นัด สัมภาษณ์ งาน แต่ ไม่ ไป

  • รีบแจ้งไปยังบริษัทให้เร็วที่สุดว่าคุณจะไปถึงสายกว่าเวลานัด และถามว่าคนที่จะสัมภาษณ์นั้นยังสะดวกในเวลาที่คุณคาดว่าจะไปถึงหรือไม่
  • ขอโทษสำหรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจ และอธิบายถึงสาเหตุตามความเป็นจริง
  • ตั้งสติและตรวจความเรียบร้อยของตัวเองให้ดีก่อนเข้าไปยังบริษัท
  • ตอบคำถามช่วงสัมภาษณ์ให้ออกมาดีที่สุด แสดงศักยภาพให้เต็มที่ เพราะคุณเสียคะแนนในเรื่องความตรงต่อเวลาไปแล้ว และเผื่อใจไว้ด้วยว่าคุณอาจมีเวลาสัมภาษณ์ลดลง เนื่องจากการมาสายของคุณเอง

ให้ Jobs Near Me ใน JobThai Mobile Application ช่วยคำนวณระยะทาง วิธีเดินทาง เวลา และค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้สิ ดาวน์โหลดฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

iOS

Android

ถ้าบริษัทที่เราใฝ่ฝันอยาทำงานด้วยโทรมานัดเราไปสัมภาษณ์ แต่ดันเกิดเรื่องไม่คาดคิดจนทำให้ไปสายทั้ง ๆ ที่วางแผนการเดินทางและเผื่อเวลามาดีแล้ว คุณจะยอมแพ้กลับบ้าน หรือเดินหน้าต่อ?

จริงที่ว่าการไปสายไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเกิดขึ้นในวันสัมภาษณ์งานเลย แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะทำให้เราหมดโอกาสที่จะได้งานในบริษัทที่หมายตาเอาไว้เสมอไป และถ้าคุณมั่นใจว่าคุณสมบัติและความสามารถที่มีนั้นมีมากพอ และเลือกที่จะเดินหน้าต่อแล้วล่ะก็ JobThai มีคำแนะนำที่จะช่วยให้การตัดสินใจเสี่ยงของคุณไม่เสียเปล่ามาฝาก

แจ้งบริษัททันทีที่รู้ตัวว่าสายแน่

ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่าการผิดนัดสัมภาษณ์งานโดยที่ผู้สมัครไม่แจ้งอะไรกับบริษัทเลย ดังนั้นเมื่อรู้ตัวว่าจะไปถึงบริษัทสายแน่ ๆ สิ่งที่ต้องทำทันทีก็คือการโทรไปแจ้งบริษัทให้เร็วที่สุด โดยกล่าวขอโทษและบอกถึงสาเหตุและเวลาที่คาดว่าจะไปถึง แล้วถามเขาว่าผู้สัมภาษณ์ยังสะดวกที่จะสัมภาษณ์ในช่วงเวลาที่เราไปถึงไหม ถ้าไม่ก็ขอเลื่อนเวลาหรือวันสัมภาษณ์ออกไป มันจะทำให้เขาเห็นว่าเราตั้งใจอยากจะทำงานที่นี่จริง ๆ และให้ความสำคัญกับเวลาของผู้สัมภาษณ์ ซึ่งอาจนำความรู้สึกดี ๆ กลับมาได้บ้าง

แต่ยังไงก็ตาม เราต้องไม่ลืมว่าการไปสัมภาษณ์สายอาจเป็นเรื่องที่บางบริษัทรับไม่ได้ และเราต้องพร้อมที่จะรับคำปฏิเสธ และการยกเลิกสัมภาษณ์จากเขาด้วย

ขอโทษอย่างจริงใจ อย่าปล่อยผ่านไปเฉย ๆ

การยอมรับผิดและพูดความจริงคือสิ่งที่ดีที่สุดเมื่อเราทำอะไรผิดพลาดลงไป ในกรณีที่ไปสัมภาษณ์งานสายก็เหมือนกัน เมื่อมาถึงบริษัทเราควรที่รีบขอโทษ และแสดงออกถึงความรู้สึกผิดอย่างจริงใจ อย่าทำเป็นลืม หรือปล่อยผ่านไปเฉย ๆ เด็ดขาด โดยที่การขอโทษก็ควรเป็นไปอย่างพอดี อย่าพูดขอโทษ หรืออธิบายซ้ำหลาย ๆ รอบมากเกินไป

