ทักษะการเรียน รู้ ทร 11001 พร้อม เฉลย

ใบงาน วิชาทักษะการเรียนรู้-ประถม from Intrayut Konsongchang

แต่ไมว่ า่ จะอยใู่ นกลุ่มไหนก็ตาม คุณควรจะพฒั นาทกั ษะในการฟังของคุณอยเู่ สมอ เพราะวา่ ผสู้ ่งสาร (ท้งั

คนและอุปกรณ์เทคโนโลยตี ่าง ๆ) น้นั มีการเปล่ียนแปลงและมีความซบั ซอ้ นมากข้ึนอยตู่ ลอดเวลา

9

กจิ กรรมที่ 3 “ถ้า……… คุณ……..”
วตั ถุประสงค์

เพื่อใหผ้ เู้ รียนฝึกทกั ษะในการคิดและการให้เหตุผล
แนวคดิ

ทกั ษะการคิดดว้ ยวธิ ีการท่ีมีเหตุผลรองรับ มีความสาคญั ในการใชป้ ระกอบการแสวงหาความรู้หรือ
แกป้ ัญหาในชีวติ ประจาวนั
คาชี้แจง

1. ใหผ้ เู้ รียนตอบคาถามต่อไปน้ี
1. ถ้าท่าน มีโอกาสในการเลือกที่จะประกอบอาชีพไดท้ ่านปรารถนาจะประกอบอาชีพอะไร เพราะ
อะไร
2. ถ้าท่าน ขออะไรไดห้ น่ึงอยา่ ง ทา่ นปรารถนาจะขออะไร
3. ถ้าท่าน ตอ้ งการบอกเก่ียวกบั ตวั ทา่ นดว้ ยคาเพยี งคาเดียวคาวา่ อะไร เพราะอะไร
4. ถา้ มีอะไรในตวั ท่านท่ีอยากจะเปล่ียนส่ิงน้นั คืออะไร เพราะอะไร
5. ทา่ นไดป้ ระโยชนอ์ ะไรจากการใช้ เหตุผล
กจิ กรรมท่ี 4 “นักแสวงหา”
วตั ถุประสงค์
เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนรู้วธิ ีแสวงหาขอ้ มลู โดยวธิ ีการที่หลากหลาย
วตั ถุประสงค์
เพ่ือใหผ้ เู้ รียนรู้วธิ ีแสวงหาขอ้ มลู โดยวธิ ีการที่หลากหลาย
แนวคดิ
การท่ีผเู้ รียนจะเป็นคนท่ีทนั กบั การเปลี่ยนแปลงของสงั คมปัจจุบนั ซ่ึงมีแหล่งขอ้ มลู ท่ีหลากหลาย ท้งั
ที่เชื่อถือได้ และเช่ือถือไมไ่ ด้ การพิจารณาขอ้ มลู จากหลายแหล่ง และเลือกใชข้ อ้ มูลที่เป็ นประโยชน์มาปรับ
ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั จึงมีความสาคญั
คาชี้แจง
1. ใหผ้ เู้ รียนอธิบายประเด็นต่อไปน้ี
1. ถา้ ผเู้ รียนตอ้ งการทราบข่าวสารต่าง ๆ ผเู้ รียนตอ้ งหาข่าวสารขอ้ มูลไดจ้ ากท่ีใดบา้ ง
2. ใหผ้ เู้ รียนมีวธิ ีการที่จะแสวงหาขอ้ มูลที่ตอ้ งการไดอ้ ยา่ งไร
3. ใหผ้ เู้ รียนบอกแหล่งแสวงหาขอ้ มลู ภายในชุมชน
4. ท่านไดป้ ระโยชน์การแสวงหาขอ้ มูลอยา่ งไรบา้ ง

10

กจิ กรรมท่ี 5 นักจดบนั ทกึ
วตั ถุประสงค์

เพ่อื ฝึกใหผ้ เู้ รียนมีนิสัยในการจดบนั ทึกขอ้ มลู
แนวคิด

การจดบนั ทึกขอ้ มูลเป็นวธิ ีการท่ีทาใหบ้ ุคคล สามารถจดจาเหตุการณ์ต่าง ๆ ท่ีผา่ นมาไดเ้ ป็นอยา่ งดี
คาชี้แจง

1. ใหท้ ่านเลือกประเภทของช่ือตา่ ง ๆ ที่ท่านจะเขียนมาใหไ้ ดม้ ากที่สุด

ตวั อย่าง ประเภทของช่ือท่ีขา้ พเจา้ เลือกคือ ชื่อสัตว์
1. หมู
2. สุนขั
3. แมว
4. …………….

ประเภทของช่ือท่ีขา้ พเจา้ เลือกคือ
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………

2. ใหท้ ่านอธิบายสรุป ความสาคญั ของการจดบนั ทึก วา่ การจดบนั ทึกมีความสาคญั อยา่ งไร

…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………….

11

กจิ กรรมท่ี 6
“คุณค่าแห่งตน”
วตั ถุประสงค์

1. เพื่อใหผ้ เู้ รียนเกิดความตระหนกั ในคุณคา่ ของตนเอง และสร้างความภูมิใจในตนเอง
2. เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนสามารถระบุปัจจยั ท่ีมีผลทาใหต้ นไดร้ ับความสาเร็จ และความตอ้ งการความสาเร็จ
รวมท้งั ความคาดหวงั ที่จะไดร้ ับความสาเร็จอีกในอนาคต
แนวคิด
ทุกคนยอ่ มมีความสามารถอยใู่ นตนเอง การมองเห็นถึงความสาเร็จของตนจะนาไปสู่การรู้จกั คุณคา่
แห่งตน และถา้ มีโอกาสนาเสนอถึงความสามารถและผลสาเร็จในชีวติ ของผอู้ ื่นไดท้ ราบในโอกาสที่
เหมาะสม จะทาใหค้ นเราเกิดความภูมิใจ กาลงั ใจเจตคติท่ีดี เกิดความเชื่อมนั่ วา่ ตนเองจะเป็นผทู้ ่ีสามารถ
เรียนรู้ดว้ ยตนเองได้ และความตอ้ งการประสบความสาเร็จ ต่อไปอีกในอนาคตความรู้สึกเห็นคุณค่าในตนเอง
อยา่ งแทจ้ ริงเป็นการเห็นคุณคา่ คุณประโยชนใ์ นตนเองเขา้ ใจตนเอง รับผดิ ชอบตอ่ ทุกสิ่งที่ตนเป็ นเจา้ ของ
ยอมรับความแตกตา่ งของบุคคล เห็นคุณคา่ การยอมรับของผอู้ ่ืน สามารถพฒั นาตนเองน้นั ในดา้ นส่วนตวั
ยอมรับ ยกยอ่ ง ศรัทธาในตวั เองและผอู้ ื่นทาให้เกิดความเช่ือมนั่ ในตนเองเป็นความรู้สึกไวว้ างใจตนเอง
สามารถยอมรับในจุดบกพร่อง จุดออ่ นแอของตนและพยายามแกไ้ ขรวมท้งั ยอมรับความสามารถของตนเอง
ในบางคร้ัง และพฒั นาให้ดีข้ึนเร่ือยไป เมื่อทาอะไรผดิ แลว้ กส็ ามารถยอมรับไดอ้ ยา่ งแทจ้ ริงและแกป้ ัญหาได้
อยา่ งสร้างสรรค์
คาชี้แจง
1. ใหผ้ เู้ รียนเขียนความสาเร็จท่ีภาคภมู ิใจในชีวติ ในช่วง 5 ปี ที่ผา่ นมา จานวน 1 เรื่องและตอบคาถาม
ในประเด็น

1.1 ความรู้สึกเม่ือประสบความสาเร็จ
1.2 ปัจจยั ที่มีผลทาใหต้ นไดร้ ับความสาเร็จ
2. ใหผ้ เู้ รียนเขียนเรื่องที่มีความมุ่งหวงั ท่ีจะใหส้ าเร็จในอนาคตและ คาดวา่ จะทาไดจ้ ริงจานวน 1 เร่ือง
และตอบคาถามในประเด็น “ปัจจยั อะไรบา้ งที่จะทาใหค้ วามคาดหวงั ไดร้ ับความสาเร็จในอนาคต”
บทสรุปของกจิ กรรม
ความรู้สึกเห็นคุณค่าในตวั เองของบุคคลที่มีต่อตนเองวา่ มีคุณค่ามีความสามารถในการกระทาสิ่ง
ต่าง ๆ ใหป้ ระสบความสาเร็จ มีความเช่ือมนั่ นบั ถือตนเอง และการมีความมน่ั ใจในการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง
ความสามารถจดั เวลาในการเรียนรู้ได้ มีระเบียบวนิ ยั ต่อตนเอง มีความรู้ในดา้ นความจาเป็นในการเรียนรู้และ
แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ มีความคิดเห็นต่อตนเอง เป็นผทู้ ี่มีความอยากรู้ อยากเห็น

12

แบบประเมินตนเองหลงั เรียน

บทสะท้อนทไ่ี ด้จากการเรียนรู้

1. ส่ิงท่ีทา่ นประทบั ใจในการเรียนรู้สาระท่ี 1 การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
2. ปัญหา/ อุปสรรคท่ีพบในการเรียนรู้สาระท่ี 1 การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
3. ขอ้ เสนอแนะเพมิ่ เติม
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………

13

แบบวดั ระดบั การเรียนด้วยตนเองของผ้เู รียน

คาชี้แจง แบบวดั น้ีเป็ นแบบวดั ระดบั การเรียนดว้ ยตนเองของผเู้ รียน มีจานวน 7 ขอ้

โปรดทาเคร่ืองหมาย √ ลงในช่องส่ีเหล่ียมท่ีตรงกบั ความสามารถในการเรียนรู้ดว้ ยตนเองตามความ

เป็นจริงของทา่ น

1. การวนิ ิจฉยั ความตอ้ งการเน้ือหาในการเรียน 5. การดาเนินการเรียน

ผเู้ รียนไดเ้ รียนเน้ือหาตามคาอธิบายรายวชิ าเท่าน้นั ผเู้ รียนดาเนินการเรียนตามแนวทางที่ครู

ครูนาเสนอเน้ือหาอ่ืน นอกเหนือจากคาอธิบายรายวชิ า กาหนด

ผเู้ รียนไดเ้ สนอเน้ือหาอ่ืนเพ่ือเรียนเพมิ่ เติม ผเู้ รียนดาเนินการเรียนตามแนวทางที่

นอกเหนือจากคาอธิบายรายวิชา ครูใหผ้ เู้ รียนเลือกเรียนเพ่มิ เติม

ผเู้ รียนเป็ นผกู้ าหนดเน้ือหาในการเรียนเอง แลว้ ใหผ้ เู้ รียนปรับ

ผเู้ รียนดาเนินการเรียนตามแนวทางที่

2. การวนิ ิจฉยั ตามความตอ้ งการวธิ ีการเรียน ผเู้ รียนร่วมกนั กาหนดกบั ครู

ครูเป็นผกู้ าหนดวา่ จะจดั การเรียนการสอนวธิ ีใด ผเู้ รียนดาเนินการเรียนตามกาหนดของ

ครูนาเสนอวธิ ีการเรียนการสอน แลว้ ใหผ้ เู้ รียนเลือก ตนเอง

ผเู้ รียนร่วมกบั ครูกาหนดวธิ ีการเรียนรู้ 6. การแสวงหาแหล่งทรัพยากรการเรียน

ผเู้ รียนเป็ นผกู้ าหนดวธิ ีการเรียนรู้เอง ครูเป็นผจู้ ดั การแหล่งทรัพยากรการเรียนให้

ผเู้ รียน

3. การกาหนดจุดมุง่ หมายในการเรียน ครูเป็นผจู้ ดั หาแหล่งทรัพยากรการเรียน

ครูเป็นผกู้ าหนดจุดมุ่งหมายในการเรียน แลว้ ใหผ้ เู้ รียนเลือก

ครูนาเสนอจุดมุง่ หมายในการเรียนแลว้ ใหผ้ เู้ รียนเลือก ผเู้ รียนร่วมกบั ครูหาแหล่งทรัพยากรการเรียน

ผเู้ รียนร่วมกบั ครูกาหนดจุดมุ่งหมายในการเรียน ร่วมกนั

ผเู้ รียนเป็นผหู้ าแหล่งทรัพยากรการเรียนเอง

4. การวางแผนการเรียน 7. การประเมินการเรียน

ผเู้ รียนไมไ่ ดเ้ ขียนแผนการเรียน ครูเป็นผปู้ ระเมินการเรียนของผเู้ รียน

ครูนาเสนอแผนการเรียนแลว้ ใหผ้ เู้ รียนนาไปปรับแก้ ครูเป็นผปู้ ระเมินการเรียนของผเู้ รียนเป็น

ผเู้ รียนร่วมกบั ครูวางแผนการเรียน ส่วนใหญ่ และเปิ ดโอกาสใหน้ กั ศึกษาได้

ผเู้ รียนวางแผนการเรียนเอง โดยการเขียนสัญญาการเรียน ประเมินการเรียนของตนเองดว้ ย

ที่ระบุจุดมุง่ หมายการเรียน วธิ ีการเรียนแหล่งทรัพยากร มีการประเมินโดยครู ตวั ผเู้ รียนเองและเพ่อื น

การเรียน วธิ ีการประเมินการเรียนและวนั ท่ีจะ ผเู้ รียนเป็นผปู้ ระเมินการเรียนของตนเอง

ทางานเสร็จ กระบวนการเรยี นร้ทู ี่เป็นการเรียนรดู้ ้วยตนเอง
มีความจาเปน็ ทจ่ี ะตอ้ งอาศยั ทักษะและความรู้

บางอย่าง ผู้เรยี นควรได้มกี ารตรวจสอบพฤติกรรม
ที่จาเปน็ สาหรบั ผูเ้ รียนทจ่ี ะเรยี นรูด้ ้วยตนเอง

14

บทท่ี 2
การใช้แหล่งเรียนรู้

สาระสาคญั

การเรียนรู้จากส่ิงแวดล้อมในชุมชนที่มีองค์ความรู้ท่ีเรียกว่าแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ทาให้
ผูเ้ รียนสามารถรู้ถึงการส่ังสมความรู้ ประสบการณ์ท่ีผ่านมาจากแหล่งเรียนรู้ประเภทต่าง ๆ เรียนรู้ได้
เทา่ ทนั ความเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดข้ึน เกิดโลกทศั น์กวา้ งขวางมากยง่ิ ข้ึนกวา่ การเรียนจากการพบกลุ่มในหอ้ ง
หรือการเรียนรู้ในรูปแบบอื่น ๆ

ผลการเรียนรู้ทคี่ าดหวงั

1. ผเู้ รียนสามารถบอกประเภทคุณลกั ษณะของแหล่งเรียนรู้และเลือกใชแ้ หล่งเรียนรู้
ไดต้ ามความเหมาะสม

2. ผเู้ รียนเห็นคุณค่าแหล่งเรียนรู้ประเภทตา่ ง ๆ
3. ผเู้ รียนสามารถสังเกต ทาตาม กฎ กติกา การใชแ้ หล่งเรียนรู้

ขอบข่ายเนือ้ หา

เรื่องที่ 1 ความหมายและความสาคญั ของแหล่งเรียนรู้
เร่ืองท่ี 2 ประวตั ิความเป็นมาของแหล่งเรียนรู้
เรื่องท่ี 3 แหล่งเรียนรู้ประเภทตา่ ง ๆ
เร่ืองท่ี 4 การใชแ้ หล่งเรียนรู้ที่สาคญั
เรื่องท่ี 5 การเขียนรายงานการคน้ ควา้

15

เรื่องที่ 1 ความหมายและความสาคญั ของแหล่งเรียนรู้

ความรู้มีเกิดใหม่และพฒั นาตลอดเวลาประกอบกบั เทคโนโลยสี ารสนเทศทาให้เผยแพร่สื่อสาร
ถึงกนั ไดอ้ ยา่ งรวดเร็วต่อเน่ืองและตลอดเวลา มนุษยจ์ ึงจาเป็ นตอ้ งเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่เกิดข้ึนและปรับตวั
ใหส้ อดคลอ้ งกลมกลืนกบั สงั คมท่ีไม่หยดุ น่ิง เพ่ือใหส้ ามารถปรับตวั และดารงชีวติ ไดอ้ ยา่ งมีความสุข การ
เรียนรู้ในหอ้ งเรียนยอ่ มไม่ทนั เหตุการณ์และเพียงพอ ตอ้ งมีการเรียนรู้ทุกรูปแบบดาเนินไปพร้อม ๆ กนั
โดยเฉพาะการเรียนรู้จากส่ิงแวดลอ้ มในชุมชนที่มีสาระเน้ือหาท่ีเป็ นขอ้ มูลความรู้หรือองคค์ วามรู้ เป็ น
แหล่งให้ความรู้ ประสบการณ์สิ่งแปลกใหม่ ที่เอ้ือต่อการเรียนรู้ จึงจะทาให้เรียนรู้ได้เท่าทนั ความ
เปล่ียนแปลงที่เกิดข้ึน แหล่งสถานที่ บริเวณ ที่มีองค์ความรู้ท่ีมนุษยส์ ามารถเรียนรู้ได้เรียกว่า “แหล่ง
เรียนรู้”

ความหมายของ “แหล่งเรียนรู้”

แหล่ง หมายถึง ถ่ิน ท่ีอยู่ บริเวณ ศูนยร์ วม บอ่ เกิด แห่ง ท่ี
เรียนรู้ หมายถึง เขา้ ใจความหมายของสิ่งใดสิ่งหน่ึงโดยประสบการณ์
แหล่งเรียนรู้ หมายถึง ถ่ิน ที่อยู่ บริเวณ ศูนยร์ วม บ่อเกิด แห่ง ท่ี ที่มีสาระเน้ือหาท่ีเป็ นขอ้ มูล
ความรู้หรือองคค์ วามรู้

