แนวคิด การสร้างความเชื่อ มั่น

การพัฒนาทักษะการโค้ชให้กับหัวหน้างานเพื่อนำไปใช้ประกอบกับการสอนในแบบต่างๆ ในการเปลี่ยนแปลงความคิด ความรู้สึก ของบุคลากรภายในทีม เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะวันนี้คำแนะนำของหัวหน้างานบางครั้งอาจไม่ค่อยได้ผล เพราะแต่ละคนก็มีความเชื่อที่ต่างกัน ดังนั้นทักษะการโค้ชอาจช่วยหัวหน้างานได้

Show

วันนี้อยากจูงใจให้หัวหน้างานลองใช้ ทักษะการโค้ชของหัวหน้างาน (On the Job Coaching) ในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับทีมงาน เพราะบุคลากรบางคนขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง จินตนาการแต่ความกลัว มีความเชื่อที่เป็นข้อจำกัดของตัวเอง ซึ่งหัวหน้างานสามารถช่วยได้ โดยการใช้แนวทางการโค้ช ดังนี้

การสร้างความเชื่อมั่นให้ทีมงานควรมุ่งเน้นเรื่อง
คุณสมบัติเด่นของพนักงาน
ทักษะและความสามารถของพนักงาน
เรื่องที่พนักงานภาคภูมิใจ
ประสบการณ์ที่ดีๆในอดีต

แนวคิด การสร้างความเชื่อ มั่น

หัวหน้างานอาจสังเกตพนักงานที่ไม่ค่อยกล้าแสดงออก หรือมีคำพูดเชิงลบเกี่ยวกับตัวเอง ปฏิเสธงานยากๆ และกังวลกับผลงานของตัวเองอยู่บ่อยๆ อาจเรียกคุยแล้วใช้คำถามของโค้ชแทนการแนะนำดู อาจกระตุ้นให้พนักงานคนนั้นเชื่อมั่นมากขึ้น ดังนี้ครับ
เธออยากมีความเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้นหรือไม่?
ถ้าเธอเกิดความเชื่อมั่นแล้วจะส่งผลกระทบกับเธอในเรื่องที่ดีอะไรบ้าง?
ลองบอกคุณสมบัติเด่นของเธอให้ฟังหน่อยว่ามีอะไรบ้าง?
เธอมีเรื่องภาคภูมิใจเรื่องอะไรบ้าง? ที่อยากเล่าให้ฟัง
เธอคิดว่า ทักษะและความสามารถที่เธอมีอยู่และเป็นสิ่งที่เธอเชื่อมั่นคือทักษะใดบ้าง?
คุณอยากเล่าประสบการณ์ดีๆของเธอเรื่องใดให้ฟังบ้าง?

การกระตุ้นและใช้คำถามเชิงบวกให้พนักงานได้คิดด้านดีๆ ของตัวเอง จะช่วยกระตุ้นให้พนักงานเกิดความเชื่อมั่นในตัวเองเพิ่มขึ้น เพราะความคิดและความรู้สึกที่ดีแล้วย่อมส่งผลให้เกิดกำลังใจในตัวเองมากขึ้น การที่หัวหน้าทำให้พนักงานสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้เอง ย่อมดีกว่าแนะนำโดยตรงครับ แนวความคิดนี้เป็นประสบการณ์ที่ผมใช้อยู่ในการโค้ช ลองประยุกต์ใช้ดูตามความเหมาะสมครับ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ความเชื่อมั่นไม่ว่าจะเป็นของหน่วยงาน องค์กร นั้นเป็นส่วนสำคัญต่อการปะสบผลสำเร็จของธุรกิจไม่ว่าจะสมัยไหน ความเชื่อมั่นนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องมาจากความน่าเชื่อถือ ความน่าเชื่อถือทำให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนไปได้ในโลกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ใดๆ จะเล็กหรือใหญ่ หากไม่มีความน่าเชื่อถือเกิดขึ้นแล้ว ความเชื่อมั่นของลูกค้าย่อมจะไม่พึงบังเกิด จะเห็นได้ว่า ความน่าเชื่อถือ และความเชื่อมั่นนั้นสำคัญกับธุรกิจทุกประเภท ความน่าเชื่อถือนั้นไม่ได้มีความสำคัญเพียงแต่ชื่อเสียง หรือผลิตภัณฑ์ที่ได้คุณภาพเท่านั้น องค์ประกอบในภาพรวม ไม่ว่าจะรูปลักษณ์ขององค์กร สภาพแวดล้อม ตัวของผลิตภัณฑ์ แม้กระทั่งพนักงานขององค์กร ล้วนแล้วแต่สำคัญ ต่อการสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้า ต่อองค์กร ความน่าเชื่อถือที่ก่อให้เกิความเชื่อมั่นนี้ สามารถสร้างได้ อาจจะพออนุมานได้ดังนี้

