1 ก คำนำ ข สารบัญ เรอ่ื ง หน้า บทนำ ..................................................................................................................... 1 7. ความคลาดเคลื่อนและความเทีย่ งตรงในการวดั ……………………………………………………… 30 8. ประโยชน์ของการทดสอบคณุ ภาพของเครื่องมอื ประเมินผล………………………………………..… 32 39 1 เครื่องมือประเมินผลโครงการ โครงการเป็นกลุ่มของกิจกรรมต่างๆที่มีความเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบเพื่อการบรรลุ ท้ังนี้ไม่ว่าโครงการจะมีกิจกรรมจำนวนมากหรือน้อยก็ตาม ผู้จัดการโครงการก็จำเป็นต้องมี เคร่ืองมือที่ใช้ในการติดตามประเมินผลโครงการมีหลายแบบ เคร่ืองมือพื้นฐานที่ได้รับความ 2 2. เครื่องมือในการติดตามประเมินผลโครงการพ้ืนฐาน 2.1 Gantt chart ได้รับการพัฒนาขึ้นประมาณสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 โดย Henry L. Gantt Program Evaluation and Review Techniques (PERT) 2.1.1 ลำดับวิธีการสร้าง Gantt chart วิธีการสรา้ ง Gantt chart มีลำดบั ขั้นตอนทีส่ ำคัญดงั น้ี ขั้นทีห่ นึ่ง สร้างตารางที่แถวด้านข้างซ้ายแสดงชื่อกิจกรรมทีต่ ้องทำในโครงการ และหัว ข้ันที่สอง กำหนดกิจกรรมที่ต้องทำเพื่อบรรลุเป้าหมายของโครงการ แต่ละกิจกรรม ขั้นที่สาม บันทึกกิจกรรมที่ต้องทำอย่างเป็นระบบตามลำดับก่อนหลัง โดยให้ลำดับ ข้ันที่สี่ หากผู้จัดการโครงการต้องการสร้างระบบข้อมูลที่สมบูรณ์ขึ้นเพื่อใช้ติดตาม 3 หัวหน้าคุมแรงงานก่อสร้างเหมาจ่าย 1 ปีคิดเป็นเงิน 360,000 บาท หากหน่วยเวลาที่ใช้เป็น 2.1.2 การสรา้ งแผนภาพ Gantt chart 2.2.2 การสร้างแผนภาพตาม PERT 2.2.1 ลำดบั วิธีการสร้างแผนภาพตาม PERT 4 ข้ันที่สอง การกำหนดกิจกรรมที่ต้องทำและความเช่ือมโยงระหว่างกิจกรรมต่างๆอย่าง ขั้นที่สาม การนำกิจกรรมต่างๆมาแสดงเป็นแผนภาพโครงข่ายที่เชื่อมโยงกัน โดยงาน • ชื่อของกิจกรรม ทีพ่ ิจารณาซึง่ กค็ ือจดุ LS) LF) โดย LF = LS + d โครงการรวม (slag time: S) โดย S = LS – ES หรอื S = LF - EF อย่างไรก็ตาม การแสดงข้อมูลเป็นแผนภาพที่มีรายละเอียดจำนวนมากดังกลา่ วอาจทำ ข้ันที่สี่ การระบุเวลา ทรัพยากร และงบประมาณที่ต้องใช้ในแต่ละกิจกรรมเพื่อให้ 5 ข้ันที่ห้า การแสดงสายงานวิกฤต (critical path) ที่แสดงถึงลำดับต่อเนื่องของกิจกรรม ขั้นที่หก การนำโครงข่ายที่เช่ือมโยงกันน้ันมาประกอบการกำหนดแผนการทำกิจกรรม 2.2.2 การสร้างแผนภาพตาม PERT 3. สรุปและขอ้ เสนอแนะ เป็นต้องมีเคร่ืองมือที่เหมาะสมในการติดตามประเมินผลการดำเนินกิจกรรมต่างๆโดยเฉพาะเม่ือ 6 ท้ังนี้เคร่ืองมือที่ใช้ในการติดตามประเมินผลโครงการที่คัดเลือกมาเป็นตัวอย่างในที่นี้ ได้แก่ อย่างไรก็ตาม ในโลกแห่งความเป็นจริง โครงการมีความหลากหลายและมีลักษณะเฉพาะของ 7 1. เทคนิคการวัดทัศนคติ การวัดทศั นคติ (Attitude Measurement) ทศั นคตเิ ปน็ ความมนั่ คงทางอารมณ์ที่ตอบสนอง 1. อารมณแ์ ละความรสู้ ึก: สะทอนใหเห็นถึงความรสู้ ึกหรอื อารมณ์ของแตล่ ะบุคคลที่สง่ ผลไป 2. ความรคู้ วามเข้าใจ : เปนตัวแทนของการรับรู้ในการเรียนรสู้ ิ่งต่างๆ เชน่ ผหู้ ญิงคนหนง่ึ อาจ 3. พฤติกรรมกรรม : เปนการกระทำทีแ่ สดงออกถึงความรสู้ ึกนึกคิด ความตอ้ งการของจิตใจที่ เทคนิคการวดั ทัศนคติ เทคนิคการวดั • การเลือกตอบ (Choice Technique) : (Choice Technique) : เปน็ การวัดที่ พิสูจน์ความพอใจ • การวดั ทัศนคติทางสรีรวิทยา(Phy g siolo ical Technique) : การวดั โดยอาศัยเครื่องมอื และ 8 การวัดทัศนคติ ในทางจิตวิทยา การวัดทัศนคติเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการ การวัดทัศนคติ เป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจมานานในกลุ่มนักจิตวิทยาสังคมชาวอเมริกัน การ ความคิดเกี่ยวกับการวัดทัศนคตินี้ เฮนเนอสัน, มอร์ริส และฟิทซกิ๊บบอน(Henerson, Morris จะเห็นได้ว่า ความคิดข้างต้นนี้จะเน้นที่การแสดงออกทางพฤติกรรมเป็นหลักในการวัดทัศนคติ การวัดทัศนคติโดยดูจากพฤติกรรมที่แสดงออกหรือผลจากการตอบสนองเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ก็ “มีเด็กชายคนหนึ่งชื่อวิลเลี่ยม(William) เม่ือถามวิลเลี่ยมเกี่ยวกับโรงเรียน วิลเลี่ยมตอบว่า เขา 9 เรียนก้าวหน้า ทำงานทีไ่ ด้รบั มอบหมายเสร็จทกุ คร้ัง และมีความสมั พนั ธ์ที่ดกี บั ครอู าจารย์ ในกรณีน้ีเรา เธอร์สโตน(Thurstone, 1970) ได้ให้ความเห็นในเร่ืองนี้ว่า พฤติกรรมหรือการกระทำของมนุษย์ การที่ทัศนคติและการแสดงออกทางพฤติกรรมไม่มีความสมั พันธก์ ัน อาจเนื่องมาจากการวัดที่ แม้ว่าทัศนคติจะทำให้มนุษย์มีแนวโน้มที่จะตอบสนองทางพฤติกรรมตามที่ ทัศนคติต้ังไว้ แต่ก็ สำหรับเทคนิควิธีที่ใช้วัดทัศนคติ นักจิตวิทยาได้พยายามศึกษาและพัฒนามาตั้งแต่สมัยเริ่มต้น 1. การสังเกต (Observation) เป็นวิธีการหนึ่งที่ใช้ศึกษาทัศนคติโดยใช้ประสาทหูและตาเป็น 2. การสัมภาษณ์ (Interview) เป็นวิธีการที่ผู้ศึกษาจะต้องออกไปสอบถามบุคคลน้ัน ๆ ด้วย 10 ในการสัมภาษณ์นี้ สก็อตต์(Scott, 1975) ได้ให้ความเห็นไว้ว่า เป็นการวัด