เปลี่ยน ถ่าย น้ำมันเครื่อง มีอะไรบ้าง

สำหรับพี่ ๆ เพื่อน ๆ เกษตรกรท่านไหนที่ใช้งานเครื่องยนต์คูโบต้ามาได้สักพักแล้ว รู้สึกว่าเครื่องยนต์ไม่ค่อยมีกำลัง แรงม้าเริ่มตก นั่นเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาที่พี่ ๆ จะต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องกันแล้วครับ สำหรับการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องก็ง่ายนิดเดียว พี่ ๆ ก็สามารถทำเองได้ที่บ้าน น้องคูโบแมนมีวิธีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องมาฝาก จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง เราไปดูกันเลยครับ

 

ทำไมต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง

เนื่องจากในน้ำมันเครื่องมีสารเคลือบในการหล่อลื่น ช่วยให้ลูกสูบและปลอกแหวนลดการเสียดสี หากไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันตามเวลาที่เหมาะสม จะทำให้ชุดลูกสูบและปลอกแหวนสึกไว กำลังอัดเครื่องยนต์ไม่ดี ส่งผลให้แรงม้าตก ทำงานแล้วเครื่องไม่มีกำลัง

 

การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง

สำหรับรถใหม่ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หลังจากใช้งานครบ 50 ชั่วโมง และครั้งต่อไป ควรเปลี่ยนทุก ๆ 100 ชั่วโมง เพื่อยืดอายุการใช้งานของชุดกำลังอัด ลูกสูบ และปลอกแหวน

 

ขั้นตอนการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง

  1. สตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ 5 นาที ในรอบต่ำ จากนั้นดับเครื่อง
  2. ใช้ประแจเบอร์ 17 ขันน็อตไส้กรองน้ำมันออก เพื่อถ่ายน้ำมันเครื่องออกจนหมด
  3. ล้างไส้กรองน้ำมันเครื่องด้วยน้ำมันโซล่า โดยการเขย่าและใช้แปรงขัดรอบไส้กรอง แช่ทิ้งไว้สักพักแล้วประกอบกลับเข้าที่เดิม จากนั้นขันน็อตให้แน่น ตึงมือหรือหมุนไปต่อไม่ได้ 
  4. เติมน้ำมันเครื่องตราช้าง SAE40 ตรงจุดเติมน้ำมัน โดยปริมาณน้ำมันที่เติมไม่ควรเกินจากช่วงระยะที่กำหนด คือ ไม่เกินขีดบน และไม่ต่ำกว่าขีดล่างของก้านวัด

 

วิธีการวัดระดับน้ำมันเครื่อง

เครื่องยนต์ต้องอยู่แนวขนานกับพื้น โดยแทงก้านวัดลงไปในตำแหน่งเดิม แล้วดึงก้านวัดออกมา เพื่อเช็คระดับน้ำมันเครื่อง โดยระดับน้ำมันเครื่องต้องไม่เกินขีดบน และไม่ต่ำกว่าขีดล่างของแท่งวัดเสมอ หรือใช้น้ำมันประมาณ 2.7 ลิตร

 

ขั้นตอนมีเพียงเท่านี้ พี่ ๆ ก็สามารถเปลี่ยนน้ำมันเครื่องยนต์ด้วยตัวเองได้แล้ว อย่าลืมนะครับ! เมื่อใช้งานเครื่องยนต์ครบตามชั่วโมงที่กำหนดแล้ว การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องจะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ไปอีกนาน ๆ 

 

สำหรับพี่ ๆ ที่สนใจเทคนิคการดูแลรักษาเครื่องยนต์หัวข้ออื่น ๆ สามารถศึกษาได้ที่ฟังก์ชันในแอปพลิเคชัน Kubota Smart >>

เปลี่ยน ถ่าย น้ำมันเครื่อง มีอะไรบ้าง

เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถยนต์ ควรทำตอนไหน

ความรู้เรื่องรถยนต์ / By Editor

เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถยนต์ ควรทำตอนไหน โดยพฤติกรรมการใช้รถยนต์ของคนไทยเมื่อซื้อรถยนต์มาหนึ่งคันจะใช้งานกันยาวๆอย่างน้อยก็ 5 ปีขึ้น หรือไม่ก็ไปซื้อรถยนต์มือ 2 มาใช้งานกัน  แน่นอนครับรถยนต์มันประกอบด้วยชิ้นส่วนที่หลากหลาย ปกติการดูว่าเราต้องเข้าไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน ตอนไหนส่วนมากจะมีอยู่ในสมุดการรับประกันจากศูนย์บริการอยู่แล้ว ถ้าคุณออกรถยนต์ป้ายแดงจากศูนย์บริการ แต่ถ้าคุณไปซื้อรถยนต์มือ 2 มาก็ควรหาเล่มการรับประกันที่มีอยู่เดิมแล้ว เปิดเช็คดูว่าเจ้าของเก่าเค้าทำอะไรไปบ้าง ถ้าไม่มี ทางที่ดีและง่ายที่สุดคือ เปลี่ยนของน้ำมันหล่อลื่น และของเหลว ทั้งหมดให้มานับ 1 ที่เราจะดีที่สุดอย่างน้อยเราก็เริ่มนับ1ที่เรา และง่ายต่อการเช็คระยะการเปลี่ยนในครั้งต่อไป และอย่าลืมจดเลขไมล์บนหน้าปัดก่อนเปลี่ยนไว้ด้วย เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าเราวิ่งไปกี่กิโลเมตรแล้ว มันจะง่ายต่อการคำนวณ


จะรู้ได้อย่างไรว่ารถต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องได้แล้ว?

1.ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องก่อน ก้านวัดน้ำมันเครื่องที่มีหน้าที่ใช้สำหรับตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องของรถคุณคือสิ่งแรก ที่สำคัญในการเรียนรู้เรื่องนี้ เปิดฝากระโปรง หาก้านวัดน้ำมันเครื่องของรถคุณแล้วดึงขึ้นมา แล้วเช็ดคราบนน้ำมันด้วยผ้าสะอาดเท่านั้น ที่ตัวก้านจะมีสัญลักษณ์เครื่องหมายที่บอกว่าระดับน้ำมันเครื่องของรถคุณอยู่ที่ระดับไหน แล้วจิ้มตัวก้านกลับลงไป จากนั้นดึงขึ้นมาเพื่อดูระดับน้ำมันเครื่องในเครื่องยนต์ว่าอยู่ระดับไหน รอยน้ำมันแตะขีดบนแสดงว่าน้ำมันเครื่องมีมากพอในระดับมาตรฐานที่ตัวเครื่องยนต์ต้องการ แต่ถ้าน้อยกว่าขีดบนหรือน้อยระดับขีดล่างแสดงว่ารถของคุณควรเติมน้ำมันเครื่องเพิ่มเข้าไปให้สูงเท่าขีดบน ถ้าปล่อยไว้แล้วขับใช้งานในระดับน้ำมันเครื่องที่น้อยกว่าความต้องการของเครื่องยนต์จะทำให้การหล่อลื่นไม่มีประสิทธิภาพ และเครื่องยนต์อาจร้อนถึงขั้น “โอเวอร์ฮีท” ซึ่งเป็นระดับความเสียหายขั้นรุนแรงของสิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ก็เป็นได้

2.สีของน้ำมันเครื่อง น้ำมันเครื่องใหม่สีเหลืองอำพันที่ไหลออกจากแกลอนเข้าสู่เครื่องยนต์เมื่อครั้งที่ถ่ายน้ำมันเครื่องยนต์ จะเปลี่ยนสีไปเป็นสีเทา หรือดำหลังจากการทำงานของเครื่องยนต์นับหมื่นกิโลเมตรที่รถวิ่งใช้งาน สีที่เปลี่ยนไปไม่ใช่ปฎิกิรียาทางเคมีแต่อย่างใด แต่เป็นสิ่งสกปรกภายในเครื่องยนต์ที่ถูกชะล้างติดมากับตัวน้ำมันเครื่อง และถ้ายังปล่อยให้เครื่องยนต์หล่อลื่นไปกับน้ำมันดำๆ ที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรก ลองนึกภาพดูว่าประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องยนต์จะลดน้อยลงมากแค่ไหน

3.เปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตร ตัวเลขนี้ไม่ใช่ตัวเลขตายตัว แต่เป็นระยะทางโดยเฉลี่ยที่คุณควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องยนต์กับรถของคุณ จะเปลี่ยนก่อนที่รถจะวิ่งถึงหมื่นกิโลเมตรก็ได้เพื่อให้เครื่องยนต์ได้ใช้น้ำมันเครื่องใหม่ หล่อลื่นได้เต็มประสิทธิภาพ หรือในกรณีที่ไม่สะดวกที่จะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องในตอนที่วิ่งครบหมื่นกิโลเมตร ก็อาจจะลากยาวไป 12,000-14,000 กิโลเมตรได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ จากการใช้งานรถด้วย จากการวิจัยพบว่าตัวน้ำมันเครื่องเองนั้นความสามารถในการหล่อลื่นไม่ได้ลดลงไปตามการใช้งานแต่อย่างใด แต่สิ่งที่ทำให้น้ำมันเครื่องคุณภาพการหล่อลื่นลดลงคือสิ่งที่ “ชะล้าง” ออกมาจากห้องเผาไหม้ ไม่ว่าจะเป็น คราบเขม่าคาร์บอน, ฝุ่น, เศษโลหะ, ฝุ่นละอองที่เล็ดลอดเข้าไปทางกรองอากาศ ถ้าลองเอาน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้วมาทำการ “กรอง” ผ่านระบบกรองขั้นสูงแล้วจะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ดังนั้นการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องก็เหมือนเป็นการให้เครื่องยนต์ได้ใช้น้ำมันเครื่องสะอาด ปราศจากสิ่งสกปรกไปทำร้ายชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์  

