สงวนลิขสิทธิ์ © ๒๕๕๙ - ๒๕๖๕ บริษัท สยามรัฐ จำกัด | นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล | เงื่อนไขข้อตกลงการใช้บริการ เลขที่ ๑๕๘๙ ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ๑๐๗๐๐ ผู้ดูแลเว็บไซต์ นายวิชัย สอนเรือง ดูแลรับผิดชอบข่าว / ภาพ / โฆษณา / ข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ ภาพ-โฆษณา-ข่าว-บทความ รวมถึงข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์สยามรัฐ อยู่ภายใต้โดเมน siamrath.co.th เท่านั้น การรบพม่าที่บางแก้ว พระเจ้ากรุงธนบุรี เสด็จยกทัพหลวงกลับลงมาจากเชียงใหม่ถึงเมืองตาก เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 3 พอดีกองทัพพม่าที่ยกตามครัวมอญมาทางด่านแม่ละเมา ใกล้จะยกมาถึงเมืองตาก จึงมีรับสั่งให้หลวงมหาเทพ กับจมื่นไวยวรนาถ คุมกำลัง 2,000 คน
ยกไปตีทัพพม่า และได้ปะทะกันในวันนั้น พอตกค่ำฝ่ายพม่าก็ถอยหนีไป จึงมีรับสั่งให้ยกกำลังสวนทางที่พม่าถอยหนีไปนั้น ให้พระยากำแหงวิชิตรีบยกกำลังออกไปก้าวสกัดตัดหลังกองทัพพม่า เพื่อตัดรอนกำลังส่วนนี้ให้หมดสภาพไป เมื่อทรงทราบว่า กองทัพพระยากำแหงวิชิต ตีทัพพม่าที่ยกเข้ามาทางด่านแม่ละเมา ให้ถอยหนีกลับไปโดยสิ้นเชิงแล้ว พอกรุงธนบุรีมีใบบอกขึ้นไปว่า มีครัวมอญเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์เป็นอันมาก ก็ทรงประมาณสถานการณ์ได้ว่า คงมีกองทัพพม่า
ติดตามครัวมอญเข้ามาทางนั้นอีก ก็เสด็จยกกองทัพหลวงโดยชลมารค ลงมาจากบ้านระแหง เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 3 รีบมาทั้งกลางวันกลางคืน สิ้นเวลา 5 วันก็ถึงกรุงธนบุรี เมื่อพระองค์เสด็จมาถึง พวกครัวมอญได้อพยพมาถึงกรุงธนบุรี ก่อนหน้านั้นแล้ว พระยามอญที่เป็นหัวหน้ามี 4 คน คือ พระยาเจ่ง พระยากลางเมือง ตละเซี่ยง และตละเกล็บ พระเจ้ากรุงธนบุรีมีรับสั่งให้ครัวมอญ ไปตั้งภูมิลำเนาอยู่ที่ปากเกร็ด แขวงเมืองนนทบุรี และที่สามโคก
แขวงเมืองปทุมธานี และสำรวจได้ชายฉกรรจ์ที่เข้ามาครั้งนั้น จำนวน 3,000 คนเศษ แล้วทรงตั้งพระยาบำเรอภักดิ์ครั้งกรุงเก่า มีเชื้อสายมอญ ให้เป็นที่พระยารามัญวงศ์ มียศเสมอจตุสดมภ์ เป็นหัวหน้าควบคุมกองมอญทั่วไป ส่วนพระยามอญ และพวกหัวหน้า ก็ทรงตั้งให้มียศศักดิ์เป็นข้าราชการทุกคน ครั้นถึงวันจันทร์ แรม 4 ค่ำ เดือน 3
พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงทราบว่า กองทัพกรุง ฯ จะลงมาถึงในวันนี้ จึงเสด็จลงประทับอยู่ที่ตำหนักแพ แล้วให้ตำรวจลงเรือเร็วขึ้นไปคอยสั่งกองทัพ ให้เลยออกไปเมืองราชบุรีทีเดียว อย่าให้ผู้ใดแวะบ้านเป็นอันขาด เรือในกองทัพเมื่อมาถึง ได้ทราบกระแสรับสั่ง ก็เลยมาหน้าตำหนักแพ ถวายบังคมลา แล้วเลี้ยวเข้าคลองบางกอกใหญ่ไปทุกลำ มีพระเทพโยธาคนเดียวที่แวะเข้าที่บ้าน เมื่อทรงทราบก็ทรงพิโรธ และได้ทรงประหารชีวิตพระเทพโยธาด้วยพระหัตถ์