ตระหนักถึงความสำคัญ

การตระหนักถึงความสำคัญนี้ คือการให้ค่า ให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ สภาพแวดล้อม พนักงาน เพราะทุกองค์ประกอบคือกลไกสำคัญที่จะขับเคลื่อนให้ธุรกิจก้าวหน้าได้

การเพิ่มแรงจูงใจ

ในกรณีนี้สามารถมุ่งเน้นได้ทั้งตัวผลิตภัณฑ์ สภาพแวดล้อมและพนักงาน สังคมปัจจุบันนี้แรงจูงใจเป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าสิ่งใด แรงจูงใจของผลิตภัณฑ์ อาจจะลดราคาหรือเพิ่มข้อเสนอพิเศษเพื่อให้มียอดขายมากขึ้น การให้การบริการหลังการขาย เป็นต้น แรงจูงใจต่อสภาพแวดล้อม การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในองค์กร สามารถทำให้ผู้ร่วมงานมีความสุข เมื่อพนักงานมีความสุข แรงจูงใจในการทำงานให้เป็นไปตามเป้าก็จะสำเร็จได้โดยง่าย และการสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงาน อาจจะเพิ่มสวัสดิการเล็กๆน้อยๆ เช่นพนักงานที่ไม่เคยขาด ลา มาสายก็มีรางวัลตอบแทนให้ในตอนปิดงบประจำปี การใส่ใจพนักงานในเรื่องเล็กๆน้อยๆเช่นนี้นอกจากจะเพิ่มกำลังใจในการทำงานให้กับพนักงานแล้ว องค์กรก็จะมีสภาพแลดล้อมที่ดีขึ้นในทุกๆด้าน

การให้อำนาจการตัดสินใจของผู้ใต้บังคับบัญชา

การให้อำนาจการตัดสินใจของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา นอกจากจะแบ่งภาระของหัวหน้างานแล้ว ยังสามารถเพิ่มความเชื่อมั่นในตัวของผู้ใต้บังคับบัญชาว่าตนเองก็มีความสามารถเช่นกัน

การเพิ่มทักษะในสายงาน

งานบางประเภทอาจจะทำซ้ำๆเป็นตาราง การเพิ่มบทบาทและหน้าที่เพิ่มให้กับพนักงานนั้น นอกจากจะได้ฝึกฝนตัวเองแล้ว ยังสามารถพัฒนาขีดความสามารถของพนักงานไปในตัวได้ด้วย

