การ ทำความ สะอาด ข อม ล ม อะไร บ าง

เชื้อราบนผนังเป็นปัญหาปวดหัวที่หลายบ้านต้องเผชิญ โดยเชื้อราและราดำนั้นนอกจากจะทำให้เกิดภาพไม่น่ามองแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขอนามัยภายในบ้าน การกําจัดเชื้อราบนผนังและกำแพงให้หายวับไม่กลับมาอีก จึงเป็นสิ่งที่ควรรีบทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่เช่นนั้นแล้วหากเชื้อราเข้ามาสะสมในร่างกายเป็นเวลานานจะทำให้เกิดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล และส่งผลเสียอย่างร้ายแรงถึงชีวิตต่อผู้ที่เป็นโรคหอบหืดหรือภูมิแพ้ได้เลยทีเดียว แต่วิธีกำจัดราดำบนผนังจะมีอะไรบ้างนั้น วันนี้จระเข้มีคำตอบ

ราดำและเชื้อราบนผนังเกิดจากอะไร?

1. ปัญหารั่วซึม

การ ทำความ สะอาด ข อม ล ม อะไร บ าง

ภาพ: ระบบท่อน้ำที่ผนัง

เนื่องจากเชื้อราบนผนังเกิดจากความชื้นที่สะสมตัวอยู่เป็นเวลานาน โดยอาจเกิดจากปัญหารั่วซึมภายในผนัง เช่น การรั่วซึมที่ท่อน้ำภายในผนัง หรือการติดตั้งท่อน้ำที่ไม่ได้มาตรฐาน และไม่ได้รับการซ่อมแซม เมื่อทิ้งไว้นานวันจึงเกิดเชื้อราบนผนังขึ้นได้

2. ความชื้นเนื่องจากฝนตก

การ ทำความ สะอาด ข อม ล ม อะไร บ าง

ภาพ: เชื้อราบริเวณใกล้กับหน้าต่าง

ความชื้นจากฝนตกในฤดูฝนที่สาดเข้าบ้านหรือผนังบ้านก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดราดำและเชื้อราบนผนัง เพราะแม้ฝนหยุดตกแต่ความชื้นยังคงสะสมตัวอยู่ในผนังบ้าน โดยเฉพาะผนังที่ไม่ได้ทำกันซึมให้ดี จะทำให้ความชื้นสะสมตัวในผนังและเกิดเชื้อราขึ้นในที่สุด

3. ความชื้นที่หลายคนมองข้าม

การ ทำความ สะอาด ข อม ล ม อะไร บ าง

ภาพ: น้ำจากคอมเพรสเซอร์แอร์

หลายบริเวณในบ้านมักเป็นพื้นที่สะสมความชื้นที่หลายคนมองข้าม เช่น ผนังที่อยู่ใกล้กับถังรองน้ำ ท่อน้ำในบ้าน ผนังห้องที่เกี่ยวข้องกับความชื้นอย่างห้องน้ำ ไปจนถึงผนังที่ติดเครื่องปรับอากาศหรือคอมเพรสเซอร์ บริเวณเหล่านี้ต่างก็เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อความชื้น ทำให้เกิดเชื้อราบนผนังได้ง่าย

ไม่ว่าจะกำจัดเชื้อราจากต้นเหตุหรือปลายเหตุ วิธีกำจัดราดำบนผนังก็ไม่ยากอย่างที่คิด! วันนี้จระเข้มี 7 วิธีกำจัดเชื้อราบนผนังและกำแพงมาฝากทุกคนกันแล้ว

7 วิธีกำจัดเชื้อราบนผนังและกำแพง

1. แอลกอฮอล์

การ ทำความ สะอาด ข อม ล ม อะไร บ าง

ภาพ: การทำความสะอาดเชื้อรา

แอลกอฮอล์เป็นวิธีกําจัดเชื้อราบนผนังที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือเป็นเชื้อราที่ไม่ได้ฝังลึกมากนัก ให้ใช้แปรงสีฟันขัดเชื้อราดำออกให้หมดเสียก่อน จากนั้นจึงใช้ผ้าชุบแอลกอฮอล์เช็ดบริเวณที่เกิดเชื้อรา เพื่อป้องการเจริญเติบโตของเชื้อราได้เป็นอย่างดี