แต่การพูดความจริงที่ว่านี้หมายถึงเมื่อเราไปสายทั้งที่เตรียมตัวและวางแผนมาแล้วอย่างดีจริง ๆ เท่านั้น เช่น เกิดอุบัติเหตุ หรือฝนตกหนักมากจนรถติดกันกันไปทุกพื้นที่ ไม่ใช่เพราะความสะเพร่าของเราเองอย่างการตื่นสาย หรือไม่เผื่อเวลาเดินทาง

ตั้งสติ เช็กความพร้อม ก่อนก้าวเข้าบริษัท

ปกติเราก็จะตื่นเต้น หรือประหม่ากันบ้างอยู่แล้วเวลาต้องไปสัมภาษณ์งาน แต่การไปสายมันจะยิ่งทำให้เราประหม่า กระวนกระวาย และ ลนลานมากขึ้นไปอีกแน่ ๆ และถ้าเราเข้าบริษัทไปด้วยสภาพที่ไม่พร้อมแบบนั้น มันก็จะยิ่งส่งผลเสียต่อเราเข้าไปใหญ่ เพราะฉะนั้นก่อนจะเข้าไปในบริษัท เราควรจะตั้งสติและเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดก่อน ไม่ว่าจะเป็นรวมรวมความคิด หรือดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้า เพราะเราอาจจะถูกจับตามองตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าประตูบริษัทเลยก็ได้

กลบความผิดพลาดเรื่องเวลา ด้วยการโชว์ศักยภาพที่เรามี

การมาสายมันทำลาย First Impression ไปแล้ว แต่ถ้าเขายังให้โอกาสเราในการสัมภาษณ์ เราก็ต้องใช้โอกาสนั้นโชว์ให้เขาเห็นว่าเราเป็นแคนดิเดตที่มีคุณสมบัติน่าสนใจแค่ไหน ซึ่งก็ต้องเผื่อใจเอาไว้ด้วยว่าการที่เรามาสายก็อาจจะทำให้เวลาในการสัมภาษณ์ของเราน้อยลง เราจึงควรตอบคำถามให้กระชับ ตรงประเด็น และมั่นใจ และหลังจากการสัมภาษณ์จบลงแล้วก็อย่าลืมขอบคุณเขาให้เวลาและให้โอกาสในการสัมภาษณ์ด้วย

ความผิดพลาดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน อย่ายอมแพ้ที่จะทำให้คนสัมภาษณ์เห็นศักยภาพที่เรามี ถึงเราจะเริ่มต้นได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะแย่ตามไปหมด ความผิดพลาดของเราครั้งนี้อาจจะกลายเป็นจุดที่ทำให้เขาเห็นว่าเราสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และรับมือกับสถานการณ์แย่ ๆ ได้ดีก็ได้

สมัครสมาชิกและฝากประวัติไว้กับ JobThai เพิ่มโอกาสในการถูกนัดสัมภาษณ์ได้มากขึ้น

คลิกที่นี่เลย

JobThai มี Line แล้วนะคะ

ติดตามสาระความรู้สำหรับคนทำงาน ที่ย่อยง่าย อ่านสนุก และพูดคุยทุกแง่มุมเกี่ยวกับการทำงานอย่างใกล้ชิดที่