การสร้างความสัมพันธ์ในองค์กร

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการสร้างความเชื่อถือและความเชื่อมั่นนั้น คือความสัมพันธ์ของบุคคลากรในองค์กร แม้นหากว่าผลิตภัณฑ์เป็นที่น่าเชื่อถือ เป็นที่ยอมรับ สภาพแวดล้อมดีไม่มีที่ติ ทว่าพนักงานในองค์กรต่างไปคนละทิศละทาง ทำงานตามแต่หน้าที่ของตน ไม่มีความเอื้ออารีต่อเพื่อนร่วมงาน ไม่มีความเชื่อมั่นในเพื่อนร่วมงานหรือองค์กร สิ่งเหล่านี้ก็สามารถทำให้องค์กรมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีได้เช่นกัน การเห็นความสำคัญของคนในองค์กรไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งใด แม่บ้าน พนักงานรักษาความปลอดภัย พนักงานฝ่ายผลิต หรือผู้บริหาร ล้วนแล้วแต่สำคัญด้วยกันทั้งสิ้น ฟันเฟืองทุกชิ้นส่วนทำให้เครื่องจักรแล่นไปได้ ลำพังแต่เพียงบางส่วนแม้เครื่องจักรจะทำงานได้ แต่ผลผลิตที่ออกมาอาจจะไม่สมบูรณ์ฉันใด พนักงานทุกคน ทุกตำแหน่งก็มีความสำคัญต่อองค์กรฉันนั้น

บางครั้งชีวิตการเป็นมนุษย์ออฟฟิศมักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ละเส้นทางมักมีขวากหนามให้ต้องฝ่าฟัน จนแปรเปลี่ยนเป็นการเสียเซลฟ์หรือก่อให้เกิดความมั่นไม่มั่นใจในตัวเอง ไปจนถึงการกังขาว่าเรามีความสามารถจริงๆ ไหมนะ วันนี้เราจะมาแชร์เทคนิคดีๆ ในการเสริมสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง สู่หนทางแห่งการคิดบวก เพื่อก้าวไปสู่ความสุขในการทำงาน และความสำเร็จในหน้าที่การงาน รับรองว่าไม่ยากอย่างที่คิด

แนวคิด การสร้างความเชื่อ มั่น
ความมั่นใจ

เคยรู้สึกแย่กับตัวเองบ้างไหม

 

หากคุณเคยรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่นในออฟฟิศ ทำงานอะไรก็ไม่ค่อยเป็นไปตามเป้าหมาย หรือไม่ค่อยประสบความสำเร็จ จนเกิดความไม่มั่นใจในงานชิ้นต่อไปที่ได้รับมอบหมาย สิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้น กำลังแปลว่าคุณมีความมั่นใจในตัวเองในระดับที่ต่ำมากๆ และนี่จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นในการก่อให้เกิดอุปสรรคในการทำงานแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

ดังนั้นคุณควรที่จะต้องหลุดจากความรู้สึกเหล่านี้ให้ได้เร็วที่สุด เพราะนี่จะส่งผลต่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เผลอๆ อาจจะเสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้างก็เป็นได้ หากสถานการณ์ที่ว่านี้ไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงหรือมีทีท่าว่าจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ

 

เพราะฉะนั้นลองมาดูกันว่า 15 วิธีและเทคนิคดีๆ ในการสร้างความมั่นใจในตัวเอง มีอะไรกันบ้าง

 

15 เทคนิคเสริมสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง

 

1. ค้นหาด้านดีของตัวเอง

 

อันดับแรกเลยคือเราต้องมองดูตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ว่าด้านดีของเราคืออะไร เรามีจุดแข็งตรงไหน เมื่อหาเจอแล้ว ก็ควรนำจุดนี้มาย้ำกับตัวเองไว้เสมอ ว่าเรามีดีนะ เราไม่ได้ด้อยค่าไปกว่าคนอื่น จากนั้นก็ค่อยนำข้อดีของตัวเองเหล่านี้ มาปรับเข้ากับการทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด อีกทั้งถ้าเรารับรู้ว่าตัวเองมีดี ก็จะช่วยเป็นแรงผลักดันให้เรามีความกระตือรือร้นในการทำงานมากขึ้นอีกด้วย

 

2. สนใจในเรื่องราวด้านบวก มากกว่าด้านลบ

 

