ข้อใดคือความหมายของ Financial Technology

ครบหนึ่งปี ปรับปรุงเนื้อหาล่าสุด! - ช่วงนี้เราอาจได้ยินคำว่า FinTech (ฟินเทค) กันบ่อยมาก ถ้าเป็นหน้าใหม่ในวงการ Startup อาจสงสัยกันว่า เอ๊ะ! เขาหมายถึงอะไรกัน ในบทความนี้เราจะมาหาคำตอบกันว่า ฟินเทค มันคืออะไร เป็นเพียงกระแสหรือไม่ แล้วทำไมมันถึงฮิตกันนักหนา

Show

ข้อใดคือความหมายของ Financial Technology

เขียนครั้งแรก : 22 สิงหาคม 2015 ปรับปรุงใหม่ : 27 สิงหาคม 2016

FinTech (ฟินเทค) คืออะไร

ชื่อ FinTech มีที่มาจากคำว่า Financial และ Technology แปลตรงตัวได้ว่า เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเงิน  หรือการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจการเงิน ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมตู้ ATM ที่ช่วยให้คนกดเงินสดได้สะดวก เพียงแค่มีบัตร, บัตรเครดิต, การโอนเงินออนไลน์ เป็นต้น เหล่านี้ก็ล้วนเป็นฟินเทคอย่างหนึ่ง

อ้าวงั้น FinTech ก็มีมาตั้งนานแล้ว งั้นทำไมช่วงนี้ฮอตจัง แล้วเกี่ยวอะไรกันกับ Startup? ลองดูดีๆ 3 ตัวอย่างข้างต้นที่เราหยิบยกขึ้นมา มันมีมานานแล้ว Credit card คิดค้นตั้งแต่ปี 1950, ATM ตั้งแต่ปี 1967, Online banking ที่แรก เริ่มตั้งแต่ปี 1980 กว่าแต่ละตัวจะเกิดขึ้น ใช้เวลาห่างกันเป็นสิบๆ ปี นานๆ ทีเราจะได้เห็นนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ

นั่นแปลว่ายังมีช่องว่างอีกมากมายที่จะทำให้ธุรกรรมทางการเงินของเรา ดีขึ้น เร็วขึ้น ง่ายขึ้น ประหยัดขึ้น กระแสคำว่าฟินเทคเกิดขึ้น เพราะการมาของ Startup บริษัทสายเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนโฉมการเงิน ได้รวดเร็วกว่าให้ลำพังบริษัทการเงินอย่างธนาคาร ต้องมาคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ

ตัวอย่างฟินเทค

ข้อใดคือความหมายของ Financial Technology

รูปภาพจาก รายงาน Thailand FinTech Startup Landscape 2016

ยกตัวอย่างเช่น TransferWise เป็น Startup บริการการโอนเงินข้ามประเทศ ช่วยให้โอนเงินข้ามประเทศได้เร็วกว่า และค่าธรรมเนียมถูกกว่าใช้บริการเคาท์เตอร์ของสถาบันต่างๆ

Lufax.com จากจีน และ LendingClub จากอเมริกา เป็นบริการด้าน Peer-to-peer Lending (P2P Lending) หรือการเชื่อมให้คนสองคนยืม-คืน เงินกันได้ ผ่านแอปพลิเคชัน

ตัวอย่างอื่นๆ ที่อาจจะยังไม่ใช่ยูนิคอร์น เช่น Crowdcube และ Crowdo เป็น Equity Crowdfunding ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถระดมเงินทุนจากสาธารณชนได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงการกู้เงินจากธนาคารอย่างเดียวเสมอไป

ทำไมฟินเทคถึงเป็นกระแสที่จับตามอง

เพียงแค่ไม่กี่ตัวอย่างข้างต้น ก็ช่วยให้เห็นได้แล้วว่าบริการของ Startup ช่วยนำเสนออะไรหลายอย่างที่ธนาคารทำให้ไม่ได้ หรือยังทำได้ไม่ดี แถมเรื่องเงินเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกคน อุตสาหกรรมการเงิน นับเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และสำคัญมาก นอกจากนี้ ยังมีเหตุผลที่น่าสนใจอีก เช่น