นัด สัมภาษณ์ งาน แต่ ไม่ ไป

สัมภาษณ์งานอย่างไร ให้ถูกคัดเลือก ไม่ใช่ ถูกคัดออก

21 ก.ย. 2021

สัมภาษณ์งานอย่างไร ให้ถูกคัดเลือก ไม่ใช่ ถูกคัดออก | THE BRIEFCASE
สำหรับคนที่กำลังมองหางาน เมื่อได้ทำการส่งใบสมัครงานหรือลงประวัติส่วนตัว เพื่อใช้ในการสมัครงานไปแล้วนั้น สิ่งที่เราคาดหวังต่อมาก็คือ การถูกเรียกนัดสัมภาษณ์งาน
ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อใดก็ตามที่เราถูกเชิญให้ไปสัมภาษณ์งาน เราก็คงรู้สึกดีใจ แต่เราอาจดีใจไม่สุด ถ้าเรากลับต้องมาตกม้าตายในระหว่างที่เรากำลังถูกสัมภาษณ์งาน
ดังนั้น ก่อนที่จะไปสัมภาษณ์งาน เราควรต้องเตรียมตัวให้ดี
เพื่อให้ “ถูกคัดเลือก ไม่ใช่ถูกคัดออก”
แล้วเราต้องเตรียมตัวอย่างไร ?..
1. เตรียมข้อมูลและสิ่งที่จำเป็น สำหรับวันสัมภาษณ์งานไว้ให้เรียบร้อย
หลังจากที่ได้รับการติดต่อกลับ จากบริษัทที่เราส่งใบสมัครงานไว้ อันดับแรกที่เราต้องทำคือ รวบรวมข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้สำหรับวันสัมภาษณ์งาน
ยกตัวอย่างเช่น วัน เวลา สถานที่ที่ต้องไปสัมภาษณ์ บุคคลที่เราต้องติดต่อเมื่อเราเดินทางไปถึง รวมทั้งเอกสารต่าง ๆ ที่จำเป็น หรืออาจต้องใช้ในการสมัครงานตำแหน่งนั้น ๆ รวมไปถึงอุปกรณ์ที่จะต้องใช้ หรือคาดว่าจะได้ใช้ในการสัมภาษณ์ด้วย
นอกจากนี้ ข้อมูลการเดินทาง แผนที่ที่ตั้งของที่ที่ไปสัมภาษณ์ก็ควรต้องเตรียมให้พร้อม ที่สำคัญคือ ควรเตรียมสิ่งเหล่านี้ให้ครบถ้วนเรียบร้อยก่อนวันสัมภาษณ์งาน
2. ศึกษาข้อมูลบริษัทที่จะไปสัมภาษณ์งาน
“รู้ไหมว่า บริษัทเราทำอะไร” ถ้าเรากำลังได้รับคำถามนี้ในระหว่างที่เราถูกสัมภาษณ์งาน แล้วเราตอบไม่ได้ คนถามจะรู้สึกอย่างไร ? คุณอยากทำงานกับเรา แต่คุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเราเลยหรือ ?
ดังนั้น ก่อนที่จะถึงวันนัดสัมภาษณ์งาน เราควรค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่จะไปสัมภาษณ์งานในระดับหนึ่ง เช่น ทำธุรกิจอะไร ใครเป็นลูกค้าของบริษัท บริษัทมีรายได้เป็นอย่างไร
การมีข้อมูลบริษัทก่อนที่เราจะไปสัมภาษณ์งานนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ที่กำลังสัมภาษณ์เรารู้สึกประทับใจในการเตรียมตัวของเรา แต่ยังช่วยให้เราสามารถสอบถามข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับบริษัทได้ง่ายขึ้น เมื่อผู้ที่สัมภาษณ์เราเปิดโอกาสให้เราสอบถาม
3. ฝึกซ้อมก่อนไปสัมภาษณ์
ในระหว่างการสัมภาษณ์งาน บางช่วงผู้สัมภาษณ์มักจะเป็นคนถามเรา ดังนั้น เราจึงควรประเมินเบื้องต้นเกี่ยวกับคำถามที่จะถูกถามว่าน่าจะมีอะไรบ้าง เพื่อที่จะเตรียมหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนั้น
เช่น ถ้าเรากำลังจะไปสัมภาษณ์งานในตำแหน่งเลขาฯ ผู้บริหาร เราก็ควรคาดการณ์ได้ว่า อาจต้องเจอคำถามเกี่ยวกับเทคนิคในการจดบันทึกการประชุม
หรือถ้าเรากำลังจะไปสัมภาษณ์งานในตำแหน่งนักวิเคราะห์การเงิน ก็คาดการณ์ได้ว่า จะเจอคำถามแนว ๆ ว่า เรารู้จักเทคนิคในการวิเคราะห์การเงินที่สำคัญ ๆ อะไรบ้าง ?
หรือคำถามทั่ว ๆ ไปที่บริษัทหลายแห่งมักจะถามผู้มาสัมภาษณ์ เช่น ทำไมบริษัทจึงควรรับคุณเข้าทำงาน หรือคุณวางแผนอนาคตตัวเองอย่างไรใน 5-10 ปี ต่อจากนี้