เรื่องเหล่านี้ ขอบอกเลยว่ามีผลเป็นอย่างมาก เริ่มต้นกันก่อนที่ตัวเอง ด้วยการพยายามสนใจแต่เรื่องที่เป็นบวก อย่าสนใจในเรื่องแย่ๆ หรือเรื่องที่เป็นด้านลบมากจนเกินไป รวมไปถึงการพาตัวเองไปอยู่ในสังคมหรืออยู่ใกล้คนรอบข้างที่มีแต่เรื่องบวกๆ ด้วยล่ะ เพราะถ้าเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแต่เรื่องบวกๆ ก็จะช่วยส่งผลให้จิตใจเราสดใส ทำให้เราอยากทำอะไรมากขึ้น จนก่อให้เกิดความมั่นใจขึ้นมาได้ง่ายๆ

 

หากลองมองกลับกันว่า ถ้าวันๆ เราเสพแต่เรื่องลบๆ อยู่ในสังคมที่มีแต่คำก่นด่า อยู่ใกล้คนรอบตัวที่มีแต่เรื่อง Toxic บอกเลยว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อสภาพจิตใจของเรา 100% เต็มๆ แบบไม่มีหัก ลองคิดง่ายๆ ว่า ถ้าวันนั้นคุณรู้สึกดาวน์ๆ ไม่มั่นใจในตัวเอง แล้วดันเผลอไปเจอพลังงานลบเสริมเข้าไปอีก รับรองเลยว่ามีแต่คำว่าพังแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

แต่ถ้าวันนั้นเราดันรู้สึกดาวน์ แต่โชคดีเจอพลังงานบวกเข้าไป สิ่งเหล่านี้นี่แหละ ที่จะช่วยเปลี่ยนความดาวน์ให้กลายเป็นพลังงานแห่งความสุขขึ้นมาได้

 

3. ทำในสิ่งที่เชื่อ เชื่อในสิ่งที่ทำ

 

หากคิดจะลงมือทำอะไรสักอย่างแล้ว อย่าได้ลังเล จงเชื่อในสิ่งที่เราตัดสินใจเสมอ ว่าสิ่งนั้นจะต้องออกมาดี แต่วงเล็บไว้นิดหนึ่งนะว่า ก่อนจะทำอะไรสักอย่าง จะต้องผ่านกระบวนการคิดให้ถี่ถ้วนเสียก่อน เพราะถ้าเราคิดมาดีแล้ว หากสิ่งที่ทำดันเกิดผิดพลาดจริงๆ ก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจ เพราะเรามั่นใจในสิ่งที่ทำอย่างที่สุดแล้ว

 

4. เลิกใส่ใจคำพูดของคนอื่น

 

การรับฟังความเห็นของคนอื่น จริงๆ แล้วเป็นสิ่งที่ดี หากคำพูดนั้นเป็นสิ่งที่มีเหตุผล เพราะคำพูดเหล่านั้นจะกลายเป็นคำแนะนำ ให้เรานำไปปรับปรุงและพัฒนาตัวเองได้ แต่บางครั้งในบางคำพูดจากคนอื่น ก็ไม่ได้เป็นคำพูดที่มีประโยชน์เสมอไป เพราะฉะนั้นเราควรไตร่ตรองเสมอ ว่าคำวิจารณ์จากคนอื่นที่เราได้รับมีประโยชน์กับตัวเรามากน้อยแค่ไหน หากว่าคำพูดนั้นดูไร้สาระจนเกินไป ก้ไม่ควรเก็บมาคิดมาก จนก่อให้เกิดความไม่มั่นใจในตัวเรา

 

อีกอย่างคือลองเลิกทำอะไรตามความคาดหวังของคนอื่น หรือคิดว่าทำสิ่งนั้นๆ แล้ว จะไม่ถูกใจคนบางกลุ่ม หรือกลัวว่าเขาเหล่านั้นจะมองเราในแง่ลบหรือคิดไม่ดีกับเรา แต่ให้คิดไว้เสมอว่าเราไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจในสิ่งที่เราทำได้

 

5. ยินดีกับความสำเร็จที่ผ่านมา

 