พวกกองทัพทั้งปวงก็เกรงพระราชอาชญา พากันรีบยกกำลังออกไปเมืองราชบุรีตามรับสั่ง ครั้นถึงวันพฤหัสบดี ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 4 พระเจ้ากรุงธนบุรี เสด็จไปทอดพระเนตรค่ายทหารไทย
ที่ตั้งโอบทหารพม่าที่บางแก้ว เมื่อทรงพิจารณาภูมิประเทศแล้ว จึงมีรับสั่งให้ไปตั้งค่ายล้อมพม่าเพิ่มเติมอีกจนรอบ แล้วให็เจ้าพระยาอินทรอภัย ไปตั้งรักษาหนองน้ำที่เขาช่องพราน อันเป็นที่ข้าศึกอาศัยเลี้ยงช้างม้าพาหนะ และเป็นเส้นทางเดินลำเลียงเสบียงอาหารของข้าศึกแห่งหนึ่ง ให้พระยารามัญวงศ์คุมกองมอญที่เข้ามาใหม่ ไปรักษาหนองน้ำที่เขาชะงุ้ม ซึ่งอยู่ในเส้นทางลำเลียงของข้าศึก ด้านเหนือขึ้นไป ระยะทางประมาณ 100 เส้น ในคืนวันข้างขึ้น เดือน 4 พม่าในค่ายบางกุ้ง ยกกำลังออกปล้นค่ายพระยาพิพัฒน์โกษา แล้วปล้นค่ายหลวงราชนิกุลอีก แต่ก็ไม่เป็นผลเช่นเคย พม่าขัดสนเสบียงอาหาร ต้องกินเนื้อสัตว์พาหนะแต่น้ำในบ่อยังมีอยู่ พม่าต้องอาวุธปืนใหญ่น้อยของไทย เจ็บป่วยล้มตาย
จนต้องขุดหลุมลงอาศัยกันโดยมาก ครั้นถึงวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 เวลาบ่าย พระเจ้ากรุงธนบุรีเสด็จทรงม้าไปที่ค่ายหลวงมหาเทพ ซึ่งตั้งล้อมพม่าอยู่ทางด้านตะวันตก มีรับสั่งให้จักกายเทวะมอญเข้าไปร้องบอกแก่พม่าในค่าย ให้ออกมายอมอ่อนน้อมแต่โดยดี งุยอคงหวุ่นจึงขอเจรจากับ ตละเกล็บหัวหน้ามอญที่มาอยู่กับไทย และได้เป็นที่พระยาราม แต่ก็ยังไม่เป็นผล ต่อมาพม่าในค่ายเขาชะงุ้ม ก็ทำค่ายวิหลั่น
บังตัวออกมาปล้นค่ายเจ้าพระยาสุรสีห์ในเวลาเที่ยงคืน แต่ถูกฝ่ายไทยตีแตกกลับไป จากนั้นก็ไปปล้นค่ายจมื่นศรีสรรักษ์แต่ไม่เป็นผล ต้องถอยกลับเข้าค่ายไป ต่อมาเมื่อวันอังคาร แรม 5 ค่ำ เดือน 4 ก็ยกกำลังออกมาปล้นค่ายพระยานครสวรรค์ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านใต้ ตั้งแต่เวลา 3 นาฬิกาจนรุ่งสว่าง พระเจ้ากรุงธนบุรีรีบเสด็จขึ้นไป มีรับสั่งให้กองอาจารย์และทนายเลือก เข้าช่วยรบ จนถึงเวลา 8 นาฬิกา พม่าจึงถอยหนีกลับเข้าค่ายไป ในที่สุดเมื่อวันแรม 15 ค่ำ เดือน 4 งุยอคงหวุ่น และพวกนายทัพนายกองพม่าในค่ายบางแก้ว ก็ออกมายอมอ่อนน้อมทั้งหมด หลังจากที่ฝ่ายไทยล้อมค่ายพม่าได้ 47 วัน ก็ได้ค่ายพม่าทั้ง 3 ค่าย ได้เชลยรวม
1,328 คน ที่ตายไปเสียเมื่อถูกล้อมอีกกว่า 1,600 คน ต่อมาเมื่อวันอังคาร ขึ้น 4
ค่ำ เดือน 5 เวลากลางคืน พม่าในค่ายเขาชะงุ้มก็ทิ้งค่ายหนีกลับไปทางเหนือ กองทัพไทยไล่ติดตามไปฆ่าฟันพม่าล้มตาย และจับเป็นเชลยได้เป็นอันมาก เมื่อหนีไปถึงปากแพรก ตะแคงมรหน่องรู้ว่ากองทัพพม่าเสียทีแก่กองทัพไทยหมดแล้ว ก็รีบยกกำลังหนีกลับไปเมืองเมาะตะมะ พระเจ้ากรุงธนบุรีก็มีรับสั่งให้กองทัพยกติดตามไปจนสุดพระราชอาณาเขต แล้วก็ให้กองทัพกลับคืนมาพระนคร พระราชทานบำเหน็จรางวัลแก่แม่ทัพนายกองผู้ใหญ่ผู้น้อย ตามสมควรแก่ความชอบ
ที่มีชัยชนะพม่าครั้งนี้โดยทั่วกัน |