แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เรื่องลำดับและอนุกรม แบบฝึกนี้เหมาะสำหรับนักเรียน ม.ปลาย สามารถนำไปอ่านศึกษาอ่านได้เลยครับ เพราะมีเฉลยพร้อมตัวอย่างที่ละเอียด ต้องขอขอบคุณเจ้าของผลงานคือ ครูปิยะทิพย์ ดอนลาดลี ที่กรุณานำผลงานมาเผยแพร่ เพราะเป็นผลงานที่มีประโยชน์ต่อนักเรียนและครูมากครับ ใครที่ต้องการศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเอง เหมาะมากเลยครับผม สามารถดูตัวอย่างและดาวน์โหลตามลิงค์ด้านล่างครับ ส่วนใครที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับลำดับและอนุกรม ก็สามารถศึกษาเพิ่มเติมตามลิงค์ที่ผมแปะให้เลยครับผม ลำดับและอนุกรม เป็นเนื้อหาคณิตศาสตร์ที่น้อง ๆ หลายคนเคยได้เรียนมาแล้วในชั้นประถมศึกษา ไปจนถึงโจทย์แข่งขันระดับม.ต้น และเราก็ได้มาเรียนแบบจริงจังอีกทีตอน ม.ปลาย ซึ่งพี่ ๆ ATHOME ขอบอกเลยว่าเนื้อหาบทนี้สำคัญมากเลยนะคะ เพราะเป็นหนึ่งในบทเรียนที่ออกสอบมากที่สุดบทหนึ่งเลยในสนามแข่งขันและสนามสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่าง ๆ อีกทั้งยังเป็นบทที่สามารถนำไปประยุกต์ได้กับอีกหลายบท ไม่ว่าจะเป็น สถิติ, เมทริกซ์, จำนวนจริง ถ้าน้องคนไหนยังเรียนในห้องไม่เข้าใจก็ขอให้พี่ ๆ ได้มีส่วนช่วยน้อง ๆ เองนะคะ Show
อนุกรม คือ อะไรลําดับและอนุกรม สรุป อนุกรม ผลจากการบวกสมาชิกทุกตัวของลำดับไม่จำกัดเข้าด้วยกัน หากกำหนดให้ลำดับของจำนวนเป็น อนุกรมของลำดับนี้ก็คือ อนุกรมสามารถเขียนแทนได้ด้วย สัญลักษณ์ของผลรวม ∑ (ซิกม่า) ลำดับ คือ อะไรลำดับ คือ ฟังก์ชันที่มีโดเมนเป็นเซตของจำนวนเต็มบวก n ตัวแรกหรือเซตของจำนวนเต็มบวก ลําดับและอนุกรม มีอะไรบ้าง
ลำดับจำกัด คือลำดับจำกัด คือ ลำดับซึ่งมีจำนวนพจน์จำกัด โดยฟังก์ชันจะเป็นลำดับที่มีโดเมนเป็น { 1, 2, 3, …, n } สามารถบอกได้ว่าลำดับนั้นมีพจน์ทั้งหมดกี่พจน์ได้อย่างแน่นอน ตัวอย่างเช่น 2, 4, 6, 8, … , 36 (สามารถบอกจำนวนพจน์ได้แน่นอน) ลำดับอนันต์ คือลำดับอนันต์ คือ ลำดับซึ่งมีจำนวนพจน์ไม่จำกัด โดยฟังก์ชันเป็นลำดับที่มีโดเมนเป็น { 1, 2, 3, … } ไม่สามารถบอกได้อย่างแน่ชัดว่าลำดับนั้นมีจำนวนพจน์กี่พจน์ ตัวอย่างเช่น 2, 4, 6, 8 , …. ลำดับเลขคณิต คือลำดับเลขคณิต (Arithmetic Sequence) คือ ลำดับของตัวเลขที่ผลต่างซึ่งได้จากพจน์สองพจน์ที่อยู่ติดกัน มีค่าคงตัวเป็นค่าเดียวกัน โดยเราเรียกค่าคงตัวนั้นว่า ผลต่างร่วม (Common Difference) เขียนแทนด้วย d ตัวอย่างเช่น -2 , -4, -6, … , -8 ซึ่งมีผลต่างร่วม d = -2 ลำดับเรขาคณิต คือลำดับเรขาคณิต คือ ลำดับของจำนวนซึ่งอัตราส่วนของสมาชิกสองตัวที่อยู่ติดกันในลำดับเป็นค่าคงตัวที่ไม่เป็นศูนย์ ซึ่งอัตราส่วนนั้นเรียกว่า อัตราส่วนร่วม (common ratio) ตัวอย่างเช่น ลำดับ 2, 6, 18, 54 มีอัตราส่วนร่วม คือ r = 3 เป็นต้น ลำดับพหุนาม คือลำดับพหุนาม คือ ลำดับที่สามารถเขียนพจนทั่วไปได้เป็นฟังก์ชันพหุนาม ตัวอย่าง พิจารณาลำดับ ลำดับหลายชั้น คือลำดับหลายชั้น คือ ลำดับเลขอนุกรม ที่ผลต่างของเลขจะมีลักษณะเป็นเลขอนุกรมด้วย ตัวอย่างเช่น จากตัวอย่างน้อง ๆ จะเห็นว่าถ้าเราลองหาความสัมพันธ์ของลำดับชั้นแรก จะยังไม่เห็นว่ามีผลต่างร่วมกัน แต่เมื่อมองผลต่างนั้นจะเห็นว่าผลต่างกลายเป็นลำดับเลขคณิตนั่นเอง การต้องมองหาความสัมพันธ์มากกว่าชั้นเดียว จึงเป็นที่มาของชื่อ ลำดับหลายชั้น นั่นเอง ลำดับเว้นระยะ คือลำดับเว้นระยะ คือ ลำดับเลขอนุกรม ซึ่งประกอบด้วยอนุกรมมากกว่า 1 ซ้อนกันอยู่ภายในโจทย์เดียวกัน ตัวอย่างเช่น จากตัวอย่างเราจะเห็นว่าไม่เพียงแค่พจน์ที่อยู่ติดกันจะมีความสัมพันธ์กันเท่านั้น เพราะพจน์ที่ห่างกันไปอีก 2 พจน์ก็สามารถมีความสัมพันธ์ในเชิงลำดับได้เช่นกัน นี่จึงเป็นที่มาของชื่อ ลำดับเว้นระยะ ที่มีการเว้นไปของตัวเลขนั่นเอง ลำดับแบบมีค่าแตกต่างกันเป็นชุด คือลำดับแบบมีค่าแตกต่างกันเป็นชุด คือ ลำดับอนุกรมที่เกิดจากค่าความแตกต่างที่เป็นชุด คือหลายตัวประกอบขึ้นมา และใช้ค่าต่างกันนั้นเป็นชุดดังกล่าวในการพิจารณาเลขอนุกรมลำดับถัดไป ตัวอย่างเช่น จากตัวอย่างจะเห็นว่า ลำดับนั้นมีทั้ง ผลต่างร่วม และ อัตราส่วนร่วม ที่เท่ากัน สลับกันไป ทำให้เรารู้ได้ว่าตัวต่อไปต้องเป็นผลต่างร่วมหรืออัตราส่วนร่วมค่าเท่าไร และจะทำให้รู้ด้วยว่าตัวเลขตัวต่อไปจะเป็นอะไร ลำดับยกกำลัง คือลำดับยกกำลัง คือ ลำดับเลขอนุกรม ที่เกิดจากการยกกำลังของตัวเลขต่าง หรือ อาจเกิดจากค่าความแตกต่างที่เป็นเลขยกกำลังก็ได้ ตัวอย่างเช่น (ลำดับที่เกิดจากการยกกำลังของตัวเลข) (ลำดับที่เกิดจากค่าความแตกต่างที่เป็นเลขยกกำลัง) ความสัมพันธ์เวียนเกิด คือสมการที่แสดงความสัมพันธ์ของพจน์ an กับพจน์ก่อนหน้า เพื่อความเข้าใจเพิ่มขึ้น เรามาดูตัวอย่างกันนะคะ กำหนดให้ an = 2an-1 – an-2 เมื่อ n มากกว่าหรือเท่ากับ 2 , a0 = 4 , a1 = 1 จงหา a6 วิธีทำ a2 = 2a1 – a0 = -2 a3 = 2a2 – a1 = -5 a4 = 2a3 – a2 = -8 a5 = 2a4 – a3 = -11 ดังนั้น a6 = 2a5 – a4 = -14 ลําดับและอนุกรม สูตร ทั้งหมดที่ควรรู้แบบฝึกหัด ลําดับและอนุกรม พร้อมเฉลย
แล้วมูลค่าของรถมินิบัสจะเหลือน้อยกว่า 500,000 บาท เมื่อเวลาผ่านไปอย่างน้อยที่สุดกี่ปี วิธีทำ จะเห็นว่ามูลค่าลดลงปีละ 120,000 บำท เท่ากันทุกปี ดังนั้น มูลค่า จะเป็นล ำดับเลขคณิต ที่มี 𝑎1 = 1,880,000 และ 𝑑 = −120,000 จากสูตร an = a1 + (n-1) d จะได้มูลค่าเมื่อผ่านไป 𝑛 ปี คือ 1,880,000 + (𝑛 − 1)(−120,000) ดังนั้น มูลค่าน้อยกว่า 500,000 บาท เมื่อ 1,880,000 + (𝑛 − 1)(−120,000) < 500,000 1,380,000 < (𝑛 − 1)(120,000) 11.5 < 𝑛 − 1 12.5 < n แต่จำนวนปี ต้องเป็นจำนวนเต็ม → จะได้ 𝑛 มีค่าอย่างน้อย 13 ปี
จำนวนนับในแต่ละแถว เป็นลำดับเลขคณิต ซึ่งมีผลต่างร่วมเท่ากับ 3 และ จำนวนนับในแต่ละหลักเป็น ลำดับเลขคณิตซึ่งมีผลต่างร่วมเท่ากับ 5 ถ้า 𝑚 เป็นจำนวนนับ ซึ่งอยู่ในแถวที่ 25 และหลักที่ 25 แล้ว 𝑚 มีค่าเท่ากับเท่าไร วิธีทำ ตัวสุดท้ายของแถวแรก คือ พจน์ที่ 25 ของลำดับเลขคณิต 2 , 5 , 8 , 11 , … ที่มี 𝑎1 = 2 และ 𝑑 = 3 ใช้สูตรอนุกรมเลขคณิต 𝑎n = 𝑎1 + (𝑛 − 1)𝑑 โดยแทน 𝑛 = 25 จะได้ 𝑎25 = 2 + (25 − 1)3 = 74 ดังนั้น หลักขวาสุด จะเป็นลำดับเลขคณิตที่มี 𝑎1 = 74 และมี 𝑚 เป็นพจน์ที่ 25 โดยโจทย์กำหนดให้ทุกหลักมี 𝑑 = 5 |