Natwell i calcium ดี ไหม pantip

              แคลเซียม (Calcium)  มีบทบาทสำคัญมากต่อสุขภาพร่างกาย  การรับประทานอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียมจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับทุกคน  โดยสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (สหรัฐอเมริกา) หรือ ()  ซึ่งหน่วยงานวิจัยในสหรัฐอเมริกา  ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับทางด้านการแพทย์   มีการแนะนำการรับประทานแคลเซียมที่เหมาะสมต่อวัน  ดังนี้

🗣 ควรรับประทานแคลซียมพร้อมมื้ออาหารเย็น เพราะช่วงเวลากลางคืนเป็นช่วงที่แคลเซียมไหลออกจากกระดูกมากที่สุด ปริมาณแคลเซียมที่สูงขึ้นจะป้องกันการไหลออกจากกระดูก ป้องกันไม่ให้กระดูกบางได้

🗣 การเลือกรับประทานแคลเซียมให้ได้ประโยชน์สูงสุด

  1. เลือกสูตรที่มีส่วนผสมของแคลเซียมชิเตรท และแคลเซียมแลคเตทกลูโคเนท  เพื่อให้ละลายน้ำได้ดี
  2. เลือกแคลเซียมที่มีส่วนผสมของวิตามินดี เพื่อช่วยในการดูดซึมแคลเซียม และเป็นประโยชน์ต่อกระดูก

🗣 กรณีที่มีส่วนผสมของแคลเซียมคาร์บอเนตควรรับประทานแคลเซียมหลังจากรับประทานอาหาร เนื่องจากกระเพาะอาหารจะมีสภาพเป็นกรดช่วยทำให้แคลเซียมคาร์บอเนตแตกตัวและละลายน้ำได้ดียิ่งขึ้น

    ข้อมูลสุขภาพ

    โรคและการรักษา

    รู้จักแคลเซียมให้ดีกว่าเดิม

    2 นาทีในการอ่าน

    Natwell i calcium ดี ไหม pantip

    แชร์

    แคลเซียมมีประโยชน์มากมาย การทำความรู้จักแคลเซียมจึงเป็นเรื่องควรต้องใส่ใจ 

     

    เรื่องแคลเซียมต้องรู้

    1. ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์แคลเซียมเองได้ สามารถหาแคลเซียมได้จาก 2 แหล่ง ได้แก่
      • อาหาร เช่น นม, กุ้งแห้ง, กะปิ, ปลาเล็กปลาน้อย, ปลาสลิด, หอยนางรม, ผักใบเขียวที่มีลักษณะแข็ง (คะน้า, ใบยอ, ใบชะพลู), งาดำ ฯลฯ
        ***ข้อจำกัดในบางคนที่แพ้นม (ท้องอืด, ท้องเสีย), การกินหอยนางรมและปลาทอดเสี่ยงต่อไขมันในเลือดสูง
      • อาหารเสริม มี 3 ตระกูล ดูจาก ‘นามสกุล’ ได้แก่
        • Calcium ‘Carbonate’ ดูดซึมได้ 10% ท้องอืด, ท้องผูก
        • Calcium ‘Citrate’ ดูดซึมได้ 50% ต้องกินพร้อมอาหาร (ทำงานได้ต่อเมื่อมีกรดในกระเพาะเท่านั้น)
        • Calcium ‘L theonate’ ดูดซึมได้ 90% กินตอนท้องว่างได้
    2. ปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละช่วงอายุ
      • อายุ < 40 ปี 800 mg / วัน = นม 3 – 4 แก้ว
      • วัยทอง (~50 ปี) 1000 mg / วัน = นม 4 – 5 แก้ว
      • ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์, อายุ > 60ปี 1200 mg / วัน = นม 6 – 7 แก้ว
      • ผู้หญิงมีโอกาสกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุนมากถึง 30  – 40% ส่วนผู้ชาย 10%
      • 10 ปีแรกหลังหมดประจำเดือน กระดูกจะบางลงเร็วมาก เกิดจากการขาดฮอร์โมนเพศหญิง หรือ Estrogen การเสริม Calcium จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพื่อช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกและป้องกันโรคกระดูกพรุน
    3. ปัญหาของคนที่ซื้อแคลเซียมทานเอง
      • กินแคลเซียมชนิดที่ดูดซึมไม่ดี ทำให้มีอาการท้องอืด ท้องผูก
      • กินมากเกินความจำเป็น ทำให้เกิดการสะสมของหินปูนในเต้านม ไต หลอดเลือด
    4. การดูดซึมขึ้นอยู่กับชนิดของแคลเซียมที่เลือกรับประทาน
      **ต้องเสริมวิตามินดีควบคู่ไปด้วย เพราะวิตามินดีเป็นเหมือนคู่หูของแคลเซียม ช่วยให้ลำไส้ดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น
      **ไม่ควรกินแคลเซียมคู่กับ
      • ยาปฏิชีวนะบางกลุ่ม (Tetracycline, Quinolone) 
      • ยาลดความดันบางกลุ่ม (Thiazide Diuretics, Calcium Channel Blockereg Nifedipine, Diltiazem, Verpamil)
        • แคลเซียมจะเข้าไปยับยั้งการออกฤทธิ์ของยากลุ่มนี้
        • ไม่ควรรับประทานแคลเซียมเกิน 1500 mg / วัน
        • ปรึกษาคุณหมอประจำตัวก่อนเลือกรับประทาน
    5. กินแคลเซียมมากเกินไป
      หากกินแคลเซียมในปริมาณที่มากเกินไปจนเกิดการสะสม จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไต หินปูนในเต้านม มะเร็งเต้านม หินปูนในหลอดเลือด และหลอดเลือดตีบตัน
    6. เลือกแคลเซียมแบบที่ดูดซึมง่าย
      การกินแคลเซียมควรเลือกแบบที่ดูดซึมง่าย ผลข้างเคียงน้อย และต้องกินควบคู่กับวิตามินดี


    ปัจจัยเสี่ยงขาดแคลเซียม

    ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่ส่งผลให้ร่างกายขาดแคลเซียม ได้แก่

    • กินแคลเซียมไม่พอ
    • ไม่ออกกำลังกาย
    • ดื่มกาแฟเกินขนาด
    • ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
    • ขาดฮอร์โมน Estrogen ก่อนวัยหมดประจำเดือน เช่น ต้องผ่าตัดรังไข่ 2 ข้างออก
    • มีโครงร่างเล็ก
    • มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุนหรือกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุน
    • เคยกระดูกหักมาก่อน


    ข้อมูลโดย

    แชร์

    • เสริมกลุ่มวิตามิน และแร่ธาตุที่ช่วยเสริมการทำงานของ Calcium และ Collagen Type II ไว้อย่างครบถ้วน เช่น Phosphorus (ฟอสฟอรัส),Boron (โบรอน), Magnesium (แมกนีเซียม), Manganese (แมงกานีส), Vitamin K (วิตามิน เค),Vitamin D3, Silicon (ซิลิคอน), Inositol (อินโนซิทอล)

    1 .Calcium L-Threonate (แคลเซียมแอล-ทรีโอเนต) เป็นแคลเซียมในรูปแบบที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาสำหรับใช้ในภาวะกระดูกพรุนโดยเฉพาะ โดย L-Threonateเป็น Bio-carrier ในการนำพา calcium จึงทำให้ถูกดูดซึมได้ถึง 95 % ขณะที่แคลเซียมทั่วไปดูดซึมได้เพียง 10-15% จึงจัดเป็นแคลเซียมที่ดูดซึมได้ดีที่สุดในปัจจุบัน และ Calcium L-Threonateเป็นแคลเซี่ยมที่เตรียมให้อยู่ในฟอร์มที่ละลายน้ำได้ดีกว่าแคลเซี่ยมชนิดอื่นๆ จึงไม่เหลือหินปูนตกค้าง ไปตกตะกอน หรือไปเกาะตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกายและทำให้เกิดผลร้ายต่อร่างกาย เช่น นิ่วในถุงน้ำดี ไม่ทำให้เกิดอาการท้องผูก อีกทั้งยังทานสะดวก เพราะสามารถดูดซึมได้ดีไม่ว่าจะทานในช่วงไหนของวัน ซึ่งปกติแคลเซียมชนิดอื่นต้องทานหลังอาหารเพื่ออาศัยความเป็นกรดในกระเพาะอาหารช่วยในการดูดซึม

    2. Selective Collagen Type II (Salmon’s Skin)คอลลาเจน ไทด์ทู จากหนังปลาแซลมอนเป็นคอลลาเจนชนิดเดียวกับที่พบในเซลล์กระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อของมนุษย์ แตกต่างจากคอลลาเจนที่พบในเซลล์ผิวหนัง ซึ่งจะเป็นคอลลาเจนชนิดที่ 1, 3 และ 4 (Collagen Type I, III, and IV)คอลลาเจนที่พบในกระดูกอ่อน มีหน้าที่ในการรองรับน้ำหนัก ช่วยทนต่อแรงกระแทก ถ้าคอลลาเจนชนิดนี้ลดตัวลงจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับภาวะการเกิดข้อเสื่อม และข้ออักเสบ (Osteoarthritis)

    3. L-Arginine (แอล-อาร์จินีน) เป็นกรดอะมิโนที่สำคัญในการผลิตโกรทฮอร์โมน มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อผู้ที่อยากสูง

    4. เสริมกลุ่มวิตามิน และแร่ธาตุที่ช่วยเสริมการทำงานของ Calcium และ Collagen Type II ไว้อย่างครบถ้วน เช่น Phosphorus (ฟอสฟอรัส),Boron (โบรอน), Magnesium (แมกนีเซียม), Manganese (แมงกานีส), Vitamin K (วิตามิน เค),Vitamin D3, Silicon (ซิลิคอน), Inositol (อินโนซิทอล)