ทัศนคติโดยอาศัย จะเห็นได้ว่า การใช้คำถามปลายเปิดนี้ ผู้สัมภาษณ์จะได้ข้อมูลมากมาย แต่มีข้อเสียก็คือว่า 3. แบบรายงานตนเอง (Self-Report) เป็นวิธีการศึกษาทัศนคติของบุคคลโดยให้บุคคลนั้น วิธีการศึกษาทัศนคติโดยใช้แบบรายงานตัวเองน้ี มักจะถูกสร้างขึ้นในรูปแบบของเครื่องมอื วดั ที่ อำนาจ ไพนุชิต(2539) ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรวัดทัศนคติไว้ว่า มาตรวัดทัศนคตินี้ หลักการสร้างมาตรวัดทัศนคติที่ดีนั้น ออพเพนไฮม์ (Oppenheim, 1966) ได้กล่าวเอาไว้ว่า ใน 11 1) ความเป็นเอกมิติ (Unidimensionability) มาตรวัดทัศนคติที่ดีจะต้องวัดในเร่ือง 2) ความเป็นเส้นตรง (Linearity) และการมีช่วงเท่ากัน (Equal Intervals) มาตรวัด 3) ความเที่ยง (Reliability) เป็นความคงที่หรือความคงเส้นคงวาของการวัด ในการ 4) ความตรง (Validity) มาตรวัดจะต้องวัดในสิ่งที่ต้องการวัดได้จริง โดยข้อคำถามที่ 5) ความสามารถในการสร้างใหม่ (Reproducibility) เป็นการวิเคราะห์เนื้อหาสาระของ 4. เทคนิคการฉายออก (Projective Techniques) เป็นการวัดทัศนคติโดยการให้สร้าง จรรยา สิทธิปาลวัฒน์ (2539) ได้ยกตัวอย่างวิธีสร้างจินตนาการจากภาพเพื่อใช้วัดทัศนคติ 1) วธิ ีหยดหมึก (Ink Plot) คือ ให้บคุ คลนั้นดูภาพหยดหมึก แล้วใหอ้ ธิบายว่าภาพนั้นเป็น 2) การเล่าเร่ือง (Story Telling) คือ มีการเล่าเร่ืองราวบางอย่างให้บุคคลที่ต้องการจะ 12 ปัญหาที่สำคัญของการวัดทัศนคติโดยวิธีนี้ ก็คือ ผู้วัดจะต้องมีประสบการณ์ และมีความสามารถ 5. การทำงานบางอย่างท่ีกำหนดให้ การวัดทัศนคติด้วยวิธีนี้ นักจิตวิทยาสังคมเชื่อว่า 1) งานวิจัยของ ลีไวน์ และเมอร์ฟี่ (Levine and Murphy) ในปี ค.ศ.1943 ศึกษาพบว่า 2) งานวิจัยของ แฮมมอนด์ (Hammond) ในปี ค.ศ.1948 ได้ศึกษาพบว่า บุคคลจะตอบ จากผลการวิจัย แสดงให้เห็นว่า การทำงานหรือการแสดงพฤติกรรม เป็นผลมาจากทัศนคติ 6. ปฏิกิริยาการตอบสนองทางร่างกาย นักจิตวิทยาสังคมส่วนใหญ่มักจะรายงานผล 1) งานวิจัยของ แคทซ์, คาโดเรท, ฮิวช์ และแอ็บบี้ (Katz, Cadoret, Hughes and Abbey) ในปี 13 2) งานวิจัยของ คอลลินส์, เอลล์สเวิร์ท และเฮล์มรีช (Collins, Ellsworth and Helmreich) ในปี จากผลการวิจัย แสดงให้เห็นว่าปฏิกิริยาการตอบสนองทางร่างกายมีความสัมพันธ์กับความ วิธีวัดทัศนคติทั้งหมดที่เสนอไปแล้วนี้ ในปัจจุบันยังหาข้อสรุปที่แน่ชัดไม่ได้ว่าวิธีใดเป็นวิธีที่ดี จากความคิดดังกล่าว ออพเพนไฮม์ (Oppenheim, 1966) ได้เสนอแนะไว้ว่า ในการวัดทัศนคติ ดงั น้ัน อาจสรุปได้ว่า การนำเทคนิควิธีวดั แบบต่าง ๆ มาใช้ จะต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับ 14 2. กระบวนการสร้างเคร่ืองมือวัดทัศนคติ การวัดทัศนคติเป็นส่วนหนึ่งของแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ ถ้าหากนักวิจัยสามารถสร้าง 1. การจำแนกตวั แปรที่จะวัด นักวิจัยต้องย้อนไปทบทวนวัตถุประสงค์และประเด็นที่สำคัญที่จะ 2. การเลือกวิธีการวัด นักวิจัยควรเลือกวิธีการวัดใหเ้ หมาะสมกับข้อมูลที่จัดเก็บและประชากร 3. การจัดทำร่างเคร่ืองมือวัด ด้วยแบ่งเคร่ืองมือหรือรายการที่จะถามกลุ่มตัวอย่างเป็นตอนๆ 4. การทดสอบเคร่อื งมือวัดเบื้องต้น นักวิจัยจะนำร่างเคร่ืองมือวัดไปทดสอบกับประชากรหรือ 15 5. การทดสอบเคร่ืองมือวัดคร้ังสุดท้าย เม่ือได้ปรับปรุงร่างเคร่ืองมือวัดหลังจากได้ทดสอบ 6. การเลือกคำถามที่ดีที่สุด หลังจากวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ทดสอบเคร่ืองมือวัดคร้ังสุดท้ายแล้ว ทฤษฎีการวดั ทศั นคติ (Theory of Attitude Measurement) ทัศนคติ เป็นเรอ่ื งที่มีความสำคัญ และได้รับความสนใจจากนักวิชาการในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็น 16 ความหมายของทัศนคติ (The Definition of Attitude) และฟิทซกิ๊บบอน (Henerson, Morris and Fitz-Gibbon, 1978) ได้กล่าวไว้ว่า มโนทัศนเ์ กีย่ วกับทศั นคตมิ ี ความหมายที่แน่ชัดของคำว่า “ทัศนคติ” ยังไมเ่ ป็นที่ยอมรับกันโดยทัว่ ไปในกล่มุ นกั จิตวทิ ยา นวลศิริ เปาโรหติ ย์ (2527:131) กลา่ ววา่ ทัศนคติเป็นผลรวมของความเข้าใจ ความรู้สกึ และ ลดั ดา กิติวิภาต (2532:2) ได้กล่าวไว้วา่ ทัศนคติเป็นความคิดทีม่ อี ารมณ์เปน็ สว่ นประกอบ ซึ่ง อ๊อพเพนไฮม์ (Oppenheim, 1966) ได้ให้คำจำกดั ความของทศั นคติไว้ว่า ทศั นคติ คือ สภาวะ แอลพอร์ท (Allport, 1967) ได้ให้ความหมายของทัศนคติไว้ว่า ทศั นคติ คอื สภาวะความพรอ้ ม ดูบ๊ (Doob, 1967) ได้ให้คำจำกัดความว่า ทัศนคติ คือ การตอบสนองทีม่ คี วามหมายทางสังคม เธอรส์ โตน (Thurstone, 1974) ได้กล่าวไว้ว่า ทัศนคติเป็นผลรวมของมนษุ ย์เกีย่ วกับความรสู้ ึก ไอเซน่ (Ajzen, 1988) ได้ให้ความหมายของทัศนคตไิ ว้ว่า ทัศนคติ คอื อารมณ์ ความรสู้ ึกชอบ 17 จากความหมายของทัศนคติที่กล่าวมาแล้วน้ัน แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของการมอง 18 3. เทคนิคการวดั ทัศนคติของเทอรส์ โตน 19 สเกลเทอร์สโตน ในทางจิตวิทยาและสังคมวิทยาที่ขนาด Thurstoneเป็นเทคนิคอย่างเป็นทางการครั้งแรกเพื่อ วิธีการเปรียบเทียบคู่ของ Thurstone ถือได้ว่าเป็นต้นแบบของวิธีการที่ใช้การกระจายแบบปกติ ปัญหาหลกั ของอัลกอริธึมน้ีคือความไม่แน่นอนเม่ือเทียบกับสดั สว่ นหนึ่งศนู ย์ ซึ่งคืนคา่ z เปน็ บวกหรือ การไล่เบี้ยที่บ่อยที่สุดเม่ือพบความถี่ 1.00-0.00 คือการละเว้น ดังนั้น เช่น Guilford (1954, p. 163) ได้ ด้วยการพัฒนาในภายหลังในทฤษฎีไซโครเมทริก ทำให้สามารถใช้วิธีการปรับขนาดโดยตรง 20 4. เทคนิคการวัดทัศนคติ ลเิ คิร์ท สเกล (Likert Scal) ลิเคิร์ท สเกล (Likert Scal) เป็นวิธีการวัดทัศนคติที่อาศัยผลรวมของค่าคะแนนจากชุดข้อความ (1) กำหนดข้อความเกี่ยวกับทัศนคติที่จะศึกษาขึ้นมาชุดหนึ่ง เช่น ถ้าต้องการใช้ข้อความในการ (2) จำแนกความเห็นในข้อความต่างๆ ออกเป็น 5 ระดับ ด้วยกัน คือ เห็นด้วยอย่างยิ่ง (3) กำหนดค่าคะแนนให้กับระดับความเห็นในข้อ 2 ค่าคะแนนที่กำหนดให้โดยท่ัวไปจะมี (4) นำข้อความที่สร้างขึ้นนั้นไปทำการทดสอบเพื่อตรวจดูความสมบูรณ์และความน่าเชื่อถือ (5) คัดเลือกข้อความทีม่ ปี ระสิทธิภาพมาทำการวิเคราะห์ 21 ในผลลัพธ์ที่ได้ แบ่งได้ 2 ส่วนใหญ่ๆ โดยมีความหมายตามลำดับ ดงั นี้ 22 Mean คือ คา่ คะแนนเฉลีย่ รวมของทกุ ข้อถามทีเ่ หลือหลงั จากมีการตดั ขอ้ ถามในบรรทดั นี้ออกไป สว่ นท่ี 2 เป็นส่วนที่แสดงค่าระดับความเชื่อม่ันของเครอ่ื งมอื พร้อมกบั แสดงจำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม N of Cases แสดงจำนวนผตู้ อบแบบสอบถาม N of Items แสดงจำนวนข้อถามที่นำมาวิเคราะห์ Alpha แสดงคา่ ความเชื่อมน่ั ของเครอ่ื งมอื สรปุ ผล เครื่องมอื ที่ใชม้ ีความเช่อื มั่นเท่ากับ 0.6059 (จากคา่ Alpha) ถือว่าอย่ใู นระดับใช้ได้ แตถ่ ้า มาตรจำแนกความหมาย (Semantic Differentials) มาตรจำแนกความหมาย พัฒนาขึน้ ในปี ค.ศ.1957 โดย Osgood, Suci และ Tennenbaum เพือ่ 23 มาตรจำแนกความหมายประกอบด้วยคุณศัพท์ 2 คำที่มีความหมายตรงกันข้าม (Opposite Adjectives) 24 5. แบบสอบถาม(Questionnaire) แบบสอบถาม หมายถึง รูปแบบของคำถามเป็นชุดๆ ที่ได้ถูกรวบรวมไว้อย่างมีหลักเกณฑ์และ แบบสอบถาม เป็นเครื่องมือวิจัยชนิดหนึง่ ทีน่ ยิ มใช้กันมาก เพราะการเก็บรวบรวมข้อมลู สะดวก โครงสร้างของแบบสอบถาม ด้านหน้าพร้อมคำขอบคุณ โดยคำชีแ้ จงมกั จะระบุถึงจุดประสงคท์ ี่ให้ตอบแบบสอบถาม การนำคำตอบ 2. คำถามเกี่ยวกบั ข้อมูลสว่ นตวั เช่น เพศ อายุ ระดับการศกึ ษา อาชีพ เปน็ ต้น การทีจ่ ะถาม 3. คำถามเกี่ยวกับคุณลกั ษณะหรอื ตวั แปรที่จะวัด เปน็ ความคดิ เหน็ ของผู้ตอบในเรื่องของ การสรา้ งแบบสอบถามประกอบไปด้วยขั้นตอนสำคัญ ดงั น้ี 25 ขนั้ ท่ี 2 กำหนดประเภทของขอ้ คำถาม 2. คำถามปลายปิด (Close Ended Question) เป็นคำถามที่ผวู้ ิจยั มีแนวคำตอบไว้ให้ 26 5. ลกั ษณะของขอ้ ความทีด่ ี ข้อคำถามทีด่ ีของแบบสอบถามนน้ั ควรมลี ักษณะดังน้ี และสองคล้องกบั เรื่อง จนทำให้ผู้ตอบเบื่อหน่ายหรือเหน่อื ยล้า ความหมายของข้อความไม่เหมือนกัน สนใจ สภาพเศรษฐกิจ ฯลฯ ซึ่งจะง่ายต่อการนำมาวิเคราะห์ข้อมลู แตถ่ ้าไม่สามารถระบุได้หมดกใ็ ห้ใชว้ ่า อืน่ ๆ โปรดระบุ ………………. และใช้สถิตอิ ธิบายข้อเทจ็ จริงได้ เพราะปัจจบุ ันนนี้ ิยมใชค้ อมพิวเตอร์ในการวิเคราะหข์ อ้ มลู ดังน้ัน ขน้ั ท่ี 4 การปรับปรุงแบบสอบถาม ขัน้ ท่ี 5 วิเคราะห์คุณภาพแบบสอบถาม 27 1) ความตรงตามเนื้อหา (Content Validity) คือ การที่แบบสอบถามมคี วาม 2) ความตรงตามเกณฑ์ (Criterion-related Validity) หมายถึง ความสามารถของ 3) ความตรงตามโครงสร้าง (Construct Validity) หมายถึงความสามารถของ 2. ความเท่ยี ง (Reliability) หมายถึง เครื่องมอื ที่มคี วามคงเส้นคงวา นั่นคือ เครื่องมอื ที่ ข้ันท่ี 6 ปรบั ปรุงแบบสอบถามให้สมบูรณ์ ขน้ั ท่ี 7 จดั พิมพ์แบบสอบถาม 1. การพิมพแ์ บ่งหนา้ ให้สะดวกตอ่ การเปิดอ่านและตอบ 28 หลกั การสร้างแบบสอบถาม • สอดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงค์การวิจยั แบบสอบถามนานเกินไป 29 3. ในกรณีที่ขอ้ คำถามอาจจะถามในเรื่องของส่วนตัว ผวู้ ิจัยตอ้ งให้ความม่ันใจวา่ ข้อมลู ทีไ่ ด้จะเป็น การเลือกใช้แบบสอบถามในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ดงั นี้ และประหยดั กว่าวธิ ีอื่น ข้อมูลเอง ขอ้ ดอ้ ยของการเกบ็ ข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม มีดังน้ีคือ 30 6.แบบสมั ภาษณ์ เครื่องมือและวิธีการเก็บรวบรวมขอ้ มูล จะต้องกำหนดว่าจะเกบ็ รวบรวมข้อมูลเหลา่ น้ันด้วย แบบสัมภาษณ์ การสัมภาษณ์ (Interviews) อาจเป็นการสัมภาษณ์เดี่ยวหรือกลุ่มก็ได้ การสัมภาษณ์ เป็นการ 1. การสัมภาษณ์แบบเป็นทางการหรือกึ่งทางการ (Formal or Semi-formal interview) ซึ่งใช้ 2. การสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการ (Informal interview) ซึ่งคล้าย ๆ กับการพูด สนทนาอย่าง (1) การสนทนาตามธรรมชาติ (Natural conversation) เป็นการสัมภาษณ์ในรูปแบบของการ (2) การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth interview) เป็นการสนทนาซักถามผู้ให้ข้อมูลหลัก 