ใบงาน วิชาทักษะการเรียนรู้-ประถม from Intrayut Konsongchang แต่ไมว่ า่ จะอยใู่ นกลุ่มไหนก็ตาม คุณควรจะพฒั นาทกั ษะในการฟังของคุณอยเู่ สมอ เพราะวา่ ผสู้ ่งสาร (ท้งั คนและอุปกรณ์เทคโนโลยตี ่าง ๆ) น้นั มีการเปล่ียนแปลงและมีความซบั ซอ้ นมากข้ึนอยตู่ ลอดเวลา 9 กจิ กรรมที่ 3 “ถ้า……… คุณ……..” เพื่อใหผ้ เู้ รียนฝึกทกั ษะในการคิดและการให้เหตุผล ทกั ษะการคิดดว้ ยวธิ ีการท่ีมีเหตุผลรองรับ มีความสาคญั ในการใชป้ ระกอบการแสวงหาความรู้หรือ 1. ใหผ้ เู้ รียนตอบคาถามต่อไปน้ี 10 กจิ กรรมท่ี 5 นักจดบนั ทกึ เพ่อื ฝึกใหผ้ เู้ รียนมีนิสัยในการจดบนั ทึกขอ้ มลู การจดบนั ทึกขอ้ มูลเป็นวธิ ีการท่ีทาใหบ้ ุคคล สามารถจดจาเหตุการณ์ต่าง ๆ ท่ีผา่ นมาไดเ้ ป็นอยา่ งดี 1. ใหท้ ่านเลือกประเภทของช่ือตา่ ง ๆ ที่ท่านจะเขียนมาใหไ้ ดม้ ากที่สุด ตวั อย่าง ประเภทของช่ือท่ีขา้ พเจา้ เลือกคือ ชื่อสัตว์ ประเภทของช่ือท่ีขา้ พเจา้ เลือกคือ 2. ใหท้ ่านอธิบายสรุป ความสาคญั ของการจดบนั ทึก วา่ การจดบนั ทึกมีความสาคญั อยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………………………… 11 กจิ กรรมท่ี 6 1. เพื่อใหผ้ เู้ รียนเกิดความตระหนกั ในคุณคา่ ของตนเอง และสร้างความภูมิใจในตนเอง 1.1 ความรู้สึกเม่ือประสบความสาเร็จ 12 แบบประเมินตนเองหลงั เรียน บทสะท้อนทไ่ี ด้จากการเรียนรู้ 1. ส่ิงท่ีทา่ นประทบั ใจในการเรียนรู้สาระท่ี 1 การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง 13 แบบวดั ระดบั การเรียนด้วยตนเองของผ้เู รียน คาชี้แจง แบบวดั น้ีเป็ นแบบวดั ระดบั การเรียนดว้ ยตนเองของผเู้ รียน มีจานวน 7 ขอ้ โปรดทาเคร่ืองหมาย √ ลงในช่องส่ีเหล่ียมท่ีตรงกบั ความสามารถในการเรียนรู้ดว้ ยตนเองตามความ เป็นจริงของทา่ น 1. การวนิ ิจฉยั ความตอ้ งการเน้ือหาในการเรียน 5. การดาเนินการเรียน ผเู้ รียนไดเ้ รียนเน้ือหาตามคาอธิบายรายวชิ าเท่าน้นั ผเู้ รียนดาเนินการเรียนตามแนวทางที่ครู ครูนาเสนอเน้ือหาอ่ืน นอกเหนือจากคาอธิบายรายวชิ า กาหนด ผเู้ รียนไดเ้ สนอเน้ือหาอ่ืนเพ่ือเรียนเพมิ่ เติม ผเู้ รียนดาเนินการเรียนตามแนวทางที่ นอกเหนือจากคาอธิบายรายวิชา ครูใหผ้ เู้ รียนเลือกเรียนเพ่มิ เติม ผเู้ รียนเป็ นผกู้ าหนดเน้ือหาในการเรียนเอง แลว้ ใหผ้ เู้ รียนปรับ ผเู้ รียนดาเนินการเรียนตามแนวทางที่ 2. การวนิ ิจฉยั ตามความตอ้ งการวธิ ีการเรียน ผเู้ รียนร่วมกนั กาหนดกบั ครู ครูเป็นผกู้ าหนดวา่ จะจดั การเรียนการสอนวธิ ีใด ผเู้ รียนดาเนินการเรียนตามกาหนดของ ครูนาเสนอวธิ ีการเรียนการสอน แลว้ ใหผ้ เู้ รียนเลือก ตนเอง ผเู้ รียนร่วมกบั ครูกาหนดวธิ ีการเรียนรู้ 6. การแสวงหาแหล่งทรัพยากรการเรียน ผเู้ รียนเป็ นผกู้ าหนดวธิ ีการเรียนรู้เอง ครูเป็นผจู้ ดั การแหล่งทรัพยากรการเรียนให้ ผเู้ รียน 3. การกาหนดจุดมุง่ หมายในการเรียน ครูเป็นผจู้ ดั หาแหล่งทรัพยากรการเรียน ครูเป็นผกู้ าหนดจุดมุ่งหมายในการเรียน แลว้ ใหผ้ เู้ รียนเลือก ครูนาเสนอจุดมุง่ หมายในการเรียนแลว้ ใหผ้ เู้ รียนเลือก ผเู้ รียนร่วมกบั ครูหาแหล่งทรัพยากรการเรียน ผเู้ รียนร่วมกบั ครูกาหนดจุดมุ่งหมายในการเรียน ร่วมกนั ผเู้ รียนเป็นผหู้ าแหล่งทรัพยากรการเรียนเอง 4. การวางแผนการเรียน 7. การประเมินการเรียน ผเู้ รียนไมไ่ ดเ้ ขียนแผนการเรียน ครูเป็นผปู้ ระเมินการเรียนของผเู้ รียน ครูนาเสนอแผนการเรียนแลว้ ใหผ้ เู้ รียนนาไปปรับแก้ ครูเป็นผปู้ ระเมินการเรียนของผเู้ รียนเป็น ผเู้ รียนร่วมกบั ครูวางแผนการเรียน ส่วนใหญ่ และเปิ ดโอกาสใหน้ กั ศึกษาได้ ผเู้ รียนวางแผนการเรียนเอง โดยการเขียนสัญญาการเรียน ประเมินการเรียนของตนเองดว้ ย ที่ระบุจุดมุง่ หมายการเรียน วธิ ีการเรียนแหล่งทรัพยากร มีการประเมินโดยครู ตวั ผเู้ รียนเองและเพ่อื น การเรียน วธิ ีการประเมินการเรียนและวนั ท่ีจะ ผเู้ รียนเป็นผปู้ ระเมินการเรียนของตนเอง ทางานเสร็จ กระบวนการเรยี นร้ทู ี่เป็นการเรียนรดู้ ้วยตนเอง บางอย่าง ผู้เรยี นควรได้มกี ารตรวจสอบพฤติกรรม 14 บทท่ี 2 สาระสาคญั การเรียนรู้จากส่ิงแวดล้อมในชุมชนที่มีองค์ความรู้ท่ีเรียกว่าแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ทาให้ ผลการเรียนรู้ทคี่ าดหวงั 1. ผเู้ รียนสามารถบอกประเภทคุณลกั ษณะของแหล่งเรียนรู้และเลือกใชแ้ หล่งเรียนรู้ 2. ผเู้ รียนเห็นคุณค่าแหล่งเรียนรู้ประเภทตา่ ง ๆ ขอบข่ายเนือ้ หา เรื่องที่ 1 ความหมายและความสาคญั ของแหล่งเรียนรู้ 15 เรื่องที่ 1 ความหมายและความสาคญั ของแหล่งเรียนรู้ ความรู้มีเกิดใหม่และพฒั นาตลอดเวลาประกอบกบั เทคโนโลยสี ารสนเทศทาให้เผยแพร่สื่อสาร ความหมายของ “แหล่งเรียนรู้” แหล่ง หมายถึง ถ่ิน ท่ีอยู่ บริเวณ ศูนยร์ วม บอ่ เกิด แห่ง ท่ี กจิ กรรม ความสาคญั ของแหล่งเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้มีบทบาทสาคญั อย่างย่งิ ในการช่วยพฒั นาคุณภาพของมนุษยใ์ นยุคความรู้ท่ีเกิดข้ึน 1. เป็นแหล่งท่ีมีสาระเนือ้ หา ท่ีเป็นขอ้ มลู ความรู้ใหม้ นุษยเ์ กิดโลกทศั น์ที่กวา้ งไกลกวา่ เดิม ช่วย 16 2. เป็ นสื่อการเรียนรู้สมยั ใหม่ที่ให้ท้งั สาระ ความรู้ ก่อให้เกิดทกั ษะและช่วยให้เกิดการเรียนรู้ 3. เป็นแหล่งช่วยเสริมการเรียนรู้ของการศึกษาประเภทตา่ ง ๆ ท้งั การศึกษาในระบบ 4. เป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวติ ท่ีบุคคลทุกเพศ วยั ทุกระดบั ความรู้ ความสามารถ เรียนรู้ได้ 5. เป็นแหล่งท่ีมนุษยส์ ามารถเขา้ ไปปฏสิ ัมพนั ธ์ในการหาความรู้จากแหล่งกาเนิด หรือ 6. เป็นแหล่งท่ีมนุษยส์ ามารถเขา้ ไปปฏิสมั พนั ธ์ใหเ้ กิดประสบการณ์ตรง หรือ ลงมือ 7. เป็นแหล่งท่ีมนุษยส์ ามารถเขา้ ไปปฏิสัมพนั ธ์ใหเ้ กิดความรู้เก่ียวกบั วทิ ยาการใหม่ ๆ ท่ี 8. เป็นแหล่งส่งเสริมความสัมพนั ธ์อนั ดีระหวา่ งคนในทอ้ งถิ่นกบั ผเู้ ขา้ ศึกษา ในการทา 9. เป็นส่ิงท่ีช่วยเปลย่ี นทศั นคติ คา่ นิยมใหเ้ กิดการยอมรับส่ิงใหม่ แนวความคิดใหม่ เกิด 10. เป็นการประหยดั เงินของผเู้ รียนในการใชแ้ หล่งเรียนรู้ของชุมชนใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุด กจิ กรรม ใหผ้ เู้ รียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 5 - 10 คน อภิปรายถึงความสาคญั ของแหล่งเรียนรู้และรายงานเป็ นกลุ่มหนา้ ช้นั และ 17 เรื่องท่ี 2 ประวตั คิ วามเป็ นมาของแหล่งเรียนรู้ นบั ต้งั แต่สมยั สุโขทยั มีแหล่งเรียนรู้ไดแ้ ก่ บา้ น วดั และวงั ผถู้ ่ายทอดความรู้ในบา้ นมีพ่อ แม่ และ สมยั พ่อขุนรามคาแหง ได้ทรงสร้างพระแท่นมนังคศิลาไวใ้ นดงตาลเพ่ือให้เป็ นสถานที่สอน สมยั กรุงศรีอยธุ ยา แหล่งความรู้ไดพ้ ฒั นาอยา่ งรวดเร็ว นอกจากมีบา้ นและวดั และวงั แลว้ ในสมยั สมยั กรุงรัตนโกสินทร์ตอนตน้ แหล่งความรู้ไดพ้ ฒั นาอยา่ งรวดเร็ว มีการต้งั โรงพิมพข์ ้ึนมาหลาย สมยั รัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์มี ปัจจุบันมีสื่อหลากหลายประเภทมากย่ิงข้ึนโดยเฉพาะส่ืออิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ 18 กจิ กรรม ใบงานการสารวจแหล่งเรียนรู้ 1. ชื่อแหลง่ เรียนรู้ ............................................................................................................................... ตาบล ..................... อาเภอ....................................... จงั หวดั ......................................................... โทรศพั ทบ์ า้ น .............................