การคำนวณเงินงวดผ่อนชำระและเงินงวดกำหนดวงเงินให้กู้ให้ใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จริง บวกร้อยละ 1.00 ต่อปี Show หมายเหตุ
อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา (EIR) หมายเหตุ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่ระบุเป็นเพียงตัวอย่างที่คำนวณตามเงื่อนไขที่ใช้ในฉบับนี้เท่านั้น ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันตามเงื่อนไขการกู้ยืมของลูกค้าแต่ละราย โดยคำนวณจากสมมติฐานวงเงินกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 20 ปี ผ่อนชำระตามเงินงวดของผลิตภัณฑ์ คุณสมบัติ / เอกสารที่ใช้สมัครคุณสมบัติเป็นผู้รับบำนาญหรือผู้รับบำเหน็จรายเดือนที่กรมบัญชีกลาง หรือสำนักงานคลังจังหวัด ออกหนังสือรับรองสิทธิให้นำบำเหน็จตกทอดมาเป็นหลักประกันเงินกู้ เอกสารเอกสารส่วนบุคคล
เอกสารแสดงทางการเงินสมุดบัญชีเงินฝากแสดงรายรับเงินบำนาญรายเดือนหรือผู้รับบำเหน็จรายเดือน (ฉบับจริงพร้อมสำเนา) เอกสารหลักประกัน
หมายเหตุ ในกรณีกู้ร่วม ขอให้ผู้กู้ร่วมมายื่นคำขอกู้พร้อมเอกสารของแต่ละท่าน กรมบัญชีกลางทำบันทึกข้อตกลงกับธนาคารและทำหน้าที่หักเงินบำนาญรายเดือนหรือผู้รับบำเหน็จรายเดือนของผู้กู้นำส่งชำระหนี้เงินกู้ให้กับธนาคาร From: ฝ่ายนโยบายสินเชื่อธุรกิจและภาครัฐ [mailto:[email protected]] Sent: Tuesday, December 20, 2022 5:35 PM To: ฉัตรชัย โชติทิฆัมพร Cc: ทอปัด หรรษพงศธร; วราภรณ์ ภูษณรัตน์; พงษ์ศักดิ์ วนานุภัณฑ์; วรพงษ์ นิลวัชราภรณ์; ธิดา จิรไพศาลกุล; เลขาผอ.นส.; เลขาผอ.บสส; ฝ่ายนส-สบป; ฝ่ายนส-สนท Subject: (ตอบกลับ) RE: ขออนุเคราะห์ตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่จะหมดระเวลา (สิ้นเดือนธันวาคม 2565) ในเว็บไซต์ธนาคาร เรียน ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารสำนักงานและกิจการสาขา ฝ่ายนโยบายสินเชื่อธุรกิจและภาครัฐ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่จะหมดอายุสิ้นเดือน ธันวาคม 2565 ดังนี้ ระยะเวลาดำเนินการ ถึง 31 มกราคม 2566 o โครงการบ้าน ธอส. เพื่อสานรัก ปี 2565 o โครงการบ้าน ธอส เพื่อคุณ ปี 2565 o โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อบุคลากรภาครัฐ ปี 2565 ระยะเวลาดำเนินการ ถึง 29 ธันวาคม 2566 From: ฝ่ายนโยบายสินเชื่อธุรกิจและภาครัฐ [mailto:[email protected]] Sent: Tuesday, December 20, 2022 5:35 PM To: ฉัตรชัย โชติทิฆัมพร Cc: ทอปัด หรรษพงศธร; วราภรณ์ ภูษณรัตน์; พงษ์ศักดิ์ วนานุภัณฑ์; วรพงษ์ นิลวัชราภรณ์; ธิดา จิรไพศาลกุล; เลขาผอ.นส.; เลขาผอ.บสส; ฝ่ายนส-สบป; ฝ่ายนส-สนท Subject: (ตอบกลับ) RE: ขออนุเคราะห์ตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่จะหมดระเวลา (สิ้นเดือนธันวาคม 2565) ในเว็บไซต์ธนาคาร เรียน ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารสำนักงานและกิจการสาขา ฝ่ายนโยบายสินเชื่อธุรกิจและภาครัฐ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่จะหมดอายุสิ้นเดือน ธันวาคม 2565 ดังนี้ ระยะเวลาดำเนินการ ถึง 31 มกราคม 2566 o โครงการบ้าน ธอส. เพื่อสานรัก ปี 2565 o โครงการบ้าน ธอส เพื่อคุณ ปี 2565 o โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อบุคลากรภาครัฐ ปี 2565 ระยะเวลาดำเนินการ ถึง 29 ธันวาคม 2566 กรณีที่มีปัญหาข้อมูลเครดิตและต้องการขอสินเชื่อกับธนาคารนั้น