ข้อใดคือลักษณะของยุค Digital 1.0? *

Digital Transformation หัวใจคือการเปลี่ยนแปลงแนวความคิด (Mindset) ให้พร้อมและยอมรับต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน 

อันเนื่องมาจากการนำเทคโนโลยีมาใช้ในยุคดิจิทัล ซึ่งส่งผลต่อทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษาและด้านสังคม ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ง่ายๆว่าเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วเราต้องยอมรับมันให้ได้ จากนั้นทำความเข้าใจเพื่อรับมือ และใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้นนั่นเอง

ย้อนอดีตจากยุคบุกเบิกดิจิทัล 1.0 สู่ยุคดิจิทัล 4.0

ข้อใดคือลักษณะของยุค Digital 1.0? *

ภาครัฐของไทยตื่นตัวในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จึงมีนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” เป็นโมเดลขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ที่มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาสนับสนุน เพื่อให้ “ทำน้อยแต่ได้มาก” ซึ่งในหลายๆ ประเทศต่างก็มีนโยบายลักษณะนี้เช่นเดียวกันเพื่อรับมือกับยุคดิจิทัล 4.0 เช่น นโยบาย Industry 4.0 ของเยอรมนี นโยบาย Design of Innovation ของอังกฤษ และนโยบาย Smart Nation ของสิงคโปร์ เป็นต้น และวันนี้ก็มีหลายฝ่ายออกมาคาดการณ์ถึงอนาคตโลกในยุค Digital 5.0 กันแล้ว ซึ่งแต่ละฝ่ายก็จินตนาการได้ล้ำหน้าแบบคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว แต่เชื่อว่าอะไรๆ ก็สามารถเป็นไปได้ในโลกใบนี้ด้วย “เทคโนโลยี” และ “ข้อมูล” ที่ก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง


ตัวอย่าง Use Case เกี่ยวกับ Digital Transformation

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ถึงการเปลี่ยนแปลงในอดีตสู่ปัจจุบันของโลกใบนี้ ขอชวนผู้อ่านหลับตา นึกถึงสิ่งต่างๆ รอบตัวท่านที่เปลี่ยนแปลงไปมากในช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้

#1 จากร้านค้าปลีกสู่อีคอมเมิร์ซ

#2 จากแผนที่กระดาษสู่ GPS และ Google Map

#3 จากการโบกแท็กซี่สู่แอพพลิชันเรียกรถแบบ Ride Sharing

#4 จากสาขาธนาคารสู่ Mobile Banking

#5 จากการซื้อเทปสู่การฟังเพลง Steaming ฟรีๆ

จาก Use Case เพียง 5 ตัวอย่างนั้น จะสังเกตได้ว่าผู้เขียนไม่ได้เล่ารายละเอียดใดๆ เลย แต่ผู้อ่านทุกท่านสามารถเข้าใจและนึกภาพของการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน เนื่องจาก Digital Transformation นั้นเกี่ยวข้องกับทุกๆคน ในทุกๆ วัน ตั้งแต่ตื่นไปจนถึงนอนและแม้กระทั่งในขณะนอนหลับเสียด้วยซ้ำ

ประโยชน์จากการปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุค Digital

แบรนด์ต่างๆ ที่ดำเนินธุรกิจเล็งเห็นถึงโอกาสการนำเทคโนโลยีไม่เพียงเพื่อ Disrupt คู่แข่ง แต่นำมา Disrupt ตัวเอง เพื่อการไปต่อในยุคดิจิทัลนี้ ซึ่งประโยชน์ที่ตามมาคือ

