อนาถบิณฑิกเศรษฐี มีนามเดิมว่า“สุทัตตะ”ก่อนที่จะมอบศรัทธาแด่พระพุทธศาสนานั้น ท่านเศรษฐีเคยนับถือนักบวชปริพาชกมาก่อน จนวันหนึ่งท่านเดินทางไปหาสหาย ณ ต่างเมือง แล้วพบว่าบริวารของสหายต่างสาละวนตระเตรียมภัตตาหารสำหรับถวายพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ผู้ติดตาม ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีจึงเริ่มมีจิตเคารพในบารมีของพระพุทธเจ้าตั้งแต่บัดนั้น ความเลื่อมใสที่มีต่อพระพุทธเจ้าทำให้ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ จึงตัดสินใจเดินเท้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า และมีโอกาสได้ฟังธรรมจากพระโอษฐ์ ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีจึงเกิดดวงตาเห็นธรรมบรรลุเป็นพระโสดาบันในคืนนั้นเอง ด้วยศรัทธาที่มีต่อพระธรรมที่ได้สดับฟัง ท่านเศรษฐี จึงปวารณาตนเป็นพุทธมามกะ ตั้งใจอุทิศทั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์เพื่อทำนุบำรุงพระศาสนาอย่างสุดกำลัง ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีประสงค์จะสร้างวัดในเขตเมืองสาวัตถีที่ตนอาศัยอยู่ เพื่อจะได้อัญเชิญพระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับ แม้ว่าเจ้าเชตราชกุมารเจ้าของที่ดินจะมีเงื่อนไขว่าท่านเศรษฐีต้องนำเงินกหาปณะ(มาตราเงินในสมัยโบราณ 1 กหาปณะเท่ากับ 4 บาท) มาปูลาดให้เต็มพื้นที่ที่จะใช้สร้างวัดทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นศรัทธาของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีก็มิได้โยกคลอน ท่านทำตามเงื่อนไขที่ว่านั้นอย่างเต็มใจในที่สุดเมืองสาวัตถีจึงมีวัดที่สงบสงัดเหมาะจะใช้ต้อนรับพระพุทธเจ้าและพระสาวกอนาถบิณฑิกเศรษฐีตั้งชื่อวัดนี้ว่า “วัดพระเชตวันมหาวิหาร”เพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าเชตราชกุมาร การสร้างวัดครั้งนั้น ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีสละทรัพย์สินไปจำนวนมหาศาล แต่ภารกิจที่ท่านปวารณาตนเพื่อพุทธศาสนานั้นยังไม่สิ้นสุด ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐียังคงเดินหน้ารับใช้พระศาสนาอย่างเต็มที่ ท่านมีดำริจะสร้างกัปปียกุฎี (เรือนเก็บของ) วัจกุฎี (ส้วม) สระโบกขรณี (สระบัว) แม้แต่ศาลารายที่พระสงฆ์ใช้สำหรับค้างแรมในยามจาริกเดินทาง ก็ถือเป็นภารกิจที่ท่านเศรษฐีน้อมรับอย่างเต็มใจ แม้ทรัพย์สมบัติจะพร่องไปจากเดิม หนำซ้ำท่านยังถูกพ่อค้าต่างเมืองโกงทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก แต่นั่นมิได้ทำให้ความใจบุญสุนทานของท่านเศรษฐีลดน้อยถอยลงองค์ทานของท่านยังคงมีจำนวนเท่าเดิม แต่ลดคุณภาพลงบ้างตามกำลังทรัพย์ แต่จิตใจของท่านยังคงตั้งมั่นในการบำเพ็ญทานอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ในที่สุดเทวดาที่สถิตในซุ้มประตูที่เคยไม่เห็นด้วยกับการให้ทานของท่านเศรษฐีก็เข้าใจในเจตนาของท่าน และจำแลงกายไปทวงเงินคืนให้แก่ท่านเศรษฐี เพื่อเป็นการไถ่โทษที่เคยพยายามขัดขวางการให้ทานของท่านเศรษฐี นอกจากนี้ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐียังสนับสนุนให้ลูกเมียและญาติมิตรบริวารถืออุโบสถศีล และพยายามออกอุบายให้บุตรชายที่มีจิตใจห่างเหินจากพระพุทธศาสนาได้มีโอกาสเข้าถึงรสพระธรรม ผู้คนที่แวดล้อมเศรษฐีท่านนี้ จึงได้อยู่ในวงล้อมแห่งบุญที่ท่านบำเพ็ญอยู่เป็นนิจไปด้วย เรื่องราวของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีน่าจะทำให้หลายคนฉุกคิดว่า แม้จะมีชีวิตร่ำรวยหรูหรา แต่ท่านเศรษฐีก็มิได้ลุ่มหลงไปกับลาภยศสรรเสริญ หากพิจารณาจากศรัทธาที่ท่านมอบแด่พุทธศาสนาและน้ำจิตน้ำใจที่ท่านมีให้เพื่อนมนุษย์จะพบว่า ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีได้น้อมนำหลักธรรม เช่น การประกอบสัมมาอาชีพและการให้ทานมาปฏิบัติเพื่อให้ชีวิตทางโลกสุขสงบได้อย่างแท้จริง เรื่อง อิสระพร บวรเกิด บทความที่น่าสนใจ ไข 7 