เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อันเป็นที่เชิดชูยิ่ง
ช้างเผือก
เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ

เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก
 ประถมาภรณ์ช้างเผือก
มอบโดย
เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ

พระมหากษัตริย์ไทย
อักษรย่อดูในบทความ
ประเภทสายสะพายพร้อมดารา, ดวงตราพร้อมดารา, ดวงตรา, เหรียญทอง, เหรียญเงิน (8 ชั้น)
วันสถาปนาพ.ศ. 2404
ประเทศ
เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ
ราชอาณาจักรไทย
จำนวนสำรับไม่จำกัดจำนวน
ผู้สมควรได้รับพระบรมวงศานุวงศ์, ข้าราชการ, ผู้กระทำคุณความดี ทั้งบุรุษและสตรี
มอบเพื่อผู้กระทำความดีความชอบเป็นประโยชน์แก่ราชการหรือสาธารณชน
สถานะยังพระราชทานอยู่
ผู้สถาปนาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ประธานพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ลำดับเกียรติ
สูงกว่าเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี
รองมาเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย
หมายเหตุรัฐบาลไทยเป็นผู้เสนอชื่อเพื่อขอรับพระราชทานจากพระมหากษัตริย์

เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก (อังกฤษ: The Most Exalted Order of the White Elephant) เป็นตระกูลเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย หนึ่งใน 8 ตระกูลที่สำหรับพระราชทานแด่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และผู้กระทำคุณความดี ทั้งบุรุษและสตรี โดยเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกนี้สำหรับพระราชทานแก่ผู้กระทำความดีความชอบเป็นประโยชน์แก่ราชการหรือประชาชน โดยการพิจารณาเสนอขอพระราชทานของรัฐบาล เพื่อเป็นบำเหน็จความชอบและเครื่องหมายเชิดชูเกียรติยศอย่างสูงแก่ผู้ได้รับพระราชทาน พระราชทานทั้งบุรุษและสตรี หากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แล้ว ให้ประกาศรายนามในราชกิจจานุเบกษา ปกติแล้วจะประกาศในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม ของทุกปี

ประวัติ[แก้]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2404 แต่มิได้กำหนดให้มีสายสะพาย ต่อมาในปี พ.ศ. 2412 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงกำหนดชั้นและสายสะพายประกอบ

ประเภท ลำดับชั้น และลำดับเกียรติ[แก้]

แพรแถบย่อดุมเสื้อชั้นชื่อ[1] อักษรย่อชื่อเดิม[2] วันสถาปนาลำดับเกียรติ[3]
เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ
ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก ม.ป.ช. - 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2452 8
เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ
ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก ป.ช. มหาวราภรณ์ พ.ศ. 2412 10
เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ
ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ท.ช. จุลวราภรณ์ พ.ศ. 2412 15
เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ
ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์ช้างเผือก ต.ช. นิภาภรณ์ พ.ศ. 2412 23
เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ
ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จ.ช. ภูษนาภรณ์ พ.ศ. 2412 28
เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ
ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์ช้างเผือก บ.ช. ทิพยาภรณ์ พ.ศ. 2416 33
เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ
ไม่มี ชั้นที่ 6 เหรียญทองช้างเผือก ร.ท.ช. - 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2445 52[4]
ชั้นที่ 7 เหรียญเงินช้างเผือก ร.ง.ช. - 55[4]

ลักษณะ[แก้]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลนี้มีทั้งหมด 8 ชั้น

  • ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก 1 สำรับ ประกอบด้วย
  1. ดวงตรา ด้านหน้าเป็นรูปช้างไอราพตลงยาสีขาวอยู่บนพื้นทองในดอกบัวบาน กลีบลงยาสีชมพูสลับแดง เกสรเงิน รอบนอกมีกระจังทองลงยาสีเขียวสี่ทิศ มีรัศมีเปลวเงินตามระหว่าง ด้านหลังเปลี่ยนรูปช้างเป็นอักษรพระปรมาภิไธยย่อ ม.ป.ร. ลงยาสีแดง เบื้องบนมีอุณาโลมเงินและพระมหามงกุฎทองมีรัศมี
  2. สายสะพาย เป็นแพรแถบขนาดกว้าง 10 เซนติเมตร สีแดงริมเขียว มีริ้วเหลืองและน้ำเงินขนาดเล็กควบคั่นทั้ง 2 ข้าง สะพายบ่าซ้ายเฉียงลงทางขวา
  3. ดารา ด้านหน้ามีลักษณะเช่นเดียวกับดวงตราแต่ขนาดย่อมกว่า ซ้อนอยู่บนรัศมีสีเงิน จำหลักเป็นเพชรสร่ง 4 แฉก รัศมีทอง 4 แฉก ประดับที่อกเสื้อด้านซ้าย

ดวงตรา ดารา และสายสะพายสำหรับพระราชทานสตรีนั้นจะมีขนาดย่อมกว่าบุรุษ นอกจากนี้ ยังมีเครื่องหมายประดับแพรแถบย่อและดุมเสื้อ มีลักษณะเป็นรูปช้างไอราพตลงยาสีขาว

หมายเหตุ: สำหรับพระมหากษัตริย์ ดาราประดับเพชรตรงขอบสร่งเงิน

  • ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก 1 สำรับ ประกอบด้วย
  1. ดวงตรา ด้านหน้าเป็นรูปช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่นอยู่บนพื้นทองในดอกบัวบาน กลีบลงยาสีแดง เกสรเงิน รอบนอกมีกระจังเงิน 8 ทิศ มีกระจังแทรกตามระหว่าง ด้านหลังเปลี่ยนรูปช้างเป็นอักษรพระปรมาภิไธยย่อ ม.ป.ร. ลงยาสีแดง เบื้องบนมีพระมหามงกุฎทองมีรัศมี
  2. สายสะพาย เป็นแพรแถบขนาดกว้าง 10 เซนติเมตร สีแดงริมเขียวใหญ่ มีริ้วเหลืองและน้ำเงินขนาดใหญ่ควบคั่นทั้ง 2 ข้าง สำหรับสะพายบ่าขวาเฉียงลงทางซ้าย
  3. ดารา ด้านหน้ามีลักษณะเช่นเดียวกับดวงตราแต่กระจังยาวกว่า ด้านหลังเป็นทอง สำหรับประดับอกเสื้อเบื้องซ้าย

ดวงตรา ดารา และสายสะพายสำหรับพระราชทานสตรีนั้นจะมีขนาดย่อมกว่าบุรุษ นอกจากนี้ ยังมีเครื่องหมายประดับแพรแถบย่อและดุมเสื้อ มีลักษณะเป็นรูปช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่นอยู่ในดอกบัวบาน กลีบลงยาสีแดงสลับเขียว เกสรเงิน

  • ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก 1 สำรับ ประกอบด้วย
  1. ดวงตรา มีลักษณะเช่นเดียวกับชั้นประถมาภรณ์ แต่ขนาดย่อมกว่า และที่พระมหามงกุฎไม่มีรัศมี ด้านหลังเป็นทองเกลี้ยง ใช้ห้อยกับแพรแถบขนาดกว้าง 4 เซนติเมตร สำหรับบุรุษใช้สวมคอ ส่วนดวงตราสำหรับพระราชทานสตรีนั้น มีลักษณะเช่นเดียวกับบุรุษแต่ขนาดย่อมกว่า ใช้ห้อยกับแพรแถบผูกเป็นรูปแมลงปอ สำหรับประดับเสื้อที่หน้าบ่าซ้าย
  2. ดารา มีลักษณะเช่นเดียวกับชั้นประถมาภรณ์ สำหรับประดับอกเสื้อเบื้องซ้าย ส่วนดาราสำหรับพระราชทานสตรีนั้น มีลักษณะเช่นเดียวกับบุรุษแต่ขนาดย่อมกว่า

