โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน คืออะไร? โรคน้ำในหูไม่เท่ากันหรือภาษาอังกฤษเรียกว่า โรคมีเนีย (Meniere’s disease)... Show โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน อันตรายหรือไม่ และอาการน้ำในหูไม่เท่ากันส่งผลกระทบร้ายแรงต่อร่างกายขนาดไหน วันนี้เรามีคำตอบมาให้ไขความกระจ่างค่ะ
- คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล - ราชวิทยาลัย โสต ศอ นาสิกแพทย์ แห่งประเทศไทย - โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย โดยปกติหูชั้นในจะมีน้ำในปริมาณที่พอดีกับการทำงานของเซลล์ประสาทที่ทำหน้าที่ควบคุมการทรงตัวและการได้ยิน และมีการไหลเวียนถ่ายเทเป็นปกติ แต่เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้น เช่น การดูดซึมของน้ำในหูไม่ดี ทำให้น้ำในหูชั้นในมีปริมาณมากกว่าปกติ ก็จะส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ประสาทที่ควบคุมการทรงตัวและการได้ยิน ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ หูอื้อ สูญเสียการได้ยิน รู้สึกถึงแรงดันภายในหู เป็นต้น อาการมักเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ต่อเนื่อง และเกิดขึ้นที่หูข้างใดข้างหนึ่ง ในผู้ที่มีอาการรุนแรงอาจเสี่ยงต่อการล้มเกิดอุบัติเหตุในขณะขับขี่ยานพาหนะ หรือในระหว่างการทำงานกับเครื่องจักรได้ รวมถึงอาจทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการได้ยินไปอย่างถาวร อาการของน้ำในหูไม่เท่ากัน อาการของน้ำในหูไม่เท่ากันมักเกิดขึ้นที่หูข้างใดข้างหนึ่งแบบกะทันหันและเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงแรก ๆ บางรายอาจมีอาการนานเป็นชั่วโมง จากนั้นอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น ผู้ป่วยแต่ละรายจะมีอาการที่แตกต่างกันออกไป มักจะมีอาการหรือสัญญาณเตือนเกิดขึ้นก่อน เช่น วิงเวียนศีรษะ บ้านหมุน เซ ปวดศีรษะ รู้สึกถึงแรงดันภายในหู หูอื้อ รู้สึกไม่สบายใจ เป็นต้น ควรหาที่นั่งพักหากมีอาการข้างต้น อาการน้ำในหูไม่เท่ากัน มักแบ่งได้ 3 ระยะ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
สาเหตุของน้ำในหูไม่เท่ากัน ในปัจจุบันยังไม่สามารถบอกได้อย่างแน่ชัดว่าน้ำในหูไม่เท่ากันเกิดจากสาเหตุใด แต่พบว่าอาการของโรคเป็นผลมาจากความผิดปกติของน้ำในหู โดยหูชั้นในจะประกอบด้วยโคเคลีย (Cochlea) ซึ่งเป็นท่อที่มีลักษณะเป็นเกลียวและมีช่องเก็บของเหลว มีหน้าที่เกี่ยวกับการได้ยิน และเวสทิบิวล่าร์แอพพาราตัส (Vestibular Apparatus) มีลักษณะเป็นท่อ ช่วยควบคุมเกี่ยวกับการทรงตัว ซึ่งถ้าแรงดันของน้ำในหูมีมากเกินไป จะส่งผลให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะและหูอื้อได้ ทั้งนี้มีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความผิดปกติของน้ำในหูชั้นใน ได้แก่
แพทย์จะวินิจฉัยโดยการซักประวัติและอาการของผู้ป่วย เช่น วิงเวียนศีรษะ หูอื้อ หรือสูญเสียการได้ยิน อาจมีการสอบถามประวัติทางการแพทย์หรือการตรวจร่างกายร่วมด้วย รวมถึงการทดสอบอื่น ๆ เพื่อหาสาเหตุของการเกิดโรค โดยแพทย์อาจมีแนวทางในการวินิจฉัยดังต่อไปนี้
การรักษาสามารถทำได้หลายวิธีเพื่อบรรเทาความรุนแรงของอาการวิงเวียนศีรษะ เช่น การใช้ยา ทั้งรูปแบบยารับประทานและยาฉีด การบำบัด หรือการผ่าตัด โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
อาการของน้ำในหูไม่เท่ากันสามารถส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วย อาจทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้าได้ โดยเฉพาะอาการวิงเวียนศีรษะอาจทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการล้มลงไปที่พื้น เกิดอุบัติเหตุในขณะขับขี่ยานพาหนะ หรือในระหว่างการทำงานกับเครื่องจักรได้ รวมถึงอาจทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการได้ยินไปอย่างถาวร เป็นต้น การป้องกันน้ำในหูไม่เท่ากัน อาการของน้ำในหูไม่เท่ากันมักเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากมีอาการรุนแรงอาจทำให้เกิดอันตรายต่อทั้งตัวเองและคนรอบข้าง ดังนั้นวิธีการป้องกันสามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต และไม่ทำให้ตัวเองและคนรอบข้างตกอยู่ในอันตรายหรือสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อชีวิต เช่น การว่ายน้ำ การทำกิจกรรมผาดโผน การยกของหนัก การทำงานกับเครื่องจักร รวมถึงการขับขี่ยานพาหนะ เป็นต้น โรคน้ําในหูไม่เท่ากัน อันตรายไหมอาการของน้ำในหูไม่เท่ากันสามารถส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วย อาจทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้าได้ โดยเฉพาะอาการวิงเวียนศีรษะอาจทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการล้มลงไปที่พื้น เกิดอุบัติเหตุในขณะขับขี่ยานพาหนะ หรือในระหว่างการทำงานกับเครื่องจักรได้ รวมถึงอาจทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการได้ยินไปอย่างถาวร เป็นต้น
โรคน้ำในหูไม่เท่ากันภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไรโรคน้ำในหูชั้นในผิดปกติ หรือที่มักเรียกกันว่าโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (Meniere's disease) เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของหูชั้นใน พบได้ค่อนข้างบ่อยในคนทุกกลุ่มอายุ ตั้งแต่ 20-50 ปี โดยเพศชายและเพศหญิงจะมีอัตราการเกิดโรคนี้ในสัดส่วนที่พอๆ กัน สาเหตุของโรคน้ำในหูชั้นในผิดปกติ
โรคน้ําในหูไม่เท่ากันเกิดจากอะไรสาเหตุของการเกิดโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
ปฎิกิริยาภูมิแพ้ ภาวะภูมิคุ้มกันไวเกิน การติดเชื้อไวรัส, การติดเชื้อจากหูชั้นกลาง หรือการติดเชื้อซิฟิลิส อุบัติเหตุรุนแรงที่ศีรษะ
โรคน้ําในหูไม่เท่ากันรักษาหายไหมHIGHLIGHTS: โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน ไม่มีวิธีรักษาที่ทำให้โรคหายขาดได้ อาการของผู้ป่วย ส่วนใหญ่สามารถควบคุมได้ด้วยยา และการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง นอกเหนือจากอาการเวียนหัวแล้ว ยังมีอาการอื่นๆด้วยเช่น หูอื้อ ได้ยินไม่ชัด รู้สึกแน่นในหูเป็นๆ หายๆ มีเสียงดังในหู
|