  • แบรนด์หรือองค์กรจะเกาะติดอยู่ในทุกๆ ที่ ที่ลูกค้าอยู่ นั่นหมายความว่า ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ช่องทางออนไลน์หรือออฟไลน์ และนำไปสู่การตอบสนองลูกค้าแบบ IWWIWWIWI 
  • แบรนด์หรือองค์กรจะมีข้อมูลของลูกค้าที่เป็นประโยชน์มหาศาล อันได้แก่ ข้อมูลด้านพฤติกรรมต่างๆ ตั้งแต่ความสนใจ การจับจ่ายใช้สอย ตลอดจนความสนใจของลูกค้าแต่ละราย  ดังนั้นจึงเป็นการง่ายในการออกแบบ Customer Journey ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
  • นอกจากประโยชน์จากทั้งสองข้อข้างต้นแล้ว องค์กรยังสามารถนำข้อมูลดังกล่าว มาปรับกระบวนการทำงานทั้งภายในและภายนอกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“Digital transformation for organization is a Process! Not an Event” ดังนั้นการ Transform ต้องดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง ในตอนต่อไปจะมาแนะนำกลยุทธ์ในการเตรียมพร้อมสู่ Digital Transformation กันว่าต้องทำอย่างไรบ้าง

เป็นยุคของ ข้อมูล (Data)  คือ เป็นยุคที่เป็นการนำข้อมูลมากๆ มาประมวลผล เพื่อนำเอาสิ่งที่เป็นสาระสำคัญมาพัฒนาทำให้ Social Media ประสบความสำเร็จมากขึ้นกว่าเดิม โดยการสร้างแอพลิเคชั่น (Application) ที่ให้ความสะดวกสบายแก่ผู้บริโภค หรือความต้องการของผู้ใช้ออกมา โดยการคิดค้น เฟ้นหาจากข้อมูลต่างๆ นำผ่านทางโทรศัพท์สมาร์ทโฟน (Smartphone) และ แท็บเล็ต (Tablet)  

สำหรับหลาย ๆ คน ดิจิทัลคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของเขาอาจจะเป็นของขวัญชิ้นพิเศษจากผู้ให้กำเนิด แต่ไม่ใช่กับ นาย John Vincent Atanasoff นักฟิสิกส์และนักประดิษฐ์ชาวอเมริกันที่ไม่ได้ของขวัญจากพ่อหรือแม่ของเขา กลับกันเขาได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดดิจิทัลคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลก ซึ่งอุบัติขึ้นในช่วงยุค 1930 และนั่นนับเป็นก้าวแรกที่สำคัญของวงการดิจิทัล วงการอินเตอร์เน็ต และวงการเทคโนโลยีของมนุษยชาติจนถึงปัจจุบัน

ดิจิทัลเป็นการแทนความหมายของข้อมูลต่าง ๆ ในรูปแบบของตัวเลข โดยข้อมูลเชิงตัวเลขที่นิยมกันมาถึงปัจจุบันก็คือตัวเลขฐานสอง คือมีแค่ 2 ตัวระหว่าง 1 และ 0 แต่เมื่อนำมาร้อยเรียงกันก็สามารถตีความเป็นข้อมูลต่าง ๆ ให้มนุษย์เข้าใจได้  การเปลี่ยนแปลงของ 1 และ 0 นี้เป็นค่าที่ไม่ต่อเนื่องจึงสามารถนำมาประยุกต์สร้างเป็นดิจิทัลคอมพิวเตอร์ได้ในที่สุด 

Digital Transformation คือ กระบวนการในการนำเทคโนโลยีมาสร้างสิ่งใหม่ หรือเปลี่ยนแปลงสิ่งเก่าจากการดำเนินธุรกิจให้เหมาะสมกับธุรกิจในยุคดิจิทัลที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยครอบคลุมทั้ง 3 มิติ คือ มิติทางกระบวนการธุรกิจขององค์กร มิติทางวัฒนธรรมองค์กร และมิติด้านประสบการณ์ของลูกค้า

ข้อดีที่หลายคนอาจจะตอบได้รวดเร็วของการทำ Digital Transformation ก็คือทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์หรือข้อดีหลัก เพราะการทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นมีมากมายหลายวิธี แต่ข้อดีจริง ๆ ของการทำ Digital Transformation คือความยั่งยืนที่ก่อตัวขึ้นมาจากข้อดีหลายข้อดังนี้ 

1. สร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า (Enhance Customer Experience)

หากหัวใจของการค้าขายคือความต้องการของผู้บริโภค หัวใจของดิจิทัลในวงการธุรกิจคงหนีไม่พ้น “คุณค่าแห่งประสบการณ์ของลูกค้า” หลายบริษัทในปัจจุบันก็เน้นไปที่เรื่องนี้มากขึ้น เพราะยิ่งสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับลูกค้าได้มากเท่าไร ความผูกพันระหว่างองค์กร (หรือแบรนด์) กับ ลูกค้าก็ยิ่งมีมากขึ้น นำไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต 

ตัวอย่างผลจาก Digital Transformation เช่น บริษัทที่สร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าในยุคดิจิทัลได้ชัดเจนอย่าง NETFLIX ที่ทำให้สมาร์ทโฟนเครื่องเดียวของลูกค้าหลาย ๆ คน สร้างกำไรมหาศาลให้กับบริษัท NETFLIX ได้ถึงปีละ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยที่ลูกค้าไม่ต้องนั่งรถออกไปเช่าหรือซื้อดีวีดีเหมือนแต่ก่อน

ข้อใดคือลักษณะของยุค Digital 1.0? *
ข้อใดคือลักษณะของยุค Digital 1.0? *

2. สะสมฐานข้อมูลเชิงลึกได้มากขึ้น 

การเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับองค์กรและลูกค้าในทุกมิติบนระบบดิจิทัลทำให้สามารถหยิบยกมาใช้ง่ายขึ้น โดยใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็นตัวตั้งในการทำความเข้าใจลูกค้าให้มากขึ้น ตัดสินใจด้วยข้อมูลที่มากพอ และกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจรวมไปถึงมองเห็นโอกาสในการทำกำไรต่อเงินลงทุนที่ลงไปได้ด้วย นับเป็นอีกกุญแจดอกสำคัญของ “Digital Transformation” เลยก็ว่าได้

3. เพิ่มความคล่องตัวขององค์กร

ขณะที่ตลาดและความต้องการลูกค้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดยั้ง องค์กรต่าง ๆ ก็พยายามไล่ตามเช่นกัน จนมีคำกล่าวว่า “ตลาดคือนิรันดร์ มีแต่จะเปลี่ยนแปลงไปและมีสิ่งที่องค์กรต่าง ๆ ต้องทำมากขึ้น” แม้กระทั่งองค์กรระดับต้น ๆ ของโลกก็ยังต้องปรับตัว และเพราะ “Digital Transformation” นี้เอง ทำให้องค์กรคล่องตัวมากพอที่จะปรับให้แข่งขันกับคู่แข่งได้มากขึ้น สร้างเครื่องมือใหม่ ๆ  ติดตามเทรนด์ต่าง ๆ ได้ทันท่วงที 

ในวงการธุรกิจ ความคล่องตัวเป็นลักษณะเฉพาะอย่างหนึ่งที่ทำให้การพัฒนาองค์กรไปในทางที่ดีขึ้นได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับกระบวนการทางดิจิทัล เมื่อปรับองค์กรให้สอดคล้องไปกับระบบดิจิทัลแล้ว การขับเคลื่อนองค์กรในมิติต่าง ๆ จึงรวดเร็วและสะดวกขึ้น “ความคล่องตัว” แบบนี้เองที่เรียกกันว่า “Agility” เป็นแนวคิดที่เรียกได้ว่ามาควบคู่กันกับ Digital Transformation เลยทีเดียว

ตัวอย่างที่หลาย ๆ คนเห็นกันชัดเจนในยุคนี้ก็คือการทำงานจากที่บ้านได้ เมื่อ Covid-19 แพร่ระบาดในช่วงแรก องค์กรที่ Digital Transformation ไปเรียบร้อยแล้วก็ทำเพียงแค่ออกคำสั่งให้ทำงานจากที่บ้านได้ พนักงานก็เริ่มงานได้ทันที ต่างกับบางองค์กรที่ต้องติดตั้งระบบใหม่ทั้งหมดโดยใช้เวลาอีกหลายเดือน