โทรศพั ทเ์ คลื่อนท่ี ............................ โทรสาร ........................... เวบ็ ไซต์ (ถา้ มี)................................................................................................................................ 3. เจา้ ของ/ผคู้ รอบครอง/ผจู้ ดั การแหล่งเรียนรู้ ส่วนราชการ วดั โบสถ์ มสั ยดิ เอกชน ชุมชน องคก์ รชุมชน อื่น ๆ ............................................ (ระบุ) 4. ช่ือบุคคลของแหลง่ เรียนรู้สาหรับติดต่อ ........................................................................................ สถานท่ีติดตอ่ .......................................................... โทรศพั ท์ ...................................................... 5. ประเภทของแหล่งเรียนรู้ หอ้ งสมดุ พพิ ธิ ภณั ฑ์ โบราณสถาน ศาสนสถาน อนุสาวรีย์ หอศิลป์ ศูนยว์ ฒั นธรรม ศูนยข์ อ้ มลู ทอ้ งถ่ิน แหลง่ หตั ถกรรม แหลง่ เรียนรู้ศิลปะ แหล่งเรียนรูใ้ นทอ้ งถ่ิน แหล่งฝึ กอบรม อุทยานวทิ ยาศาสตร์ ศูนยว์ ทิ ยาศาสตร์ พพิ ธิ ภณั ฑค์ วามกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี ศูนยก์ ารเรียนรู้ชุมชน หมบู่ า้ น/ชุมชนโบราณ ศูนยศ์ ึกษาตามแนวพระราชดาริฯ สวนสตั ว์ สวนพฤกษศาสตร์ สิ่งแวดลอ้ มทางธรรมชาติ สวนสาธารณะ สวนเกษตร สวนสนุก สวนสมุนไพร อทุ ยาน สวนอุทยาน แหลง่ ท่องเท่ียว ส่ือสารมวลชน ส่ือพ้ืนบา้ น โรงละคร ศูนยก์ ีฬา แหล่งนนั ทนาการ ศูนยก์ ารคา้ /ตลาด สถานประกอบการ สถาบนั การศึกษา ศูนยข์ อ้ มูล อื่น ๆ (โปรดระบุ) .......................................................................................................... 6. ความรู้ที่สามารถเรียนไดจ้ ากแหลง่ เรียนรู้แห่งน้ี (เรียงตามลาดบั ความสาคญั และความโดดเด่น 3 ลาดบั ) 1........................................... 2. ................................................3……………..………………. ผบู้ นั ทึก ..................................... วนั ท่ี............ เดือน ................................. พ.ศ. ….………… 19 เร่ืองที่ 3 แหล่งเรียนรู้ประเภทต่าง ๆ การแบ่งประเภทของแหล่งเรียนรู้ มีผรู้ ู้ไดจ้ ดั ประเภทของแหล่งเรียนรู้แตกต่างกนั ไป ท้งั น้ีข้ึนอยู่ แหล่งเรียนรู้แบ่งตามลกั ษณะกายภาพและวตั ถุประสงค์ เป็น 5 กลุ่ม ดงั น้ี ประเภทของแหล่งเรียนรู้ จาแนกตามลกั ษณะ มี 6 ประเภท ดงั นี้ 20 6. แหล่งเรียนรู้ประเภทกิจกรรม