ฟินเทค และการเป็น Core ของธุรกิจอื่นๆ

ยกตัวอย่างเช่น นวัตกรรมด้าน E-payment หรือการชำระเงินออนไลน์ นับว่ามีบทบาทสำคัญมากต่อ E-commerce การจะเปลี่ยนใจคนให้มาซื้อของออนไลน์ ต้องเกิดจากระบบการชำระเงินออนไลน์ที่ใช้ง่าย มีประสิทธิภาพด้วย เป็นต้น

กล่าวได้ว่าฟินเทคก่อให้เกิดตลาดใหม่อันเกิดจากการเชื่อมกันระหว่างด้านการเงินและเทคโนโลยี เป็นส่วนผสมของกระบวนการดั้งเดิมในเรื่องทางการเงินไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ - เงินทุนหมุนเวียน, Supply Chain, กระบวนการชำระเงิน, การฝาก/ถอน, ประกันชีวิต และอื่นๆ แต่แทนที่จะเป็นโครงสร้างการทำธุรกรรมแบบเดิมก็มีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์แบบและสะดวกต่อผู้ใช้งานมากขึ้น

ฟินเทค และการนำมาสู่เทคโนโลยีพลิกโฉม

ในขณะนี้ กระแสเทคโนโลยีตัวใหม่ ที่กำลังมาแรง คือ Blockchain (บล็อกเชน) โดยแท้จริงแล้ว จุดเริ่มต้นของบล็อกเชน มากจากความพยายามในการพัฒนาฟินเทคประเภท Bitcoin (บิทคอยน์) เพื่อสร้าง Digital currency ที่มีความน่าเชื่อถือ จนปัจจุบัน Blockchain ได้กลายเป็นเทคโนโลยีที่ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมากมาย และเป็นเทคโนโลยีที่โลกกำลังจับตามองมากที่สุดในขณะนี้

อ่านเพิ่มเติม : ทำความเข้าใจ Blockchain ใน 5 นาที,   รู้จักกับ Bitcoin และการประยุกต์ใช้

ฟินเทค กับการสร้างความร่วมมือ

เมื่อทั้งองค์กรขนาดใหญ่ และองค์กรขนาดเล็กอย่าง Startup ก็ล้วนมีเป้าหมายเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงิน เราจึงพบเห็นความตื่นตัวของทั้งสองฝ่าย ผ่านข่าวต่างๆ ที่เรานำเสนอ

สถานการณ์ ฟินเทคในเมืองไทย

สรุปสถานการณ์ฟินเทคในประเทศไทย ครึ่งปีแรก 2016

เวอร์ชันรายงาน คลิก

ภายในรายงาน นอกจากจะได้เห็นภาพรวมในประเทศไทยแล้ว เรายังสรุปภาพรวมในต่างประเทศให้อีกด้วย

ข้อใดคือความหมายของ Financial Technology

เวอร์ชัน Infographic คลิก

หยิบหัวข้อสำคัญๆ ย่อยให้อ่านง่ายขึ้น

และนอกจากนี้ Techsauce เรายังมีข่าว และบทความเกี่ยวกับฟินเทคอีกเป็นร้อยให้คุณติดตาม คลิกเลือก Topic FinTech หรือไปที่ลิงก์นี้ได้เลย

FinTech (Financial Technology) คือ กลุ่มธุรกิจที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเข้ามาทำให้การบริการที่เกี่ยวข้องกับการเงินและการลงทุนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การทำธุรกรรมรับ-จ่าย-โอนเงินออนไลน์ของธนาคาร หรือการวิเคราะห์ข้อมูลหุ้นเพื่อช่วยการตัดสินใจของนักลงทุน โดยบริการเหล่านี้มักจะอยู่ในรูปแบบของบริการออนไลน์แทบทั้งสิ้น

ด้วยเหตุที่ FinTech เป็นกลุ่มธุรกิจที่นำเสนอบริการในช่องทางใหม่ ๆ หลักการที่เคยใช้ได้ดีในการสร้างสินค้าแบบเดิม ๆ อาจไม่เพียงพออีกต่อไป วันนี้ เรามาดูกันว่า หัวใจของการสร้างสินค้าหรือบริการใน FinTech ให้ประสบความสำเร็จ มีอะไรบ้าง