กจิ กรรม
ใหผ้ เู้ รียนหาความหมายของ “แหล่งเรียนรู้” จากหนงั สือในห้องสมุดและอินเทอร์เน็ต คนละ 1
ความหมาย แลว้ นามาแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 5 - 6 คน อภิปรายและสรุปความหมายเป็ นของกลุ่มแลว้ รายงาน
หนา้ ช้นั เรียน

ความสาคญั ของแหล่งเรียนรู้

แหล่งเรียนรู้มีบทบาทสาคญั อย่างย่งิ ในการช่วยพฒั นาคุณภาพของมนุษยใ์ นยุคความรู้ท่ีเกิดข้ึน
ใหมๆ่ และเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็ว ดงั ต่อไปน้ี

1. เป็นแหล่งท่ีมีสาระเนือ้ หา ท่ีเป็นขอ้ มลู ความรู้ใหม้ นุษยเ์ กิดโลกทศั น์ที่กวา้ งไกลกวา่ เดิม ช่วย
ให้เกิดความสนใจในเรื่องสาคญั ช่วยยกระดบั ความทะเยอทะยานของผูศ้ ึกษาจากการนาเสนอสาระ
ความรู้ หรือภาพในอุดมคติ หรือเสนอผลสาเร็จและความกา้ วหนา้ ของงานหรือชิ้นงาน หรือเทคโนโลยี
หรือบุคคลตา่ ง ๆ ของแหล่งเรียนรู้

16

2. เป็ นสื่อการเรียนรู้สมยั ใหม่ที่ให้ท้งั สาระ ความรู้ ก่อให้เกิดทกั ษะและช่วยให้เกิดการเรียนรู้
ไดเ้ ร็วและมากยง่ิ ข้ึน

3. เป็นแหล่งช่วยเสริมการเรียนรู้ของการศึกษาประเภทตา่ ง ๆ ท้งั การศึกษาในระบบ
การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั

4. เป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวติ ท่ีบุคคลทุกเพศ วยั ทุกระดบั ความรู้ ความสามารถ เรียนรู้ได้
ดว้ ยตนเองตลอดเวลาโดยไมจ่ ากดั

5. เป็นแหล่งท่ีมนุษยส์ ามารถเขา้ ไปปฏสิ ัมพนั ธ์ในการหาความรู้จากแหล่งกาเนิด หรือ
แหล่งตน้ ตอของความรู้ เช่น จากโบราณสถาน โบราณวตั ถุ พนั ธุ์ไม้ พนั ธุ์สัตว์ สภาพชีวิตความเป็ นอยู่
ตามธรรมชาติของสัตว์ เป็ นตน้

6. เป็นแหล่งท่ีมนุษยส์ ามารถเขา้ ไปปฏิสมั พนั ธ์ใหเ้ กิดประสบการณ์ตรง หรือ ลงมือ
ปฏิบตั ิไดจ้ ริง เช่น การประดิษฐเ์ ครื่องใชต้ ่าง ๆ การซ่อมเคร่ืองยนต์ เป็ นตน้ ช่วยกระตุน้ ใหเ้ กิดการสนใจ
ความใฝ่ รู้

7. เป็นแหล่งท่ีมนุษยส์ ามารถเขา้ ไปปฏิสัมพนั ธ์ใหเ้ กิดความรู้เก่ียวกบั วทิ ยาการใหม่ ๆ ท่ี
ได้รับการคิดคน้ ข้ึน และยงั ไม่มีของจริงให้เห็น เช่น การดูภาพยนตร์ วีดีทศั น์ หรือส่ืออื่น ๆ ในเรื่อง
เก่ียวกบั การประดิษฐค์ ิดคน้ สิ่งต่าง ๆ ข้ึนมาใหม่

8. เป็นแหล่งส่งเสริมความสัมพนั ธ์อนั ดีระหวา่ งคนในทอ้ งถิ่นกบั ผเู้ ขา้ ศึกษา ในการทา
กิจกรรมร่วมกนั ช่วยสร้างความรู้สึกของการเป็ นส่วนหน่ึงของการมีส่วนร่วม เกิดความตระหนกั และ
เห็นคุณคา่ ของแหล่งเรียนรู้

9. เป็นส่ิงท่ีช่วยเปลย่ี นทศั นคติ คา่ นิยมใหเ้ กิดการยอมรับส่ิงใหม่ แนวความคิดใหม่ เกิด
จินตนาการและความคิดสร้างสรรคก์ บั ผเู้ รียน

10. เป็นการประหยดั เงินของผเู้ รียนในการใชแ้ หล่งเรียนรู้ของชุมชนใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุด

กจิ กรรม

ใหผ้ เู้ รียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 5 - 10 คน อภิปรายถึงความสาคญั ของแหล่งเรียนรู้และรายงานเป็ นกลุ่มหนา้ ช้นั และ
ส่งรายงานครู

17

เรื่องท่ี 2 ประวตั คิ วามเป็ นมาของแหล่งเรียนรู้

นบั ต้งั แต่สมยั สุโขทยั มีแหล่งเรียนรู้ไดแ้ ก่ บา้ น วดั และวงั ผถู้ ่ายทอดความรู้ในบา้ นมีพ่อ แม่ และ
ผใู้ หญใ่ นบา้ น ในวดั จะมีพระ และในวงั จะมีผรู้ ู้ นกั ปราชญ์ ราชบณั ฑิตในดา้ นต่าง ๆ

สมยั พ่อขุนรามคาแหง ได้ทรงสร้างพระแท่นมนังคศิลาไวใ้ นดงตาลเพ่ือให้เป็ นสถานที่สอน
หนงั สือและธรรมะแก่ขา้ ราชการและประชาชนทว่ั ไป เป็ นท่ีนดั พบระหว่างผูร้ ู้และผูใ้ ฝ่ รู้ เป็ นการจดั
ส่ิงแวดลอ้ มในลกั ษณะชุมชนแห่งการเรียนรู้โดยมีส่ือความรู้ที่ใชก้ นั ไดแ้ ก่ ใบลาน สมุดไทยและหลกั ศิลา
จารึก

