ส่งเมลสมัครงานควรส่งอะไรบ้าง

How To เขียนอีเมลสมัครงานภาษาอังกฤษ

แบบที่ไม่โดน HR ปัดตก

ไม่ว่าบริษัทไหน ๆ จะไทยหรือต่างชาติ การส่งอีเมล์สมัครงานในรูปแบบของภาษาอังกฤษก็ดูจะเป็นเรื่องพื้นฐานที่เราต้องเจออยู่เสมอ ส่วนหนึ่งก็เพื่อดูว่าผู้สมัครสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้เหมาะสมมากน้อยแค่ไหน

แต่สำหรับใครที่ยังใช้ภาษาอังกฤษไม่คล่อง และไม่มั่นใจเวลาที่ต้องเขียนอีเมล์แบบทางการ โพสต์นี้ Globish มี How To แบบง่าย ๆ สำหรับการเขียนอีเมลสมัครงานภาษาอังกฤษ แบบที่เพื่อน ๆ วัยทำงานจะไม่เสี่ยงโดน HR ปัดตกตั้งแต่รอบแรก มาฝากกันค่ะ

ถ้าอยากเก่งอังกฤษยิ่งขึ้นไปอีก สามารถดูวิธีการพัฒนาภาษาได้ที่ คลิก

ส่งเมลสมัครงานควรส่งอะไรบ้าง

1) ระบุชื่ออีเมล์ให้ชัดเจน ให้รู้ว่าส่งมาเพื่อสมัครงาน

เช่น Apply for (ชื่อตำแหน่ง) Position - (ชื่อ-นามสกุล)

หรือ Job Application: (ชื่อตำแหน่ง) - (ชื่อผู้สมัคร)

2) ใส่ชื่อผู้รับ ตำแหน่ง และบริษัทให้ถูกต้อง

เช่น Mr./Mrs./Ms. (ชื่อ-นามสกุล)
Human Resources Manager
XYZ Company

3) เปิดประโยคให้สุภาพ (Dear Mr. / Mrs. / Ms. (ชื่อผู้รับ)

อย่าใช้ Hello / Hi หรือ Good Morning

4) เขียนแนะนำตัวคร่าว ๆ ให้ดูน่าสนใจ

เช่น
เหตุผลที่สมัครตำแหน่งนี้, คุณสมบัติตัวเองแบบสั้น ๆ เช่น I am writing to apply for the (ชื่อตำแหน่ง) position advertised in the JobsDB. The opportunity presented in this job description is very interesting, and I believe that my experience and my educational background will make me a very competitive candidate for this position.

5) ก่อนจบอีเมล อย่าลืมบอกช่องทางการติดต่อกลับ

เช่น I can be reached anytime via email at or my cell phone, 099-123-4567.

6) ลงชื่อจบให้เหมาะสม เช่น Best regards, หรือ Yours sincerely,

(ไม่ควรใช้ Thank you)
จากนั้นลงท้ายด้วยชื่อ-นามสกุลของคุณ
เช่น Best regards,
(ชื่อ-นามสกุล)

*เพิ่มเติม

ใช้ชื่ออีเมล์ที่เป็นทางการ (อาจเป็นชื่อตัวคุณเอง)
เพื่อเพิ่มความเป็นมืออาชีพ จะได้ไม่เสี่ยงโดนปัดตก!

เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มความโปร พูดโฟลว์ได้อย่างมั่นใจ ได้ที่ Globish คอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดสำหรับวัยทำงาน พิสูจน์แล้วจากผู้เรียนกว่า 10,000 คน ว่าพูดได้จริง ไม่ใช่แค่ท่องจำ

วัดระดับภาษาอังกฤษ คลิก

ส่งเมลสมัครงานควรส่งอะไรบ้าง

สำหรับใครหลายคนโดยเฉพาะเด็กจบใหม่ที่กำลังมองหางานประจำ ส่งอีเมลสมัครงานไปกี่ครั้งเค้าก็เรียกสัมภาษณ์ทุกครั้ง ถ้าคุณเกิดเบื่อความสำเร็จในลักษณะนี้ ลองมาดู 10 วิธีการส่งอีเมลสมัครงานอย่างไรให้ “ไม่ได้งาน” กันบ้าง