31 ตวั อย่าง เรื่องที่สมั ภาษณ์........................................................................................................................... หัวข้อในการสัมภาษณ์ ........................................................................................................................................................... 2. ท่านสามารถนำหลกั การความร.ู้ และทักษะทีไ่ ด้ไปส่งเสริมสนับสนนุ กิจกรรมพฒั นา คณุ 3. ข้อเสนอแนะ/ข้อคิดเห็น ลงชือ่ .........................................ผสู้ ัมภาษณ์ 32 7. ความคลาดเคลื่อนและความเท่ยี งตรงในการวดั เครื่องวดั ต่างๆมีการกำหนดสภาวะแวดล้อมในการใช้งาน เราตอ้ งระมัดระวงั การใชเ้ ครือ่ งมอื วดั ต้อง ความหมายทีค่ วรรจู้ กั ผลได้ ตัวอยา่ งเชน่ หาก Rang เท่ากบั -50 0C ถึง 200 0C แล้ว Span จะเทา่ กับ 250 0C ค่าความคลาดเคลื่อน แสดงได้หลายวิธีดงั ตอ่ นี้ ของเครือ่ งมือวัดมีคา่ ± 20C สำหรบั การวดั ทกุ คร้ัง ± 5% FS ของการอ่านเต็มสเกล 5V คา่ ความคลาดเคลื่อนของเครือ่ งมอื วดั นี้มีคา่ ± 0.25 V สำหรบั 3) แสดงเปน็ เปอรเ์ ซ็นต์ของช่วงการวัด (Span) ถ้าความแม่นของเครือ่ งมอื วัดความดันเปน็ ± 4) แสดงเป็นเปอร์เซน็ ตข์ องคา่ ที่อา่ นได้ ถ้าความแม่นของเครื่องมอื วัดเป็น ± 5% การอา่ นค่าที่ 33 ความแม่น (Accuracy) ความสามารถของอุปกรณท์ ีจ่ ะใหค้ ่าทีใ่ กล้เคียงกับคา่ ตามจริงได้เพียงใด ความเทีย่ ง (Precision) ความสามารถของอุปกรณ์ที่จะอ่านค่าๆเดียว ภายใต้สภาพการทำงาน ความเที่ยงสงู ความแม่นต่ำ ความเทีย่ งต่ำ ความแม่นสูง ความเที่ยงสงู ความแม่นสูง 34 8. ประโยชนข์ องการทดสอบคณุ ภาพของเครือ่ งมือประเมินผล 1. เพื่อความเที่ยงตรงถูกต้องสอดคล้องของแบบประเมิน กับสิ่งที่ต้องการจะวดั ซึ่งเปน็ คุณลักษณะของ เครื่องมือวัดผลที่ดจี ะต้องเป็นเครื่องมอื ทีม่ คี ุณภาพจึงจะชว่ ยใหก้ ารวัดผลมีความ ลกั ษณะเครื่องมือวัดผลทีด่ ี เครื่องมือบางชนิดอาจตรวจสอบเพียงบางประการแลว้ แต่ละลักษณะของเครือ่ งมอื รายละเอียด ความเที่ยงตรงหรอื ความตรง (Validity) เปน็ คุณสมบัติของเครื่องมอื ที่สามารถ 1.1 ความเที่ยงตรงเป็นเร่ืองที่อ้างถึงการตคี วามหมายของผลที่ได้จากเครือ่ งมอื ที่ใชใ้ นการทดสอบ 1.2 ความเทีย่ งตรงเปน็ เรอ่ื งของระดับ (Matter of Degree) มิใช่เปน็ ระดับการวัดของเครือ่ งมือ การ 35 1.3 ความเที่ยงตรงจะเป็นความเที่ยงตรงเฉพาะเรื่องทีต่ ้องการวดั เสมอ (Specific to Some