การ ให้ เหตุผล ภาษา ไทย

การ ให้ เหตุผล ภาษา ไทย

วิธีการแสดงเหตุผล แบ่งได้ ๒ วิธี คือ
1. วิธีนิรนัย หมายถึง การแสดงเหตุผลจากส่วนรวมไปหาส่วนย่อย มีผลลัพธ์ "แน่นอน" มักจะเป็นเรื่องจริง
หรือสัจธรรม เช่น คนเราเกิดมาก็ต้องตาย
2. วิธีอุปนัย หมายถึง การแสดงเหตุผลจากส่วนย่อยไปหาส่วนรวมแบบที่ผลลัพธ์ไม่จ าเป็นต้องเป็นอย่างนั้นเลย
(ไม่แน่ใจ) เช่น รุ่นพี่เราสอบติดกันเยอะมาก รุ่นเราคงจะเป็นอย่างนั้น
การอนุมานเหตุและผลที่สัมพันธ์กัน มี ๓ ประเภท คือ
1. การอนุมานจากเหตุไปหาผล
2. การอนุมานจากผลไปหาเหตุ
3. การอนุมานจากผลไปหาผล
1. การอนุมานจากเหตุไปหาผล ใช้ความรู้ความเข้าใจที่มีอยู่หาข้อสรุปว่าเหตุที่ปรากฏนั้นจะท าให้เกิดผลลัพธ์อะไร
ตามมา โดยแยกออกมาก่อนว่าส่วนใดเป็นเหตุ (เรารู้เหตุแล้ว) ส่วนใดเป็นผล (ส่วนที่เราคาด) ตัวอย่าง ถ้านักเรียน
เห็นว่าเพื่อนสนิทของนักเรียนตั้งใจเรียนและขยันอ่านหนังสือทุกวัน นักเรียนก็อนุมานเป็นข้อสรุปได้ว่า เพื่อนสนิท
ของนักเรียนคงสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แน่นอน
ตั้งใจเรียนและขยันอ่านหนังสือ(เหตุ)-------การอนุมาน---------สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้(ผล)
2. การอนุมานจากผลไปหาเหตุ ใช้ความรู้ความเข้าใจที่มีอยู่หาข้อสรุปหาเหตุที่ปรากฏนั้น ดังตัวอย่าง ภาคเรียนที่ ๑
นักเรียนชายได้ผลการเรียนพอใช้ทุกคน เราก็อาจอนุมานข้อสรุปอันเป็นเหตุได้ว่า นักเรียนชายคงตั้งอยู่ในความ
ประมาท ไม่เอาใจใส่ในการเรียนเท่าที่ควร ทั้งๆที่ข้อสอบก็ไม่ยาก
นักเรียนชายได้ผลการเรียนพอใช้(ผล)-------การอนุมาน---------ไม่เอาใจใส่ในการเรียน(เหตุ)
3. การอนุมานจากผลไปหาผล เป็นการพิจารณาเหตุการณ์อย่างหนึ่งว่าเป็นผลของเหตุใดเหตุหนึ่ง แล้วพิจารณา
ต่อไปว่าเหตุนั้นอาจจะก่อให้เกิดผลอื่นใดได้อีกบ้าง ตัวอย่าง นักเรียนส่วนใหญ่สอบวิชาคณิตศาสตร์ตก
ปรากฏการณ์นี้เราอาจอนุมานได้ว่า มีเหตุมาจากนักเรียนขาดความรู้ ความเข้าใจ ไม่เอาใจใส่ในการเรียนคณิตศาสตร์
ให้เพียงพอ การไม่เข้าใจคณิตศาสตร์เพียงพอนี้เองเป็นเหตุให้นักเรียนพลอยสอบวิชาฟิสิกส์ตกไปด้วย การสรุปว่า
นักเรียนจะสอบวิชาฟิสิกส์ตก โดยอาศัยผลจากการที่นักเรียนสอบคณิตศาสตร์ตกเช่นนี้ เรียกว่า เป็นการอนุมานจาก
ผลไปหาผล
ไม่เข้าใจคณิตศาสตร์(เหตุ)
ตกคณิตศาสตร์(ผล)-----การอนุมาน----------ตกฟิสิกส์(ผล)

การ ให้ เหตุผล ภาษา ไทย

http://www.mwit.ac.th/~saktong/learn6/86.pdf

การ ให้ เหตุผล ภาษา ไทย

    ๓. การอนุมานจากผลลัพธ์ไปหาผลลัพธ์ เป็นการอนุมานจากปรากฏการณ์หรือเหตุการณ์อย่างหนึ่ง          ว่าเป็นผลลัพธ์ของสาเหตุใด แล้วพิจารณาต่อไปว่า สาเหตุนั้น อาจจะก่อให้เกิดผลลัพธ์อื่นๆ อีก  ตัวอย่างอนุมาน เช่น ตกคณิต (ผลลัพธ์) -> อ่อนคณิต (สาเหตุ) -> ตกฟิสิกส์ (ผลลัพธ์)

เห็นไหมว่าแค่ประโยคบอกเล่าทั่วไปในชีวิตประจำวันเราก็ยังใช้เหตุและผลกันอยู่บ่อย ๆ เหตุและผลมีบทบาทในการตัดสินใจ และช่วยให้เราเข้าใจเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น แต่สำหรับการอ่านหรือการฟังที่มีโครงสร้างภาษาซับซ้อนกว่านี้ เพื่อน ๆ จะต้องใช้ทักษะ ‘การอนุมาน’ เข้ามาเป็นตัวช่วยในการหาข้อสรุปว่าผู้ส่งสารต้องการจะสื่ออะไรกับเรากันแน่

 

 

การอนุมานคืออะไร

การอนุมานคือกระบวนการหาข้อสรุปจากการแสดงเหตุผลที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น การอนุมานมีอยู่ด้วยกัน ๒ รูปแบบ คือ

๑. การอนุมานด้วยวิธีนิรนัย คือการแสดงเหตุผลจากส่วนรวมไปหาส่วนย่อย

๒. การอนุมานด้วยวิธีอุปนัย คือการแสดงเหตุผลจากส่วนย่อยไปหาส่วนรวม

ซึ่งการอนุมานทั้งสองแบบมีรายละเอียดดังนี้

 

 

การอนุมานด้วยวิธีนิรนัย

คือวิธีการแสดงเหตุผล จากส่วนรวมไปหาส่วนย่อย เริ่มจาก หลักทั่วไป (เหตุผลรวม) กับ กรณีเฉพาะ (เหตุผลย่อย) อีกหนึ่งกรณีแล้วจึง สรุป เช่น

ผู้ที่มีอายุ ๑๘ ปีขึ้นไปมีสิทธิ์เลือกตั้ง (เหตุผลรวม)

นภาอายุ ๑๘ ปี (เหตุผลย่อย)

ดังนั้นนภาจึงมีสิทธิ์เลือกตั้ง (ข้อสรุป)

สังเกตว่าการแสดงเหตุผลในตัวอย่างข้างต้น หลักทั่วไปที่ยกมานั้นเป็นกฎเกณฑ์ที่ต้องทำตามและเป็นจริงเสมอ กรณีเฉพาะและข้อสรุปก็เลยเป็นจริงตามไปด้วย การแสดงเหตุผลในตัวอย่างนี้จึงสมเหตุสมผล แต่การแสดงเหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผลก็มีเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น

 

พวกเราทุกคนเป็นคนดี พวกท่านทุกคนก็เป็นคนดี ดังนั้นพวกเราเป็นพวกเดียวกัน

 

การแสดงเหตุผลในตัวอย่างนี้ไม่สมเหตุสมผล เพราะจริง ๆ แล้ว ‘พวกเรา’ กับ ‘พวกท่าน’ อาจ ‘เป็น’ หรือ ‘ไม่เป็น’ พวกเดียวกันก็ได้ ลองมาดูแผนภาพทั้ง ๓ นี้เพื่อให้เห็นภาพกันมากขึ้น