ในครั้งนี้ทีมงานได้ไปลงพื้นที่พูดคุยกับหัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลที่มีประสบการณ์ทำงานมากว่า 100 ปี รวมไปถึงผ่านการอ่านอีเมลสมัครงานมาแล้วนานกว่า 200 ปี เดี๋ยวเราจะพาทุกท่านไปดูกันว่าการส่งอีเมลสมัครงานแบบไหนที่ไม่ดี

1. ส่งอีเมลผิดบริษัท/ผิดคน

ส่งเมลสมัครงานควรส่งอะไรบ้าง

การส่งอีเมลสมัครงานผิดบริษัท โดยเขียนเนื้อหาอีเมลถึงบริษัทหนึ่ง แต่ไปใส่ชื่ออีเมลของอีกบริษัท แสดงถึงความสะเพร่าขั้นรุนแรงจนทำให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลแทบจะไม่รับพิจารณาคุณเข้ามาเลย

ข้อนี้จะยิ่งได้ผลมาก ถ้าหากคุณส่งอีเมลไปหาบริษัทคู่แข่ง นั่นจะทำให้เขาเข้าใจว่าคุณตั้งใจจะส่งใบสมัครไปหาทั้งสองบริษัท บริษัทไหนให้ข้อเสนอดีก็เอาอันนั้น รับรองว่านอกจากเขาจะไม่รับเราแล้ว เราจะถูกเข้าไปใน Black List อีกด้วย

2. Attach File ให้ผู้รับไม่อยากโหลด

ส่งเมลสมัครงานควรส่งอะไรบ้าง

การแนบไฟล์ก็เป็นเรื่องสำคัญนะครับ โดยปกติแล้วเราควรตั้งชื่อไฟล์ให้ชัดเจน เปิดผ่านโทรศัพท์ได้สะดวก รวมไปถึงไม่ควร Compress หรือบีบอัดไฟล์ให้เป็น .zip หรือ .rar และขนาดไฟล์ต้องกระทัดรัด ถ้าจำเป็นต้องแนบไฟล์ใหญ่จริงๆ ให้ใช้บริการที่เป็นมาตรฐานอย่าง wetransfer, Google Drive เป็นต้น

ดังนั้นสิ่งที่คุณควรทำเพื่อไม่ให้เค้ารับเข้าทำงานคือต้องตั้งชื่อไฟล์ประหลาดๆ หรือชื่อไฟล์ที่ไม่สื่อถึงเนื้อหาของไฟล์ อย่าลืม Compress ไฟล์ด้วยนามสกุลที่เปิดยากๆ หน่อย และลองทำให้ไฟล์ใหญ่มากๆ ถ้าจะให้ดีก็แนบหนังเผื่อไปสักเรื่อง

3. ใช้ชื่ออีเมลประหลาดๆ ไปเลย

ส่งเมลสมัครงานควรส่งอะไรบ้าง

การสร้างอีเมลด้วยชื่อและนามสกุลของเจ้าของดูจะเป็นเรื่องธรรมดาและออกจะดูเป็นทางการเกินไป การตั้งชื่ออีเมลสำหรับสมัครงานไม่ได้งานนั้นควรจะเป็นอีเมลเกรียนๆ ดูแล้วเหมือนเด็กๆ เอาไว้สมัครเกมออนไลน์ เช่น หรือ อะไรอย่างนี้เป็นต้น ชื่อเหล่านี้จะแสดงถึงความไม่ใส่ใจและไม่เป็นมืออาชีพ คุณจะถูกปรับตกอย่างแน่นอน

4. อย่าลืมสะกดคำให้ผิดบ้าง

ส่งเมลสมัครงานควรส่งอะไรบ้าง

การเขียนเนื้อหาสมัครงานโดยทั่วไปต้องมีความรอบคอบละเอียด ต้องตรวจคำผิดหลายครั้งก่อนกดส่ง แต่การสมัครงานของเราควรยกระดับไปอีกขั้น คือ การใส่คำสะกดผิดลงไปด้วย ยิ่ง คะ/ค่ะ ห้ามพิมพ์ถูกเด็ดขาด และถ้าจะให้ดีก็ใช้ภาษาสก๊อยไปเลย รับรองว่านอกจากจะไม่ได้งานแล้ว ฝ่ายบุคคลจะอารมณ์เสียไปทั้งวัน

