ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของโคบอลต์-60

ธาตุกัมมันตรังสี (Radioactive) คือธาตุที่มีองค์ประกอบภายในนิวเคลียสที่ไม่เสถียร ส่งผลให้เกิดการสลายตัว หรือการปล่อยรังสีของธาตุอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้จำนวนองค์ประกอบในนิวเคลียสมีความสมดุล และเสถียรมากขึ้น โดยธาตุกัมมันตรังสีนั้นจะเป็นไอโซโทปบางตัวของธาตุบางชนิดเช่น C-14 หรือมักเป็นธาตุที่มีมวลมากหรือมีเลขอะตอมสูงเกินกว่า 82 เช่น เรเดียม (Radium) ที่มีเลขมวลอยู่ที่ 226 และเลขอะตอม 88 หรือยูเรเนียม (Uranium) มีเลขมวลอยู่ที่ 238 และเลขอะตอม 92 เป็นต้น

การค้นพบธาตุกัมมันตรังสี

ธาตุกัมมันตรังสีค้นพบครั้งแรกในปี 1896 โดยนักเคมีชาวฝรั่งเศส อองตวน อองรี แบ็กเกอเรล (Antoine Henri Becquerel) จากความบังเอิญที่เขานำฟิล์มถ่ายรูปวางไว้ใกล้เกลือโพแทสเซียมยูเรนิลซัลเฟต ซึ่งสร้างรอยดำบนแผ่นฟิล์มเสมือนการถูกแสงผ่านเข้าไป เขาจึงเชื่อว่ามีรังสีพลังงานสูงบางชนิดปลดปล่อยออกมาจากเกลือยูเรเนียมก้อนนั้น

นอกจากนี้ เขาทำการทดลองกับสารประกอบของยูเรเนียมชนิดอื่น ต่างให้ผลลัพธ์ไปในทิศทางเดียวกัน โดยหลังจากการค้นพบดังกล่าวเพียง 2 ปี มารี คูรี (Marie Curie) และปีแอร์ คูรี (Pierre Curie) นักเคมีเชื้อสายโปแลนด์ ทำการทดลองกับธาตุหลายชนิดและพบว่าธาตุทอเรียม (Thorium) เรเดียม (Radium) และพอโลเนียม (Polonium) ต่างสามารถแผ่รังสีได้เช่นเดียวกัน จึงส่งผลให้เกิดข้อสรุปร่วมกันที่ว่า ธาตุบางชนิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งธาตุที่มีมวลอะตอมสูง มีความสามารถในการแผ่รังสีออกมาได้เองอย่างต่อเนื่อง โดยปรากฏการณ์การแผ่รังสีที่เกิดขึ้นนี้เรียกว่า “กัมมันตภาพรังสี” ขณะที่ธาตุดังกล่าวเรียกว่า “ธาตุกัมมันตรังสี”

รังสีที่แผ่ออกมามีอะไรบ้าง?

เกิดจากการสลายตัวของนิวเคลียสที่มีขนาดใหญ่และมีมวลมาก หรือมีจำนวนโปรตอนภายในนิวเคลียสมาก เพื่อปรับตัวให้มีเสถียรภาพมากขึ้น รังสีแอลฟา หรืออนุภาคแอลฟาในรูปของนิวเคลียสของฮีเลียม (Helium) จึงถูกปล่อยออกมา โดยมีสถานะทางไฟฟ้าเป็นประจุบวก มีมวลค่อนข้างใหญ่ ส่งผลให้รังสีแอลฟาเกิดการเบี่ยงเบนจากการเคลื่อนที่ได้ยาก มีอำนาจทะลุทะลวงต่ำ ไม่สามารถทะลุผ่านสิ่งกีดขวาง เช่น ผิวหนัง แผ่นโลหะบางๆ หรือแผ่นกระดาษไปได้ ดังนั้น เมื่อเกิดการชนเข้ากับสิ่งกีดขวาง รังสีแอลฟาจะถ่ายทอดพลังงานเกือบทั้งหมดออกไป ส่งผลให้เกิดการแตกตัวเป็นไอออนของสารที่รังสีผ่านได้ดี มีอันตรายกับสิ่งมีชีวิตน้อยที่สุด