แนวคิดสู่การทำ Digital Transformation 

หากจะเริ่มต้นทำกระบวนการนี้ มีมากมายหลายตำราแต่หลัก ๆ จะประกอบไปด้วยใจความใหญ่ ๆ ของแนวทาง 4 แนวทางดังนี้เป็นจุดเริ่มต้น คือ

1. ระบุจุดประสงค์ให้ชัดเจน 

ก่อนที่แต่ละองค์กรจะลงรายละเอียดได้ จำเป็นต้องกำหนดจุดประสงค์ให้แน่ชัดก่อน อย่างเช่นถ้าเป็นธุรกิจด้านไอที ส่วนใหญ่ก็จะใช้จุดประสงค์เกี่ยวกับการเพิ่มคุณค่าของประสบการณ์ด้านดิจิทัลให้แก่ลูกค้า แต่นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น การเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัลนี้จะรวมไปถึงการคิดใหม่และออกแบบใหม่ของภาพรวมในธุรกิจทั้งหมดด้วย กุญแจสำคัญในการเปลี่ยนผ่านมักครอบคลุมจุดประสงค์ต่าง ๆ ดังนี้ 

  1. เพิ่มคุณค่าของประสบการณ์ทางดิจิทัลให้กับลูกค้า เพื่อเชื่อมโยงไปถึงความภักดีต่อแบรนด์ (Brand loyalty) รายได้ และประสิทธิภาพของธุรกิจในภาพรวม 
  2. เพื่อลดต้นทุน ลดขั้นตอนหรือกระบวนการที่ไม่จำเป็น 
  3. เพื่อเพิ่มความคล่องตัวขององค์กร จากการปรับโครงสร้างพื้นฐานขององค์กรสู่ระบบดิจิทัล 
  4. เพื่อค้นหาสิ่งสำคัญที่สุดในการทำธุรกิจ นั่นคือ “ความต้องการเบื้องลึก” ของลูกค้าจากการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ และนำไปใช้ในการตัดสินใจเพื่อสร้างกลยุทธ์การแข่งขันในตลาดต่อไป

2. เรียนรู้และรู้จักเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ 

เป็นไปไม่ได้เลยที่จะลงสนามรบโดยใช้อาวุธไม่เป็น เช่นเดียวกันการทำ “Digital Transformation” เองก็จำเป็นต้องรู้จักเทคโนโลยีสำคัญต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้ เช่น ซอฟแวร์ต่าง ๆ ที่สามารถทำงานแทนคนได้เกือบทั้งหมดแต่เราไม่เคยรู้จัก Internet of Things ที่เชื่อมโยงอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งในองค์กรหรือสินค้าที่สร้างคุณค่าให้ลูกค้าได้ รวมไปถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นคือ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพราะไม่ว่าการทำ Digital Transformation จะได้ประโยชน์เท่าใด ลดต้นทุน สร้างความพอใจให้ลูกค้าได้เท่าใด ก็พังลงในพริบตาด้วยอันตรายจากภัยทางไซเบอร์

3. วางตำแหน่งขององค์กรให้เป็นผู้เชี่ยวชาญวัฎจักรของการบริการแบบดิจิทัล

อนาคตข้างหน้าสำหรับองค์กรแล้วไม่ใช่แค่คำว่า “อะไร” แต่เป็นคำว่า “อย่างไร” เพราะไม่ว่าสินค้าจะมีความซับซ้อนอย่างไร มันก็คือสินค้า แต่องค์กรที่ดีในโลกแห่งดิจิทัลไม่เพียงเน้นที่ตัวสินค้า Digital Transformation ยังเน้นย้ำไปถึงว่าออกแบบสินค้าอย่างไร พัฒนามันอย่างไร จัดการมันอย่างไร และจะปฏิวัติสิ่งนี้อย่างไร เพื่อทำให้องค์กรอยู่ในสนามรบการค้าแห่งโลกดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน มิเช่นนั้นเราจะเป็นเพียงองค์กรที่นำเทคโนโลยีมาใช้เท่านั้น วันหนึ่งที่ทุกองค์กรตามเรามาทันก็เสมือนเราล้าหลังไปเสียแล้ว

4. มองไกลไปถึงแพลตฟอร์มแห่งอนาคต

เมื่อพูดถึงแพลต์ฟอร์มใหม่ ๆ ที่ทุกองค์กรกำลังทำ “Digital Transformation” มีสิ่งที่เราต้องยอมรับว่า วงการดิจิทัลนั้นมีสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาอยู่เสมอ และดิจิทัลที่ล้าสมัยหรือไม่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าก็อัตรธานไป ตัวที่ยังคงอยู่ก็ถูกรวมเข้ากับแพลตฟอร์มใหม่ ๆ  แพลตฟอร์มที่ว่านี้มีทั้งสองมิติคือทั้งหลังบ้าน และหน้าบ้าน 

หลังบ้านคือแพลตฟอร์มที่เป็นดังเครื่องมือต่าง ๆ ขององค์กร หน้าบ้านก็คือแพลตฟอร์มที่สามารถสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้าได้และยังสามารถสร้างผลกำไรให้บริษัทได้ด้วย การจับมือก้าวไปด้วยกันอย่างคล่องตัวของทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านนี้เองจะทำให้การเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัลเป็นไปอย่างราบรื่นในระยะยาว

ตัวอย่างบริษัท 

นับถึงวันนี้มีหลายบริษัทที่นำพาองค์กรอยู่บนกระบวนการนี้ได้อย่างน่าพอใจ หนึ่งในตัวอย่างที่หยิบยกมาพูดถึงในวันนี้คือ บริษัท Nike ที่มีสโลแกนเป็นที่รู้จักกันดีว่า “Just Do It” วันนี้ Nike เปลี่ยนแปลงองค์กรไปกับ Digital Transformation ได้จนถูกเรียกกันในวงการดิจิทัลว่า Nike “Just Did It” จากบริษัทผลิตเครื่องสวมใส่ประเภทรองเท้า เสื้อผ้า นำพาตัวเองสู่การทำ “Digital Transformation” ได้อย่างดีจนหลายคนยังสงสัยตั้งแต่ก่อนการเปลี่ยนแปลงว่าจะนำดิจิทัลมาขับเคลื่อนองค์กรที่ทำธุรกิจด้านเครื่องสวมใส่ได้อย่างไร

ข้อใดคือลักษณะของยุค Digital 1.0? *
ข้อใดคือลักษณะของยุค Digital 1.0? *

NIKE ไม่ใช่บริษัทด้านเทคโนโลยีแต่ก็ประสบความสำเร็จกับ Digital Transformation

Nike เองก็กลัวว่าวงการดิจิทัลและความต้องการของลูกค้าจะกลืนกินบริษัทให้หายไป จึงเริ่มต้นทำ Digital Transformation โดยเน้นไปที่การเก็บข้อมูลในระบบดิจิทัล จากนั้นนำข้อมูลมาวิเคราะห์ ไปสู่การปรับปรุงกลยุทธ์และระบบอีคอมเมิร์ซ การทำการตลาดแบบดิจิทัล การปรับปรุงร้านค้าปลีก การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า รวมไปถึงพัฒนาประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับไปกับระบบออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ทำให้ Nike เปลี่ยนแปลงสินค้าของตัวเองได้ทันกับความต้องการของลูกค้าที่โยงไปถึงแฟชั่นและเทรนด์ต่าง ๆ  จนทำให้ราคาหุ้นของ Nike ทะยานจาก 52ดอลลาร์สหรัฐ ไปถึง88ดอลลาร์สหรัฐในเวลาเพียง 2 ปีหลังจาก Digital Transformation เกิดขึ้น (เพิ่มขึ้นประมาณ 70% ใน 2 ปี และปัจจุบันราคาประมาณ 137 ดอลลาร์สหรัฐ)