5. เนื้อหาอีเมลใช้คำเหมือนคุยกับเพื่อน

ส่งเมลสมัครงานควรส่งอะไรบ้าง

การสมัครงานโดยทั่วไปไม่ว่าจะตำแหน่งอะไร หรือเขียนถึงใคร เนื้อหาในอีเมลจะต้องสุภาพและเป็นทางการ ประหนึ่งว่าเรากำลังคุยกับบุคคลที่อายุมากกว่าเราสิบปี การใช้เนื้อหาในอีเมลด้วยความเป็นกันเองมากเกินไปเหมือนคุยกับเพื่อน เพราะคิดว่าตัวเองน่ารักคิกขุ จึงต้องใช้ความเป็นวัยรุ่นแสดงความแตกต่าง อาจจะถูกปรับตกได้อย่างง่าย

6. ส่งอีเมลทีเดียวให้ครบทุกบริษัท

ส่งเมลสมัครงานควรส่งอะไรบ้าง

การสมัครงานแบบตรงไปตรงมาคือการค่อยๆ ส่งอีเมลถึงแต่ละบริษัทแบบ one by one ซึ่งการทำแบบนี้ทำให้ลดความผิดพลาดในการส่งไปได้แทบ 100% แต่อะไรช้าๆ แบบนั้นเราไม่ชอบ ส่งเมลรวดไปเลยให้ครบทุกบริษัทที่เราต้องการสมัครงาน ถึงแม้บางบริษัทจะเป็นคู่แข่งกันก็ตาม

ซึ่งถ้าเราทำไม่ดีบางทีก็จะทำให้เขียนชื่อบริษัทผิดบ้าง ลืมลบนู่นนี่บ้าง ความโป๊ะทั้งหลายเหล่านี้ฝ่ายบุคคลบอกว่าเจอบ่อยมาก และค่อนข้างทำให้อารมณ์บูดได้อย่างดี

7. ใช้ภาพถ่ายชิคๆ คูลๆ เห็นหน้าไม่ต้องชัด

ส่งเมลสมัครงานควรส่งอะไรบ้าง

การส่งภาพตรงชัดเจนเพื่อใช้ในการสมัครงานเป็นเรื่องปกติที่ทำให้ผู้ที่อ่านแฮปปี้ แต่ถ้าจะเอาให้สนุกต้องส่งภาพที่เห็นไม่ครบทั้งหน้า อาจจะหันซ้าย หันขวา ครอปให้ตกเฟรม หรือถ่ายรูปถอดเสื้อโชว์กล้ามก็แล้วแต่ชอบ

ถ้าอยากให้เค้าเห็นว่ามีเพื่อนเยอะก็อาจจะถ่าย Selfie กับเพื่อนสัก 20 คนก็ได้ ทำให้ฝ่ายบุคคลต้องมานั่งเดาว่าไอ้คนที่ส่งมามันอยู่ตรงไหน

8. Portfolio หรือ Resume โง่ๆ ก็พอแล้ว

ส่งเมลสมัครงานควรส่งอะไรบ้าง

การทำ Portfolio หรือ Resume ให้สวยงาม รายละเอียดครบถ้วน จัดเลย์เอาท์ดี อ่านง่าย เป็นเรื่องสำหรับคนที่ตั้งใจสมัครงานแล้วถูกเรียกสัมภาษณ์ ดังนั้นเราไม่ต้องแนบอะไรที่มันดูดีไปหรอก เอาแค่ภาพถ่ายง่ายๆ เขียนอธิบายสองบรรทัดก็พอแล้ว

9. ตั้ง Subject ประหลาดๆ แค่เห็นก็ไม่อยากคลิก

ส่งเมลสมัครงานควรส่งอะไรบ้าง

Subject หรือหัวเรื่องที่ดีคือองค์ประกอบของประโยคที่อ่านแล้วเข้าใจทันทีว่าต้องการสมัครงานที่บริษัทอะไร ในตำแหน่งไหน ซึ่งการทำอะไรแปลกๆ เพื่อเป็นการท้าทายฝ่ายบุคคลบ้างก็สนุกดี อย่างเช่นใส่ Subject ประมาณว่า “คลิกเข้าไปสิจ๊ะ จะได้รู้”, “สวัสดี รับเราสิ” อะไรประมาณนี้ การครีเอทีฟข้อความประหลาดใน Subject ทำให้เราสอบตกง่ายขึ้นแน่นอน