สมยั กรุงศรีอยธุ ยา แหล่งความรู้ไดพ้ ฒั นาอยา่ งรวดเร็ว นอกจากมีบา้ นและวดั และวงั แลว้ ในสมยั
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีการสร้างโบสถ์ฝรั่งหลายแห่ง มีการต้งั โรงเรียนมิชชันนารี มีการต้งั
โรงเรียนสอนสามเณร ในการเรียนรู้ นอกจากมีครูเป็ นผสู้ อนแลว้ ยงั มีการเล่านิทานและวรรณกรรมเป็ น
สื่อในการเรียนรู้อยา่ งแพร่หลาย

สมยั กรุงรัตนโกสินทร์ตอนตน้ แหล่งความรู้ไดพ้ ฒั นาอยา่ งรวดเร็ว มีการต้งั โรงพิมพข์ ้ึนมาหลาย
แห่ง มีการพิมพ์หนังสือพิมพ์ฉบบั แรกของไทย มีการต้งั โรงทาน มีพระธรรมเทศนาพร้อมกบั สอน
หนงั สือวชิ าการตา่ ง ๆ แก่ประชาชนท้งั หลาย มีการพฒั นาวดั พระเชตุพนวมิ ลมงั คลาราม (วดั โพธ์ิ) ใหเ้ ป็ น
มหาวทิ ยาลยั เปิ ดแห่งแรกของประเทศไทยโดยการจารึกวิชาหนงั สือ วิชาแพทย์ วิชาต่าง ๆ ดาราศาสตร์
และวิชาทั่วไปลงบนแผ่นศิลา ประดับไวต้ ามกาแพงและบริเวณวดั มีท้งั ภาพเขียน รูปป้ันและพืช
สมุนไพรตา่ ง ๆ ประกอบคาอธิบาย ท้งั น้ีเพื่อใหป้ ระชาชนทวั่ ไปไดศ้ ึกษาดว้ ยตนเอง

สมยั รัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์มี
การปฏิรูปการจดั การศึกษาคร้ังยงิ่ ใหญ่ แหล่งความรู้ที่มีอยใู่ นทอ้ งถิ่น ซ่ึงเป็ นการเรียนรู้แบบอธั ยาศยั หรือ
แบบไม่เป็ นทางการน้นั ไม่เพียงพอต่อการเรียนรู้ท่ีจะปรับตวั รับกบั ระบบจกั รวรรดินิยมตะวนั ตก จึงมี
การจดั ต้งั โรงเรียนแบบตะวนั ตกข้ึนเป็ นคร้ังแรกของประเทศ และเป็ นแหล่งเรียนรู้ท่ีมีบทบาทหลกั ใน
การใหก้ ารศึกษาแก่คนไทย ส่วนแหล่งความรู้ประเภทสื่อไดม้ ีการพฒั นาหนงั สือแบบเรียน หนงั สือพิมพ์
รายวนั จานวนเกือบ 30 ฉบบั มีหนงั สือนิตยสาร วารสารต่าง ๆ มีภาพยนตร์ และมีหอ้ งสมุด นอกจากน้ียงั
มีการใชภ้ ูมิปัญญาทอ้ งถ่ินเผยแพร่ความรู้อีกดว้ ย แหล่งความรู้เหล่าน้ีไดร้ ับการพฒั นาเรื่อย ๆ

ปัจจุบันมีสื่อหลากหลายประเภทมากย่ิงข้ึนโดยเฉพาะส่ืออิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์
โทรศพั ทเ์ คลื่อนท่ีเป็ นแหล่งความรู้ที่สามารถเรียนรู้ไดท้ ุกท่ี ทุกเวลา ทุกสถานท่ีไดท้ วั่ โลก เพราะมีการ
พฒั นาระบบดาวเทียม มีการพฒั นาระบบโทรทศั น์ วทิ ยกุ ระจายเสียง วดี ิทศั น์ ซีดี ต่าง ๆ อยา่ งท่ีปรากฏใน
ปัจจุบนั

18

กจิ กรรม

ใบงานการสารวจแหล่งเรียนรู้

1. ชื่อแหลง่ เรียนรู้ ...............................................................................................................................
2. ท่ีต้งั /ที่อยู่ เลขท่ี .............. หมูท่ ี่ ................ ชื่อหมู่บา้ น ...................................................................

ตาบล ..................... อาเภอ....................................... จงั หวดั .........................................................

โทรศพั ทบ์ า้ น .............................โทรศพั ทเ์ คลื่อนท่ี ............................ โทรสาร ...........................

เวบ็ ไซต์ (ถา้ มี)................................................................................................................................

3. เจา้ ของ/ผคู้ รอบครอง/ผจู้ ดั การแหล่งเรียนรู้

ส่วนราชการ วดั โบสถ์ มสั ยดิ เอกชน ชุมชน

องคก์ รชุมชน อื่น ๆ ............................................ (ระบุ)

4. ช่ือบุคคลของแหลง่ เรียนรู้สาหรับติดต่อ ........................................................................................

สถานท่ีติดตอ่ .......................................................... โทรศพั ท์ ......................................................

5. ประเภทของแหล่งเรียนรู้

 หอ้ งสมดุ  พพิ ธิ ภณั ฑ์  โบราณสถาน  ศาสนสถาน

 อนุสาวรีย์  หอศิลป์  ศูนยว์ ฒั นธรรม  ศูนยข์ อ้ มลู ทอ้ งถ่ิน

 แหลง่ หตั ถกรรม  แหลง่ เรียนรู้ศิลปะ  แหล่งเรียนรูใ้ นทอ้ งถ่ิน แหล่งฝึ กอบรม

 อุทยานวทิ ยาศาสตร์  ศูนยว์ ทิ ยาศาสตร์  พพิ ธิ ภณั ฑค์ วามกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี

 ศูนยก์ ารเรียนรู้ชุมชน  หมบู่ า้ น/ชุมชนโบราณ  ศูนยศ์ ึกษาตามแนวพระราชดาริฯ

 สวนสตั ว์  สวนพฤกษศาสตร์  สิ่งแวดลอ้ มทางธรรมชาติ

 สวนสาธารณะ  สวนเกษตร  สวนสนุก  สวนสมุนไพร

 อทุ ยาน  สวนอุทยาน  แหลง่ ท่องเท่ียว  ส่ือสารมวลชน

 ส่ือพ้ืนบา้ น  โรงละคร  ศูนยก์ ีฬา  แหล่งนนั ทนาการ

 ศูนยก์ ารคา้ /ตลาด  สถานประกอบการ  สถาบนั การศึกษา ศูนยข์ อ้ มูล

 อื่น ๆ (โปรดระบุ) ..........................................................................................................

