นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางานเปิดรับสมัครคนหางานเพื่อไปทำงานซาอุดีอาระเบียกับนายจ้างบริษัท KING FAHAD MEDICAL CITY ซึ่งประกอบกิจการบริการทางการแพทย์ 400 อัตรา “Soft Power” ความคาดหวังของคนไทยที่จะมาช่วยผลักดันเศรษฐกิจได้ เปิดงบกำไร-ขาดทุน ร้านซูชิขายคูปองทิพย์ เหลือกำไรล้านเดียว
บริษัท BRIGHT MEDICAL COMPANY ตำแหน่งพยาบาล จำนวน 4 อัตรา ระยะเวลาการจ้าง 2 ปี สามารถต่ออายุได้ โดยนายจ้างจะจ่ายค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินเที่ยวไปทำงานครั้งแรก ที่พัก และรถรับส่งระหว่างที่พักและสถานที่ทำงาน ค่ารักษาพยาบาล และค่าประกันสุขภาพ (ตามนโยบายของแต่ละบริษัท) ผู้สนใจสามารถสมัครด้วยตนเอง ได้ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน – 4 กรกฎาคม 2565 หุ้นสหรัฐฯ S&P 500 เข้าสู่ “ตลาดหมี” กินเวลานาน-กระทบหนักแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา นายจ้างซาอุฯ แจ้งความต้องการรับสมัครพยาบาลชาวไทย ครั้งแรก จำนวน 309 อัตรา และรับสมัครเพิ่มครั้งนี้อีก 404 อัตรา เป็นล็อตที่ 2 ซึ่งนอกจากต้องการจำนวนพยาบาลเพิ่มขึ้นแล้ว และมีความมต้องการในหลายระดับ พร้อมอัตราเงินเดือนที่สูง ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า สำหรับคุณสมบัติของผู้สมัครงานพยาบาล เป็นเพศหญิง อายุ 20 – 60 ปี สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ และต้องจบวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีพยาบาลศาสตร์ขึ้นไป โดยมีอัตราค่าจ้าง คือ
(อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 8 มิถุนายน 2565 : 1 ริยาล เท่ากับ 9.1453 บาท) ผู้ที่มีคุณสมบัติเบื้องต้นครบถ้วนและต้องการสมัคร มีขึ้นตอน
หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694 กลุ่ม Nurses Connect เผยสัญญาณดี หลังผู้บริหาร สธ. หารือปรับค่าตอบแทน พร้อมทดลองลดภาระงานพยาบาลไม่เกิน 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในบางพื้นที่ จากทุกวันที่ 80- 100 ชม./ ด้านภาคีพยาบาลเสนอปรับค่าโอทีต้อง 1,000 บาทต่อเวร ส่วนค่าเวรบ่ายดึกขั้นต่ำเวรละ 500 บาท จากปัจจุบัน 240 บ. เท่านั้น ขณะที่บุคลากรเตรียมเปิดวงถกและถามความจริงคนทำงานระบบสาธารณสุข 26 พ.ย.นี้
ความคืบหน้าตั้งแต่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เรียกประชุมสภาวิชาชีพต่างๆ เพื่อร่วมหาทางออกในการแก้ปัญหาบุคลากรสาธารณสุข และพัฒนางานสาธารณสุขให้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งให้มีคณะติดตามผลการทำงานของแต่ละวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง กระทั่งมีการประชุมระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อแก้ปัญหาภาระงานบุคลากรสาธารณสุข และล่าสุดสภาการพยาบาลมีข้อเสนอปรับค่าตอบแทนต่างๆนั้น เมื่อวันที่ 17 พ.ย.2565 น.ส.สุวิมล นัมคณิสรณ์ พยาบาลวิชาชีพ กลุ่ม Nurses Connect ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว Hfocus ว่า ต้องขอบคุณทางกระทรวงสาธารณสุข กองการพยาบาล และสภาการพยาบาลที่ร่วมขับเคลื่อนเห็นความสำคัญของพยาบาลที่ปฏิบัติงานทุกคน ล่าสุดทราบว่าขณะนี้มีการทำหนังสือยื่นเพื่อขอปรับเงินเดือน ค่าตอบแทนของวิชาชีพพยาบาล โดยอยู่ระหว่างการดำเนินการ อย่างไรก็ตาม เรื่องภาระงานนั้นเห็นว่ากำลังทำตัวอย่างในการทดลองชั่วโมงการทำงานให้ลดลงไม่เกิน 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จากทุกวันนี้พยาบาลทำงานควงเวรเฉลี่ย 80-100 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ขึ้นกับโรงพยาบาลแต่ละแห่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่ม Nurses Connect เสนอปรับเพิ่มค่าตอบแทนเป็นเท่าไหร่ จึงจะสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน น.