แม้อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืนในผู้สูงอายุ จะเป็นปัญหาที่พบบ่อยจนกลายเป็นความเคยชินเมื่อมีอายุมากขึ้น แต่ภาวะนี้กลับส่งปัญหาต่อสุขภาพได้อย่างต่อเนื่อง เช่น ปัสสาวะที่ราดออกมาจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ รบกวนต่อการใช้ชีวิตประจำวันส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต จนกระทั่งมีปัญหาที่รุนแรงตามมา เช่น การหกล้ม กระดูกหักเนื่องจากต้องเข้าห้องน้ำบ่อยในเวลาค่ำคืน หรืออดหลับ อดนอนเพราะต้องตื่นตอนกลางคืนบ่อยครั้ง ฉะนั้นอย่านิ่งนอนใจ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและทำการรักษา จะช่วยบรรเทาอาการ และส่งผลให้คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุดีขึ้นได้ Show อาการของการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
สาเหตุการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
ผู้สูงอายุกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ส่งผลกระทบอย่างไรการมีปัสสาวะเล็ดราดบ่อยครั้ง ทำให้ผิวหนังเปียกชื้น เกิดการระคายเคือง เกิดผื่นหรือผิวหนังเปื่อย ผิวหนังฉีกขาด เสี่ยงต่อการติดเชื้อของผิวหนัง การที่ผู้สูงอายุกังวลเกี่ยวกับการปัสสาวะบ่อย ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้ ต้องรีบลุกไปขับถ่าย โดยเฉพาะในเวลากลางคืน มีผลรบกวนต่อการนอนหลับ และการเดินไปเข้าห้องน้ำบ่อยๆ ยังทำให้ผู้สูงอายุมีโอกาสเกิดการหกล้มและกระดูกหักได้ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อภาวะจิตใจ มีผลต่อความรู้สึกลดคุณค่าในตัวเอง ทำให้แยกตัวจากสังคมเนื่องจากกลัวการปัสสาวะเล็ดราดในที่ชุมชน การรักษาภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ผู้สูงอายุที่มีปัญหาควรมาปรึกษาแพทย์พร้อมนำยาที่ใช้รับประทานเป็นประจำมาให้แพทย์ดู เนื่องจากภาวะปัสสาวะเล็ดในแต่ละแบบมีวิธีรักษาที่แตกต่างกัน การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุการเกิด รวมทั้งเน้นที่การบำบัดเชิงพฤติกรรม การใช้ยา และการใช้หัตถการต่างๆ ดังนี้ การควบคุมการขับปัสสาวะผิดปกติเป็นภาวะที่พบบ่อยในผู้สูงอายุทั้งชายและหญิง โดยมีอาการคือ กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะเล็ดราดขณะไอ จาม หรือหัวเราะ ปัสสาวะเล็ดราดแม้ไม่มีการปวด ปัสสาวะบ่อย และรู้สึกเหมือนปัสสาวะไม่หมด ซึ่งเป็นอาการที่ส่งผลทั้งต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย แพทย์สามารถรักษาระบบควบคุมการขับปัสสาวะเสื่อมเพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ โดยหนึ่งในวิธีการตรวจวินิจฉัยเพื่อให้ทราบสาเหตุที่ชัดเจนของโรคได้แก่ การวิเคราะห์แบบยูโรไดนามิก (urodynamic analysis) การวิเคราะห์แบบยูโรไดนามิกคืออะไรการวิเคราะห์แบบยูโรไดนามิก หรือการตรวจยูโรพลศาสตร์ เป็นการตรวจการทำงานของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะและกล้ามเนื้อหูรูดว่ามีการบีบตัวอย่างเหมาะสมหรือไม่ โดยการวัดแรงดันในกระเพาะปัสสาวะขณะที่มีน้ำไหลเข้าและขับออกจากกระเพาะปัสสาวะ ความสามารถในการกักเก็บปัสสาวะของกระเพาะปัสสาวะ การกลั้นปัสสาวะ รวมถึงตรวจว่ามีภาวะปัสสาวะเล็ดขณะเบ่งหรือไม่ การวิเคราะห์แบบยูโรไดนามิกจึงเป็นการตรวจการทำงานโดยรวมตั้งแต่กระเพาะปัสสาวะจนถึงท่อปัสสาวะ เพื่อหากลไกและสาเหตุความผิดปกติของระบบควบคุมการขับปัสสาวะนั่นเอง ผู้สูงอายุส่วนใหญ่รวมถึงผู้ดูแลมักมองว่าปัญหาปัสสาวะเล็ดในผู้สูงวัยเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากสภาวะร่างกายที่ถดถอย ระบบขับถ่ายขาดความยืดหยุ่นและเสื่อมสภาพ ส่งผลให้ไม่สามารถควบคุมการปัสสาวะได้ดีเหมือนสมัยหนุ่มสาว ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาปัสสาวะเล็ดราดส่งผลต่อเนื่องถึงสุขภาพโดยทั่วไปของผู้สูงวัย อีกทั้งยังรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน จนบางครั้งกลายเป็นปัญหาที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะการพลัดตกหกล้ม เพราะต้องเข้าห้องน้ำบ่อย หากเป็นมากในเวลากลางคืน ยังทำให้ต้องอดนอน กลายเป็นปัญหากวนใจและวิตกกังวล ทั้งนี้มีผลวิจัยพบว่าหญิงไทยวัยหมดประจำเดือนมีปัญหาปัสสาวะเล็ด เนื่องจากกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหย่อนสมรรถภาพไม่สามารถเดินทางไกลได้ ประกอบกับความอับอาย ไม่กล้าเปิดเผยอาการให้แพทย์ทราบ คิดว่าโรคนี้รักษาไม่ได้ กลายเป็นคนเก็บตัว โดดเดี่ยวและซึมเศร้าในที่สุด าการเพียงชั่วคราว ในขณะที่บางรายก็อาจส่งผลในระยะยาว โดยลักษณะอาการจะขึ้นอยู่กับโรคหรือปัญหาสุขภาพที่เป็นสาเหตุด้วย ซึ่งแพทย์จะให้การรักษาตามสาเหตุนั้น ๆอาการปัสสาวะเล็ด อาการของภาวะปัสสาวะเล็ด แบ่งออกได้หลายประเภท ดังนี้ ปัสสาวะเล็ดเมื่อมีแรงดัน เกิดแรงดันบริเวณกระเพาะปัสสาวะจนทำให้ปัสสาวะเล็ด ซึ่งอาจเกิดจากการไอ จาม หัวเราะ ออกกำลังกาย ยกของหนัก เคลื่อนไหวร่างกายในลักษณะอื่น ๆ หรือมีภาวะที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างการตั้งครรภ์ การคลอดบุตร และการอยู่ในวัยหมดประจำเดือน โดยผู้ป่วยมักมีปัสสาวะเล็ดออกมาเพียงเล็กน้อย แต่หากในขณะนั้นกระเพาะปัสสาวะเต็มก็อาจทำให้มีปัสสาวะเล็ดออกมาในปริมาณมากได้ ปัสสาวะเล็ดเนื่องจากปัสสาวะล้น หรืออาการปัสสาวะไม่ออกเรื้อรัง เกิดขึ้นเมื่อผู้ป่วยไม่สามารถปัสสาวะออกมาได้หมด เพราะกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะอ่อนแรงหรืออาจเกิดการอุดตันของท่อปัสสาวะ ซึ่งอาจเกิดจากภาวะต่อมลูกหมากโต มีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือท้องผูก จึงทำให้มีปัสสาวะเหลือค้างมากกว่าปกติ โดยผู้ป่วยอาจขับปัสสาวะได้เพียงหยดเล็ก ๆ และรู้สึกว่าไม่สามารถปัสสาวะออกมาให้หมดได้ ปัสสาวะราด เป็นอาการปวดปัสสาวะที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและปวดมากจนไม่สามารถกลั้นเอาไว้ได้ บางรายอาจปวดปัสสาวะบ่อยครั้งโดยไม่เว้นแม้แต่ในตอนกลางคืน ซึ่งปัจจัยบางอย่างก็อาจกระตุ้นให้รู้สึกปวดปัสสาวะได้ เช่น การได้ยินเสียงน้ำไหล หรือการเปลี่ยนท่าทางอย่างกะทันหัน เป็นต้น รวมทั้งอาจปัสสาวะราดในระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์หรือเมื่อถึงจุดสุดยอดด้วย ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน หรืออาจเกิดจากการติดเชื้อ ความผิดปกติทางระบบประสาท และโรคเบาหวานได้เช่นกัน กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เกิดจากความผิดปกติทางด้านจิตใจหรือร่างกายที่ส่งผลให้ผู้ป่วยไปเข้าห้องน้ำไม่ทัน เช่น ผู้ป่วยมีอาการข้ออักเสบอย่างรุนแรงจนอาจปัสสาวะเล็ดเพราะอาการป่วยทำให้ถอดกางเกงได้ช้า เป็นต้น ปัสสาวะเล็ดจากหลายสาเหตุรวมกัน ผู้ป่วยอาจมีอาการปัสสาวะเล็ดในลักษณะต่าง ๆ ดังข้างต้นร่วมกันมากกว่า 1 ประเภท เช่น มีปัสสาวะเล็ดออกมาเมื่อไอหรือจามร่วมกับปัสสาวะไม่ออกอย่างเรื้อรัง หรือปวดปัสสาวะแบบกะทันหันและไม่สามารถกลั้นเอาไว้ได้ เป็นต้น สาเหตุของอาการปัสสาวะเล็ด อาการปัสสาวะเล็ดอาจเกิดขึ้นได้จากพฤติกรรมการใช้ชีวิต อาการเจ็บป่วย หรือความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เกิดขึ้นในร่างกาย ดังนี้ การรับประทานอาหารและการใช้ยา
การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