ข้อคาใจเกี่ยวกับการทำบุญ หลักการให้ทาน 3 ประการ ที่ทำให้ทานสมบูรณ์แบบ 1 บาท รักษาทุกโรค! คุณสุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์ 7 คมความคิดของแจ็ค หม่า มหาเศรษฐีผู้ประสบความสำเร็จระดับโลก จอห์น พอล โจนส์ เดอโจเรีย จากคนไร้บ้านสู่มหาเศรษฐีพันล้าน กว่าจะมีวันนี้ “ โจว ฉุนเฟย ” เศรษฐีจีน ผู้เป็นต้นแบบของความเพียร 7 วลีเด็ดสู่ความสำเร็จของ มหาเศรษฐีฟอร์บส 10 แนวคิดโดนใจจาก วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีระดับโลก กชพรรณ วิรุฬห์รักษ์สกุล จากแม่ค้าเร่สู้ชีวิต สู่เศรษฐีร้อยล้าน
Secret คือแรงบันดาลใจ ธรรมะ Secret Magazine Thailand ซีเคร็ต มหาสาวก มหาอุบาสก วัดพระเชตวันมหาวิหาร อนาถบิณฑิกเศรษฐี เศรษฐีสมัยพุทธกาล ประวัติอนาถบิณฑิกะ อนาถบิณฑิกะ เดิมมีชื่อว่า “สุทัตตะ” เป็นบุตรชายของเศรษฐีชื่อสุมนะ ในเมืองสาวัตถี ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นโกศล ส่วนมารดาไม่ปรากฏนาม คำว่า “อนาถบิณฑิกะ” เป็นชื่อที่เกิดจากคุณธรรมของท่าน เนื่องจากท่านเป็นคนใจบุญสุนทาน โดยได้ตั้งโรงทานให้ทานแก่ยาจกวณิพกเป็นประจำ คนทั้งหลายจึงเรียกว่าอนาถบิณฑิกะ แปลว่า ผู้มีก้อนข้าวเพื่อคนอนาถา ภายหลังต่อมาท่านได้รับแต่งตั้งจากทางราชการสมัยนั้นให้อยู่ในตำแหน่งเศรษฐี โดยการสืบทายาทจากบิดาของท่าน ท่านจึงได้รับการเรียกชื่อว่า อนาถบิณฑิกเศรษฐี อนาถบิณฑิกเศรษฐีได้มาพบและได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าที่เมืองราชคฤห์ เมืองหลวงของแคว้นมคธ เหตุที่ได้เข้าเฝ้าเนื่องจากท่านได้มาทำกิจธุระเกี่ยวกับการค้าขายที่นี้และได้พักกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่มีฐานะเป็นเศรษฐีเหมือนกัน และวันนั้นท่านได้เห็นคนในบ้านตระเตรียมอาหารเพื่อถวายแด่พระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์ในวันรุ่งขึ้น จึงสอบถามเมื่อได้ฟังเรื่องราวจากเศรษฐีผู้เป็นเพื่อนแล้ว ก็เกิดความรู้สึกดีใจที่ได้ทราบว่ามีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นแล้ว ได้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าซึ่งขณะนั้นพระองค์ทรงประทับอยู่ที่สีตวัน หรือป่าไม้สีเสียดใกล้กับพระเวฬุวัน ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า จนสำเร็จมรรคผลเป็นอริยบุคคลขั้นโสดาบัน ประกาศตนเป็นอุบาสกนับถือพระรัตนตรัยด้วยศรัทธามั่นคง อนาถบิณฑิกเศรษฐีได้กราบทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าให้เสด็จไปยังเมืองสาวัตถี เพื่อประกาศพระศาสนา พระพุทธเจ้าทรงรับคำทูลอาราธนา เมื่อท่านกลับมายังเมืองสาวัตถีแล้วได้วางแผนเตรียมการใหญ่ในการที่จะถวายการต้อนรับพระพุทธเจ้าพร้อมภิกษุสงฆ์ที่จะเสด็จไปเมืองสาวัตถี การวางแผนนั้นมี 2 ประการ คือ เมื่องานทุกอย่างเสร็จแล้ว อนาถบิณฑิกเศรษฐีได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปกราบทูลพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปยังเมืองสาวัตถีพร้อมด้วยพระสงฆ์สาวกจำนวนมาก อนาถบิณฑิกเศรษฐีพร้อมด้วยชาวเมืองได้รับเสด็จพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์สาวกอย่างยิ่งใหญ่ ได้ถวายอาหารบิณฑบาตแด่พระสงฆ์ทุกวัน นอกจากนี้อนาถบิณฑิกเศรษฐียังได้รับเชิญไปให้คำแนะนำและจัดการงานบุญกุศลที่ชาว เมืองสาวัตถีเขาจัดทำเป็นประจำ เมื่อท่านไม่อยู่บ้านก็มอบหมายให้สุภัททาซึ่งเป็นลูกสาวคนโตช่วยจัดการถวายทานที่บ้านแทน เมื่อลูกสาวคนโตแต่งงานไปอยู่บ้านสามี ก็มอบหมายให้จูฬสุภัททาลูกสาวคนรองรับหน้าที่แทน ครั้นลูกสาวคนรองแต่งงานไปอยู่บ้านสามี ก็มอบให้สุมนาลูกสาวคนเล็กรับหน้าที่สืบแทน คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง 1. เป็นผู้มั่นคงในการทำบุญ อนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นผู้มีความมั่นคงในการทำบุญตั้งแต่ยังเยาว์วัย เป็นคนใจบุญสุนทานมาก ชอบทำบุญกุศลโดยเฉพาะการให้ทานและฟังธรรมเป็นประจำ |