คะแนน ielts ควรได้ เท่า ไหร่

สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว ScholarShip.in.th วันนี้เรากลับมาพบกันอีกแล้วนะครับ และเราก็มีสาระดีๆมาฝากอีกเช่นเดิมครับผม เชิญรับชมได้เลยครับ

เชื่อว่าหนึ่งในความฝันของเพื่อนๆ คือ การได้ไปเรียนเมืองนอก การไปเรียนเมืองนอกนั้นไม่ได้ยากอย่างที่หลายๆคนคิดครับ เพียงแค่ได้ภาษาคุณก็มีสิทธิ์ไปเรียนเมืองนอกได้ง่ายๆครับผม

วันนี้เราจะมีดูกันครับว่าหากเราใช้คะแนน IELTS ในการไปเรียนต่อเมืองนอกจะต้องใช้คะแนนเท่าไหร่

 

คะแนน ielts ควรได้ เท่า ไหร่

 

ประเทศอังกฤษและสหราชอาณาจักร

คะแนน ielts ควรได้ เท่า ไหร่

สถาบันทั่วไปนั้น มีผลคะแนน 6.0 ก็สามารถสมัครได้แล้ว ส่วนมหาวิทยาลัยระดับกลาง เช่น University of Nottingham, University of Sussex, University of Leeds หรือสถาบันอันดับประมาณ 100-200 แรกของโลก มักจะต้องการคะแนน IETLS ประมาณ 6.5

แต่ถ้าเป็นในส่วนของสถาบันระดับสูงอย่างเช่น University of Oxford หรือ University of Cambridge ซึ่งอยู่อันดับต้นๆของโลก จะต้องการคะแนน IELTS 7.0 ขึ้นไป แถมในทุกทักษะต้องไม่ต่ำกว่า 6.5 ด้วยนะจ๊ะ

 

ประเทศออสเตรเลีย และประเทศนิวซีแลนด์

คะแนน ielts ควรได้ เท่า ไหร่

คะแนน IELTS ระดับ 6.0-6.5 ก็สามารถสมัครเข้าเรียนต่อในสถาบันส่วนใหญ่ได้แล้ว

 

ประเทศสหรัฐอเมริกา

คะแนน ielts ควรได้ เท่า ไหร่

สำหรับมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกา จะใช้คะแนนตั้งแต่ 6.5 – 7 คะแนน ซึงส่วนมากจะเป็นมหาวิทยาลัยที่ติด 100 อันดับแรกของโลกและแน่นอนครับว่า Stanford University, Harvard University หรือ Princeton University ย่อมใช้ 7.0 คะแนนขึ้นไปครับผม และในแต่ละทักษะ ต้องมีคะแนนไม่น้อยกว่า 6.5 อีกด้วย

 

ข้อมูลที่ยกตัวอย่างมานี้ เป็นเพียงคะแนนในระดับที่สถาบันพิจารณารับแล้วสามารถเข้าเรียนได้เลย ไม่ต้องเรียนภาษาเพิ่ม โดยไม่การันตีว่าคะแนน IELTS เท่านี้จะได้เรียนแน่นอน เพราะว่ายังมีอีกหลายปัจจัยที่มหาวิทยาลัยใช้พิจารณา

 

เพราะฉะนั้นนอกจากจะสอบ IETLS ให้ได้คะแนนสูงแล้ว ยังต้องทำเกรด ประวัติส่วนตัว กิจกรรมต่างๆ หรือผลงานในสาขาที่สมัครให้ดีด้วย เพื่อโอกาสในการเรียนต่อที่มากขึ้นนั่นเองล่ะครับ

 

เป็นยังไงกันบ้างครับ เพื่อน ๆ สำหรับเกณฑ์คะแนน IELTS ที่ใช้ในการเรียนต่อเมืองนอก หวังว่าเพื่อนๆ เห็นคะแนนแล้วจะนำไปเป็นแรงจูงใจในการเรียนภาษากันนะครับผม

สำหรับวันนี้ พี่ๆ IEC Abroad ขอมาแนะนำ IELTS Scoring System หรือวิธีการคิดคะแนนไอเอลแบบง่ายๆ ที่ทุกคนเข้าใจได้ง่ายๆ มาฝากกันค่ะ อย่างที่น้องๆเข้าใจว่ามหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ ทั้งประเทศอังกฤษ, ออสเตรเลีย, แคนาดา และอเมริกา มักจะให้นักเรียนต่างชาติยื่นคะแนนสอบไอเอล ในการสมัครเข้าศึกษาต่อ เพื่อที่จะมั่นใจว่า นักเรียนสามารถเข้าใจและสื่อสารภาษาอังกฤษได้