6. ความรู้ที่สามารถเรียนไดจ้ ากแหลง่ เรียนรู้แห่งน้ี (เรียงตามลาดบั ความสาคญั และความโดดเด่น 3 ลาดบั )

1........................................... 2. ................................................3……………..……………….

ผบู้ นั ทึก ..................................... วนั ท่ี............ เดือน ................................. พ.ศ. ….…………

19

เร่ืองที่ 3 แหล่งเรียนรู้ประเภทต่าง ๆ

การแบ่งประเภทของแหล่งเรียนรู้ มีผรู้ ู้ไดจ้ ดั ประเภทของแหล่งเรียนรู้แตกต่างกนั ไป ท้งั น้ีข้ึนอยู่
กบั ปัจจยั ที่ใชเ้ ป็นเกณฑใ์ นการแบง่ อาทิ แหล่งกาเนิด ลกั ษณะของแหล่งเรียนรู้ วตั ถุประสงคก์ ารจดั ต้งั
และกลุ่มเป้ าหมายของแหล่งเรียนรู้

แหล่งเรียนรู้แบ่งตามลกั ษณะกายภาพและวตั ถุประสงค์ เป็น 5 กลุ่ม ดงั น้ี
1. กลุ่มบริการขอ้ มูล ไดแ้ ก่ หอ้ งสมุด อุทยานวทิ ยาศาสตร์ ศูนยว์ ทิ ยาศาสตร์ ศนู ยก์ ารเรียน
สถานประกอบการ
2. กลุ่มงานศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ อุทยานประวัติศาสตร์
อนุสรณ์สถาน อนุสาวรีย์ ศูนยว์ ฒั นธรรม หอศิลป์ ศาสนสถาน เป็นตน้
3. กลุ่มขอ้ มลู ทอ้ งถิ่น ไดแ้ ก่ ภมู ิปัญญา ปราชญช์ าวบา้ น สื่อพ้ืนบา้ น แหล่งท่องเที่ยว
4. กลุ่มสื่อ ไดแ้ ก่ วทิ ยุ วทิ ยชุ ุมชน หอกระจายขา่ ว โทรทศั น์ เคเบิลทีวี ส่ืออิเลก็ ทรอนิกส์
อินเทอร์เน็ต หนงั สืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book)
5. กลุ่มสนั ทนาการ ไดแ้ ก่ ศูนยก์ ีฬา สวนสาธารณะ สวนพฤษศาสตร์ ศนู ยน์ นั ทนาการ เป็นตน้

ประเภทของแหล่งเรียนรู้ จาแนกตามลกั ษณะ มี 6 ประเภท ดงั นี้
1. แหล่งเรียนรู้ประเภทบุคคล หมายถึง บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถในดา้ นต่าง ๆ ท่ีสามารถ
ถ่ายทอดความรู้ท่ีตนมีอยู่ให้ผูส้ นใจหรือผูต้ อ้ งการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ บุคคลท่ีมีทกั ษะความสามารถ ความ
เช่ียวชาญในสาขาวิชาชีพต่าง ๆ รวมท้งั ผอู้ าวุโสท่ีมีประสบการณ์ พฒั นาเป็ นภูมิปัญญาทอ้ งถ่ิน ปราชญ์
ชาวบา้ น ภมู ิปัญญาชาวบา้ น และภมู ิปัญญาไทย
2. แหล่งเรียนรู้ประเภทธรรมชาติ หมายถึง สิ่งต่าง ๆที่เกิดข้ึนโดยธรรมชาติและให้ประโยชน์
ต่อมนุษย์ เช่น ดิน น้า อากาศ พืช สัตว์ ป่ าไม้ แร่ธาตุ เป็ นตน้ แหล่งเรียนรู้ประเภทน้ี เช่น อุทยาน วน
อุทยาน เขตรักษาพนั ธุ์สตั วป์ ่ า สวนพฤกษศาสตร์ ศนู ยศ์ ึกษาธรรมชาติ
3. แหล่งเรียนรู้ประเภทวตั ถุและสถานท่ี หมายถึง อาคาร สิ่งก่อสร้าง วสั ดุอุปกรณ์ และส่ิงต่าง ๆ
เช่น หอ้ งสมุด ศาสนสถาน ศูนยก์ ารเรียน พิพิธภณั ฑ์ สถานประกอบการ ตลาด นิทรรศการ สถานที่ทาง
ประวตั ิศาสตร์ เป็นตน้
4. แหล่งเรียนรู้ประเภทสื่อ หมายถึง สิ่งท่ีติดต่อใหถ้ ึงกนั หรือชกั นาใหร้ ู้จกั กนั ทาหนา้ ท่ีเป็น
สื่อกลางในการถ่ายทอด เน้ือหา ความรู้ ทกั ษะและเจตคติ ไปสู่ทุกพ้ืนที่ของโลกอยา่ งทว่ั ถึงและต่อเน่ือง
ท้งั ส่ือส่ิงพมิ พแ์ ละส่ืออิเลก็ ทรอนิกส์ที่มีท้งั ภาพและเสียง
5. แหล่งเรียนรู้ประเภทเทคนิคสิ่งประดิษฐค์ ิดคน้ หมายถึง สิ่งท่ีแสดงถึงความกา้ วหนา้ ทาง
เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมดา้ นต่าง ๆ ซ่ึงเป็ นสิ่งประดิษฐ์คิดคน้ หรือทาการพฒั นาปรับปรุง ช่วยให้มนุษย์
เรียนรู้ถึงความกา้ วหนา้ เกิดจินตนาการแรงบนั ดาลใจในการสร้างสรรค์ ท้งั ความคิด และสิ่งประดิษฐต์ า่ ง ๆ

20

6. แหล่งเรียนรู้ประเภทกิจกรรม หมายถึง การปฏิบตั ิการดา้ นวฒั นธรรมประเพณีตา่ ง ๆ การ
ปฏิบตั ิงานของหน่วยราชการ ตลอดจนความเคล่ือนไหวเพ่ือแกป้ ัญหาและปรับปรุงพฒั นาสภาพต่าง ๆ
ในทอ้ งถ่ิน การเขา้ ไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ เหล่าน้ี จะทาให้เกิดการเรียนรู้ท่ีเป็ นรูปธรรม อาทิ
ประเพณีงานทอดกฐิน งานบุญ การรณรงค์ป้ องกันยาเสพติด การส่งเสริมการเลือกต้งั ตามระบอบ
ประชาธิปไตย การรณรงคค์ วามปลอดภยั ของเด็กและสตรีในทอ้ งถิ่น

ภาพจาก http://play.kapook.com/

ภาพจาก http://www.moohin.com ภาพจาก http://www.kaoyai.info/

กจิ กรรม
ใหผ้ เู้ รียนสารวจแหล่งเรียนรู้ภายในชุมชน ตาบล อาเภอ และจดั แบง่ ประเภทตามลกั ษณะ 6 ประเภท
จดั ทาเป็นรายงานส่งครู

21

เรื่องที่ 4 การใช้แหล่งเรียนรู้ที่สาคญั

แหล่งเรียนรู้ ในท่ีน้ีจะกล่าวถึงเฉพาะแหล่งเรียนรู้ในชุมชนที่ใกลต้ วั ผเู้ รียนมากที่สุด 3 ประเภท
คือ 1. แหล่งเรียนรู้ประเภทบุคคล 2. ศนู ยก์ ารเรียนชุมชน(สังกดั สานกั งาน กศน.) 3. หอ้ งสมุดประชาชน

แหล่งเรียนรู้ประเภทบุคคล

ภูมิปัญญาไทยเกิดข้ึนจากความสัมพนั ธ์ระหวา่ งคนกบั ธรรมชาติ คนกบั บุคคลอ่ืน และคนกบั สิ่ง
เหนือธรรมชาติ ทาใหเ้ กิดความคิด ความเช่ือ ศิลปวฒั นธรรม ประเพณี และพิธีกรรมที่สืบทอดต่อ ๆ กนั
คนไทยควรคานึงถึงคุณค่าของภูมิปัญญาไทย ยกย่องส่งเสริมผูท้ รงภูมิปัญญา สามารถเผยแพร่ความรู้
และดารงรักษาเอกลกั ษณ์ ศกั ด์ิศรีของชาติไทยไว้

ประเทศไทยไดป้ ระกาศยกยอ่ ง ภูมิปัญญาไทยอยา่ งตอ่ เนื่อง เช่น ศิลปิ นแห่งชาติ ผมู้ ีผลงานดีเด่น
ทางวฒั นธรรม และคนดีศรีสังคม เป็ นตน้ ปราชญ์ไทยท่ีมีผลงานดีเด่นทางวฒั นธรรม ไดร้ ับการยกยอ่ ง
จากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวฒั นธรรมแห่งสหประชาชาติ ยูเนสโก ไดแ้ ก่ พระบาทสมเด็จพระ
พทุ ธเลิศหลา้ นภาลยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟ้ ากรมพระ
ยานริศรานุวตั ิวงศ์ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอกรมพระยาดารงราชานุภาพ และสุนทรภู่ เป็นตน้

การถ่ายทอดภมู ิปัญญาไทย มีความเช่ือศรัทธาสืบต่อกนั มาเป็นพ้นื ฐาน ประชาชนชาวไทยจึงควร
สนใจศึกษาองคค์ วามรู้ ความคิด ความเชื่อที่ทรงคุณค่าน้ี และธารงรักษาไวใ้ หค้ งอยคู่ ู่ชาติไทย

สุนทรภู่ สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอกรมพระยาดารงราชานุภาพ
ภาพจาก http://social-people.exteen.com/ ภาพจาก www.thaistudy.chula.ac.th

22

ความหมาย
ภูมิปัญญาไทย หมายถึง องคค์ วามรู้ ความสามารถ และทกั ษะของคนไทย อนั เกิดจากการส่ังสม
ประสบการณ์ท่ีผ่านกระบวนการเรียนรู้ เลือกสรร ปรุงแต่ง พฒั นา และถ่ายทอดสืบต่อกนั มา เพื่อใช้
แกป้ ัญหาและพฒั นาวถิ ีชีวติ ของคนไทยใหส้ มดุลกบั สภาพแวดลอ้ มและเหมาะสมกบั ยคุ สมยั
ภูมิปัญญาชาวบ้านหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น หมายถึง ความรู้ของชาวบา้ น ซ่ึงเรียนรู้จากป่ ู ยา่ ตา
ยาย ญาติพี่นอ้ ง และความเฉลียวฉลาดของแต่ละคน หรือผมู้ ีความรู้ในหมู่บา้ น ในทอ้ งถ่ินต่าง ๆ ที่ใชใ้ น
การดาเนินชีวติ ใหเ้ ป็ นสุข ภูมิปัญญาชาวบา้ นเป็ นเรื่องการทามาหากิน เช่น การจบั สัตว์ การปลูกพืช การ
เล้ียงสตั ว์ การทอผา้ การทาเครื่องมือการเกษตร เป็นตน้
ครูภูมิปัญญา หมายถึง ผทู้ รงภูมิปัญญาดา้ นใดดา้ นหน่ึง หรือหลายดา้ นและสืบสานภูมิปัญญา
ดงั กล่าวอย่างต่อเน่ืองจนเป็ นท่ียอมรับของสังคมและชุมชน และไดม้ ีการยกย่องให้เป็ น “ครูภูมิปัญญา
ไทย” เพื่อทาหนา้ ท่ีถ่ายทอดและสืบสานภูมิปัญญาในการจดั การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และ
การศึกษาตามอธั ยาศยั