2. ผงซักฟอก

การ ทำความ สะอาด ข อม ล ม อะไร บ าง

ภาพ: ผงซักฟอก

ผสมผงซักฟอกกับน้ำ แล้วใช้ผ้าจุ่มน้ำค่อย ๆ เช็ดลงบนผนังเบา ๆ อย่าให้แรงจนเกินไป เพราะอาจทำให้สีผนังหลุดล่อนหรือเกิดร่องรอยเสียหายได้ เมื่อเช็ดเชื้อราออกจนหมดแล้ว ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดบริเวณที่มีเชื้อราอีกครั้งหนึ่ง เพื่อกำจัดสปอร์ออก จะเป็นวิธีกำจัดราดำบนผนังที่ได้ผลในระยะยาว

3. น้ำยาฟอกขาว

การ ทำความ สะอาด ข อม ล ม อะไร บ าง

ภาพ: น้ำยาฟอกขาว

วิธีนี้ถือเป็นวิธีกำจัดราดำบนผนังด้วยสารเคมี ซึ่งมีส่วนผสมของคลอรีน ทำให้กำจัดได้ทั้งเชื้อรา ราดำ และตะไคร่น้ำ โดยใช้น้ำยาฟอกขาวหรือสารฟอกขาวผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1:99 แล้วนำมาใส่ขวดสเปรย์แล้วฉีดให้ทั่วบริเวณที่มีเชื้อราบนผนัง แล้วเช็ดด้วยน้ำสะอาด และขัดด้วยแปรงสีฟันอีกรอบหนึ่ง จะช่วยกําจัดเชื้อราบนผนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์

การ ทำความ สะอาด ข อม ล ม อะไร บ าง

ภาพ: ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ใส่แผลขนาดเล็ก

ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีฤทธิ์อ่อน มักใช้ป้องกันแผลติดเชื้อ นิยมใช้กับแผลขนาดเล็ก รวมไปถึงใช้บ้วนปากป้องกันการติดเชื้อในช่องปากได้อีกด้วย เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อที่หาซื้อได้ง่าย และยังนำมาใช้กําจัดเชื้อราบนผนังได้อีกด้วย โดยนำไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 1 ถ้วย ผสมกับน้ำ 1 ถ้วย แล้วใช้ผ้าชุบน้ำที่ผสมแล้วเช็ดบนผนังที่มีเชื้อรา เมื่อเช็ดเรียบร้อยแล้ว นำเบกกิ้งโซดาเล็กน้อยผสมกับน้ำสะอาด 1 ถ้วย เช็ดบริเวณเดิมอีกครั้ง เพื่อป้องกันเชื้อราเกิดใหม่

5. แก้ปัญหารั่วซึม

การ ทำความ สะอาด ข อม ล ม อะไร บ าง

ภาพ: การทำกันซึมที่ผนัง

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าปัญหาเชื้อราบนผนังนั้นเกิดจากการรั่วซึมในผนังบ้าน ไม่ว่าจะจากฝนสาดเข้าผนังหรือจากท่อน้ำรั่วซึม ดังนั้นการทำกันซึมที่ได้มาตรฐานก่อนปูกระเบื้องผนังหรือทาสี เป็นวิธีกำจัดราดำบนผนังจากต้นเหตุ โดยควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันซึมที่ยึดเกาะได้ดี ทนต่อสภาวะอากาศหรือรังสี UV อย่างจระเข้ เฟล็กซ์ ชิลด์ ซีเมนต์ทากันซึม ที่ใช้งานง่ายเพียงผสมน้ำแล้วทาก่อนปล่อยให้แห้งแล้วจึงทาสี ปูกระเบื้อง หรือจะปล่อยเปลือยก็ได้เช่นกัน

6. ระบายอากาศในบ้าน

การ ทำความ สะอาด ข อม ล ม อะไร บ าง

ภาพ: เปิดประตู หน้าต่าง ระบายอากาศ

อีกหนึ่งวิธีกําจัดเชื้อราบนผนังจากต้นเหตุ คือ หมั่นระบายอากาศในบ้านสม่ำเสมอ เพื่อลดความชื้นสะสมตัวในบ้าน โดยควรเปิดหน้าต่าง ประตู เพื่อระบายอากาศและให้แสงแดดส่องเข้าบ้าน หรือติดตั้งพัดลมระบายอากาศที่มีขนาดเหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อให้ระบายอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