หากเราทำงานชิ้นไหนแล้วประสบความสำเร็จ ไม่ว่าผลงานชิ้นนั้นจะเล็กหรือใหญ่ก็ตาม ควรยินดีกับความสำเร็จนั้นๆ และขอบคุณตัวเองเสมอ เพราะทุกก้าวๆ ในการเดินทางล้วนเป็นสิ่งที่น่าจดจำและน่ายินดีด้วยกันทั้งสิ้น หากวันไหนที่เจออุปสรรค ให้นำความสำเร็จที่ผ่านมา กลับมาเป็นเครื่องเตือนใจว่าเราเคยทำงานชิ้นนี้ไปถึงเป้าหมายได้ จะช่วยเสริมความมั่นใจกับงานที่ชิ้นที่ยากกว่า ว่าเราก็จะผ่านมันไปได้เช่นเดียวกัน

 

6. นำความล้มเหลวมาเป็นบทเรียน

 

แต่หากสุดท้ายแล้วงานชิ้นนั้นยากเกินความสามารถจนเกินไป แล้วสุดท้ายผลออกมาไม่เป็นดังคาด ก็ไม่ควรที่ต้องเสียใจเช่นเดียวกัน แต่ให้นำความล้มเหลวกลับมาเป็นบทเรียน ไม่นำความล้มเหลวมาบั่นทอนจิตใจตัวเองจนเสียความมั่นใจ แต่ให้คิดซะว่านี่คือบทเรียนให้เราพัฒนาตัวเอง และพร้อมต่อสู้กับความท้าทายใหม่ๆ ที่กำลังจะเข้ามาเสมอ ให้ท่องไว้ในใจตลอดว่า ไม่ใครจะพบกับคำว่าชัยชนะหรือประสบความสำเร็จไปได้ในทุกๆ เรื่อง

 

7. อยู่ในโลกโซเชียลให้น้อยลง อยู่ในโลกความจริงให้มากขึ้น

 

จริงอยู่ที่ยุคสมัยสมัยนี้คือยุคแห่งโลกโซเชียล ทุกคนให้ความสนใจและอยู่กับออนไลน์มากขึ้น แต่โลกโซเชียลมักเป็นดาบสองคม และมีตัวอย่างมาให้เราเห็นอย่างต่อเนื่องแล้วว่าโลกโซเชียลไม่ได้มีแต่ด้านดีเสมอไป เพราะฉะนั้นควรเสพเรื่องราวในโลกโซเชียลแต่พอเหมาะ หากพบเจอเรื่องราวดีๆ ก็ให้นำเก็บไว้เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ แต่หากพลังงานด้านลบ ให้รีบมองข้ามหรือลองกด Hide เรื่องนั้นหรือความคิดลบๆ จากบุคคลนั้น ออกไปจากหน้า News Feed ของเราบ้างก็ได้

 

หรืออีกวิธีหนึ่งก็คือลองหักดิบเลิกเข้าสู่โลกโซเชียล แล้วหันมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ออกมาใช้ชีวิต ไปกินอาหารอร่อย ไปเที่ยวที่สวยๆ ไปเที่ยวกับเพื่อนที่พร้อมให้พลังงานบวก รับรองว่าจะช่วยเติมเต็มพลังใจให้คุณได้อีกมากเลยล่ะ

 

8. หาแรงบันดาลใจใหม่ๆ

 

เมื่อออกจากโลกโซเชียล แล้วก้าวสู่ชีวิตจริง หากมีโอกาสได้ไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ หรือพบเจอคนใหม่ๆ ก็อย่าลืมเก็บเกี่ยวแรงบันดาลใจเหล่านั้น นำมาปรับใช้กับชีวิตการทำงาน ไม่แน่ว่าการที่เราได้กับพบคอนเนคชันใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยพลังบวก เราอาจได้ข้อคิดหรือแนวคิดของเขามาเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตของเราก็เป็นได้

 

9. ปรับบุคลิกภาพ

 

เรื่องของบคลิกภาพก็มีผลไม่น้อย ลองปรับเปลี่ยนวิธีการนั่ง เดิน ยืน พูด ตลอดไปจนถึงการเจรจางานกับบุคคลต่างๆ ในบริษัท และอย่าลืมใส่รอยยิ้มและความมั่นใจลงไปในทุกท่วงท่า นอกจากจะช่วยเสริมบุคลิกภาพและความเป็น Professional ของเราแล้ว แน่นอนว่าเราจะได้มีความมั่นใจในตัวเองขึ้นอีกมากเลยทีเดียว

 

10. กล้าออกจาก Comfort Zone

 

บางคนมักจะติดอยู่กับความเคยชิน ทำอะไรเดิมๆ ซ้ำๆ จนกลายเป็นการ Burn Out หรือหมด Passion เพราะฉะนั้นลองก้าวออกจาก Comfort Zone ของตัวเอง แล้วลองทำอะไรที่ท้าทายความสามารถของตัวเอง ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดความผิดพลาดหรือไม่ประสบความสำเร็จ เพราะบางครั้งการรวบรวมความกล้าทำอะไรใหม่ๆ ก็เป็นวิธีการเสริมความมั่นใจชั้นดีด้วยเช่นกัน แถมยังช่วยให้เราปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

 

11. เมื่อทำผิดไป ควรให้อภัยตัวเอง

 

ดังที่กล่าวไปหากลองทำอะไรใหม่ๆ ดันเกิดความผิดพลาด ห้ามโทษตัวเองโดยเด็ดขาด แต่ต้องให้อภัยตัวเองเสมอ เก็บเรื่องราวเหล่านั้นมาเป็นบทเรียน ท้อได้ แต่ห้ามถอย รีบลุกขึ้นมาเจอกับเรื่องใหม่ๆ ให้เร็วที่สุด ให้คิดซะว่ายังสิ่งมีดีๆ รอเราอยู่อีกมากมาย

 

12. หยุดคิดมากในทุกๆ เรื่อง

 

ความคิดมากนี่แหละคือต้นเหตุแห่งความไม่มั่นใจ เพราะฉะนั้นลองเลิกคิดมากกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เลิกกังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น เลิกจมกับความผิดพลาดในอดีต เลิกคิดถึงคำพูดคนอื่นมากกว่าความรู้สึกของตัวเอง และเลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น แต่ให้ทำทุกอย่างด้วยมั่นใจ คิดซะว่าเรื่องที่ทำนั้นไม่มีผิดไม่มีถูก 

 

13. หาเวลาออกกำลังกาย

 

นอกจากจะพัฒนาตนเองทางด้านจิตใจแล้ว ลองหาเวลาไปพัฒนาร่างกายของเราเองด้วยการออกกำลังกายดูบ้าง ด้วยการไปฟิตเนสหรือไปวิ่งตามสวนสาธารณะ อย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้งก็ยังดี เพราะสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้น จะให้ช่วยให้คุณเกิดความรู้สึกในด้านบวกไปพร้อมๆ กันด้วย

 

14. เติมความมั่นใจให้จิตใจตัวเอง

 

เมื่อลองปฏิบัติตามคำแนะนำที่เราให้ไปตามหัวข้อด้านบนแล้ว ให้เราตอกย้ำตัวเองเข้าไปอีกว่าเรามีความมั่นใจที่จะทำสิ่งต่างๆ อยู่เสมอ มั่นใจว่าเราทำสิ่งต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จได้ เพราะบางทีการบอกตัวเองซ้ำๆ จะช่วยกระตุ้นให้ความคิดของเราก้าวเข้าสู่ด้านบวกได้มากขึ้น 

 

15. ฝึกฝนจนกลายเป็นคนเก่ง

 

เมื่อมีความมั่นใจกันแบบเต็มเปี่ยมแล้ว อย่าลืมหันกลับมาฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ เพราะไม่มีใครเก่งค้ำฟ้า แต่การพัฒนาตัวเองนี่แหละ คือสิ่งที่จำเป็นต้องทำ เพราะอย่างไรวันหนึ่งเราต้องกลับไปเจอกับความผิดพลาดและความล้มเหลวอีกแน่ๆ แต่หากเราฝึกฝนตัวเองอยู่เรื่อยๆ เราก็จะสามารถรับมือกับอุปสรรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

