกต้องแต่ให้สาระสำ�คัญน้อยมาก และ พอใช้ ไมร่ ะบุแหล่งท่มี าของความรู้

เน้ือหาถกู ตอ้ ง มีสาระส�ำ คญั แต่ยงั ไม่ครบถ้วน มี ดี การระบแุ หลง่ ทม่ี าของความรู้

เน้ือหาถูกต้อง มีสาระสำ�คัญครบถ้วน และระบุ ดีมาก แหลง่ ท่มี าของความรู้ชดั เจน

ตัวอย่างเกณฑ์การประเมินสมรรถภาพดา้ นการเขียน (แบบภาพรวม)

รายการประเมิน ระดับคุณภาพ ตอ้ งปรับปรงุ เขียนสับสน ไม่เป็นระบบ ไม่บอกปัญหาและจุด ประสงค์ ขาดการเชื่อมโยงเน้ือหาบางส่วน พอใช้ ไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ ใช้ภาษาไม่เหมาะสม และสะกดคำ�ไม่ถูกต้อง ไม่อ้างอิงแหล่งท่ีมาของ ดี ความรู้

เขียนเป็นระบบแต่ไม่ชัดเจน บอกจุดประสงค์ ไม่ชัดเจน เน้ือหาถูกต้องแต่มีรายละเอียด ไม่เพียงพอ เน้ือหาบางตอนไม่สัมพันธ์กัน การเรียบเรียบเนื้อหาไม่ต่อเนื่อง ใช้ภาษา ถูกตอ้ ง อา้ งอิงแหล่งทม่ี าของความรู้ เขียนเป็นระบบ แสดงให้เห็นโครงสร้างของ เร่ือง บอกความสำ�คัญและท่ีมาของปัญหา จุดประสงค์ แนวคิดหลักไม่ครอบคลุมประเด็น สำ�คัญทั้งหมด เน้ือหาบางตอนเรียบเรียงไม่ ต่อเนื่อง ใช้ภาษาถูกต้อง มีการยกตัวอย่าง รูปภาพ แผนภาพประกอบ อ้างองิ แหล่งทีม่ าของ ความรู้

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

264 ภาคผนวก ชีววทิ ยา เล่ม 1

รายการประเมิน ระดบั คุณภาพ ดมี าก เขียนเป็นระบบ แสดงให้เห็นโครงสร้างของเร่ือง บอกความส�ำ คญั และทมี่ าของปญั หา จดุ ประสงค์ แนวคิดหลักได้ครอบคลุมประเด็นสำ�คัญท้ังหมด เรียบเรียงเนื้อหาได้ต่อเนื่อง ใช้ภาษาถูกต้อง ชัดเจนเข้าใจง่าย มีการยกตัวอย่าง รูปภาพ แผนภาพประกอบ อา้ งอิงแหล่งทม่ี าของความรู้

  1. การให้คะแนนแบบแยกองค์ประกอบย่อย เป็นการประเมินเพื่อต้องการนำ�ผลการประเมิน ไปใช้พัฒนางานให้มีคุณภาพผ่านเกณฑ์ และพัฒนาคุณภาพให้สูงขึ้นกว่าเดิมอย่างต่อเน่ือง โดยใช้ เกณฑ์ย่อย ๆ ในการประเมินเพ่ือทำ�ให้รู้ท้ังจุดเด่นท่ีควรส่งเสริมและจุดด้อยท่ีควรแก้ไขปรับปรุง การทำ�งานในสว่ นน้ัน ๆ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบแยกองค์ประกอบยอ่ ย มตี ัวอย่างดังน้ี

ตวั อยา่ งเกณฑ์การประเมินสมรรถภาพ (แบบแยกองคป์ ระกอบย่อย)

รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ

ด้านการวางแผน ต้องปรับปรุง พอใช้ ไมส่ ามารถออกแบบได้ หรอื ออกแบบไดแ้ ต่ไม่ ดี ตรงกับประเด็นปัญหาทีต่ ้องการเรียนรู้ ดมี าก ออกแบบการได้ตามประเด็นส�ำ คญั ของปญั หา เปน็ บางสว่ น ออกแบบครอบคลมุ ประเด็นส�ำ คญั ของปญั หา เป็นส่วนใหญ่ แตย่ งั ไมช่ ดั เจน ออกแบบไดค้ รอบคลุมทุกประเด็นส�ำ คญั ของ ปญั หาอย่างเป็นขน้ั ตอนทช่ี ดั เจนและตรงตาม จดุ ประสงคท์ ี่ต้องการ

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชวี วิทยา เลม่ 1 ภาคผนวก 265

รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ ด้านการด�ำ เนนิ การ ต้องปรบั ปรงุ ด�ำ เนนิ การไมเ่ ป็นไปตามแผน ใช้อปุ กรณ์และสอ่ื ประกอบถูกตอ้ งแตไ่ มค่ ล่องแคล่ว พอใช้ ด�ำ เนนิ การตามแผนทว่ี างไว้ ใชอ้ ปุ กรณแ์ ละส่ือ ดี ประกอบถกู ตอ้ งแต่ไม่คล่องแคล่ว ด�ำ เนินการตามแผนท่ีวางไว้ ใช้อปุ กรณ์และสือ่ ดมี าก ประกอบการสาธติ ไดอ้ ยา่ งคลอ่ งแคลว่ และเสรจ็ ทันเวลา ผลงานในบางขั้นตอนไม่เป็นไปตามจุด ต้องปรบั ปรุง ประสงค์ พอใช้ ด�ำ เนนิ การตามแผนทว่ี างไว้ ใชอ้ ุปกรณ์และสื่อ ดี ประกอบไดถ้ ูกต้อง คล่องแคลว่ และเสรจ็ ทัน ดีมาก เวลา ผลงานทกุ ขัน้ ตอนเปน็ ไปตามจุดประสงค์ ดา้ นการอธบิ าย อธิบายไม่ถกู ต้อง ขัดแยง้ กบั แนวคดิ หลักทาง วิทยาศาสตร์ อธิบายโดยอาศยั แนวคดิ หลกั ทางวิทยาศาสตร์ แต่การอธบิ ายเปน็ แบบพรรณนาทวั่ ไปซ่ึงไม่ ค�ำ นงึ ถงึ การเช่ือมโยงกบั ปัญหาทำ�ให้เขา้ ใจยาก อธิบายโดยอาศยั แนวคิดหลักทางวิทยาศาสตร์ ตรงตามประเดน็ ของปัญหาแต่ขา้ มไปในบางขัน้ ตอน ใชภ้ าษาได้ถูกตอ้ ง อธบิ ายตามแนวคดิ หลักทางวิทยาศาสตร์ ตรง ตามประเด็นของปญั หาและจุดประสงค์ ใช้ ภาษาได้ถูกต้องเข้าใจงา่ ย ส่อื ความหมายได้ ชดั เจน

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

266 บรรณานุกรม ชีววิทยา เล่ม 1

บรรณานกุ รม

กระทรวงพลงั งาน. (2554). พระบิดาแหง่ การพฒั นาพลังงานไทย (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: สำ�นักนโยบายและยทุ ธศาสตร์ สำ�นกั งานปลดั กระทรวงพลังงาน.

ราชบัณฑติ ยสถาน. (2546). ศพั ทว์ ทิ ยาศาสตร์ องั กฤษ-ไทย ไทย-องั กฤษ ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน (พมิ พค์ รงั้ ที่ 5 แกไ้ ขเพ่มิ เตมิ ). กรงุ เทพฯ : หา้ งห้นุ สว่ นจ�ำ กดั อรณุ การพมิ พ์.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย.ี (2558). หนงั สือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ชีววิทยา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4–6 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ส�ำ หรบั นกั เรยี นทเ่ี นน้ วทิ ยาศาสตร์ ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 (พิมพค์ รง้ั ท่ี 9). กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพรา้ ว.

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลย.ี (2558). หนังสือเรยี นรายวชิ าเพ่มิ เตมิ ชีววทิ ยา เลม่ 1 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4-6 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ตามหลกั สตู ร แกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (พมิ พ์คร้งั ท่ี 9). กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.

ส�ำ นกั งานราชบณั ฑิตยสภา. (2560). พจนานกุ รมศพั ท์พันธศุ าสตร์ ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสภา (พิมพค์ รัง้ ท่ี 1). กรงุ เทพฯ : หา้ งหุ้นสว่ นจำ�กดั อรณุ การพิมพ.์

Appling, D. R., Anthony-Cahill, S. J., Mathews, C. K. (2016). Biochemistry Concepts and Connections (Global ed). London: Pearson Education Limited.

Campbell, N. A., Urry, L. A., Cain, M. L., Wasserman, S. A., Minorsky, P. V., & Reece, J. B. (2018). Biology: A global approach (11th ed). New York: Pearson Education Limited.

Griffiths, A. J. F., Susan R. W., Sean B. C., & John D. (2012). Introduction to genetic analysis (10th ed). New York: W.H. Freeman and Company.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชีววทิ ยา เลม่ 1 บรรณานุกรม 267

Hardin, J., and Bertoni, G. (2016). Becker’s World Of The Cell (9Th Ed). Boston: Pearson Education, Inc.

Mader, S. S., and Windelspecht, M. (2016). Biology (12th ed). New York: McGraw-Hill Education.

Campbell, M.K. and Farrell, S.O. (2008). Biochemistry (6th ed). Canada: Nelson Education Limited.

Moran, L. M., Horton, R. A., Scrimgeour, G., Perry, M. (2014). Principles of Biochemistry (5th ed). London: Pearson Education Limited.

Audesirk, T., Audesirk G. and Byers, B.E. (2008). Biology : Life on Eearth with Physiology (8th ed). New York: Pearson Education Limited.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

268 ที่มาของรปู ชีววทิ ยา เล่ม 1

ทม่ี าของรูป รปู (หนา้ ) - เซลลป์ ระสาท (หน้าปก) ที่มา - ส ไปโรไจราภายใตก้ ลอ้ งจุลทรรศนใ์ ช้แสงเชงิ เอ้อื เฟื้อโดย ศ.ดร.ไพศาล สทิ ธกิ รกุล คณะวทิ ยาศาสตร์ ประกอบ (147) มหาวทิ ยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชีววทิ ยา เลม่ 1 คณะกรรมการจัดท�ำ คมู่ ือครู 269

คณะกรรมการจัดทำ�ค่มู ือครู รายวชิ าเพม่ิ เติมวิทยาศาสตร์ ชวี วิทยา เลม่ 1 ตามผลการเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)

ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานพทุ ธศักราช 2551

คณะที่ปรึกษา ผู้อำ�นวยการ 1. ดร.พรพรรณ ไวทยางกรู สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รองผอู้ �ำ นวยการ 2. รศ.ดร.สญั ญา มติ รเอม สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คณะผ้จู ัดท�ำ คมู่ อื ครู รายวชิ าเพ่มิ เติมวิทยาศาสตร์ ชีววิทยา ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 เล่ม 1

1. รศ.ดร.ธรี พงษ์ บัวบชู า จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 2. ดร.วนดิ า ธนประโยชนศ์ กั ด ิ์ ผชู้ ่วยผู้อำ�นวยการ 3. ศ.ดร.ไพศาล สทิ ธกิ รกลุ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4. นายธีรพฒั น์ เวชชประสทิ ธิ์ ผเู้ ชีย่ วชาญพเิ ศษ 5. รศ.ดร.วีระวรรณ สทิ ธกิ รกุล สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 6. นางเพช็ รรัตน์ ศรีวิลัย ผู้อ�ำ นวยการสาขาวทิ ยาศาสตรม์ ัธยมศึกษาตอนปลาย 7. ผศ.ดร.พัชนี สงิ หอ์ าษา สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 8. นายณรงค์ พ่วงศร ี ผเู้ ช่ียวชาญ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ผู้เชีย่ วชาญ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ผชู้ �ำ นาญ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ผู้ชำ�นาญ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

270 คณะกรรมการจดั ท�ำ คมู่ ือครู ชีววทิ ยา เล่ม 1

9. ดร.ปารวรี ์ เล็กประเสริฐ นักวชิ าการอาวุโสสาขาวิทยาศาสตร์มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 10. นางสาววิลาส รตั นานกุ ลู สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 11. ดร.ขวัญชนก ศรทั ธาสขุ นักวชิ าการสาขาวิทยาศาสตร์มัธยมศึกษาตอนปลาย 12. ดร.ภัณฑิลา อดุ ร สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 13. นางสาวปาณิก เวียงชยั นักวชิ าการสาขาวิทยาศาสตร์มัธยมศกึ ษาตอนปลาย สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี นักวชิ าการสาขาวทิ ยาศาสตรม์ ัธยมศกึ ษาตอนปลาย สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี นกั วชิ าการสาขาวิทยาศาสตร์มธั ยมศึกษาตอนปลาย สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คณะผ้รู ว่ มพจิ ารณาคูม่ ือครู รายวิชาเพมิ่ เตมิ วิทยาศาสตร์ ชีววทิ ยา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 เล่ม 1

1. รศ.ดร.ศภุ จติ รา ชัชวาลย ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั

2. ผศ.ดร.ชัชวาล ใจซอื่ กลุ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั

3. ผศ.ดร.มานิต คิดอยู ่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

4. ผศ.ดร.รัชนีกร ธรรมโชต ิ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย

5. อ.ดร.กิตตคิ ณุ วังกานนท์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั

6. นายวรี ะเดช ค�ำ ถาวร โรงเรยี นหอวัง กรงุ เทพมหานคร

7. นางถนิมาภรณ์ ตง้ั ตรยั รตั นกลุ โรงเรียนเตรยี มอดุ มศึกษา กรุงเทพมหานคร

8. นายสรุ เดช ศรีทา โรงเรยี นสาธิตแห่งมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์

กรงุ เทพมหานคร

9. นางสาวนิภากรณ์ เกิดอน้ โรงเรยี นโยธินบูรณะ กรุงเทพมหานคร

10. นายชัยยศ นมุ่ กลิ่น โรงเรียนศรบี ุณยานนท์ จ.นนทบุรี

11. นางศิรพิ ร ชนะพาล โรงเรียนจอมสรุ างค์อุปถมั ภ์ จ.อยธุ ยา

12. นายสิปป์แสง สุขผล โรงเรียนรัตนโกสนิ ทร์สมโภช จ.นครปฐม

13. นางสาววริ ญั ญา สขุ มี โรงเรยี นพทั ลุง จ.พัทลงุ

14. นายอนรุ ทุ ธ์ิ หมีดเส็น โรงเรยี นจุฬาภรณราชวิทยาลยั จ.นครศรธี รรมราช

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชีววิทยา เล่ม 1 คณะกรรมการจัดท�ำ ค่มู ือครู 271

15. นางวรรณวภิ า เบญจเลศิ ยานนท ์ โรงเรยี นเฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระศรนี ครนิ ทร์ ภเู กต็ จ.ภเู กต็