ปัจจุบันสถานะบัญชีต้องปกติ ไม่อยู่ระหว่างถูกฟ้องร้องดำเนินคดี หรืออยู่ระหว่างประนอมหนี้ แนะนำให้ผู้กู้ไปตรวจสอบเครดิตกับบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ก่อน จากนั้นนำเอกสารดังกล่าวพร้อมเอกสารการปิดบัญชีเข้าไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารต่อไป a กรณีที่มีอาชีพประจำ แต่ไม่มีสลิบเงินเดือนหรือหนังสือรับรองเงินเดือน ต้องทำอย่างไรกรณีไม่มีหนังสือรับรองเงินเดือน หรือสลิบเงินเดือน ให้ลูกค้าเตรียมเอกสาร ดังนี้ a จะทราบวงเงินกู้ที่สามารถกู้ได้อย่างไรแนะนำให้ลูกค้าเตรียมเอกสาร-สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน a ในการยื่นกู้สามารถติดต่อได้ที่สาขาใดบ้างสามารถติดต่อได้ที่ธอส.ทุกสาขา หรือ www.ghbanksmart.com a กรณีหลักประกันไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของตนเอง แต่เป็นของบิดา/มารดา ต้องทำอย่างไรผู้กู้ทำการเพิ่มชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมในโฉนดก่อนทำการยื่นขอสินเชื่อหรือให้เจ้าของโฉนดมาเป็นผู้กู้ร่วมด้วย (ก่อนโอนกรรมสิทธิ์หรือเพิ่มชื่อฯ แนะนำให้ลูกค้าเตรียมเอกสารส่วนตัวและเอกสารแสดงรายได้มาติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อทำการประเมินวงเงินกู้เบื้องต้นก่อนเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการหากกู้ไม่ได้ ลูกค้าจะได้ไม่เสียเงินฟรี) a คุณสมบัติหลักประกันกรณีขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร หรือปลูกสร้างอาคารบนที่ดินของตนเองหลักประกันที่จะซื้อหรือปลูกสร้างต้องมีลักษณะเป็น โฉนดที่ดิน(นส.4จ) หรือ นส.3ก หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด(อช.2) ธนาคารไม่รับพิจารณาหลักประกันเป็นที่ดิน สปก. และที่ดินเขตป่าสงวน กรณีกู้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเองผู้กู้จะต้องมีกรรมสิทธิ์ในหลักประกันของบ้านที่จะทำ ทั้งนี้หลักประกันต้องมีศักยภาพในการใช้เป็นที่อยู่อาศัย คือมีทางสาธารณะตัดผ่าน สาธารณูปโภคครบเช่นไฟฟ้าและน้ำประปาเข้าถึง a เอกสารประกอบการขอสินเชื่อมีอะไรบ้างเอกสารส่วนตัว– บัตรประจำตัวประชาชน/บัตรข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ เอกสารแสดงรายได้กรณีอาชีพประจำ– หนังสือรับรองเงินเดือน/หนังสือรับรองสิทธิสวัสดิการ กรณีอาชีพอิสระ-Statement เงินฝากย้อนหลัง 12 เดือน เอกสารหลักประกัน– สำเนาหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย/สัญญาวางมัดจำ/สัญญาเช่าซื้อการเคหะแห่งชาติ และหนังสือรับรองยอดคงเหลือ (กรณีกู้ซื้อ) a การขอสินเชื่อมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการยื่นกู้ มีรายละเอียดดังนี้ ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ กู้ใหม่และกู้เพิ่ม ค่าใช้จ่ายในการประเมินราคาหลักประกัน ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม (คิดเหมา) ค่าธรรมเนียม 1,000.- / ราย ค่าธรรมเนียมที่สำนักงานที่ดิน ค่าจดจำนอง ร้อยละ 1 ของวงเงินกู้ ค่าโอนกรรมสิทธิ์ ร้อยละ 2.5 ของราคาประเมิน หรือราคาซื้อขาย โดยใช้ราคาที่สูงกว่าเป็นเกณฑ์ ค่าอากร ร้อยละ 0.5 ตามราคาซื้อขาย แต่ไม่ต่ำกว่าราคาประเมิน a ธนาคารพิจารณาวงเงินกู้จากอะไรธนาคารจะพิจารณาจากเกณฑ์รายได้ หลักประกัน LTV ภาระหนี้สินที่มี รวมถึงประวัติข้อมูลเครดิตต้องปกติ a ระยะเวลาการกู้สูงสุดกี่ปี40 ปี แต่ระยะเวลาการกู้เมื่อรวมกับอายุผู้กู้ต้องไม่เกิน 70 ปี a ธนาคารพิจารณาวงเงินให้กู้อย่างไร (ก่อนมาตรการธปท.)-กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไปพิจารณาวงเงินให้กู้ไม่เกิน 85% ของราคาประเมิน และราคาซื้อขาย -กรณีลูกค้าสวัสดิการ พิจารณาวงเงินให้กู้ไม่เกิน 90-100% ของราคาประเมิน และราคาซื้อขาย a ผู้กู้ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