การ ให้ เหตุผล ภาษา ไทย

จากแผนภาพเราจะอธิบายได้ว่า

๑. พวกเราและพวกท่านเป็นคนดี แต่ไม่ใช่พวกเดียวกัน

๒. พวกเราและพวกท่านเป็นคนดี และพวกท่านบางคนเป็นพวกเดียวกันกับเรา

๓. พวกเราและพวกท่านเป็นคนดี และพวกท่านทุกคนเป็นพวกเดียวกันกับเรา

จะเห็นว่าข้อสรุปในตัวอย่างเป็นไปตามข้อสรุป ๓. เท่านั้น แต่ข้อสรุป ๑. และ ๒. ก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่ เมื่อไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่า ‘ต้องเป็นเช่นนั้น’ เราจึงถือว่าการหาข้อสรุปด้วยการอนุมานแบบนิรนัยในกรณีนี้ไม่สมเหตุสมผล

 

 

การอนุมานด้วยวิธีอุปนัย

คือการแสดงเหตุผลจาก ส่วนย่อยไปหาส่วนรวม เริ่มจากข้อมูลหรือกรณีต่าง ๆ แล้วจึงได้ข้อสรุปรวมว่า ‘น่าจะเป็นเช่นนั้น’ ยกตัวอย่างเช่น

อากาศที่ร้อนอบอ้าว ท้องฟ้ามีเมฆมากและมืดครึ้มเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฝนกำลังจะตก

วันนี้อากาศร้อนอบอ้าว ท้องฟ้ามีเมฆมากและมืดครึ้มมาก ดังนั้นวันนี้ฝนน่าจะตก

เนื่องจากข้อสรุปที่ได้จากการอนุมานด้วยวิธีอุปนัยเป็นการสรุปจากข้อมูลจำนวนหนึ่ง ข้อสรุปที่ได้จะครอบคลุมข้อมูลต่าง ๆ ว่า ‘น่าจะเป็นเช่นนี้’ แต่ไม่สามารถสรุปชัด ๆ ได้ว่าการแสดงเหตุผลนี้สมเหตุสมผลได้หรือไม่ ข้อสรุปที่ได้จากการอนุมานแบบอุปนัยจึงไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของเหตุผลและข้อมูลข้อเท็จจริงที่มาสนับสนุนการแสดงเหตุผลนั้น ๆ เพราะถ้ามีข้อเท็จจริงมาก มีหลักฐานสนับสนุนมาก ข้อสรุปที่ได้ก็จะน่าเชื่อถือและสมเหตุสมผลมากขึ้น



ตัวอย่างและการนำการอนุมานไปใช้

หลังจากเรียนรู้ทฤษฎีกันมาพอสมควร เรามาลองทำโจทย์จริง ๆ กันเลยดีกว่า เพื่อน ๆ ลองดูข้อสอบ O-Net ปี ๒๕๖๐ ก่อนนะ

ข้อใดอาจอนุมานได้จากข้อความต่อไปนี้ (O-Net ๖๐)

ขนมจีนเป็นอาหารเส้นที่คนไทยนิยมกินกันทั่วไปโดยเฉพาะเมื่ออยู่นอกบ้าน เพราะสะดวกในการให้บริการ เสิร์ฟง่าย และกินง่ายจบในภาชนะใบเดียว เครื่องประกอบการกินขนมจีนแต่ละภูมิภาคคล้ายกันคือ มีเส้นขนมจีน ผักสด เหมือด หรือเครื่องเคียง และน้ำแกงที่ราด ซึ่งน้ำแกงจะต่างกันไปตามภูมิภาค ภาคเหนือมีน้ำเงี้ยว ภาคกลางมีน้ำยา น้ำพริก ภาคอีสานมีน้ำงัว และภาคใต้มีแกงไตปลา เป็นต้น

