นอกจากหมั่นดูแลบำรุงรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าให้พร้อมใช้และปลอดภัยอยู่เสมอแล้ว ช่วงฤดูร้อนเป็นช่วงที่สภาพอากาศอุณหภูมิสูงกว่าปกติ ส่งผลกระทบให้มีการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานหนักขึ้น เป็นเหตุให้เสียค่าไฟฟ้าแพงขึ้น แล้วจะทำอย่างไรเพื่อให้ค่าไฟลดลงบ้าง ใช้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย มาดูกันเลยครับ Show
การใช้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อการประหยัดพลังงาน ยึดหลัก ปิด ปลด ปรับ เปลี่ยน ความปลอดภัยการใช้ไฟฟ้าฤดูร้อน เลือกหลอดประหยัดไฟอย่างไรให้เหมาะสมกับแต่ละห้อง เพราะแสงสว่างแต่ละสีตอบโจทย์การใช้งานและมอบบรรยากาศที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง‘แสงสว่าง’ เป็นปัจจัยสำคัญในการอยู่อาศัยในทุกสถานที่ ซึ่งปัจจุบันผู้คนก็ให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อหลอดประหยัดไฟ เพื่อให้ได้ทั้งแสงสว่าง เหมาะสมกับแต่ละห้องและไม่เปลืองไฟ วันนี้ทางเซฟไทยจะมาแนะนำวิธีการเลือกซื้อหลอดประหยัดไฟให้เหมาะสมกับห้องต่าง ๆ ในบ้าน ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด ก่อนที่เราจะรู้ถึงวิธีการเลือกซื้อหลอดประหยัดไฟนั้น จำเป็นจะต้องศึกษาถึงประเภทของหลอดไฟว่ามีแบบไหนบ้าง แล้วแต่ละแบบเหมาะแก่การใช้งานอย่างไร เพื่อที่เราจะได้เลือกมาใช้งานได้อย่างเหมาะสม ประเภทของหลอดไฟ แบบไหนประหยัดไฟมากที่สุด
เพราะแบบนี้เอง…หลอดประหยัดไฟ LED จึงเป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบัน มีข้อดีหลากหลายไม่ว่าจะเป็นอายุการใช้งานที่นานกว่าประมาณ 15,000 – 50,000 ชั่วโมง ให้สีและความสว่างคงที่ ประหยัดไฟกว่าหลอดประเภทอื่น แม้ราคาจะสูงกว่าหลอดทั่วไป แต่ถ้าเทียบกับระยะเวลาการใช้งาน ก็นับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เอาล่ะถึงเวลาที่เราจะไปดูวิธีเลือกซื้อหลอดประหยัดไฟกันแล้ว วิธีเลือกซื้อหลอดประหยัดไฟให้เหมาะกับแต่ละห้อง
หากสังเกตดี ๆ สีของแสงในแต่ละหลอดประหยัดไฟมีความแตกต่างกันให้ความรู้สึกและสร้างบรรยากาศให้ห้อง ๆ นั้นตามความต้องการของเรา อีกทั้งยังส่งผลต่อประสิทธิภาพในการมองเห็นอีกด้วย เช่น ห้องนอนอาจไม่เหมาะกับไฟสว่างจ้า ควรเป็นหลอดไฟในแสงโทนส้มที่ช่วยให้ผ่อนคลายมากกว่า ซึ่งหลอดประหยัดไฟมีโทนสีให้เลือก ดังนี้
ก่อนจะเลือกซื้อหลอดประหยัดไฟมาเปลี่ยน ควรดูขั้วหลอดไฟให้ดีก่อนว่าใช้แบบไหน เข้ากันได้หรือเปล่า ส่วนใหญ่แล้วจะมีขั้วแบบเกลียวกับแบบเขี้ยว
จำนวนวัตต์แสดงถึงความสว่างมากหรือน้อยของหลอดไฟ ยิ่งมีจำนวนวัตต์สูงก็ยิ่งสว่างและกินไฟตามไปด้วย ซึ่งแต่ละจุดของบ้านก็ต้องการความสว่างแตกต่างกัน เช่น ห้องทำงาน ต้องการความสว่างประมาณ 4-5 วัตต์ ขึ้นอยู่กับความกว้างและความสูงของห้องด้วย
หลอดไฟ LED ก็ถือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่ง เพราะฉะนั้นควรเลือกหลอดที่ได้มาตรฐาน มีเครื่องหมาย มอก. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) และฉลากเบอร์ 5 เพื่อความปลอดภัยและประหยัดพลังงาน เห็นไหมว่าการเลือกหลอดประหยัดไฟนั้นไม่ยากอย่างที่คิด หากใครที่ต้องเปลี่ยนหลอดไฟเองอยู่บ่อย ๆ ล่ะก็…หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะ |