ระบบ การตลาดแบบ ยุค เก่า คือ

การตลาดแบบดั่งเดิมกับการตลาดดิจิทัล แตกต่างกันอย่างไร ? (TRADITIONAL MARKETING VS DIGITAL...

Posted by ธุรกิจออนไลน์ ยุค4.0 on Sunday, October 6, 2019

ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจประเภทไหนก็คงอยากให้แบรนด์ของตัวเองนั้น เป็นที่รู้จักอย่างกว้างไกล และอยู่ในใจของล…

#MARKETING

ระบบ การตลาดแบบ ยุค เก่า คือ

27 มกราคม, 2023

Touch Point คืออะไร? รู้จักจุดสัมผัสที่สำคัญต่อธุรกิจในยุค Digital

หลายท่านอาจจะเคยได้ยินคำว่า Touch point กันมาก่อน หรือทีรู้จักกันว่าจุดสัมผัสระหว่างแบรนด์และลูกค้า …

#MARKETING

ระบบ การตลาดแบบ ยุค เก่า คือ

5 มกราคม, 2023

First Party คืออะไร สำคัญต่อธุรกิจอย่างไร ?

ในยุคของการใช้ข้อมูลเป็นจำนวนมากเพื่อทำการตลาดแบบ Personalization หรือการทำการตลาดแบบเฉพาะเจาะจง เป็…

ประกอบด้วย กานส่งเสริมการขาย การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การขายตรง การส่งเสริมการขายโดยผ่านตัวแทนจำหน่าย เป็นต้น

      และมักจะใช้วิธี การแบ่งส่วนตลาด (Marketing Segmentation) โดยใช้เกณฑ์สภาพประชากรศาสตร์ หรือสภาพภูมิศาสตร์ และสามารถครอบคลุมได้บางพื้นที่เท่านั้น  ซึ่งมีวิธีการสื่อสารแบบ  ( ONE  TO  MANY ) เป็นการสื่อสารแบบไม่สามารถโต้ตอบได้ทันทีต้องใช้ระยะเวลาในการตอบรับ

ระบบ การตลาดแบบ ยุค เก่า คือ

 

           • ส่วนการตลาดแบบออนไลน์  หรือ อีกชื่อเรียกว่า การตลาดแบบดิจิตอล  การตลาดแบบนี้ จะเน้นการบริการและตอบเสนอความต้องการของลูกค้า โดยสื่อสารผ่านรูปแบบสื่อออนไลน์เน้นไปยังกลุ่มเป้าหมายที่สนใจเนื้อหา  เป็นหลักเช่น การสร้างบล็อก เว็บไซต์ โซเซียล สื่อสังคมออนไลน์ ต่างๆโดยใช้เนื้อหาที่มีประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายเพื่อดึงดูดรายได้เข้ากระเป๋านั่นเอง ซึ่งมีการสื่อสารแบบ  ( MANY  TO  MANY ) เป็นการสื่อแบบสามารถโต้ตอบได้ทันไม่ต้องคอยระยะเวลาในการโต้ตอบ  

ระบบ การตลาดแบบ ยุค เก่า คือ

ระบบ การตลาดแบบ ยุค เก่า คือ


ก็รู้จักการตลาดแต่ละประเภทคร่าวกันแล้วงั้น เรามาดูกันเลยว่าการตลาดแบบดั้งเดิม กับ การตลาดออนไลน์แตกต่งกันอย่างไร

 

  • รูปแบบของการค้า  –  มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มีความชัดเจนในการสื่อสารที่ต้องทำให้เห็นบนการตลาด

 

  • วิธีการสื่อสาร  –  ต้องมีความชัดเจนว่าเป็นแบบ one-to-many ที่คนรับฟังฟังอย่างเดียวซื่งเป็นการตลาดแบบดั้งเดิม และ many-to-many สามารถรับส่งกันได้ของการตลาดแบบออนไลน์

 

  • ระยะเวลาในการโต้ตอบ  –  แบบดั้งเดิมจะใช้กันระยะยาว working hour  ส่วนแบบออนไลน์ เป็นการวางแผน และใช้การโต้ตอบอย่างรวดเร็วทันใจได้ตลอด 24 ช.ม

 

  • ลักษณะการพูดกับกลุ่มผู้บริโภคของแต่ละการค้า  –  รูปแบบดั้งเดิมจะเป็นการปกปิดเสียเป็นส่วนใหญ่และใช้การสื่อสารผ่านเมล, โทรศัพท์  ส่วนแบบออนไลน์เน้นความรวดเร็วแบบโต้ตอบกันทันทีอย่างเปิดเผย

 

  • คุณค่าของประสบการณ์ที่ได้รับ   การตลาดแบบออนไลน์ดีกว่าและชัดเจนกว่าอยู่แล้วในด้านนี้ เนื่องจากสามารถโต้ตอบกันกับผู้ใช้งานได้ แต่แบบดั้งเดิมเป็นอนาลอก(เวลา)

 

  • ภาษาที่ใช้  –  การใช้แบบดั้งเดิมจะต้องมาในแนวเป็นทางการ แต่แบบออนไลน์ค่อนข้างอิสระในการใช้ งานเนื่องจากให้เข้าถึงกลุ่มคนได้ง่ายนั่นเอง

 

  • หน่วยงานที่ดูแล  –  ทุกวันนี้ต้องบอกว่าคนที่ทำการตลาดแบบดั้งเดิมก็ถูกย้ายให้มาทำการตลาดแบบออนไลน์ ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่สามารถทดแทนกันได้จากพฤติกรรมของคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นเลยมีแผนกที่ถูกตั้งขึ้นมาโดยเฉพาะ
    ในวันที่โลกเชื่อมโยงถึงกันได้ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ ชีวิตของผู้คนก็ไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้น การวางแผนและกำหนดกลยุทธ์การตลาดก็ไม่ต่างกัน ยิ่งเป็นการตลาดในยุคดิจิทัล ที่การซื้อ การขาย การให้บริการ การขยายฐานลูกค้า การสร้างแบรนด์ และการสร้างความภักดีของสินค้า ล้วนมีความเกี่ยวโยงกันเป็น story หรือเรื่องราว รวมถึงการตลาดในยุคดิจิทัลแทบจะไร้ข้อจำกัดด้านเวลาและสถานที่ นี่เองจึงทำให้การวางแผนการตลาดต้องปรับเปลี่ยนให้ทัน และเลือกใช้การตลาดให้เหมาะ จะใช้การตลาดแบบเดิม หรือจะเลือกใช้การตลาดดิจิทัล แล้ว Digital Marketing กับ Traditional Marketing ต่างกันอย่างไร ควรใช้กลยุทธ์ไหนในยุคปัจจุบันนี้ มาฟังคำตอบกัน

    ระบบ การตลาดแบบ ยุค เก่า คือ
    ระบบ การตลาดแบบ ยุค เก่า คือ

    Online marketing คืออะไร

    การตลาดแบบเดิมสื่อสารกันทางเดียว และไม่ได้ใช้เทคโนโลยีใด ๆ เข้ามาเป็นเครื่องมือ แต่เมื่อโลกรู้จักกับอินเทอร์เน็ต การตลาดแบบเดิมก็มาสู่การตลาดแบบออนไลน์หรือ  Online marketing คือเป็นการทำการตลาด โดยอาศัยอินเทอร์เน็ตในการสื่อสารทำให้สินค้าของคุณ เป็นที่รู้จักเพิ่มมากยิ่งขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือ การมีเว็บไซต์ประจำร้านค้า    เว็บไซต์ (Website) หน้าร้านออนไลน์ที่ทุกธุรกิจต้องมีในยุค 4.0

    ระบบ การตลาดแบบ ยุค เก่า คือ
    ระบบ การตลาดแบบ ยุค เก่า คือ

    Digital marketing คืออะไร 

    แต่เมื่อออนไลน์แทบจะถูกแทนที่ด้วยดิจิทัล การทำการตลาดเองก็เช่นกัน จากการตลาดแบบดั้งเดิม สู่ Online marketing ก็ทำให้เกิดมี Digital Marketing เพื่อให้การทำธุรกิจสอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป Digital Marketing จึงเป็นการใช้ดิจิทัลเข้ามาเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานในการสร้างแบรนด์ สร้างการรับรู้ สร้างช่องทางการสื่อสารประชาสัมพันธ์ 

    ยกตัวอย่างเช่น การใช้เครื่องมือ Search Engine Optimization (SEO) เพื่อการดันเว็บไซต์ของคุณให้ติดหน้าแรกของ Search Engine หรือไม่ว่าจะเป็นการทำ Content Marketing เพื่อเป็นการสื่อสารภาพลักษณ์ของแบรนด์ สินค้า ผลิตภัณฑ์ของคุณด้วยสื่อดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น วิดีโอ รูปภาพ หรืออินโฟกราฟิก อีกตัวอย่างที่เห็นได้มากขึ้น และชัดเจนสุด ๆ คือ Mobile Marketing เป็นการทำการตลาดผ่านโทรศัพท์มือถือจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของสังคมมือถือเป็นสิ่งที่กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ที่ได้รับความนิยม มีความสะดวกสบายที่จะหยิบใช้เมื่อไหร่ก็ได้ รวมถึงอัตราการใช้งานมือถือต่อวันที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การตลาดจากออนไลน์จึงย้ายมาอยู่บนโลกดิจิทัลแบบแทบจะเต็มตัว