ครูทองใส ทบั ถนน ครูภูมิปัญญาไทย ดา้ นศิลปกรรม ดนตรีพ้ืนเมือง
ภาพจาก http://www.onsorn.com/tongsai.html

ความสาคัญ
ภมู ิปัญญา เป็นฐานรากสาคญั และเป็นพลงั ขบั เคล่ือนในการพฒั นาคน เศรษฐกิจ การเมือง สังคม
วฒั นธรรม และสิ่งแวดลอ้ ม คติและความสาคญั ของภูมิปัญญา ที่บรรพบุรุษไทยไดส้ ร้างสรรค์และสืบ
ทอดมาอยา่ งต่อเนื่องจากอดีตสู่ปัจจุบนั ทาให้คนในชาติเกิดความรักและความภาคภูมิใจท่ีจะร่วมใจสืบ
สานต่อไปในอนาคต เช่น โบราณสถาน โบราณวตั ถุ สถาปัตยกรรม ประเพณีไทย การมีน้าใจ ศกั ยภาพ
ในการประสานผลประโยชน์ เป็นตน้ ภมู ิปัญญาไทยจึงมีคุณคา่ และความสาคญั ดงั น้ี
1. ภมู ิปัญญาไทยช่วยสร้างชาติใหเ้ ป็นปึ กแผน่

พระมหากษตั ริยไ์ ทยไดใ้ ชภ้ ูมิปัญญาสร้างความเป็นปึ กแผน่ ใหแ้ ก่ประเทศชาติมาโดยตลอด
ต้งั แต่สมยั พอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราช พระองคท์ รงปกครองประชาชนดว้ ยพระเมตตาแบบพอ่ ปกครองลูก

สมยั พระนเรศวร ทรงใชภ้ ูมิปัญญากระทายทุ ธหตั ถีจนชนะขา้ ศึกศตั รู และทรงกอบกูเ้ อกราช
ของชาติไทยคืนมาได้

23

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลท่ี 9) พระองค์ทรงใชภ้ ูมิปัญญา
สร้างคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและพสกนิกรมากมายเหลือคณานบั ทรงใชพ้ ระปรีชาสามารถแกไ้ ข
วิกฤตการณ์ของบ้านเมืองให้รอดพ้นจากภัยพิบัติหลายคร้ัง แม้แต่ด้านการเกษตร พระองค์ได้
พระราชทานทฤษฎีใหม่ให้แก่ประชาชน ท้ังด้านการเกษตรแบบสมดุลและย่ังยืน การฟ้ื นฟู
สภาพแวดลอ้ มตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง นาความสงบร่มเยน็ มาสู่พสกนิกร

2. ภูมิปัญญาไทยสร้างความภาคภมู ิใจและศกั ด์ิศรีเกียรติภูมิ
คนไทยในอดีตมีความสามารถเป็นท่ียอมรับของนานาอารยประเทศ เช่น นายขนมตม้ เป็น

นกั มวยที่มีฝีมือ ถือวา่ เป็นศิลปะช้นั เยย่ี มเป็นท่ีนิยมในหมคู่ นไทยและชาวต่างชาติ ปัจจุบนั มีค่ายมวยไทย
ทว่ั โลกไม่ต่ากว่า 30,000 แห่ง ใช้กติกาของมวยไทย การไหวค้ รูก่อนชกถือเป็ นมรดกภูมิปัญญาไทยท่ี
โดดเด่น นอกจากน้ียงั มีมรดกภูมิปัญญาทางภาษาและวรรณกรรมที่มีความไพเราะจนไดร้ ับการแปลเป็ น
ภาษาต่างประเทศหลายเร่ือง มรดกภูมิปัญญาดา้ นอาหารไทย ซ่ึงเป็ นท่ีรู้จกั และเป็ นที่นิยมไปทว่ั โลก
เช่นเดียวกนั

ภาพจาก nattafishing.exteen.com ภาพจากwww.212cafe.com

3. ภมู ิปัญญาไทยสามารถปรับประยกุ ตห์ ลกั ธรรมคาสอนทางศาสนามาใชก้ บั วถิ ีชีวติ ไดอ้ ยา่ ง

เหมาะสมคนไทยส่วนใหญ่นบั ถือศาสนาพุทธ มีนิสยั อ่อนนอ้ มถ่อมตน เอ้ือเฟ้ื อเผอ่ื แผ่ ประนีประนอม

รักสงบ ใจเยน็ มีความอดทน ใหอ้ ภยั แก่ผสู้ านึกผดิ ดารงชีวติ อยา่ งเรียบง่ายปกติสุข คนในชุมชนพ่ึงพากนั

ท้งั หมดน้ีสืบเน่ืองมาจากหลกั ธรรมคาสอนทางศาสนา และสามารถดาเนินกุศโลบายดา้ นต่างประเทศ

จนทาใหช้ าวพุทธทว่ั โลกยกยอ่ งให้ประเทศไทยเป็ นผนู้ าทางศาสนาและเป็ นท่ีต้งั สานกั งานใหญ่องคก์ าร

พุทธศาสนิกสมั พนั ธ์แห่งโลก (พสล.) ต้งั อยเู่ ย้อื งกบั อุทยานเบญจสิริ กรุงเทพมหานคร

4. ภมู ิปัญญาไทยสร้างสมดุลระหวา่ งคนในสงั คมและธรรมชาติไดอ้ ยา่ งยงั่ ยนื

ภูมิปัญญาไทยมีความเด่นชดั ในเร่ืองการยอมรับนบั ถือและการใหค้ วามสาคญั แก่คน สังคม

และธรรมชาติอยา่ งย่ิง สิ่งที่แสดงใหเ้ ห็นไดอ้ ย่างชดั เจนมีมากมาย เช่น ประเพณีไทยซ่ึงมีตลอดปี ท้งั 12