โดยน้องๆหลายๆคนอาจจะสงสัยว่า จะมั่นใจได้อย่างไร ว่าเราควรเตรียมตัวในการสอบอย่างไร เพื่อให้ได้คะแนนที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น การที่น้องๆเข้าใจ structure ของการสอบ และ เข้าใจเกณฑ์การให้คะแนน จะทำให้น้องๆสามารถเตรียมตัวสอบได้อย่างดีที่สุดเลยแหละค่ะ

The IELTS Scoring System

1. IELTS overall band score และ คะแนนของแต่ละ section คืออะไร?

เมื่อน้องๆ ได้รับผลคะแนนไอเอล น้องๆจะได้คะแนนทั้งหมด 5 bands ซึ่งเป็นคะแนนของ section ต่างๆ (listening, reading, writing และ speaking) รวมไปถึงผลคะแนนรวมทั้งหมด หรือที่เรียกว่า Overall band score โดยคะแนนทั้งหมด จะเริ่มต้นตั้งแต่ Band 0 ไปถึง 9 ซึ่งการเพิ่มคะแนนจะเป็นการเพิ่มทีละ 0.5 คะแนน

น้องๆสามารถ คำนวนคะแนน IELTS overall ได้จาก การรวมคะแนนทั้งหมดของแต่ละ section และ นำมาหารด้วย 4 ตามตัวอย่างดังนี้

  • ตัวอย่างที่ 1 : เมื่อน้องๆได้คะแนน Listening = 6 , Reading = 8, Writing = 6, Speaking = 8 

6 + 8 + 6 + 8 = 28 และนำ 28 ไปการด้วย 4  ทำให้น้องๆจะได้คะแนนเฉลี่ยทั้งหมด เท่ากับ 7 ดังนั้น Overall น้องๆจะได้ 7 ค่ะ

  • ตัวอย่างที่ 2 : เมื่อน้องๆได้คะแนน Listening = 7.5 , Reading = 7.5, Writing = 8, Speaking = 7

7.5 + 7.5 + 8 + 7.5 = 30 และนำ 30 ไปการด้วย 4  ทำให้น้องๆจะได้คะแนนเฉลี่ยทั้งหมด เท่ากับ 7.5 ดังนั้น Overall น้องๆจะได้ 7.5 ค่ะ

  • ตัวอย่างที่ 3 : เมื่อน้องๆได้คะแนน Listening = 6, Reading = 6, Writing = 6.5, Speaking = 6

6 + 6 + 6.5 + 6 = 24.5 และนำ 24.5 ไปการด้วย 4  ทำให้น้องๆจะได้คะแนนเฉลี่ยทั้งหมด เท่ากับ 6.12 ดังนั้น Overall น้องๆจะได้ 6 ค่ะ

  • ตัวอย่างที่ 4 : เมื่อน้องๆได้คะแนน Listening = 7, Reading = 6, Writing = 7, Speaking = 7

7 + 6 + 7 + 7 = 27 และนำ 27 ไปการด้วย 4  ทำให้น้องๆจะได้คะแนนเฉลี่ยทั้งหมด เท่ากับ 6.75 ดังนั้น Overall น้องๆจะได้ 7 ค่ะ

2. วิธีการคำนวนคะแนนของ Listening / Reading section

โดยพาร์ท Listening และ Reading แต่ละหัวข้อจะมีคำถามทั้งหมด 40 คำถาม ซึ่งเมื่อตอบถูกต้องก็จะได้ 1 คะแนน ตามเกณฑ์ของการให้คะแนนทั่วไป

การให้พาร์ท Listening คะแนนจะแบ่งได้ดังนี้

  • เมื่อได้คะแนน 40/40 = Band 9
  • เมื่อได้คะแนน 38-39/40 = Band 8.5
  • เมื่อได้คะแนน 35-37/40 = Band 8
  • เมื่อได้คะแนน 33-34/40 = Band 7.5
  • เมื่อได้คะแนน 30-32/40 = Band 7
  • เมื่อได้คะแนน 27-29/40 = Band 6.5
  • เมื่อได้คะแนน 23-26/40 = Band 6
  • เมื่อได้คะแนน 20-22/40 = Band 5.5
  • เมื่อได้คะแนน 16-19/40 =  Band 5
  • เมื่อได้คะแนน 14-15/40 = Band 4.5
  • เมื่อได้คะแนน 12-13/40 = Band 4
  • เมื่อได้คะแนน 10-11/40 = Band 3.5
  • เมื่อได้คะแนน 8-9/40 = Band 3
  • เมื่อได้คะแนน 6-7/40 = Band 2.5
  • เมื่อได้คะแนน 4-5/40 = Band 2

การให้พาร์ท Readind (Academic) คะแนนจะแบ่งได้ดังนี้

  • เมื่อได้คะแนน 39-40/40 = Band 9
  • เมื่อได้คะแนน 37-38/40 = Band 8.5
  • เมื่อได้คะแนน 35-36/40 = Band 8
  • เมื่อได้คะแนน 33-34/40 = Band 7.5
  • เมื่อได้คะแนน 30-32/40 = Band 7
  • เมื่อได้คะแนน 27-29/40 = Band 6.5
  • เมื่อได้คะแนน 23-26/40 = Band 6
  • เมื่อได้คะแนน 19-22/40 = Band 5.5
  • เมื่อได้คะแนน 15-18/40 =  Band 5
  • เมื่อได้คะแนน 13-14/40 = Band 4.5
  • เมื่อได้คะแนน 10-12/40 = Band 4
  • เมื่อได้คะแนน 8-9/40 = Band 3.5
  • เมื่อได้คะแนน 6-7/40 = Band 3
  • เมื่อได้คะแนน 4-5/40 = Band 2.5
  • เมื่อได้คะแนน 3/40 = Band 2

3. วิธีการคำนวนคะแนนของ Writing / Speaking section

โดยน้องๆจะได้รับโจทย์ 2 ข้อในพาร์ท Writing และจะต้องตอบขั้นต่ำ 150 คำ สำหรับข้อแรก และ ข้อต่อไป ขั้นต่ำ 250 คำ ผู้ตรวจข้อสอบจะประเมินการเขียนของน้องๆ จากวิธีการตอบคำถาม, ความต่อเนื่องของคำตอบ, ตรงประเด็น, การเลือกใช้คำศัพท์ และ แกรมม่า

ส่วนในพาร์ท Speaking ก็จะคล้ายๆกัน ผู้คุมสอบจะถามคำถามน้องๆทั้งหมด 2 คำถาม น้องๆจะต้องตอบให้ตรงประเด็นและชัดเจน ผู้คุมสอบจะประเมินการพูดของน้องๆ จากความตรงประเด็น, การสะกดคำ, การเลือกใช้คำศัพท์ และแกรมม่า

พี่ๆ IEC Abroad หวังว่า น้องๆจะเข้าใจเกี่ยวกับ วิธีการคิดคะแนน IELTS มากขึ้น หลังจากอ่านบทความนี้จบนะคะ และหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาต่อต่างประเทศของน้องๆ ไม่มากก็น้อยค่ะ

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ : แอปติวสอบ IELTS-TOEFL ฟรี

https://edvoy.com/articles/ielts-score-guide/?utm_campaign=Global&utm_medium=email&_hsmi=146919067&_hsenc=p2ANqtz-_YM7MZ6OrIBj-E5SMy87EK3_DxiiaCmRSFdEj3r_QSeqMrHuYCthf9oTy66UKMudSC9q6yu1XDaBiYQEw57v5ap2Wb7Q&utm_content=Team_weekly_newsletter6Aug21&utm_source=crm

Ielts 7 สูงไหม

IELTS 7 ยากไหม ในการสอบวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษเพื่อเอาไว้ใช้สำหรับเรียนต่อต่างประเทศ หากมองในมุมของคนที่ถนัด มีทักษะพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การสอบให้ได้คะแนนไอเอลระดับนี้จัดว่าอยู่ในระดับกลาง อาจค่อนไปทางยากบ้างในบางเรื่องที่ไม่ถนัด แต่สำหรับคนที่พื้นฐานไม่แข็งแรงมาก หรือขาดประสบการณ์ด้านภาษาอังกฤษ ...

สอบไอเอล 5.5 ยากไหม

การสอบ IELTS 5.5 ยากไหม ความสงสัยของหลายคน แต่กับอีกหลายคนที่ไม่ได้มีทักษะในด้านภาษาอังกฤษมาก่อน หรือเป็นคนที่ไม่ค่อยถนัดแต่อยากลองสอบดู การสอบ IELTS ให้ได้คะแนน 5.5 ถือเป็นเรื่องยากในระดับหนึ่งเหมือนกัน จึงเป็นสิ่งที่ต้องพยายามศึกษาและทำความเข้าใจอย่างถูกต้อง เพื่อทำให้ตนเองมีผลคะแนนดีตามที่ตนเองคาดหวังเอาไว้เช่นกัน

Ielts 8.0 คืออะไร

ผลคะแนนสอบ IELTS ระดับ 8 (Band 8 Very good user) มีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษดีมาก สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วถูกต้อง แต่อาจมีข้อผิดพลาดบ้าง และความไม่เหมาะสมบ้าง สามารถให้เหตุผลได้ดี

คะแนนไอเอลคืออะไร

IELTS (International English Language Testing System) เป็นการสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อประเมิณทักษะของผู้ที่ต้องการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสารสำหรับการทำงาน การศึกษา หรือการย้ายถิ่นฐาน