4.เสียงเครื่องยนต์ผิดปกติ หากการหล่อลื่นในเครื่องยนต์ทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพอันเนื่องมาจากน้ำมันเครื่องสกปรก อุปกรณ์ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ที่ต้องมีการเคลื่อนที่ตลอดเวลาที่เครื่องติดจะทำให้เกิดเสียงดังที่ผิดปกติออกมาจากตัวเครื่อง รวมถึงมีอาการสั่นเล็กน้อย ถือเป็นสัญญาณเตือนเจ้าของรถว่าควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องได้แล้ว ต่อให้เป็นรถ Super Car หรูหราราคาแพงที่ทันสมัยที่สุด ระบบอิเล็คทรอนิกส์มากมาย แต่ตราบใดที่ยังใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ไม่ได้เป็นรถพลังไฟฟ้า EV การตรวจสอบรักษาเช่นระดับน้ำมันเครื่อง และตัวคุณภาพน้ำมันเครื่องภายในเครื่องยนต์ก็ย่อมเป็นสิ่งสำคัญอยู่ ใช่ว่าจะต้องพึ่งแต่คอมพิวเตอร์จากศูนย์บริการเสมอเพื่อแจ้งเตือนว่าคุณควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องได้แล้ว แต่ควรมาจากการใส่ใจ ตรวจสอบเองได้จากเจ้าของรถผู้ซึ่งอยู่กับตัวรถมากที่สุด


สาเหตุของการเสื่อมสภาพของน้ำมันเครื่อง

1.การสะสมสิ่งสกปรกจากการเผาไหม้และสึกหรอในเครื่องยนต์ ที่น้ำมันเครื่องไปชะล้างออกมา

2.การทำปฏิกิริยาทางเคมีกับความร้อนจากการจุดระเบิด

3.สารเคมีปรุงแต่งคุณภาพที่ผสมอยู่เสื่อมสภาพไปตามอายุการใช้งาน


ข้อสังเกตน้ำมันเครื่องเริ่มเสื่อมสภาพ

  1. เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น
  2. อัตราเร่งแย่ลง อืดลงอย่างต่อเนื่อง
  3. สีของน้ำมันเครื่องเปลี่ยนไป
  4. กินน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น
  5. น้ำมันเครื่องมีลักษณะข้นขึ้น หรือใสขึ้น
  6. รถที่ไม่ค่อยได้ใช้งานหรือจอดทิ้งไว้นานๆ น้ำมันเครื่อง ก็อาจเสื่อมคุณภาพได้จากการผสมกันของความชื้นในอากาศกับสารหล่อลื่น ทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
  7. การขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น มีผลต่อการเสื่อมคุณภาพของน้ำมันเครื่องได้เร็วกว่าปกติ


ข้อดีของการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลา

  1. ช่วยรักษาเครื่องยนต์ให้สะอาด ปราศจากตะกอนหรือเขม่าคราบยางเหนียวต่างๆ 
  2. ช่วยยืดอายุการทำงานของเครื่องยนต์
  3. การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องควรเปลี่ยนควรพร้อมไส้กรองน้ำมันเครื่องทุกครั้ง เนื่องจากไส้กรองฯ เป็นตัวดักเก็บสิ่งเจือปนต่างๆ ที่อยู่ในน้ำมันเครื่อง ทั้งเขม่า ตะกอน รวมไปถึงเศษโลหะของชิ้นส่วนเครื่องยนต์ หากไส้กรองอุดตันจะปล่อยน้ำมันเครื่องที่มีสิ่งสกปรกเจือปนไหลออกมาโดยไม่ผ่านการกรอง และเป็นสาเหตุให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วกว่าปกติได้


เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถยนต์ ควรทำตอนไหน เรื่องสารหล่อลื่นที่สำคัญที่สุดในการทำงานของเครื่องยนต์นั่นคือ “น้ำมันเครื่อง” ส่วนประกอบสำคัญที่จะช่วยให้การทำงานของเครื่องยนต์เป็นไปได้อย่างราบรื่น และนำพาตัวรถไปถึงจุดหมายปลายทางได้โดยสวัสดิภาพ และการเปลี่ยนถ่ายตัวน้ำมันเครื่องก็มีส่วนสำคัญไม่น้อยด้วยเช่นกัน การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกครั้งควรมีการจดบันทึกวันที่ เดือน ปี และเลขกิโลเมตร ไว้ทุกครั้งเพื่อใช้ คำนวณกำหนดการเปลี่ยนถ่าย และหมั่นสังเกตจากอาการต่างๆของเครื่องยนต์ให้พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลาน่ะครับ


ด้วยความปรารถนาดีจาก เพจ ประกันรถถูกๆ ต่อง่ายๆ คุ้มครองเลย

สาระน่ารู้เรื่อง ประกันรถยนต์ที่ จริงจัง จริงใจ จริงจริง ♥

สนใจซื้อประกันรถยนต์ คลิ๊ก

  • ระบบเกียร์รถยนต์

  • รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม ประกันคุ้มครองไหม

  • ความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก

  • น้ำมันขึ้นเตือน ขับได้อีกกี่กิโล