Particular 1.4 ความเที่ยงตรงเป็นมโนทศั น์เดีย่ ว (Unitary Concept) หมายความว่าความเทีย่ งตรงเปน็ คา่ ตัวเลข 36 3.2 ความเที่ยงตรงเชิงพยากรณ์ (Predictive Validity) เปน็ คณุ สมบตั ิของเครือ่ งมอื ทีส่ ามารถวดั ได้ตรง ความเทีย่ งตรงเชิงสภาพและความเที่ยงตรงเชิงพยากรณ์ตา่ งก็เป็นคุณสมบตั ิของเครือ่ งมอื ที่ 2. ความเชื่อมนั่ 37 9. การทดสอบความเชื่อถอื ไดข้ องเคร่อื งมือประเมิน ความเชือ่ ถอื ได้ การวัดความเชอ่ื ถือได้เป็นการตรวจสอบเครื่องมอื วดั วา่ ใหผ้ ลการวัดสม่ำเสมอคงทีแ่ น่นอน 1. การทดสอบความเช่อื ถือได้ ค่าความเช่อื ถือได้ของเครือ่ งมือวัดใดๆ หากได้คา่ ทีม่ ากแสดงว่าเครื่องมือวัดนั้นมีความ ตัวอย่างวิธีการทดสอบความเชื่อถือได้ เช่น 1.1 แบบวัดซ้ำ เป็นการทดสอบเครื่องมอื วดั กับกลมุ่ คนกลุม่ เดียวกนั ทั้ง 2 ครั้ง ใน 1.2 แบบคูข่ นาน เป็นการใชเ้ ครื่องมอื วดั สองชดุ ทีม่ วี ัตถุประสงคใ์ นการวดั สิ่ง 1.3 แบบสอดคล้องภายในชุดเดียวกัน เป็นการวดั เพียงครั้งเดียวซึง่ จะเปน็ การลด 38 วิธีทดสอบมี 2 วธิ ีดงั นี้ 1.3.1 แบบแบง่ ครึ่ง เปน็ การแบ่งเครื่องมือวัดเป็น 2 ส่วนในลกั ษณะคู่ขนาน 1.3.2 แบบ Cronbach's Alpha เปน็ คา่ ที่ใชว้ ดั ความสอดคล้องภายใน 2. การเตรียมข้อมูลก่อนการทำการทดสอบความเชื่อถอื ได้ การให้คะแนนต่างๆ จะพบว่าลักษณะหรือระดบั ของขอ้ มลู ของคำตอบจะมีท้ังต่างและเหมือนกัน ซึ่ง 2.1 กรณีคะแนนทีใ่ ห้กับข้อคำถาม มหี น่วยเหมือนกนั ให้พิจารณาข้อคำถามบางขอ้ 2.2 กรณีคะแนนทีใ่ ห้กบั ข้อคำถาม มีหนว่ ยไม่เหมอื นกนั จะต้องปรบั หนว่ ยใหเ้ ป็น 39 เอกสารอ้างอิง เกียรตสิ ดุ า ศรีสขุ .(2552). ระเบียบวิธีวจิ ยั . เชยี งใหม่ : โรงพิมพ์ครองชา่ ง นนทบรุ ี; โรงพิมพม์ หาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช. ราชภัฏพระนคร. โรงพิมพ์มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร.์ พลับบิชชิง่ จำกัด. ที่มาจากหนังสือ : กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษพ์ ลงั งาน กระทรวงพลังงาน. (2555) บทที่2 40 ทม่ี า http://www.plan.doae.go.th/myweb2/Eva.htm http://www.kpsp.ac.th/doc/file/6.%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99 https://ienergyguru.com/2015/09/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1 http://statisticapp.weebly.com/35883623363436173648359436393656362936063639 http://elearning.psru.ac.th/courses/105/Chapter6.pdf |