ทั้งนี้ การเตรียมตัวดังกล่าว ก็เพื่อที่จะช่วยให้เราสามารถพูดหรือตอบคำถามต่าง ๆ เหล่านั้น ได้อย่างมั่นใจ
4. แต่งกายให้เหมาะสม เข้ากับภาพลักษณ์ของบริษัท
หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า “First Impression” หรือความประทับใจแรกที่เห็น ซึ่งสิ่งแรกที่ผู้สัมภาษณ์จะเห็นได้จากตัวเรา ก็คือ “การแต่งกาย” นั่นเอง
หลายบริษัทให้ความสำคัญกับการแต่งกาย หลายคนเตรียมข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับการสัมภาษณ์ไปดี แต่กลับไม่ถูกคัดเลือก เนื่องจากแต่งกายไม่เหมาะสม
ดังนั้น ในฐานะผู้ถูกสัมภาษณ์นั้น เราควรต้องแต่งกายให้ถูกกาลเทศะ หรือให้เหมาะกับภาพลักษณ์ของบริษัท
บางบริษัทก็กำหนดว่าแต่งตัวสบาย ๆ เสื้อยืด กางเกงยีนมาสัมภาษณ์งานได้ แต่บางบริษัทก็มีกฎระเบียบว่าต้องแต่งกายชุดสุภาพ ฉะนั้นเราต้องทำการบ้านเรื่องการแต่งกายในวันสัมภาษณ์ให้เหมาะสมด้วย
5. พูดให้ชัดถ้อยชัดคำ ตอบคำถามให้ตรงประเด็น
ในระหว่างสัมภาษณ์งานนั้น เราควรมีสมาธิและตั้งใจฟังคำถามจากผู้ที่มาสัมภาษณ์ให้ดีว่า เขากำลังถามอะไร เขากำลังอยากรู้อะไร
เมื่อถึงเวลาตอบ ควรตอบคำถามหรือพูดให้ชัดถ้อยชัดคำ ตอบให้ตรงประเด็น ไม่ยืดเยื้อหรือออกนอกเรื่องมากจนเกินไป
อย่างไรก็ตาม คำถามบางอย่าง เราอาจต้องเลี่ยงตอบไปตรง ๆ เช่น บางครั้งผู้ที่มาสัมภาษณ์ถามเราว่า “ทำไมคุณถึงลาออกจากงานเก่า” เราอาจตอบว่า ต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ หรือสภาพแวดล้อมการทำงานใหม่
โดยสิ่งที่เราควรหลีกเลี่ยงในการตอบคือ การวิจารณ์เพื่อนร่วมงาน ที่ทำงาน หรือแม้แต่หัวหน้าเก่า ในทางที่ไม่ดี เพราะอาจส่งผลต่อการสัมภาษณ์งานของเรากับบริษัทใหม่ด้วยเช่นกัน
6. เตรียมคำถามให้กับตัวเองด้วย
หลายบริษัทมักเปิดโอกาสให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ถามว่า มีอะไรสงสัยหรืออยากรู้เพิ่มเติมไหม ถ้าเรายังสงสัยตรงไหน หรือได้รับข้อมูลที่ยังไม่ชัดเจนในตำแหน่งงานที่สมัคร เราต้องกล้าที่จะถามเพื่อให้ได้รับคำตอบที่ชัดเจนในสิ่งที่ยังเข้าใจไม่แจ่มแจ้ง
นอกจากนี้ การเตรียมคำถามที่น่าสนใจ เพื่อถามผู้ที่มาสัมภาษณ์เรา จะทำให้เราดูเป็นคนที่แสดงความสนใจในการอยากร่วมงาน
เพราะถ้าเราไม่มีคำถามใด ๆ เลยหลังจากที่ได้โอกาสถาม นั่นอาจทำให้บริษัทหรือผู้ที่มาสัมภาษณ์มองว่า เราไม่ได้สนใจในงานหรือบริษัทเท่าไร หรือแม้แต่ดูเป็นคนไม่มีความกล้าที่จะถาม
และหลังจบการสัมภาษณ์ เราควรกล่าวขอบคุณบริษัท และผู้ที่มาสัมภาษณ์เราทุกคนที่สละเวลาและเปิดโอกาสให้เข้ามาสัมภาษณ์งานในวันนี้ ซึ่งจะช่วยทำให้เราดูเป็นคนมีมารยาทที่ดีอีกด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้ เราน่าจะพอได้แนวทางในการสัมภาษณ์งานอย่างไรให้มีประสิทธิภาพไปบ้างไม่มากก็น้อย
ส่วนใหญ่แล้วสิ่งสำคัญจะเป็นเรื่องของการเตรียมตัว
ซึ่งการเตรียมตัวให้ดีก่อนที่จะสัมภาษณ์งานนั้น
ก็คงจะช่วยให้เรามีโอกาส “ถูกคัดเลือก” มากขึ้น กว่าการที่เราไม่เตรียมตัวใด ๆ มาเลย..
References
-https://www.qualityinfo.org/-/5-steps-to-a-successful-interview
-https://www.experis.com/en/insights/articles/2021/05/25/20-tips-for-great-job-interviews