หมายถึง การปฏิบตั ิการดา้ นวฒั นธรรมประเพณีตา่ ง ๆ การ ภาพจาก http://play.kapook.com/ ภาพจาก http://www.moohin.com ภาพจาก http://www.kaoyai.info/ กจิ กรรม 21 เรื่องที่ 4 การใช้แหล่งเรียนรู้ที่สาคญั แหล่งเรียนรู้ ในท่ีน้ีจะกล่าวถึงเฉพาะแหล่งเรียนรู้ในชุมชนที่ใกลต้ วั ผเู้ รียนมากที่สุด 3 ประเภท แหล่งเรียนรู้ประเภทบุคคล ภูมิปัญญาไทยเกิดข้ึนจากความสัมพนั ธ์ระหวา่ งคนกบั ธรรมชาติ คนกบั บุคคลอ่ืน และคนกบั สิ่ง ประเทศไทยไดป้ ระกาศยกยอ่ ง ภูมิปัญญาไทยอยา่ งตอ่ เนื่อง เช่น ศิลปิ นแห่งชาติ ผมู้ ีผลงานดีเด่น การถ่ายทอดภมู ิปัญญาไทย มีความเช่ือศรัทธาสืบต่อกนั มาเป็นพ้นื ฐาน ประชาชนชาวไทยจึงควร สุนทรภู่ สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอกรมพระยาดารงราชานุภาพ 22 ความหมาย ครูทองใส ทบั ถนน ครูภูมิปัญญาไทย ดา้ นศิลปกรรม ดนตรีพ้ืนเมือง ความสาคัญ พระมหากษตั ริยไ์ ทยไดใ้ ชภ้ ูมิปัญญาสร้างความเป็นปึ กแผน่ ใหแ้ ก่ประเทศชาติมาโดยตลอด สมยั พระนเรศวร ทรงใชภ้ ูมิปัญญากระทายทุ ธหตั ถีจนชนะขา้ ศึกศตั รู และทรงกอบกูเ้ อกราช 23 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลท่ี 9) พระองค์ทรงใชภ้ ูมิปัญญา 2. ภูมิปัญญาไทยสร้างความภาคภมู ิใจและศกั ด์ิศรีเกียรติภูมิ นกั มวยที่มีฝีมือ ถือวา่ เป็นศิลปะช้นั เยย่ี มเป็นท่ีนิยมในหมคู่ นไทยและชาวต่างชาติ ปัจจุบนั มีค่ายมวยไทย ภาพจาก nattafishing.exteen.com ภาพจากwww.212cafe.com 3. ภมู ิปัญญาไทยสามารถปรับประยกุ ตห์ ลกั ธรรมคาสอนทางศาสนามาใชก้ บั วถิ ีชีวติ ไดอ้ ยา่ ง เหมาะสมคนไทยส่วนใหญ่นบั ถือศาสนาพุทธ มีนิสยั อ่อนนอ้ มถ่อมตน เอ้ือเฟ้ื อเผอ่ื แผ่ ประนีประนอม รักสงบ ใจเยน็ มีความอดทน ใหอ้ ภยั แก่ผสู้ านึกผดิ ดารงชีวติ อยา่ งเรียบง่ายปกติสุข คนในชุมชนพ่ึงพากนั ท้งั หมดน้ีสืบเน่ืองมาจากหลกั ธรรมคาสอนทางศาสนา และสามารถดาเนินกุศโลบายดา้ นต่างประเทศ จนทาใหช้ าวพุทธทว่ั โลกยกยอ่ งให้ประเทศไทยเป็ นผนู้ าทางศาสนาและเป็ นท่ีต้งั สานกั งานใหญ่องคก์ าร พุทธศาสนิกสมั พนั ธ์แห่งโลก (พสล.) ต้งั อยเู่ ย้อื งกบั อุทยานเบญจสิริ กรุงเทพมหานคร 4. ภมู ิปัญญาไทยสร้างสมดุลระหวา่ งคนในสงั คมและธรรมชาติไดอ้ ยา่ งยงั่ ยนื ภูมิปัญญาไทยมีความเด่นชดั ในเร่ืองการยอมรับนบั ถือและการใหค้ วามสาคญั แก่คน สังคม และธรรมชาติอยา่ งย่ิง สิ่งที่แสดงใหเ้ ห็นไดอ้ ย่างชดั เจนมีมากมาย เช่น ประเพณีไทยซ่ึงมีตลอดปี ท้งั 12 |