นอกจากนี้ ยังมีเครื่องหมายประดับแพรแถบย่อและดุมเสื้อ มีลักษณะเป็นรูปช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่นอยู่ในดอกบัวบานทอง เกสรเงิน

  • ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์ช้างเผือก

สำหรับบุรุษห้อยแพรแถบสวมคอ สำหรับสตรีห้อยแพรแถบผูก เป็นรูปแมลงปอประดับเสื้อหน้าบ่าซ้าย

  • ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก

สำหรับบุรุษห้อยแพรแถบประดับอกเสื้อเบื้องซ้าย สำหรับสตรีห้อย แพรแถบผูกเป็นรูปแมลงปอประดับเสื้อหน้าบ่าซ้าย ดวงตราชั้นที่ 4 เล็กกว่าดวงตราชั้นที่ 3 และมีดอกไม้จีบติดบนแพรแถบ

  • ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์ช้างเผือก

ดวงตราชั้นที่ 5 เหมือนดวงตราชั้นที่ 4 แต่ไม่มีดอกไม้จีบติดบน แพรแถบวิธีประดับเหมือนชั้นที่ 4

  • ชั้นที่ 6 เหรียญทอง (ร.ท.ช.) วิธีประดับเหมือนชั้นที่ 4
  • ชั้นที่ 7 เหรียญเงิน (ร.ง.ช.) วิธีประดับเหมือนชั้นที่ 4

ต่อมาระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 ข้าราชการสตรีต้องประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญแพรแถบในลักษณะเดียวกับบุรุษทุกประการ[5]

  • เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ

    สายสะพาย ดวงตรา และดารามหาปรมาภรณ์ช้างเผือก

  • เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ

    ดวงตรามหาปรมาภรณ์ช้างเผือก

  • เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ

    สายสะพาย ดวงตรา และดารามหาวราภรณ์ (ประถมาภรณ์ช้างเผือก) แบบที่ใช้ก่อน พ.ศ. 2454 ภาพจากบานประตูลายมุกพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

  • เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ

    สายสะพาย ดวงตรา และดาราประถมาภรณ์ช้างเผือก

  • เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ

    ดวงตราประถมาภรณ์ช้างเผือก

  • เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ

    ดาราประถมาภรณ์ช้างเผือกและทวีติยาภรณ์ช้างเผือก

  • เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ

    ดวงตราและดาราทวีติยาภรณ์ช้างเผือก

  • เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ

    ดวงตราทวีติยาภรณ์ช้างเผือกและตริตาภรณ์ช้างเผือก

  • เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ

    ดวงตราภูษนาภรณ์ (จตุรถาภรณ์ช้างเผือก) แบบที่ใช้ก่อน พ.ศ. 2454

  • เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ

    ดวงตราเบญจมาภรณ์ช้างเผือก

  • เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ

    เหรียญเงินช้างเผือก สำหรับสตรี

  • เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ

    เหรียญเงินช้างเผือก

  • เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ

    ตัวอย่างแพรแถบย่อชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก ร่วมกับแพรแถบย่ออื่นๆ

  • เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ

    ตัวอย่างแพรแถบย่อชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ชั้นสูงสุดของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลนี้) ร่วมกับแพรแถบย่ออื่นๆ

การขอพระราชทาน[แก้]

เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ

พระราชลัญจกรประจำเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก

การเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในตระกูลช้างเผือกนี้ กำหนดให้พิจารณาถึงตำแหน่ง ระดับ ชั้น ชั้นยศ กำหนดระยะเวลา และความดีความชอบ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย พ.ศ. 2564[6] การขอพระราชทานในครั้งแรกในกรณีข้าราชการ จะต้องรับราชการมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ นับแต่วันเริ่มเข้ารับราชการจนถึงวันที่ 28 พฤษภาคม ของปี โดยให้เริ่มจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกสลับกัน ดังนี้

  1. ชั้นที่ 7 เหรียญเงินมงกุฎไทย
  2. ชั้นที่ 7 เหรียญเงินช้างเผือก
  3. ชั้นที่ 6 เหรียญทองมงกุฎไทย
  4. ชั้นที่ 6 เหรียญทองช้างเผือก