รายละเอียดปลีกย่อยของการทำกระบวนการในการนำเทคโนโลยีมาสร้างสิ่งใหม่  ยังมีอีกมากมายนัก แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นแนวคิดหลักที่ควรมีไว้ในใจก่อนที่จะลงมือปั้นองค์กรไปสู่ถนนสายดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ ถ้าคุณมีจุดประสงค์การทำ Digital Transformation ที่ชัดเจนแล้วลำดับต่อไปลองเลือกพิจารณาดูว่าเครื่องมือดิจิทัลไหนที่จะมาช่วยให้การบริหารองค์กรของคุณสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ซึ่งทางทีม Teachme Biz ก็ได้มีการให้คำแนะนำไว้แล้วดังนี้ 

6 เทรนด์เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก ของวงการการบริหารทรัพยากรบุคคล (ภาคต้น)

6 เทรนด์เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก ของวงการการบริหารทรัพยากรบุคคล (ภาคจบ)

Teachme Biz เสนอ 5 เทคโนโลยี ช่วยสนับสนุน Logistics และ Supply chain

เตรียมตัวตอนนี้ก็ยังทัน! Tools ที่จำเป็นสำหรับองค์กรที่ต้องการปรับตัวเพื่อ Work From Home

หรือหากผู้อ่านท่านไหนต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานแบบครอบคลุมทั้งระบบ ที่จะสามารถเป็นก้าวแรกของการทำ Digital Transformation อย่างยั่งยืนได้นั้น TeachmeBiz เองก็มีเครื่องมือให้คุณทำสิ่งนั้นได้เช่นกัน ลองติดต่อเพื่อขอรับคำปรึกษาการปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานจากพวกเราได้เลยครับ

ข้อใดคือลักษณะของยุค Digital 1.0? *
ข้อใดคือลักษณะของยุค Digital 1.0? *

ข้อใดคือลักษณะของยุค Digital 1.0? *
ข้อใดคือลักษณะของยุค Digital 1.0? *

Teachme Biz - Visual SOP Management Platform คือระบบจัดการคู่มือออนไลน์ที่จะเปลี่ยนการจัดการของทั้งคู่มือการทำงาน, Work Instruction, Workflow, หรือ SOP ที่แสนยุ่งยากให้ง่ายด้วยสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว เข้าใจง่ายด้วยภาพและวิดีโอแบบ step-by-step เก็บคู่มือการทำงานของทั้งองค์กรไว้บนออนไลน์ ง่ายแต่ปลอดภัยในการเข้าถึง เป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างมาตรฐาน และเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กรคุณ

ยุคดิจิทัล มีลักษณะอย่างไร

ยุคดิจิทัล (Digital Era) คือ ยุคของอิเลคโทรนิคส์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่มี ความรวดเร็ว ในการสื่อสารการส่งผ่านข้อมูลความรู้ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในสังคมไม่ว่าจะเป็น ข่าวสาร ภาพหรือวิดีโอที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วทุกที่และทุกเวลา

ยุคดิจิทัล 4 ยุค มีอะไรบ้าง

ยุค Digital 4.0 เมื่อโลกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี.
Digital 1.0 เปิดโลกอินเตอร์เน็ต.
Digital 2.0 ยุคโซเชียลมีเดีย.
Digital 3.0 ยุคแห่งข้อมูลและบิ๊กดาต้า.
Digital 4.0 เมื่อเทคโนโลยีมีมันสมอง.

ดิจิตอล 1.0 คืออะไร

Digital 1. ยุคของอินเทอร์เน็ต คำจำกัดความของ Digital 1.0 คืออินเทอร์เน็ต เป็นยุคที่เกิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้เว็บไซต์ และอีเมล์ Digital 1.0 เป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งยิ่งใหญ่จากโลกออฟไลน์มายังออนไลน์ เปลี่ยนจากการส่งจดหมายติดแสตมป์ เป็นเป็นอีเมล์ ... Share.

ลักษณะของธุรกิจดิจิทัลมีอะไรบ้าง

ลักษณะของธุรกิจดิจิทัล ธุรกิจดิจิทัลจะมีลักษณะพิเศษ คือ 1) ทรัพยากรทางกายภาพมีจ านวนน้อย 2) เน้นความสร้างสรรค์ 3) ใช้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีเพื่อสร้างความชาญฉลาด และ 4) มีความรวดเร็วในบริการและการปรับตัว