สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ สวมสร้อยนี้ออกงานที่สหรัฐอเมริกามาก่อนเกิดคดีเพชรซาอุถึง ๒๒ ปี จะมีใครขโมยเพชรซาอุ ในปี ๓๒ แล้วย้อนเวลาไปถวายสมเด็จฯ ในปี ๑๐ ? อ่านใหม่ช้าๆ ชัดๆ ............................................................................ เรื่องราวเป็นอย่างไร ผมจะเล่าให้ฟัง ............................................................................ ในครั้งนั้นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงสวม(ภาษาชาวบ้านเรียกว่า)สร้อยคอที่เรียกว่า “สร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน” สร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงินนี้เป็นมรดกตกทอด เป็นเครื่องเพชรประจำพระราชวงศ์จักรี ซึ่งเป็นของ”สมเด็จพระพันปีหลวง”(สมเด็จย่าของในหลวงรัชกาลที่ 9) ตามหลักฐานจากไดอารี่ส่วนพระองค์ของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งถูกพิมพ์เป็นหนังสือชื่อ “ความทรงจำในการตามเสด็จทางราชการ” โดยทรงบันทึกไว้ตอนที่พระองค์เสด็จเยือนสหรัฐอเมริกาและแคนาดาอย่างเป็นทางการ เมื่อปีพ.ศ.๒๕๑๐ มีใจความระบุความตอนหนึ่งระบุว่า… “คืนนั้น ข้าพเจ้าได้สวมสร้อยพระศอ ซึ่งเป็นของเก่าของสมเด็จพระพันปีหลวง…” ............................................................................ สมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า Queen mother นั้นคือ ภรรยาม่ายของ”พระมหากษัตริย์รัชกาลก่อน” และเป็นพระราชมารดาของพระมหากษัตริย์รัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีหรือสมเด็จย่าของปวงชนชาวไทย ไม่ได้ทรงเป็น ภรรยาม่ายของพระมหากษัตริย์รัชกาลก่อน แต่เป็นภรรยาม่ายของเจ้าฟ้าผู้ซึ่งเป็นพระราชโอรสพระมหากษัตริย์ ตำแหน่ง”สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี”เป็นตำแหน่งใหม่ตำแหน่งเดียวในราชวงศ์จักรี และมีสมเด็จย่าพระองค์เดียวที่ทรงดำรงตำแหน่งนี้ ดังปรากฏอยู่ในข้อความดังต่อไปนี้ ซึ่งเราจะเห็นว่าในสำเนาพระสุพรรณบัฏนั้นไม่ปรากฏสร้อยพระนามพระพันปีหลวงแต่อย่างไร เพราะฉะนั้นประวัติของ”สร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน” ที่ระบุว่าเป็นของ”สมเด็จพระพันปีหลวง” นั้น ”สมเด็จพระพันปีหลวง”พระองค์นี้คือ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชินีในรัชกาลที่ ๕ หรือไม่ก็ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ผู้ที่เป็นสมเด็จย่าของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไม่ใช่สมเด็จแม่ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ แต่อย่างใด ศัพท์คำว่า “พระพันปี” และ “พระพันวัสสา” ต่างก็มีความหมายตรงกันว่า อายุพันปี ในเอกสารที่บันทึกเรื่องราวของชาวอยุธยาที่ได้ถูกกวาดต้อนไปยังกรุงอังวะที่ราชสำนักราชวงศ์คองบองจดบันทึกก็ปรากฏกษัตริย์อยุธยาพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า “พระพันวรรษา” แล้วในเวลาต่อมามีการยกสถานะขึ้น โดยได้เติมคำว่า “หลวง” ท้ายคำ “พระพันปี”เป็น “พระพันปีหลวง” ............................................................................ สมัยรัชกาลที่ ๕ ประเทศไทยรุ่งเรืองมาก ทำไมถึงจะไม่มีเครื่องประดับระดับนี้ ซึ่งพูดด้วยภาษาชาวบ้านได้ว่า “สร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน” เป็นสร้อยคอประจำตระกูล ที่ตกทอดมาถึงสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ............................................................................ แต่มีชาวอเมริกันที่มีนิสัยชอบดูถูกประเทศเล็กๆ ที่ด้อยพัฒนากว่า จึงกังขาว่าพระราชินีประเทศเล็กๆในเอเซีย จะทรงมีเครื่องเพชรแบบนั้นได้ด้วยหรือ แล้วในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง (ลองนึกภาพละครย้อนยุคประกอบไปจะได้อรรถรสเพิ่มขึ้นนะ) ก็มีแขกคนสำคัญคนหนึ่งในงานกล่าวถาม ม.จ. วิภาวดี รังสิต นางสนองพระโอษฐ์ (ยศในขณะนั้น-พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต) ด้วยจิตใจที่ไม่บริสุทธิ์และความสอดรู้สอดเห็นว่า “ เอ้อ…สร้อยพระศอที่พระราชินีของท่านทรงอยู่นั้น คงเพิ่งซื้อใหม่จากปารีสละมัง” หม่อมเจ้าวิภาวดี ทรงตอบว่า “เอ๊ะ! นี่ท่านไม่รู้หรอกหรือว่า เมืองไทยของฉันมีอายุกว่า ๗๐๐-๘๐๐ ปีแล้ว พระราชวงศ์จักรีก็มีมาตั้งเกือบสองศตวรรษ เราจึงมีเครื่องเพชรประจำพระราชวงศ์บ้าง ไม่เห็นจะต้องซื้อของใหม่ราคาแพงมาใช้เลย” ............................................................................ ในประวัติศาสตร์ของเครื่องประดับที่มีชื่อนั้น มีเพชรเม็ดยักษ์ของ ราชวงศ์ฝรั่งเศส ที่ชื่อว่า French Blue (Le bleu de France) ที่โดดเด่นและโด่งดัง แต่สูญหาย ตั้งแต่สมัยปฎิวัติฝรั่งเศส แล้วในเวลาต่อมาปรากฎอีกครั้งในประเทศอังกฤษ โดยเพ็ชรเม็ดใหญ่ที่ชื่อ French Blue ถูกตัดแบ่งออกจนกลายเป็น Hope Diamond ของฝรั่งเศส Hope Diamond มีหน้าตายังไง? จึงไม่ต้องแปลกใจ ว่าทำไมชาวอเมริกันในยุค ปีพ.ศ.๒๕๑๐ จึงตกตะลึงและเข้าใจผิดว่าสร้อยพระศอที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงสวมใส่อยู่นั้นอาจได้มาจากปารีส ปัจจุบัน เพชร Hope Diamond เม็ดนั้น อยู่ในพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ............................................................................ พอมาถึงปี พ.ศ.๒๕๓๒ ที่เกิดเหตุการณ์ “โจรกรรมเครื่องเพชรราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย”“สร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน" ก็ถูกสงสัยและใส่ความอีกว่าเป็นเพชรอันโด่งดังและอื้อฉาวที่ถูกขโมยมาจากซาอุฯ สีน้ำเงินเหมือนกัน แต่”ไพลิน” กับ “เพชร” เป็นคนละอย่างกัน ............................................................................ แต่โดนพวกผู้ไม่หวังดีจับแพะมาชนแกะ เพื่อสร้างความเสื่อมเสียในราชวงศ์จักรีและชาติไทย ว่าเป็นชิ้นเดียวกันที่ถูกขโมย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คดีเพ็ชรบลูไดม่อนในปี ๒๕๓๒ จะย้อนเวลาไปปรากฏในปี ๒๕๑๐ ประเทศไทยมีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า ๗๐๐ ปี เฉพาะราชวงศ์จักรีก็มีอายุมากกว่า ๒๐๐ ปี ราชวงศ์จักรีมีอายุยาวนานย่อมมีศักดิ์ศรีและไม่ได้ยากจนขนาดที่ไม่มีเครื่องเพ็ชรนินจินดาจนต้องซื้อของโจร |