ชั้นต่ำกว่าสายสะพาย ในกรณีข้าราชการเริ่มที่

  1. ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย
  2. ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์ช้างเผือก
  3. ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย
  4. ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก
  5. ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย
  6. ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์ช้างเผือก
  7. ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย
  8. ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก

ชั้นสายสะพาย หรือ ข้าราชการที่มีบรรดาศักดิ์ สามารถขอรับพระราชทานโกศประดับเมื่อสิ้นชีวิต

  1. ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (สายสะพาย 1)
  2. ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (สายสะพาย 2)
  3. ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (สายสะพาย 3)
  4. ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (สายสะพาย 4)

การพิจารณาเสนอขอพระราชทาน[แก้]

เบญจมาภรณ์ช้างเผือก คุณสมบัติ

ตัวอย่างของประกาศนียบัตรสำหรับผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกในอดีต ในที่นี้ เป็นประกาศนียบัตรของศาสตรจารย์กาลิเลโอ คินี จิตรกรชาวอิตาลีผู้วาดภาพจิตรกรรมประดับโดมเพดานของพระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 3 นิภาภรณ์ จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2456

การเสนอขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มีทั้งหมด 32 บัญชี

  1. บัญชี 1 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่รัฐมนตรี
  2. บัญชี 2 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการการเมือง ผู้ช่วยรัฐมนตรี ผู้แทนการค้าไทย กรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร และกรรมการประสานงานวุฒิสภา
  3. บัญชี 3 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งในรัฐสภา
  4. บัญชี 4 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการการเมืองในกรุงเทพมหานคร
  5. บัญชี 5 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่สมาชิกสภากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภาเขตกรุงเทพมหานคร
  6. บัญชี 6 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานตามกฎหมายจัดตั้งองค์กรส่วนท้องถิ่น
  7. บัญชี 7 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
  8. บัญชี 8 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่กรรมการการเลือกตั้ง
  9. บัญชี 9 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้ตรวจการแผ่นดิน
  10. บัญชี 10 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
  11. บัญชี 11 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่กรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
  12. บัญชี 12 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
  13. บัญชี 13 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
  14. บัญชี 14 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ราชบัณฑิต และกรรมการตามกฎหมายที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง
  15. บัญชี 15 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการ ยกเว้นที่ปรากฏในบัญชีอื่น
  16. บัญชี 16 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
  17. บัญชี 17 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการและพนักงานส่วนท้องถิ่น
  18. บัญชี 18 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการทหาร
  19. บัญชี 19 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการตำรวจ
  20. บัญชี 20 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม
  21. บัญชี 21 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการตุลาการศาลปกครอง
  22. บัญชี 22 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ดะโต๊ะยุติธรรม และผู้พิพากษาสมทบ
  23. บัญชี 23 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการอัยการ
  24. บัญชี 24 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้ปฏิบัติงานตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่
  25. บัญชี 25 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ลูกจ้างประจำของส่วนราชการ
  26. บัญชี 26 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่พนักงานราชการ
  27. บัญชี 27 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่องค์การมหาชน พนักงานองค์การของรัฐ หรือพนักงานหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีลักษณะอย่างเดียวกัน ยกเว้นที่ปรากฏในบัญชีอื่น
  28. บัญชี 28 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งในหน่วยธุรการขององค์กรอิสระตามกฎหมายที่ไม่เป็นข้าราขการ
  29. บัญชี 29 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่ไม่เป็นข้าราชการ
  30. บัญชี 30 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่เจ้าหน้าที่สภากาชาดไทย
  31. บัญชี 31 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้มีผลงานความดีความชอบอย่างยิ่ง
  32. บัญชี 32 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้แทนทางการทูตของต่างประเทศและชาวต่างประเทศ

ตัวอย่างการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

กรณีข้าราชการพลเรือน[แก้]

การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการพลเรือน ต้องมีระยะเวลาในการรับราชการมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ก่อนถึงวันพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาของปีที่จะขอไม่น้อยกว่า 60 วัน โดยมีแนวทางยึดตามระดับตำแหน่ง ดังนี้

ประเภททั่วไป[แก้]

  • ระดับปฏิบัติงาน เริ่มขอ บ.ม. ถึง จ.ช.
  • ระดับชำนาญงาน เริ่มขอ ต.ม. ดำรงตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ ขอ ต.ช.
  • ระดับอาวุโส เริ่มขอ ท.ม. ดำรงตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ ขอ ท.ช.
  • ระดับทักษะพิเศษ ได้ ท.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ม. - ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ช.

ประเภทวิชาการ[แก้]

  • ระดับปฏิบัติการ เริ่มขอ ต.ม.
  • ระดับชำนาญการ เริ่มขอ ต.ช. ได้รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำของระดับชำนาญการพิเศษ ขอ ท.ม.- ได้รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำของระดับชำนาญการพิเศษมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ ขอ ท.ช.
  • ระดับชำนาญการพิเศษ เริ่มขอ ท.ช. ได้รับเงินเดือนขั้นสูงได้ ท.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ม.
  • ระดับเชี่ยวชาญ ได้ ท.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ม. - ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ช.
  • ระดับทรงคุณวุฒิที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 13,000 บาท เลื่อนชั้นตราตามลำดับได้ทุกปีจนถึง ป.ม. ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ว.ม. - ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ป.ช.
  • ระดับทรงคุณวุฒิที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 15,600 บาท ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ว.ม. - ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ป.ช.

ประเภทอำนวยการ[แก้]

  • ระดับต้น เริ่มขอ ท.ช. ได้รับเงินเดือนขั้นสูงและได้ ท.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ม.
  • ระดับสูง ได้ ท.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ม. - ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ว.ม.

ประเภทบริหาร[แก้]

  • ระดับต้น ได้ ท.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ม. - ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อย 5 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ว.ม.
  • ระดับสูง ที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 14,500 บาท เลื่อนชั้นตราตามลำดับได้ทุกปีจนถึง ป.ม. ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ว.ม. - ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ป.ช.
  • ระดับสูง ที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 21,000 บาท ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ว.ม. - ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ป.ช.
  • ระดับสูง ที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 21,000 บาท ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง, หัวหน้าส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรมขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี หรือตำแหน่งเทียบเท่า เริ่มต้นขอพระราชทาน ป.ม. - ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ว.ม. - ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ป.ช.

อ้างอิง[แก้]

  1. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก พ.ศ. ๒๔๘๔, เล่ม ๕๘, ตอน ๐ ก, ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๔, หน้า ๑๕๖๖
  2. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้างเผือก รัตนโกสินทร์ ศก๑๒๘, เล่ม ๒๖, ตอน ๐ ก, ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๒, หน้า ๗๐
  3. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ลำดับเกียรติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย, เล่ม ๑๑๐, ตอน ๒๙ง ฉบับพิเศษ, ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๖, หน้า ๑
  4. ↑ 4.0 4.1 "ลำดับเกียรติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-06-01. สืบค้นเมื่อ 2015-04-05. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ "ลำดับเกียรติ" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน
  5. ราชกิจจานุเบกษา, ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย (ฉบับที่ ๒) ๒๕๖๒[ลิงก์เสีย],ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๖๖ ง หน้า ๑ วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒.
  6. ราชกิจจานุเบกษา, ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย พ.ศ. ๒๕๖๔, เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๔๕ ง หน้า ๑-๖๒, ๖ ตุลาคม ๒๕๖๔

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]

  • เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย เก็บถาวร 2007-12-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
  • ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การปรับราคาชดใช้แทนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ไม่สามารถส่งคืนตามกฎหมาย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ – ๒๕๕๓, เล่ม ๑๒๕, ตอน พิเศษ ๔๙ ง, ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑, หน้า ๘