a ต้องการกู้เพื่อซื้อที่ดินเปล่า สามารถทำได้หรือไม่ไม่สามารถขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่ดินเปล่าได้ แต่สามารถขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคารในคราวเดียวกันได้ a ธอส.มีวัตถุประสงค์การกู้เพื่ออะไรบ้างธอส. ให้สินเชื่อเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สถานะ NPL หรือลูกหนี้ ที่ยังมีสถานะเป็น NPL ที่อยู่ระหว่างการใช้มาตรการ/ปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร (M 21) (8)a ธนาคารจะแจ้งผลการอนุมัติผ่านช่องทางใด?ธนาคารจะแจ้งผลการอนุมัติผ่าน Application GHB ALL BFRIEND และ Line GHB Buddy a ลูกค้าสามารถชำระเงินงวดมากกว่าที่กำหนดไว้ได้หรือไม่?สามารถชำระเงินงวดมากกว่าที่กำหนดไว้ได้ โดยธนาคารจะนำเงินที่ชำระเกินไว้ไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระของลูกค้า (ถ้ามี) a หากมีบัญชีเงินกู้หลายบัญชี สามารถเข้าร่วมมาตรการ M21 ได้ทุกบัญชีหรือไม่?ลูกค้าสามารถลงทะเบียนร่วมมาตรการได้ทุกบัญชีตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของมาตรการนั้นๆ a ลูกค้าสถานะปกติ จะขอเข้าร่วมมาตรการ M21 ได้หรือไม่?มาตรการนี้ธนาคารให้สิทธิเฉพาะลูกค้าที่มีสถานะเป็น NPL a ลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการเดิมอยู่ สามารถเข้าร่วมมาตรการ M21 ได้หรือไม่ อย่างไร?ลูกค้าที่อยู่ระหว่างการประนอมหนี้และยังมีสถานะเป็น NPL สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ M21 ได้ a ลูกค้าต้องใช้เอกสารอะไรบ้างในการลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ (M21)?เอกสารยืนยันรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน ภาพถ่ายกิจการ หรือ Statement เป็นต้น a ลูกค้าสามารถลงทะเบียนเพื่อขอเข้ามาตรการ (M21) ผ่านช่องทางใดได้บ้าง?มาตรการ M21 สามารถลงทะเบียนผ่าน Application GHB ALL BFRIEND ได้ช่องทางเดียว a ลูกค้ากลุ่มไหนบ้างที่สามารถเข้ามาตรการ (M21)ได้?ลูกหนี้ที่มีสถานะเป็น NPL (DPD มากกว่า 90 วันขึ้นไป) และลูกหนี้ต้องกู้เงินจากธนาคารมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ปี (นับตั้งแต่วันที่ทำสัญญาครั้งแรก จนถึงวันที่ยื่นคำร้องเข้าร่วมมาตรการ) มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สถานะ NPLหรือลูกหนี้ที่ยังมีสถานะเป็น NPL ที่อยู่ระหว่างการใช้ มาตรการ/ปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร (M17 และ M22) (7)a ธนาคารจะแจ้งผลการอนุมัติผ่านช่องทางใด?ธนาคารจะโทรศัพท์แจ้งผลการอนุมัติ ตามเบอร์โทรศัพท์ที่ลูกค้าลงทะเบียนเข้ามา a ลูกค้าสามารถชำระเงินงวดมากกว่าที่กำหนดไว้ได้หรือไม่ ?สามารถชำระเงินงวดมากกว่าที่กำหนดไว้ได้ โดยธนาคารจะนำเงินที่ชำระเกินไว้ไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระของลูกค้า (ถ้ามี) a หากมีบัญชีเงินกู้หลายบัญชี สามารถเข้าร่วมมาตรการ/ปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารสำหรับลูกหนี้ “ มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน (M17 และ M22) ได้ทุกบัญชีหรือไม่?