การอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ อย่างมีความสุขนั้นเป็นศิลปะที่สำคัญในการดำเนินชีวิต ความเข้าใจผู้อื่นจึงเป็นกุญแจสำคัญในการที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมี ความสุข โดยเฉพาะในฐานะเพื่อนร่วมงานนั้น ที่ต่างคนมาจากที่ จากสังคม สถาบันการศึกษา สิ่งแวดล้อม และพื้นฐานครอบครัวที่แตกต่างกัน มีกรอบความคิด วัฒนธรรมที่แตกต่างกันมาก่อน จึงเป็นการยากที่จะอยู่ร่วมกันอย่างราบรื่น หากเราไม่พยายามที่จะเข้าใจ เห็นใจ และเรียนรู้ผู้อื่นบ้าง เพราะการเข้าใจถึงความรู้สึกและพฤติกรรมที่มีระหว่างกัน ทำให้ทราบถึงความต้องการของผู้อื่น รวมทั้งการวางบทบาทหน้าที่ที่เหมาะสม จะได้ไม่เกิดความขัดแย้งกับผู้ร่วมงาน
ความสำคัญในการสร้างสัมพันธภาพ การสร้างและการรักษาสัมพันธภาพให้ยาวนานเป็นเรื่องจำเป็น จะต้องมีการสื่อสารระหว่างกันอย่างไร เพราะในช่วงชีวิตของคนทุกคนต้องการคนที่เข้าใจและเห็นใจ ทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบต่างสามารถเป็นครูที่ดีให้กับคุณได้ ดังนั้น การดำรงสัมพันธภาพให้ยั่งยืนและมีความรู้สึกที่ดีๆ ต่อกันจึงต้องประกอบไปด้วย ความเข้าใจผู้อื่น: ก่อนอื่นควรทราบว่า การมีสัมพันธภาพกับผู้อื่นเป็นการเปิดโอกาสให้คุณได้มีความสนใจในสิ่งใหม่ๆ และได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ถ้าเราได้รับมิตรภาพตอบแทน ก็จะเป็นการย้ำให้คุณเกิดความมั่นใจในการสานสัมพันธภาพต่อไป แต่หากได้รับการเพิกเฉยแล้วจะทำอย่างไร สิ่งที่คุณควรคิดก็คือคุณทำสิ่งใดผิดพลาดไปหรือไม่ ระหว่างความสัมพันธ์นั้นมีความผิดพลาดใดเกิดขึ้นบ้าง ปรับปรุงพฤติกรรม : ด้วยวิธีสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่น พยายามเรียนรู้ เข้าใจ และอยู่กับผู้อื่นด้วยดี บ่อยครั้งที่อาจเกิดความรู้สึกขัดแย้งในตัวเอง เพราะการที่คุณมีแนวคิดและทัศนคติที่แตกต่างจากผู้อื่น อาจจะทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวด ณ เวลานั้น อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างทั้งหลายจะเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถของคุณเอง ในอันที่จะพัฒนา วุฒิภาวะของคุณให้เติบโตได้อย่างเต็มที่ นักสังคมวิทยาได้กล่าวถึงองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสัมพันธภาพที่ ดีดังต่อไปนี้ 1.การติดต่อพบปะกัน ขั้นแรกจะต้องมีการติดต่อพบปะพูดคุยกับคนที่เราต้องสร้าง สัมพันธภาพ อาจเคยมีบางคนที่เรารู้สึกถูกชะตาในการทำงานด้วย ชอบเขาและเจอเขาทุกวันในที่ทำงาน แต่ถ้าคุณไม่เคยที่จะติดต่อเขานอกเหนือจากเรื่องงาน มิตรภาพก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นหรือพัฒนาขึ้นเลย โดยปกติของคนส่วนใหญ่ เพื่อนที่ถูกใจที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนเรียนหรือเพื่อนร่วมงาน นั่นเพราะคุณมีกิจกรรมอื่นนอกเหนือเวลางาน ความสัมพันธ์ถึงแนบแน่นขึ้น ไม่ว่าการไปเที่ยว เล่นกีฬา หรือสันทนาการอื่นๆ การพบปะจึงเป็นการเรียนรู้เพิ่มเติม 2.มีความสนใจและประสบการณ์ร่วมกัน คนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกันมักมีหัวข้อสนทนา หรือเรื่องที่จะ นำมาพูดคุยกันได้อย่างง่ายดาย มีความสุขที่ได้พูดถึงสิ่งที่ตนชอบหรือมีประสบการณ์ร่วมกัน การร่วมกันแบ่งปันในสิ่งที่ชอบ เช่น งานอดิเรก สไตล์การทำงาน การเล่นกีฬา การใช้ชีวิตด้านอื่นๆ ด้วยกัน จะทำให้ทราบถึงความสนใจในเรื่องต่างๆ ของแต่ละฝ่ายได้เป็นอย่างดี และเป็นการง่ายที่จะรู้ลักษณะนิสัยซึ่งกันและกัน เพราะทั้งสองฝ่ายมีหัวข้อในการสนทนา ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งคู่รู้จักกันและกันได้ดีขึ้นกว่า เพื่อนร่วมงานทั่วไป 3.ทัศนคติและความเชื่อที่คล้ายคลึงกัน กับเพื่อนร่วมงานที่คุณชอบและสนิทสนมด้วย คุณสามารถสนทนาได้ในทุกเรื่อง สามารถเปิดใจกันได้อย่างมีความสุข คุณต้องการได้ร่วม แบ่งปันทัศนคติและความเชื่อของคุณให้เพื่อนร่วมงานคนนั้นได้รับฟัง แม้ว่าในการสนทนานั้นคุณอาจจะไม่เห็นด้วยกับหัวข้อในการนำมาสนทนานั้นทุก ครั้งก็ตาม ความใกล้ชิดระหว่างมิตรภาพของคุณกับเขาจะทำให้ทั้งสองคนได้ แลกเปลี่ยนกรอบความคิดที่นำมากล่าวอ้างอิง ซึ่งทำให้ความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ของคุณเป็นไปในแนวทางเดียวกัน มีความเชื่อว่าคนที่มีความคิดเห็นเหมือนกัน คนที่มีความคล้ายคลึงกันในหลักการทำงาน ในการดำเนินชีวิตเท่านั้นจึงจะเป็นมิตรที่ดีต่อกันได้ ความจริงก็คือคนทุกคนสามารถเป็นมิตรที่ดีกับคนที่มีความคิดแตกต่างจากเราได้ แต่คนส่วนใหญ่จะรู้สึกดีกว่ากับคนที่สนับสนุนความคิดของตน คนเราสามารถที่จะเรียนรู้ได้จากทั้งความเหมือนและความแตกต่างได้ดีเท่าๆ กัน ทั้งสิ่งที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคย แล้วจะสร้างสัมพันธภาพที่ดีได้อย่างไร
ที่มา : Post Todayhttp://www.jobjob.co.th