ส.สุวิมล กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราเคยสำรวจของพวกเรากันเอง ส่วนใหญ่มองว่าค่าตอบแทน อย่างค่าเวรโอที(OT) ควรได้เฉลี่ยมากกว่า 1,000 บาทต่อเวร ซึ่งเวรหนึ่งจะทำงาน 8 ชั่วโมง ส่วนค่าเวรบ่าย- ดึกก็ควรได้รับมากกว่า 500 บาทต่อเวร (8ชั่วโมง) จากปัจจุบันได้เพียงเวรละ 240 บาทเท่านั้น “ที่ผ่านมาไม่เคยมีการกำหนดมาตรฐานตายตัวว่า ค่าตอบแทนต้องได้รับเท่าไหร่อย่างไร เพราะกฎหมายระบุว่าให้จ่ายตามสภาพคล่องของโรงพยาบาล ซึ่งแต่ละแห่งได้ไม่เท่ากัน บางที่ได้ 600 บาท 700 บาท หรือ800 บาทก็ไม่เท่ากัน ซึ่งตรงนี้ไม่เป็นธรรมกับคนอื่นๆที่ทำงานเหมือนกันแต่ได้เงินน้อยกว่า แต่กลับต้องขึ้นกับรพ.ที่มีเงินบำรุงเพียงพอ ดังนั้น จึงขอให้ปรับขึ้นอย่างเป็นธรรม เช่น ค่าโอทีอยู่ที่ 1,000 บาทต่อเวรเท่ากันทั่วประเทศ” น.ส.สุวิมล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ยังมีค่าตอบแทนอื่นๆอีกหรือไม่ น.ส.สุวิมล กล่าวว่า มีค่าใบประกอบวิชาชีพ แต่ค่อนข้างน้อยมากอยู่ที่ 1,500 บาทเท่านั้น ส่วนเงินค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงาน หรือ Pay for Performance : P4P จะได้แต่ละแห่งไม่เท่ากัน เพราะคำนวณจากภาระงานของแต่ละแผนกในทุกเดือนเฉพาะโรงพยาบาลศูนย์เท่านั้น ส่วนโรงพยาบาลชุมชนจะได้เป็นเงินเพิ่มเติมที่เรียกว่า เงินค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขฉบับที่ 11 หรือ ฉ.11 “ เราคาดหวังว่า ทางผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขจะเห็นใจ และพิจารณาปรับเพิ่มให้พยาบาลทั้งหมด ที่ผ่านมาพวกเราทำงานหนักมาก มีความเครียด เกิดภาวะหมดไฟในการทำงานจริงๆ อย่างกองการพยาบาลเคยสำรวจก็พบว่า พยาบาลมีภาวะ Burn Out จริงๆ ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขยังเคยเผยผลสำรวจ happy money พบเพียง 52% ซึ่งถือว่าน้อย เพราะไม่ได้หมายความว่าบุคลากรพึงพอใจหรือมีความสุข โดยผลการสำรวจบุคลากรทุกวิชาชีพ แต่พยาบาลตอบแบบสอบถามมากที่สุด ขณะที่งานวิจัยต่างประเทศ ระบุว่าคนทำงานเกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์มีผลในการตัดสินใจลาออกมากกว่าคนทำงานน้อยกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และปัจจัยค่าตอบแทนมีผลต่อการตัดสินใจลาออก” น.ส.สุวิมล กล่าว น.ส.สุวิมล กล่าวอีกว่า ขณะนี้ถือว่ามีสัญญาณที่ดีเพราะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญ และมีการขับเคลื่อนเรื่องนี้ อย่างกองการพยาบาล สภาการพยาบาลก็ให้ข้อมูลกับทางพวกตนดีมาก จึงถือว่าเรายังคาดหวังได้ และคิดว่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาพันธ์แพทย์ผู้ปฏิบัติงาน กลุ่ม Nurses Connect และภาคีที่เกี่ยวข้อง จัดงานแลกเปลี่ยนพูดคุยเฉพาะบุคลากรที่ทำงานในสถานพยาบาลเท่านั้น ในวันเสาร์ที่ 26 พ.ย.2565 เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป โดยจะเป็นการร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูล ซักถามความจริง ความฝันของคนทำงานในระบบสาธารณสุขไทย |