เกิดจากการสลายตัวของนิวเคลียสที่มีจำนวนนิวตรอนมาก รังสีบีตามีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับอิเล็กตรอน (Electron) ซึ่งมีประจุไฟฟ้าเป็นลบและมีมวลต่ำ แต่มีอำนาจทะลุทะลวงสูง (สูงกว่ารังสีแอลฟาราว 100 เท่า) และมีความเร็วในการเคลื่อนที่สูงถึงระดับใกล้เคียงกับความเร็วแสง

เกิดจากการที่นิวเคลียสภายในอะตอมมีพลังงานสูงหรือถูกกระตุ้น จึงก่อให้เกิดรังสีแกมมาที่มีสถานะเป็นกลางทางไฟฟ้า มีสมบัติคล้ายรังสีเอกซ์ (X-ray) คือเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นสั้นหรือมีความถี่สูง ไม่มีประจุและไม่มีมวล เป็นรังสีที่มีพลังงานสูง เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าแสง และมีอำนาจทะลุทะลวงสูงที่สุด มีอันตรายกับสิ่งมีชีวิตมากที่สุด

การประยุกต์ใช้ธาตุกัมมันตรังสี

  • ด้านธรณีวิทยา: มีการใช้คาร์บอน-14 (C-14) ในการคำนวณหาอายุของโบราณวัตถุหรืออายุของฟอสซิล
  • ด้านการแพทย์: มีการใช้ไอโอดีน-131 (I-131) ในการติดตามเพื่อศึกษาและรักษาโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ รวมถึงการใช้โคบอลต์-60 (Co-60) และเรเดียม-226 (Ra-226) ในการรักษาโรคมะเร็ง
  • ด้านเกษตรกรรม: มีการใช้ฟอสฟอรัส-32 (P-32) ในการศึกษาเส้นทางการเคลื่อนที่และความต้องการธาตุอาหารของพืช และใช้โพแทสเซียม-32 (K-32) ในการหาอัตราการดูดซึมของต้นไม้
  • ด้านอุตสาหกรรม: มีการใช้ธาตุกัมมันตรังสีในการตรวจหารอยตำหนิ เช่น รอยร้าวของโลหะหรือท่อขนส่งของเหลว รวมไปถึงการใช้ธาตุกัมมันตรังสีในการตรวจสอบ ควบคุมความหนาของวัตถุ และใช้รังสีฉายบนอัญมณีเพื่อสร้างสีสันให้สวยงาม
  • ด้านการถนอมอาหาร: มีการใช้รังสีแกมมาของโคบอลต์-60 (Co-60) เพื่อทำลายแบคทีเรียในอาหาร ช่วยให้เก็บรักษาอาหารไว้ได้นานยิ่งขึ้น
  • ด้านพลังงาน: มีการใช้พลังงานความร้อนที่ได้จากปฏิกิริยานิวเคลียร์ของยูเรเนียม-238 (U-238) ในเตาปฏิกรณ์ปรมาณู สร้างไอน้ำเพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า

จะเห็นได้ว่ากัมมันตรังสีใช่ว่าจะส่งผลร้ายแต่เพียงอย่างเดียว ยังมีประโยชน์มากมายหากรู้จักนำมาประยุกต์ใช้ ในปัจจุบันมีการนำประโยชน์จากกัมมันตรังสีมาใช้กันอย่างแพร่หลาย สิ่งหนึ่งที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องจะลืมไม่ได้เลยคือการป้องกันอันตรายจากรังสีเหล่านี้

อันตรายจากธาตุกัมมันตรังสี

รังสีสามารถส่งผลให้ตัวกลางที่เคลื่อนผ่านแตกตัวเป็นไอออนได้ รังสีชนิดต่างๆ จึงถือเป็นอันตรายต่อมนุษย์ รวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆ การได้รับหรือสัมผัสกับรังสีที่เป็นอันตรายสามารถส่งผลให้ร่างกายเกิดการเจ็บป่วย จากการที่เซลล์ซึ่งประกอบขึ้นเป็นอวัยวะดังกล่าวเกิดการแตกตัว รวมไปถึงเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคร้าย เช่น โรคมะเร็ง นอกจากนี้ หากร่างกายได้รับรังสีที่มีอานุภาพสูงเป็นเวลานาน อาจส่งผลกระทบลึกลงไปถึงระดับสารพันธุกรรมภายในเซลล์ ทำให้การสร้างเซลล์ใหม่ในร่างกายเกิดการกลายพันธุ์ โดยเฉพาะเซลล์ที่ทำหน้าที่ในการสืบพันธุ์ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมไปยังทายาทรุ่นต่อไป

อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับตรวจวัดระดับรังสีมีอะไรบ้าง

  • Survey Meter หรืออุปกรณ์สำหรับสำรวจแหล่งกำเนิดรังสีชนิดเคลื่อนย้ายได้ วัตถุประสงค์เพื่อสำรวจปริมาณรังสีในสถานที่ต่างๆหรือติดตั้งเพื่อวัดการแผ่รังสีในบริเวณที่สนใจ บางรุ่นของเครื่องมือสามารถระบุชนิดของรังสีจากฐานข้อมูลได้อีกด้วย
  • Personal Monitor หรืออุปกรณ์ชนิดพกพามีความไวสูง ใช้เพื่อตรวจวัดปริมาณรังสีที่แผ่ออกมาจากเครื่องมือ หรือกระบวนการต่างๆในการผลิต
  • Personal Dosimeter หรืออุปกรณ์พกติดตัว สำหรับรวบรวมปริมาณรังสีสะสมที่ได้รับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงจากภัยรังสี ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้บุคลากรได้รับอันตรายจากรังสีมากเกินค่ามาตรฐานจนอาจเป็นอันตรายได้
  • Portal Security หรืออุปกรณ์ตรวจจับรังสีในพื้นที่ขนาดใหญ่ มักติดตั้งเพื่อเป็นการแจ้งเตือนภัย ให้ผู้รักษาความปลอดภัยได้ทราบและแก้ไขได้ทันท่วงที มักใช้การควบคุมจากระยะไกล

จะเห็นแล้วว่าการเลือกใช้ชนิดของอุปกรณ์ให้เหมาะสม สำคัญต่อการป้องกันอันตราย การคุกคามจากกัมมันตภาพรังสี หากมีข้อสงสัยหรือข้อเสนอแนะประการใด สามารถติดต่อพวกเราได้ทาง @scispec ได้เลยนะครับ วันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ

ข้อใดคือประโยชน์ของโคบอลต์

Available uses/form/source • มีใช้ในทางการแพทย์อาจนำใส่ในร่างกายหรือเป็นแหล่งรังสีภายนอกไว้ใช้รักษามะเร็ง • ใช้เป็นมาตรวัดระดับสิ่งต่างๆ ในโรงงาน • ใช้ตรวจจับจุดบกพร่องของรอยเชื่อมต่อของโลหะหรือโครงสร้าง • ใช้รังสีของโคบอลต์ในการฆ่าเชื้อโรคและถนอมอาหาร

ประโยชน์ของรังสีแกมมาจากธาตุโคบอลต์

ประโยชน์ของรังสี รังสีแกมมา ใช้รักษาโรคมะเร็ง (Co-60) , การฆ่าเชื้อโรคในเวชภัณฑ์ (Co-60) ,การวินิจฉัยโรคและรักษาโรคต่อมไทรอยด์ (Co-60)(I-125 , I-131) , ตรวจสอบการทำงานของไต (I-131) , การตรวจสอบการทำงานของตับ/ทางเดินน้ำดี/ กล้ามเนื้อหัวใจ (Tc-99m) , ศึกษาการไหลเวียนของเลือดที่ปอด/สมอง (Tc-99m)

ข้อใดคือประโยชน์ของ โคบอลต์

โคบอลต์-60 หรือ เรเดียม-226 ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง

โคบอลต์

โคบอลต์ 60 (cobalt 60) คือ สารกัมมันตรังสี (radioactive material) เป็นธาตุโลหะคล้ายเหล็ก มีเลขเชิงอะตอมเท่ากับ 27 ผลิตจากโคบอลต์-59 ซึ่งเป็นธาตุเสถียรที่มีอยู่ในธรรมชาติ แต่เมื่อจับยึดนิวตรอนไว้จะกลายเป็นโคบอลต์-60 ซึ่งเป็นไอโซโทป รังสีที่ให้รังสีบีตาและรังสีแกมมา มีครึ่งชีวิต 5.3 ปี เนื่องจากสามารถผลิตได้ในปริมาณมากๆ ...