ต้องมองให้ออกว่าลูกค้ามีปัญหาอะไร แล้วเสนอวิธีการแก้ไขอย่างสร้างสรรค์ เราสามารถใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยสร้างพฤติกรรมการใช้บริการใหม่ ๆ ให้ผู้บริโภคได้ โดยดูจากตัวอย่างความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เช่น ตัดปัญหาเวลาทำการของธนาคารด้วยการทำธุรกรรมบน iBanking หรือลดเวลาการเดินทางไปห้างสรรพสินค้าด้วยการ Shopping Online

เพราะการใช้ชีวิตทุกวันนี้ก็ยากพอแล้ว ลูกค้าจึงมองหาบริการที่ใช้งานได้ง่าย และให้ประสบการณ์ที่ดีระหว่างการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเว็บไซต์ที่เรียบง่าย เข้าถึงได้ทั้งจากเดสก์ท็อปและมือถือ ความสะดวกรวดเร็วในการติดตั้งแอปพลิเคชัน การใช้งานผ่าน user interface ที่เข้าใจง่าย สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกไม่ว่าจะเป็นลูกค้าในช่วงอายุใด ๆ ก็ตาม

เนื่องจาก FinTech เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางด้านการเงินไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง ความปลอดภัยในการใช้บริการย่อมเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่ระบบจะต้องมี ทั้งในด้านการรักษาข้อมูลของลูกค้ารวมไปถึงความปลอดภัยในการทำธุรกรรมต่าง ๆ

ลูกค้าเข้าถึงการบริการได้ง่าย

ความสะดวกในการเข้าถึงการบริการถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง ตัวอย่างที่เห็นชัดในปัจจุบันนี้ เช่น การสร้าง Mobile application เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการได้ง่าย และสามารถเข้าใช้งานจากที่ใดก็ได้ เปรียบเสมือนจับเอาบริการหน้าร้านใส่ในมือของลูกค้า ซึ่งทุกวันนี้ ใคร ๆ ก็ใช้ smartphone ดังนั้น การสร้าง Mobile application จึงเป็นอีกหนึ่งบริการที่ไม่ควรมองข้าม (อ่านบทความด้านนวัตกรรมทางการเงินเพิ่มเติมได้ที่นี่)

ตรง life style ของกลุ่มเป้าหมาย

ยกตัวอย่างเช่น หากกลุ่มลูกค้าเป็นนักวิเคราะห์ ชอบอ่านตัวเลข ตีเส้นราคาหุ้น และวิเคราห์ข้อมูลในเชิงลึก การใช้บริการผ่านเว็บไซต์หรือโปรแกรมบนเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ดูจะเป็นสิ่งที่เหมาะสม เนื่องจากการใช้งานบนแท็บเล็ตหรือมือถืออาจจะมีข้อจำกัดในหลาย ๆ ด้าน แต่หากเป็นบริการง่าย ๆ เช่น การชำระเงิน โอนเงิน หรือธุรกรรมอื่น ๆ ที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน การทำธุรกรรมเหล่านี้บนมือถือก็จะให้ความคล่องตัวกับผู้ใช้งานมากกว่า

มีระบบรองรับที่มีประสิทธิภาพ

ไม่ว่าจะเป็นการบริการด้านใดก็ตาม ระบบจะต้องมีความสามารถในการนำเสนอข้อมูลอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และสามารถรองรับการใช้งานของลูกค้าจำนวนมากได้อย่างเหมาะสม จะต้องมั่นใจว่าระบบยังสามารถให้บริการลูกค้าได้ แม้จะมีจำนวนลูกค้าหลาย ๆ ท่านเข้าใช้งานพร้อม ๆ กันก็ตาม อีกทั้งควรมีแผนสำรอง ในกรณีระบบหลักเกิดมีปัญหาใช้งานไม่ได้ด้วย

ตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว

การบริการที่ดีควรจะปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ เพื่อรักษากลุ่มลูกค้า นอกจากการนำ feedback มาพัฒนาและปรับปรุงบริการแล้ว การเห็นปัญหาและความต้องการในอนาคต ก็จะทำให้บริการของเราทันสมัยอยู่เสมอครับ

ความสำเร็จของ FinTech อาจจะวัดได้จากหลายด้าน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การมุ่งที่จะแก้ปัญหาให้กับลูกค้า สามารถเป็นคำตอบในระยะยาวให้กับลูกค้าได้ โดยที่ลูกค้าไม่เลิกหรือเปลี่ยนไปใช้บริการเจ้าอื่น และในขณะเดียวกันก็สามารถที่จะดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย