บัตร สวัสดิการแห่งรัฐ ได้ 500

ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เฮ!! กรมบัญชีกลางเพิ่มวงเงิน 500 บาท ต่อเนื่อง 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค.64)...

Posted by กระทรวงการคลัง : Ministry of Finance on Monday, December 28, 2020

รัฐบาลโอนเงินของขวัญปีใหม่เข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-money) ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีสิทธิ 11 ล้านคน คนละ 500 บาท ระหว่าง 8-10 ธ.ค. 61 ซึ่งเงินในกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว จะไม่จำกัดเวลาในการใช้ ไม่มีการดึงเงินกลับ ซึ่งจะแตกต่างจากวงเงินสวัสดิการซื้อสินค้าธงฟ้า 200/300 บาท ซึ่งต้องใช้จ่ายภายในเดือน ดังนั้นผู้มีสิทธิไม่จำเป็นต้องถอนเงินตอนนี้ เงินของขวัญ 500 บาท ก็จะคงอยู่ในบัตรตลอดไป จนกว่าผู้มีสิทธิมีความจำเป็นต้องใช้ โดยสามารถกดเป็นเงินสดผ่านตู้ ATM กรุงไทย ถอนเงินจากบัตรที่สาขาธนาคารกรุงไทย หรือใช้จ่ายเงินดังกล่าวที่ร้านธงฟ้า รวมทั้งร้านค้าเอกชนอื่นที่รับบัตรสวัสดิการ

บัตร สวัสดิการแห่งรัฐ ได้ 500

ประเด็น – ปลัดกระทรวงการคลังหาทางเพิ่มวงเงินในบัตรคนจน จากคนละ 200 – 300 บาทต่อเดือน เป็น 700 – 800 บาทต่อเดือน พร้อมรับฟังเสียงประชาชน ศึกษาความเป็นไปได้ในการโยกเงินจากค่าเดินทางเป็นค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภค

วันที่ 17 ตุลาคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ ไปหาแนวทางในการเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสำหรับซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค จากปัจจุบันอยู่ที่ 200 – 300 บาทต่อบัตรต่อเดือน ว่า

บัตร สวัสดิการแห่งรัฐ ได้ 500

“กระทรวงการคลังพร้อมศึกษาแนวทางตามที่ได้รับมอบหมายมา ยอมรับว่าที่ผ่านมาได้รับข้อมูลว่าประชาชนที่ได้สิทธิในบัตรสวัสดิการดังกล่าวตามต่างจังหวัด ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้บริการรถไฟ หรือรถ บขส. ซึ่งรัฐได้จัดสรรวงเงินในส่วนนี้ให้ผู้ถือบัตรอย่างละ 500 บาทต่อเดือน ดังนั้นจะศึกษาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงความเป็นไปได้ในการโยกเงินในส่วนนี้ เพื่อไปเพิ่มไว้ในส่วนของการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ร้าน ธงฟ้าแทน”

บัตร สวัสดิการแห่งรัฐ ได้ 500

“ข้อมูลที่ได้รับมาเบื้องต้นพบว่าส่วนใหญ่ต้องการให้เพิ่มวงเงินในการซื้อสินค้าผ่านร้านธงฟ้ามากขึ้น ดังนั้นก็อาจจะเป็นไปได้ที่จะโยกเงินจากสวัสดิการบางส่วนที่ไม่ค่อยได้ใช้บริการมาเพิ่มในส่วนนี้ เช่น อาจจะเพิ่มเป็น 700 และ 800 บาท แต่ยืนยันว่าวงเงินงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 จะยังอยู่ที่ 4.19 หมื่นล้านบาท ไม่ปรับเพิ่มขึ้นแม้จะปรับเพิ่มวงเงินในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ร้านธงฟ้าก็ตาม”

 สำหรับผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ยังสามารถใช้บัตรฯ ต่อไปได้ตามปกติ จนกว่ากระทรวงการคลังจะประกาศให้เริ่มใช้บัตรประชาชนแทน ทั้งนี้ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 0 2109 2345 หรือ Call Center กรมบัญชีกลาง 0 2270 6400 ในวัน เวลาราชการ"

เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 รายงานข่าวจาก กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)สัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงการคลัง ไปพิจารณาหาแนวทางเพิ่มเงินอุดหนุนค่าครองชีพแก่ผู้ถือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่ ที่จะเริ่มเดือนมี.ค.นี้ โดยอยากให้เพิ่มเป็น 500-700 บาทต่อเดือน จากปัจจุบันที่ได้รับคนละ 200-300 บาทต่อเดือน เพื่อให้ช่วยเหลือลดรายจ่ายแก่ผู้มีรายได้น้อย ที่กำลังเผชิญปัญหาค่าครองชีพ ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ยังไม่มีการยืนยันว่า กระทรวงการคลัง จะสามารถปรับเพิ่มวงเงินสวัสดิการ ตามที่สั่งการมาได้หรือไม่ เพราะปัจจุบัน มีการใช้งบประมาณเฉลี่ยปีละ 5 หมื่นล้านบาท และบัตรสวัสดิการรอบใหม่นี้ จะมีการปรับสวัสดิการในด้านอื่นๆ เพิ่มอยู่แล้ว อาทิ หมวดสวัสดิการช่วยเหลือค่าเดินทาง จะมีการใส่วงเงินให้สามารถเลือกขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ รถไฟ หรือรถ บขส.ได้เลย

จะไม่แยกช่องวงเงินเป็นค่ารถไฟ ค่ารถ บขส.เหมือนก่อนเนื่องจากที่ผ่านมาเพื่อให้พื้นที่ต่างจังหวัด ไม่ได้สามารถใช้วงเงินดังกล่าวได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งคาดว่าจำนวนผู้ได้รับสิทธิก็จะมีเพิ่มเช่นกัน จากปัจจุบันมี 13 ล้านคน เป็นเกือบ 20 ล้านคน

ปัจจุบันประชาชนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีสิทธิ ดังนี้

ทุกวันที่ 1 ของเดือน (ไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป)

- วงเงินซื้อสินค้า 200 และ 300 บาทต่อเดือน

- วงเงินซื้อสินค้า ตามมาตรการช่วยเหลือเงินพิเศษ 200 บาทต่อเดือน (เฉพาะเดือนมกราคม 2566)

- ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 100 บาทต่อ 3 เดือน (มกราคม – มีนาคม 2566)

- ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประกอบด้วย ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อเดือน, ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อเดือน, ค่าโดยสารรถ ขสมก.  รถไฟฟ้า (MRT,BTS,ARL) 500 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่อาศัยอยู่ในเขต กทม. และปริมณฑล)

ทุกวันที่ 18 ของเดือน (สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้)

- เงินชดเชยค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ได้ลงทะเบียนกับ กฟน. กฟภ. และกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน)

- เงินชดเชยตามจำนวนเงินที่ชำระค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัส ดิการแห่งรัฐ ที่ได้ลงทะเบียนกับ กปน. กปภ. ที่ใช้น้ำประปาไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน จะได้รับเงินคืนค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาท (ที่ได้ชำระเงินแล้ว) ส่วนที่เกินจาก 100 บาท ผู้ถือบัตรฯ เป็นผู้ชำระเอง)

ทุกวันที่ 22 ของเดือน (สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้)

- เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ)

สำหรับโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ดังกล่าว ได้เปิดให้ลงทะเบียนไปตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน - 31 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา และได้ประกาศผลการลงทะเบียนและผลการตรวจสอบความสัมพันธ์กับกรมการปกครองเป็นขั้นตอนแรก ตามเกณฑ์บุคคลและเกณฑ์ครอบครัว

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประกาศผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านเว็บไซต์  https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof. go.th/ เป็นขั้นตอนต่อไป ภายในเดือนมกราคมนี้ ซึ่งหากมีผู้ที่ตรวจสอบสิทธิแล้วพบว่า ไม่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก สามารถอุทธรณ์การตรวจสอบสิทธิได้ โดยใช้ระยะเวลาตรวจสอบ 15 - 30 วัน

และหากอุทธรณ์แล้วผ่าน จะยังคงได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการย้อนหลังด้วย  ซึ่งคาดว่าจะสามารถใช้สิทธิรอบใหม่ ด้วยการใช้บัตรประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้