การเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงการปกครองในรัชกาลที่ 7 ดําเนินโดยใครบ้าง

หลังการปฏิวัติ พ.ศ. 2475 คณะราษฎรได้ถูกยกย่องว่าเป็นผู้ที่มีความคิดก้าวหน้ามากที่สุดในสยาม ณ เวลานั้น เป็นผู้อภิวัฒน์และแผ้วถางเส้นทางประชาธิปไตยให้แก่สยาม กระทั่งปัจจุบันยังมีผู้อ้างบุญคุณ และพยายามสานต่อเจตนารมณ์ของคณะราษฎร ดังคำกล่าวอ้างในการชุมนุมหลายครั้งที่ผ่านมา

แต่รู้ไหมว่า ก่อนหมุดหมายแรกแห่งประชาธิปไตยของคณะราษฎรนั้น มีหลักฐานสำคัญยิ่งชิ้นหนึ่ง ซึ่งสะท้อนมุมมองของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ที่มีต่อระบอบการปกครอง รวมถึงรูปแบบ และวิธีการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสมสู่ระบอบประชาธิปไตย นั่นคือ พระราชบันทึกที่มีชื่อว่า “Democracy in Siam” ความยาว 3 หน้ากระดาษ ที่ได้พระราชทานลงมายังคณะกรรมการจัดระเบียบองคมนตรี ในเดือนมิถุนายน 2470

ในหลวงรัชกาลที่ 7 ทรงมองว่า หากประชาชนไม่มีความเข้าใจและตระหนักรู้เพียงพอ การเมืองของประเทศก็จะถูกครอบงำโดยนายทุน เพื่อหวังผลประโยชน์ให้แก่คนบางกลุ่มเท่านั้น และหากนำระบอบประชาธิปไตยมาใช้โดยไม่เข้าใจถ่องแท้ ระบบรัฐสภาก็จะล้มเหลวและเป็นเพียงกระดานหนึ่งของเกมการเมือง

พระองค์ทรงย้ำว่า มีความจำเป็นอย่างที่สุด ที่จะต้องให้ประชาชนมีความเข้าใจเกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตยและมีจิตสำนึกทางการเมือง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการทดลอง เพื่อให้ได้การปกครองแบบประชาธิปไตยที่เหมาะสมกับสยาม

จึงเป็นที่มาของแนวคิดการจัดตั้งเทศบาล (municipalities) อันเป็นการวางรากฐานแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้การใช้สิทธิลงคะแนนเสียงในระดับท้องถิ่น และพัฒนาต่อยอดไปสู่การปกครองในระดับประเทศนั่นคือ ระบบรัฐสภา

อีกทั้งระบอบประชาธิปไตย หรือระบอบใด ๆ ก็ตาม การปกครองจะต้องอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจและความมีเหตุผลของผู้ใช้อำนาจนั้น นั่นคือ ประชาชนที่มีความตระหนักรู้ และประมุขหรือผู้นำที่ดี

ดังนั้น ในหลวงรัชกาลที่ 7 จึงมีพระราชประสงค์อย่างแน่วแน่ที่จะจัดให้มี สภากรรมการองคมนตรี เป็นองค์การที่ปรึกษาส่วนพระองค์ มีการจัดประชุมอภิปรายแบบรัฐสภา และวางตัวเปรียบเสมือนดั่งสถาบันที่ควบคุมและกำหนดพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ให้อยู่ในความเหมาะสมอีกด้วย

ซึ่งจะเห็นได้ว่าสิ่งเหล่านี้สอดคล้องกับพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 7 ในเวลาต่อมาว่า “ข้าพเจ้าได้คิดอยู่แล้วที่จะเปลี่ยนแปลงทำนองนี้ คือมีพระเจ้าแผ่นดินปกครองตามพระธรรมนูญ” โดยคำว่า พระเจ้าแผ่นดินปกครองตามพระธรรมนูญ นั้นก็มีความหมายตรงตัวกับ ระบอบพระมหากษัตริย์ “ตาม” รัฐธรรมนูญ (Constitutional Monarchy)

อนึ่ง ใจความสำคัญดังที่ได้สรุปมาข้างต้น ของพระราชบันทึก “Democracy in Siam” มีเนื้อความดังต่อไปนี้

“คำถามที่ว่ารูปแบบการปกครองแบบประชาธิปไตยเหมาะสม หรือมีทางที่จะเหมาะสมกับสยามหรือไม่ เป็นคำถามที่ได้มีการถกกันในหมู่ปัญญาชนสยามมานานแล้ว และแม้ปัจจุบันนี้ ก็กำลังมีการถกกันอยู่ในหมู่ผู้ที่มีการศึกษาครึ่ง ๆ กลาง ๆ โดยบางคนได้แสดงความคิดเห็นของเขาออกมาแพร่หลายในหนังสือพิมพ์ของสยาม มีความเห็นพ้องต้องกันโดยทั่วไปว่า สยามในปัจจุบันยังไม่พร้อมที่จะมีรูปแบบการปกครองแบบประชาธิปไตย แต่อาจจะต้องรับมันมาใช้ในกาลข้างหน้าอันยาวไกล …

 … บางทีประเทศบางประเทศได้นำประชาธิปไตยมาใช้เพียงเพราะเป็นความจำเป็น โดยรู้อยู่แก่ใจว่าไม่เหมาะสมแก่ลักษณะของประชาชน ดังนี้จึงมีประเทศที่มีรัฐสภากันเป็นการเล่น ๆ สำหรับข้าพเจ้าแล้วเห็นว่าไพ่กำลังบอกว่าเราอาจต้องเล่นเกมชนิดนั้นในสยามในกาลใดกาลหนึ่ง ด้วยข้อพินิจพิจารณาเหล่านี้อยู่ในใจ ข้าพเจ้าจึงกำลังคิดคำนึงถึงการปฏิรูปบางอย่างบางประการอยู่ในปัจจุบัน

 สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ดูจะเป็นว่า หากยอมรับกันว่าวันใดวันหนึ่งเราอาจถูกบังคับให้มีประชาธิปไตยรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งในสยาม เราจักต้องเตรียมตัวของเราให้พร้อมที่จะมีมัน อย่างค่อยเป็นค่อยไป เราจะต้องเรียนรู้และเราจะต้องให้การศึกษาตัวเราเอง เราจะต้องเรียนรู้และทดลองเพื่อที่เราจะได้มีแนวคิดว่าการปกครองในระบบรัฐสภาจะดำเนินไปอย่างไรในสยาม เราจักต้องพยายามให้การศึกษาแก่ประชาชนให้เขามีสำนึกทางการเมือง ให้เขารู้ซึ้งซึ่งผลประโยชน์ที่แท้จริงของเขา เพื่อที่เขาจะได้ไม่หลงเข้าใจผิดไปตามบรรดานักปลุกระดมหรือผู้ที่ฝันใฝ่แต่จะหาโลกพระศรีอาริย์ หากเราจะต้องมีรัฐสภา เราจะต้องสอนประชาชนให้รู้ว่าจะออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งอย่างไร จึงจะได้มาซึ่งผู้แทนที่มีผลประโยชน์ของเหล่าประชาชนอยู่ในหัวใจ …

 … ขั้นตอนต่อไปของการเรียนรู้สู่ประชาธิปไตยของเรา จะเป็นการจัดตั้งเทศบาล (municipalities) นี่จะเป็นวิธีการสอนประชาชนให้รู้ว่าจะใช้สิทธิลงคะแนนเสียงอย่างไร และการทดลองเช่นนี้ก็จะพิสูจน์ได้ว่ามีประโยชน์และเป็นบทเรียน จะเป็นการดีกว่าแน่ ๆ ที่จะให้ประชาชนได้ควบคุมกิจการท้องถิ่น ก่อนที่เขาจะพยายามควบคุมกิจการของรัฐโดยผ่านรัฐสภา ข้าพเจ้าเชื่ออย่างจริงใจว่าหากการปฏิรูปเหล่านี้ดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปเช่นที่ว่านี้ มีโอกาสที่จะนำรูปแบบการปกครองในระบบรัฐสภามาใช้ได้โดยไม่เกิดอันตรายมากนัก แต่ว่ากระบวนการนี้จะต้องค่อยเป็นค่อยไปมาก และรอบคอบเหมือนกับการกำหนดปริมาณของยาที่แพทย์ให้ในแต่ละครั้ง …

 … คำถามอีกคำถามหนึ่งซึ่งอยู่ในห้วงความคิดคำนึงของผู้ใช้ปัญญาในสยามด้วย ก็คือ อันตรายอันเกิดจากการใช้อำนาจเด็ดขาดของพระเจ้าแผ่นดินโดยปราศจากการทัดทาน สมบูรณาญาสิทธิราชย์เช่นเดียวกับประชาธิปไตย อาจกลายเป็นอันตรายเมื่อใดก็ได้ ด้วยเหตุที่ว่า ทั้งสองหลักการตั้งอยู่บนฐานความเชื่อในความดีเลิศประเสริฐศรีของธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งนับเป็นฐานที่อ่อนเปลี้ยยิ่งจึงพึ่งไม่ได้ ประชาธิปไตยที่เป็นปึกแผ่นต้องพึ่งการที่ประชาชนยึดมั่นในการใช้เหตุผลฉันใด สมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่เอื้ออาทรจะมีได้ ก็แต่โดยอาศัยคุณสมบัติที่เหมาะสมของพระราชาฉันนั้น …

 … ข้าพเจ้ามีความประสงค์อย่างแน่วแน่ที่จะจัดให้มีสถาบันบางอย่าง ที่จะทำการเหนี่ยวรั้งการกระทำใด ๆ ของพระมหากษัตริย์สยามที่เป็นไปตามอำเภอพระราชหฤทัยหรือไม่เป็นการเฉลียวฉลาด (ข้าพเจ้าเข้าใจว่าคงไม่มีผู้ใดที่จะต้องการเหนี่ยวรั้งการกระทำที่ดีของพระองค์?) ข้าพเจ้ารู้สำนึกว่า หากข้าพเจ้าประสบความสำเร็จในการที่จะให้บางสิ่งบางอย่างที่เป็นประโยชน์จริงได้วิวัฒน์ขึ้นแล้ว ข้าพเจ้าก็จะได้ทำประโยชน์ใหญ่หลวงตามหน้าที่ให้แก่ประเทศชาติของข้าพเจ้าและต่อพระบรมราชวงศ์ …”

กลุ่มบุคคลที่เป็นผู้เปลี่ยนแปลงการปกครองในสมัยรัชกาลที่ 7 คือกลุ่มใด *

คณะราษฎรเกิดขึ้นจากการประชุมของคณะผู้ก่อการในเดือนกุมภาพันธ์ 2469 จากนั้นมีการสมัครสมาชิกเพิ่ม จนในปี 2475 ยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศสยาม จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ แม้ว่าพระมหากษัตริย์และฝ่ายกษัตริย์นิยมจะต่อต้านคณะ ...

การเปลี่ยนแปลงการปกครองในสมัยรัชกาลที่ 7 เกิดขึ้นเมื่อใด

การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์ไทยในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ซึ่งมีผลทำให้ราชอาณาจักรสยามเปลี่ยนรูปแบบประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และเปลี่ยนรูปแบบการปกครองไปเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา เกิดขึ้น ...

รัชกาลที่ 7 ปฏิรูปอะไรบ้าง

พระองค์ปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่สำคัญหลายด้าน เช่น ด้านการปกครอง โปรดให้ตั้งสภากรรมการองคมนตรี ทรงตรากฎหมายเพื่อควบคุมการค้าขายที่เป็นสาธารณูปโภคและการเงิน ระบบเทศบาล ด้านการศาสนา การศึกษา ประเพณีและวัฒนธรรมนั้น พระองค์โปรดให้สร้างหอพระสมุด ทรงปฏิรูปการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ มีการปรับปรุงการศึกษาจนยกระดับ ...

รัชกาลที่7เป็นลูกใคร

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๗ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ พระนามเดิมว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ ทรงพระราชสมภพเมื่อวันพุธที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๖ ต่อมาในพ.ศ. ๒๔๔๘ พระบรมชนกนาถโปรด ...

การเปลี่ยนแปลงการปกครองในสมัยรัชกาลที่ 7 เกิดขึ้นเมื่อใด รัชกาลที่ 7 ปฏิรูปอะไรบ้าง รัชกาลที่7เป็นลูกใคร รัชกาลที่ 7 การปกครอง เพราะเหตุใดรัชกาลที่ 7 จึงทรงยอมรับการเปลี่ยนแปลงการปกครองของคณะราษฎร สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองในสมัยรัชกาลที่ 7 มาจากเรื่องใด สาเหตุการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 รัชกาลที่ 7 เตรียมการอย่างไรเพื่อให้ราษฎรได้เรียนรู้การปกครองตนเอง เหตุผลที่รัชกาลที่ 7 ทรงสละราชสมบัติคืออะไร รัชกาลที่ 7 กับการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบย่อ การเปลี่ยนแปลงการปกครองในสมัยรัชกาลที่ 7 ส่งผลต่อประชาชนชาวไทยอย่างไร