    SEO คืออะไร สำคัญอย่างไรต่อธุรกิจในยุค IT

    เทคนิคการทำ Digital Marketing แบบง่าย ๆ นักการตลาดมือใหม่ก็ทำได้

    ประโยชน์จากการทำ Digital Marketing ที่คนสร้างแบรนด์ไม่ควรมองข้าม

    ความต่าง ระหว่าง Digital Marketing กับ Online Marketing

    ถ้าจะให้แยกแบบชัดเจนเลยคงยาก เพราะ Digital marketing เป็นการใช้สื่อในรูปแบบดิจิทัลทำการเชื่อมต่อกับลูกค้า ขณะที่ Online marketing เน้นไปที่ช่องทางอินเทอร์เน็ต เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดียแพลตฟอร์ม เป็นต้น

    ระบบ การตลาดแบบ ยุค เก่า คือ
    ระบบ การตลาดแบบ ยุค เก่า คือ

    ข้อดีของการทำ Digital Marketing 

    – Digital marketing เห็นผลยั่งยืน 

    กระบวนการทำ Digital marketing หวังผลระยะยาวจึงมีการวางแผนแบบองค์รวม เช่น การทำ Market research เพื่อศึกษาและวิจัยตลาด การทำ SWOT Analysis เพื่อวิเคราะห์ธุรกิจของคุณในปัจจุบัน ค้นจุดแข็ง หาจุดอ่อน ประเมินโอกาสและอุปสรรคในการวางเกม การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเพื่อสร้างการสื่อสารแบบมุ่งเป้าผ่านสื่อดิจิทัล และทั้งหมดจะนำมาหลอมรวมเพื่อค้นหาเครื่องมือ เช่น จะผลิตคอนเทนต์แบบใด ผ่านช่องทางไหนเป็นหลัก หรือเมื่อได้ลูกค้าจำนวนมาก และมีชุดข้อมูลจำนวนมากขึ้น จะนำข้อมูลนั้นมาจัดการและวิเคราะห์ให้เกิดประโยชน์อะไรได้บ้าง เช่น พฤติกรรมลูกค้า ความชอบ ข้อติเตียน เพื่อนำไปปิดจุดอ่อน และปรับปรุงพัฒนาสินค้า  เป็นต้น 

     จะเห็นได้ว่ากระบวนการของการตลาดดิจิทัลอาศัยเวลา แต่ทำเป็นระบบระเบียบ จึงตรวจสอบได้ และเห็นผลชัดเจนได้นานกว่า

    ระบบ การตลาดแบบ ยุค เก่า คือ
    ระบบ การตลาดแบบ ยุค เก่า คือ

    – Digital marketing สร้าง Engagement ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า 

    เครื่องมือสำคัญของ Digital marketing ในการสร้าง Engagement ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า คือ Content marketing โดยตัวเนื้อหาสามารถสร้างการรับรู้ การจดจำแบรนด์ และสร้าง Engagement หรือการมีส่วนร่วมกับแบรนด์หรือร้านค้า เนื้อหาที่ดีต้องมีคุณภาพไปพร้อม ๆ กับการสื่อสารที่สร้างความดึงดูดใจได้ และเนื้อหา ไม่เพียงแค่เป็นบทความหรือตัวหนังสือ เนื้อหาดิจิทัลจะยิ่งเพิ่มความน่าติดตาม เช่น คลิปวิดีโอ  รูปภาพ หรือการใช้ influencer หรือคนดังมีชื่อเสียง

    เคล็ดลับ เบื้องหลัง 5 เทรนด์ยอดนิยมสู่ความสำเร็จบน YouTube

    ระบบ การตลาดแบบ ยุค เก่า คือ
    ระบบ การตลาดแบบ ยุค เก่า คือ

    – Digital marketing ใช้เทคโนโลยีล้ำหน้า สร้างความได้เปรียบกว่า 

    การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำให้การทำ Digital Marketing สามารถเจาะไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ชัดเจน และรวดเร็วกว่า ไม่ว่าจะเป็นการนำ Big Data หรือชุดข้อมูลขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า เพื่อวิเคราะห์และนำไปปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด 

    หรือในอนาคตเราอาจเดินไปในร้านค้า หรือสถานที่ใดที่หนึ่งโดยที่ตัวเราเองนั่งอยู่ที่บ้านด้วยเทคโนโลยี MR หรือ Mixed Reality หรือที่หลายๆคนคุ้นเคยกับคำว่า Metaverse ก็เป็นไปได้ เช่น เดินไปชมบ้านตัวอย่าง หรือเข้าไปในคอนเสริ์ต ผ่านแว่นตา VR ความก้าวล้ำเหล่านี้จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ธุรกิจคุณจึงสามารถเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าได้มากขึ้น และขยายฐานลูกค้าจากหน้าเดิม ไปหน้าใหม่ หรือสร้าง brand loyalty ได้ดีกว่าเดิม