พนักงานทุกคน ทุกระดับในองค์กร ควรมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นต่อกัน และควรเป็นความคิดเห็นที่ก่อประโยชน์ต่อการทำงาน แก้ไขปัญหาให้ลุล่วง ตลอดจนพัฒนาองค์กรให้ประสบความสำเร็จ Show Contents การทำงานในยุคปัจจุบันนี้การเสนอแนะ ติชม ตลอดจนประเมินผลการทำงานนั้นเป็นหนึ่งในกระบวนการสำคัญที่สามารถช่วยให้เกิดการทำงานให้มีประสิทธิภาพขึ้นได้เป็นอย่างดีทีเดียว และเมื่อมีการนำเอา Feedback ของทุกคนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ นำมาพัฒนาการทำงานตลอดจนผลิตภัณฑ์ขององค์กรให้ดีขึ้น แน่นอนว่าองค์กรมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จสูงขึ้น ทั้งยังช่วยสร้างให้องค์กรมีศักยภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย สำหรับในเมืองไทยเอง (หรือแม้แต่ประเทศในแถบตะวันออก) วัฒนธรรมระบบอาวุโส ตลอดจนการปกครองในระบบเจ้านายลูกน้อง ยังคงฝังรากลึกอยู่ในสายเลือดกันแทบทุกคน การที่จะเสนอแนะ (Feedback) ข้อเท็จจริงต่อกันอย่างจริงจังและตรงไปตรงมาบางครั้งเรื่องนี้ก็ทำให้เกิดอุปสรรคได้ จริงอยู่ว่าในยุคนี้การเสนอแนะระหว่างเจ้านายลูกน้องหรือคนที่อายุน้อยกับคนที่อาวุโสกว่านั้นดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะ ทุกระดับสามารถเสนอแนะอยู่บนพื้นฐานของงานได้อย่างอิสระ แต่ถึงอย่างไรวัฒนธรรมของชาวตะวันออกนั้นก็ยังคงตัดไม่ขาด บ่อยครั้งที่การเสนอแนะนั้นอาจถูกเบี่ยงเบน หรือเกิดความเกรงใจ พูดไม่หมด หรือแม้กระทั่งไม่พูดเลยจะดีเสียกว่า ก็ยังคงมีอยู่ในทุกวันนี้ อันที่จริงแล้วระบบเคารพอาวุโสตลอดจนการให้เกียรติแบบเจ้านายลูกน้องตามวัฒนธรรมตะวันออกนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายเสมอไปเสียทีเดียว ตรงกันข้ามมันกลับทำให้ระบบการทำงานราบรื่นได้ดีเสียอีก แต่ถึงอย่างไรการเสนอแนะระหว่างกันก็เป็นสิ่งคัญต่อการทำงานอย่างยิ่ง มาลองดูกันดีกว่าว่าวิธีการเสนอแนะที่ดีระหว่างกันระหว่างผู้ใต้บังคับบัญชากับผู้บังคับบัญชานั้นควรปฎิบัติอย่างไร เพื่อให้เกิดประโยชน์กับการทำงานและพัฒนาองค์กรให้ก้าวหน้าต่อไป CHECK!! การเสนอแนะ (Feedback) ที่เป็นประโยนช์ต่อการทำงานและการพัฒนาองค์กร วิธีการเสนอแนะ (Feedback) ในฐานะที่เป็นหัวหน้า, ผู้บังคับบัญชา, หรือผู้ที่อาวุโสกว่า
วิธีการเสนอแนะ (Feedback) ในฐานะที่เป็นลูกน้อง, ผู้ใต้บังคับบัญชา, หรือผู้ที่อ่อนกว่า
ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี คนไทยมักจำประโยค “ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี” ขึ้นใจกันแทบทุกคน และฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของคนไทยส่วนใหญ่แน่ๆ ไม่ใช่ว่าความเกรงใจจะเป็นเรื่องไม่ดี แต่บางครั้งมันกลับกลายเป็นกับดักความคิดจนเกิดอุปสรรคต่อการทำงานอยู่เสมอๆ ในสังคมไทยเลยทีเดียว เพราะนั่นทำให้เรามักไม่กล้าแสดงความคิดเห็นตรงๆ ต่อผู้อื่น โดยเฉพาะเจ้านายหรือผู้ที่อาวุโสกว่า ขณะเดียวกันเจ้านายเองก็มีความเกรงใจลูกน้องในบางกรณีด้วยเช่นกัน ความเกรงใจที่ถูกกาลเทศะนั้นเป็นเรื่องดี และเป็นลักษณะนิสัยที่ดีอย่างหนึ่งสำหรับชาวตะวันออก แต่หากเกรงใจผิดที่ผิดทาง หรือผิดกาลเทศะ ก็อาจสร้างผลเสียได้ โดยเฉพาะการทำงานและการแสดงความคิดเห็นต่อกัน ตรงจุดนี้ต้องรู้จักยกความเกรงใจออกไปก่อน โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นหรือเสนอแนะในการทำงาน ไม่ควรเกรงใจต่อกัน พูดตามหลักความเป็นจริง พูดตามเนื้อผ้า แสดงความคิดเห็นตรงไปตรงมา ทั้งนี้เพื่อประโยชน์แก่การทำงานและพัฒนาองค์กรให้มากที่สุด การไม่เกรงใจต่อกันนั้นคือการกล้าแสดงความคิดเห็นต่อกันอย่างเปิดเผย พูดตรงประเด็น พูดบนพื้นฐานความหวังดี หรืออยากแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น แต่อย่ามองความเกรงใจเป็นเรื่องของความก้าวร้าว การไม่เคารพผู้ใหญ่ ตลอดจนการไม่ไว้หน้ากันและกัน ต้องดูบริบทของคำพูด ข้อมูล ตลอดจนกิริยามารยาทในการแสดงความคิดเห็นนั้นๆ ด้วย ซึ่งทุกฝ่ายก็ควรใส่ใจในมารยาทต่อกันด้วย Sandwich Feedback Modelหนึ่งในโมเดลการเสนอแนะที่เป็นหลักการน่าสนใจและนิยมนำไปใช้ทั่วโลกกันไม่น้อยทีเดียวก็คือ Sandwich Feedback Model ซึ่งเป็นรูปแบบการเสนอแนะ 3 ขั้นตอนที่สร้างความสมดุลของการแสดงความคิดเห็น ตลอดจนลดความขุ่นหมองระหว่างกันได้ และลดความขัดแย้งได้เป็นอย่างดีทีเดียว รวมถึงสามารถกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือในการแก้ปัญหาได้ดีอีกด้วย โดยองค์ประกอบทั้ง 3 ส่วนนั้นมีดังนี้
บทสรุปการเสนอแนะความคิดเห็น (Feedback) ระหว่างกันนั้นไม่ควรมีคำว่า “อาวุโส” หรือ “เจ้านาย-ลูกน้อง” มาเป็นอุปสรรค์ในการแสดงความคิดเห็นระหว่างกัน บนพื้นฐานของการทำงานนั้นควรมีการแสดงความคิดเห็นที่อยู่บนบรรทัดฐานของความถูกต้อง เป็นจริง ตรงไปตรงมา และหวังดีต่อกัน อย่านำความเกรงใจมาใช้แบบผิดกาลเทศะ และอย่านำระบบอาวุโสมาใช้แบบผิดโอกาสเช่นกัน ควรเปิดอิสระในการแสดงความคิดเห็นต่อกัน ในขณะเดียวกันก็ควรเคารพซึ่งกันและกันด้วย ไม่แสดงความคิดเห็นบนพื้นฐานอคติส่วนตัว หรือใส่อารมณ์ลงไปในการเจรจา ควรแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน และการพัฒนาองค์กรให้ประสบความสำเร็จ |