 

สรุปเทคนิคการพัฒนาความมั่นใจในตนเอง ก้าวสู่หนทางแห่งความสำเร็จ

 

เรื่องของความมั่นใจ บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องยากที่จะพัฒนา ขอแค่เรามีความตั้งใจที่จะต่อสู้กับทุกปัญหาที่ผ่านเข้ามา หากเรามีมั่นใจแบบเต็มร้อยแล้ว คนที่ได้ประโยชน์ก็คือตัวเราเอง ที่จะสามารถเฉิดฉายในหน้าที่การงานของเรา จนเป็นที่น่าประทับใจของบริษัท หัวหน้างาน และเพื่อนร่วมงาน และนำมาสู่ความก้าวหน้าในอาชีพได้อย่างแน่นอน 

ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ Android

แนวคิด การสร้างความเชื่อ มั่น

เลือกงานที่ใช่ ใช้ชีวิตที่ชอบ ด้วยการค้นหางานที่ง่ายและรวดเร็ว พร้อมทั้งจัดการเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณอัปโหลด ดู และลบได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งานแสนง่าย ด้วยระบบ AI ใหม่ ช่วยค้นหางานที่ตรงใจมากขึ้นถึง 6 เท่า​

ความเชื่อมั่นในตนเองนั้นจะเป็นสิ่งดึงดูดอะไร

คุณจะดึงดูดโอกาสมากขึ้น คนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง จะเป็นคนมีเสน่ห์ หยิบจับอะไรก็ดูมั่นคง แข็งแรง และดูเป็นคนที่มีพลัง สมควรอยู่ใกล้ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คนส่วนใหญ่จะหยิบยื่นโอกาสที่ดีให้คุณ เพราะมันจะสร้างความรู้สึกว่าคุณจะทำสำเร็จได้มากกว่านั่นเอง

ทำไงให้ตัวเองมีความมั่นใจ

15 เทคนิคเสริมสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง.
1. ค้นหาด้านดีของตัวเอง ... .
2. สนใจในเรื่องราวด้านบวก มากกว่าด้านลบ ... .
3. ทำในสิ่งที่เชื่อ เชื่อในสิ่งที่ทำ ... .
4. เลิกใส่ใจคำพูดของคนอื่น ... .
5. ยินดีกับความสำเร็จที่ผ่านมา ... .
6. นำความล้มเหลวมาเป็นบทเรียน ... .
7. อยู่ในโลกโซเชียลให้น้อยลง อยู่ในโลกความจริงให้มากขึ้น ... .
8. หาแรงบันดาลใจใหม่ๆ.

เชื่อมั่นในตัวเองดีอย่างไร

ความมั่นใจจะมาพร้อมความกล้าและพลังในการลงมือทำสิ่งต่าง ๆ เพราะฉะนั้นแค่เรามั่นใจและเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง ก็จะทำให้เรามีแรงที่จะพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ มีแพสชั่นในการทำสิ่งต่าง ๆ อย่างไม่มีอะไรมาปิดกั้น กลายเป็นคนที่มีศักยภาพมากขึ้นพร้อมที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จ

ทำไมถึงไม่มั่นใจในตัวเอง

คนที่ไม่มั่นใจในตัวเองมักจะประสบกับปัญหาความกลัวที่จะเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ ๆ เพราะรู้สึกพอใจกับการทำสิ่งเดิมซ้ำ ๆ หรือเรียกว่าสบายใจใน Comfort Zone นั่นเอง หรือบางครั้งก็อาจมาจากความคิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถพอ กลัวความผิดพลาดจนทำให้ไม่กล้าทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ท้าทาย เช่น ไม่กล้าลงประกวดการแข่งขัน, ไม่กล้าไปเที่ยวคนเดียว, ...