ลูกค้าสามารถลงทะเบียนร่วมมาตรการได้ทุกบัญชีตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของมาตรการนั้น ๆ a ลูกค้าสถานะปกติจะขอเข้าร่วมมาตรการ/ปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารสำหรับลูกหนี้ “ มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน (M17 และ M22) ได้หรือไม่?มาตรการนี้ธนาคารให้สิทธิเฉพาะลูกค้าที่มีสถานะเป็น NPL และลงทะเบียนผ่านช่องทางที่กำหนดเท่านั้น a ลูกค้าต้องใช้เอกสารอะไรบ้างในการลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ/ปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร สำหรับลูกหนี้ “ มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน (M17 และ M22)?เอกสารยืนยันรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน ภาพถ่ายกิจการ หรือ Statement เป็นต้น a ลูกค้าสามารถลงทะเบียนเพื่อขอเข้ามาตรการ/ปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร สำหรับลูกหนี้ “ มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน (M17 และ M22) ผ่านช่องทางใดได้บ้าง?ลูกค้าสามารถลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ทาง www.bot.or.th/debtfair ของธปท. หรือลงทะเบียนใน “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้สัญจร” เท่านั้น a ลูกค้ากลุ่มไหนบ้างที่สามารถเข้ามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สถานะ NPLหรือลูกหนี้ที่ยังมีสถานะเป็น NPL ที่อยู่ระหว่างการใช้ มาตรการ/ปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร สำหรับลูกหนี้ “ มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน (M17 และ M22)ได้?มาตรการ M17 ลูกหนี้ที่มีสถานะเป็น NPL (DPD มากกว่า 90 วันขึ้นไป) หรือเป็นลูกหนี้ที่ยังมีสถานะเป็น NPL ที่อยู่ระหว่างการใช้มาตรการ / หรือปรับโครงสร้างหนื้กับธนาคาร มาตรการ M22 ลูกหนี้ที่มีสถานะเป็น NPL (DPD มากกว่า 90 วันขึ้นไป) และลูกหนี้ต้องกู้เงินจากธนาคารมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ปี (นับตั้งแต่วันที่ทำสัญญาครั้งแรก จนถึงวันที่ยื่นคำร้องเข้าร่วมมาตรการ) มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สถานะNPLหรือลูกหนี้ที่ยังมีสถานะเป็น NPL ที่อยู่ระหว่างการใช้ มาตรการ/ปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร ปี 2565 (M20) (7)a ธนาคารจะแจ้งผลการอนุมัติผ่านช่องทางใด?ธนาคารจะแจ้งผลการอนุมัติผ่าน Application GHB ALL BFRIEND และ Line GHB Buddy a ลูกค้าสามารถชำระเงินงวดมากกว่าที่กำหนดไว้ได้หรือไม่?สามารถชำระเงินงวดมากกว่าที่กำหนดไว้ได้ โดยธนาคารจะนำเงินที่ชำระเกินไว้ไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระของลูกค้า (ถ้ามี) a หากมีบัญชีเงินกู้หลายบัญชี สามารถเข้าร่วมมาตรการ (M20) ได้ทุกบัญชีหรือไม่?ลูกค้าสามารถลงทะเบียนร่วมมาตรการได้ทุกบัญชีตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของมาตรการนั้นๆ a ลูกค้าสถานะปกติจะขอเข้าร่วมมาตรการ(M20)ได้หรือไม่?มาตรการนี้ธนาคารให้สิทธิเฉพาะลูกค้าที่มีสถานะเป็น NPL เท่านั้น a ลูกค้าต้องใช้เอกสารอะไรบ้างในการลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ (M20)?เอกสารยืนยันรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน ภาพถ่ายกิจการ หรือ Statement เป็นต้น a ลูกค้าสามารถลงทะเบียนเพื่อขอเข้ามาตรการ (M20)?ลูกค้าสามารถลงทะเบียนผ่าน Application GHB ALL BFRIEND ได้ช่องทางเดียวเท่านั้น a ลูกค้ากลุ่มไหนบ้างที่สามารถเข้ามาตรการ (M20)ได้?ลูกหนี้ที่มีสถานะเป็น NPL (DPD มากกว่า 90 วันขึ้นไป) และลูกหนี้ต้องกู้เงินจากธนาคารมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ปี (ทำสัญญากู้เงินก่อนปี 2564) สินเชื่อ (6)a ธนาคารมีวิธีการคำนวณดอกเบี้ยอย่างไรธนาคารใช้วิธีการคำนวณจากยอดเงินต้นคงเหลือ คูณด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้(%) คูณจำนวนวันในเดือน (30 หรือ 31 วัน) หารด้วยจำนวนวันในหนึ่งปี (365 หรือ 366 วัน) a ลูกค้าเดิมต้องการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยต้องทำอย่างไรลูกค้ารายย่อยสามารถขอลดอัตราดอกเบี้ยในการผ่อนชำระได้ หลังจากผ่อนชำระครบกำหนดระยะเวลา 3 ปี โดยต้องมีประวัติการผ่อนชำระสม่ำเสมออย่างน้อย 24 เดือน และไม่อยู่ระหว่างประนอมหนี้ ลูกค้าสวัสดิการ สามารถขอเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยได้หลังจากครบกำหนดการใช้ดอกเบี้ยปีที่ 2 แต่ต้องตรวจสอบจากบันทึกต่อท้ายสัญญากู้เงินอีกครั้ง เนื่องจากบางโครงการจะกำหนดข้อห้ามเช่น ห้ามปิดบัญชี หรือเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยภายในระยะเวลากี่ปี a อัตราดอกเบี้ยระหว่างบ้านใหม่ และบ้านมือสองแตกต่างกันหรือไม่ไม่แตกต่าง อัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับโครงการที่ลูกค้าเลือกใช้ a การรับเงินงวดค่าปลูกสร้างงวดสุดท้ายต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างกรณีขอเลขที่บ้านใหม่-ใบคำขอเลขที่บ้าน กรณีปลูกสร้างอาคารทดแทนหลังเดิมแต่ไม่ต้องการเปลี่ยนเลขที่บ้าน(กรรมสิทธิ์ในบ้านและที่ดินเป็นของบุคคลอื่นและไม่ได้กู้ร่วม) -ใบรับรองอนุญาตปลูกสร้าง ทด.13 หรือ ทด.14 (ต้องได้รับการรับรองจากสำนักงานเขตหรืออบต.ในพื้นที่ ไม่สามารถใช้เฉพาะเอกสารขออนุญาตรื้อถอนได้) a หากผู้กู้ไม่มีเงินทุนสำรองในการปลูกสร้างธนาคารจะมีวิธีการช่วยเหลืออย่างไรธนาคารจะจ่ายเงินงวดให้แก่ลูกค้าก่อนมีผลงานการก่อสร้าง แต่ธนาคารจะบวกดอกเบี้ยเพิ่มร้อยละ 0.50 ต่อปี จนกว่าจะรับเงินงวดสุดท้ายแล้วเสร็จ a การจ่ายเงินงวดค่าผลงานการก่อสร้าง ธนาคารจ่ายเงินอย่างไรธนาคารจะจ่ายเงินงวดให้แก่ผู้กู้ โดยต้องมีผลงานการก่อสร้างอย่างน้อย 20% หลักเกณฑ์และเงื่อนไข (6)a สามารถขอกู้ตามโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตนได้กี่หลักประกันลูกค้าสามารถใช้สิทธิยื่นกู้ตามโครงการนี้ได้เพียง 1 หลักประกันเท่านั้น ยกเว้นกรณีผู้ประกันตนใช้สิทธิกู้ร่วมกัน และมีการถอนชื่อออกจากการกู้ร่วมและกรรมสิทธิ์ร่วม สามารถใช้สิทธิยื่นคำขอกู้เงินตามโครงการนี้ในหลักประกันถัดไปได้ (โดยต้องยื่นกู้ และทำนิติกรรมได้ตามกำหนดระยะเวลาโครงการ) a เอกสารประกอบการยื่นกู้ตามโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน1.รหัสเข้าร่วมโครงการที่ได้รับทาง Line GHB Buddy a ระยะเวลาโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตนสามารถยื่นกู้ได้ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2565 ถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2566 หรือจนกว่าจะเต็มกรอบวงเงิน และสามารถนิติกรรมได้ถึงวันที่ 31 มกราคม 2567 |