๑. คนไทยชอบกินขนมจีนมากกว่าข้าว

๒. ขนมจีนเป็นอาหารที่อร่อยและราคาไม่แพง

๓. ขนมจีนแต่ละภาคเป็นอาหารที่ต้องใช้ฝีมือในการปรุง

๔. อาหารประเภทขนมจีนนับได้ว่าเป็นอาหารพื้นบ้านของทุกภาค

๕. อาหารเส้นมีคุณค่าทางโภชนาการสูงเพราะมีผักสดและเครื่องเคียง 

มาเริ่มวิเคราะห์โจทย์กันเลย บทความข้างต้นมีการแสดงเหตุผลว่า “ขนมจีนเป็นอาหารเส้นที่คนไทยนิยมกินกันทั่วไปโดยเฉพาะเมื่ออยู่นอกบ้าน เพราะสะดวกในการให้บริการ เสิร์ฟง่าย และกินง่ายจบในภาชนะใบเดียว” สังเกตุจากคำสันธาน ‘เพราะ’ จากนั้นจึงพูดถึงการกินขนมจีนของคนไทยในภาคต่าง ๆ ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีกสาน และภาคใต้ โดยชี้ให้เห็นถึงจุดที่เหมือน และจุดที่แตกต่างกัน เมื่อวิเคราะห์โจทย์เรียบร้อย จากนั้นก็มาดูตัวเลือกได้เลย

๑. คนไทยชอบกินขนมจีนมากกว่าข้าว

ตัดไปได้เลย เพราะไม่มีส่วนไหนในบทความพูดถึงข้าวเลย

๒. ขนมจีนเป็นอาหารที่อร่อยและราคาไม่แพง 

ตัดได้เลย เพราะในบทความก็ไม่พูดถึงราคาของขนมจีนเหมือนกัน

๓. ขนมจีนแต่ละภาคเป็นอาหารที่ต้องใช้ฝีมือในการปรุง 

ตัดได้อีก เพราะในบทความไม่พูดถึง ‘ฝีมือในการปรุง’ ขนมจีนเลย พูดถึงแค่การกินขนมจีนของคนไทยในแต่ละภาค

๔. อาหารประเภทขนมจีนนับได้ว่าเป็นอาหารพื้นบ้านของทุกภาค

ถ้าใช้การอนุมานแบบอุปนัย ข้อนี้น่าจะถูกต้องที่สุด เพราะบทความมีการกล่าวถึงการกินขนมจีนของคนไทยทั้งสี่ภาค ในเมื่อทุกภาคมีการกินขนมจีน การจะสรุปว่าขนมจีนเป็นอาหารพื้นบ้านของทุกภาคก็ทำได้อยู่ 

๕. อาหารเส้นมีคุณค่าทางโภชนาการสูงเพราะมีผักสดและเครื่องเคียง 

ตัดได้เลย เพราะถึงในบทความจะพูดถึงผักสดเครื่องเคียง แต่ไม่พูดถึงคุณค่าทางโภชนาการของขนมจีนเลย

จากการอนุมานแบบอุปนัย เราจะสรุปได้ว่า ‘อาหารประเภทขนมจีนนับได้ว่าเป็นอาหารพื้นบ้านของทุกภาค’ และเลือกตอบข้อ ๔. ซึ่งเป็นคำตอบที่ถูกต้องนั่นเอง

การ ให้ เหตุผล ภาษา ไทย

เนื้อหาว่าซับซ้อนแล้ว แต่ข้อสอบก็ซับซ้อนเข้าไปอีกกกก แต่เพื่อน ๆ สามารถไปตะลุยข้อสอบ O-Net ภาษาไทย ม.6 กันต่อได้ ฝึกฝนบ่อย ๆ รับรองว่าต้องเก่งขึ้นแน่นอน แต่เรื่องราวของภาษากับเหตุผลยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะยังมีบทเรียนเรื่องการอนุมานจากเหตุและผลที่สัมพันธ์กันด้วย ดังนั้นทำข้อสอบเสร็จแล้วอย่าลืมดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน StartDee แล้วไปเรียนภาษาไทยกันต่อด้วยนะ