ภาวะเจ็บป่วยต่าง ๆ
การวินิจฉัยอาการปัสสาวะเล็ด แพทย์จะสอบถามอาการของผู้ป่วย ซักประวัติสุขภาพ และตรวจร่างกายเพื่อประเมินในเบื้องต้นว่าเป็นอาการปัสสาวะเล็ดชนิดใด จากนั้นอาจมีการวินิจฉัยเพิ่มเติม ดังนี้ จดบันทึกการปัสสาวะ โดยให้ผู้ป่วยบันทึกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน เพื่อให้ทราบถึงปริมาณน้ำที่ดื่มในแต่ละวันและปริมาณปัสสาวะที่ขับออกมา รวมทั้งดูว่ามีอาการปวดปัสสาวะผิดปกติหรือมีภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่หรือไม่ ตรวจปัสสาวะ แพทย์จะเก็บตัวอย่างปัสสาวะของผู้ป่วยและทำการเพาะเชื้อเพื่อตรวจหาการติดเชื้อแบคทีเรีย การเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะ หรือความผิดปกติใด ๆ โดยอาจใช้แถบตรวจปัสสาวะเพื่อตรวจระดับเลือดและโปรตีนที่อยู่ในปัสสาวะด้วย ตรวจปริมาณปัสสาวะที่ค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ หากคาดว่าผู้ป่วยกลั้นปัสสาวะไม่ได้เนื่องจากมีปัสสาวะล้น แพทย์อาจตรวจดูปริมาณปัสสาวะที่ค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะหลังจากปัสสาวะไปเรียบร้อยแล้ว โดยจะใช้การอัลตราซาวด์เพื่อแสดงภาพกระเพาะปัสสาวะ หรืออาจใช้ท่อสวนเข้าไปในท่อปัสสาวะเพื่อวัดปริมาณปัสสาวะ ตรวจการทำงานของระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นการสอดท่อวัดแรงดันเข้าไปในท่อปัสสาวะ เพื่อวัดความดันในกระเพาะปัสสาวะหรือช่องท้อง จากนั้นแพทย์จะให้ผู้ป่วยปัสสาวะลงในอุปกรณ์ที่มีไว้สำหรับวัดปริมาณและการไหลของปัสสาวะ ตรวจด้วยการกระตุ้นให้เกิดแรงเบ่ง แพทย์จะให้ผู้ป่วยไออย่างแรง โดยในระหว่างนี้แพทย์จะตรวจดูท่อทางเดินปัสสาวะและปริมาณปัสสาวะที่ไหลออกมาไปพร้อมกัน ตรวจด้วยการส่องกล้องทางเดินปัสสาวะ เป็นการนำท่อที่ติดกล้องขนาดเล็กสอดเข้าไปทางท่อปัสสาวะ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์มองเห็นกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ เพื่อที่จะระบุความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยได้ การรักษาอาการปัสสาวะเล็ด แพทย์จะพิจารณาการรักษาจากลักษณะอาการ ความรุนแรงของการป่วย รวมถึงโรคที่เป็นสาเหตุด้วย ซึ่งอาจต้องรักษาหลายวิธีรวมกัน โดยวิธีการที่แพทย์อาจนำมาใช้ มีดังนี้ การแนะนำให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
การใช้ยา แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานยาบางชนิด เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อในกระเพาะปัสสาวะผ่อนคลาย บีบตัวน้อยลง จนทำให้ปัสสาวะได้ง่ายขึ้น หรือช่วยให้กลั้นปัสสาวะได้นานขึ้น เช่น
การผ่าตัด
การรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ
ภาวะแทรกซ้อนของอาการปัสสาวะเล็ด ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ อาจเกิดขึ้นได้กับผู้ที่มีภาวะปัสสาวะเล็ดหรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่อย่างเรื้อรัง โดยอาจเกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ หรือเกิดปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง เช่น มีผื่น ผิวหนังติดเชื้อ เกิดแผลจากความเปียกชื้นบริเวณจุดช่อนเร้น เป็นต้น นอกจากนี้ อาจเกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิต อาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอายเมื่อปัสสาวะเล็ด และอาจกระทบต่อการทำงาน ความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ๆ รวมถึงการใช้ชีวิตในสังคมด้วย การป้องกันอาการปัสสาวะเล็ด แม้ไม่สามารถป้องกันอาการปัสสาวะเล็ดได้ทั้งหมด แต่อาจลดความเสี่ยงได้ ดังนี้
|