เราเชื่อว่าถ้าเลือกได้ หลายคนคงไม่มีใครอยากจะมี"หนี้"ติดตัว ที่ต้องจ่ายกันทุกสิ้นเดือนหรอก แต่ถ้าไม่มีเงินกู้ ชีวิตมันก็อาจจะไปต่อไม่ได้ เช่น คนประกอบอาชีพค้าขาย ถ้าเงินทุนตัวเองไม่พอ ก็ต้องกู้ยืมมาขยายกิจการ หรือบางคนที่อยากจะซื้อบ้าน ก็จำเป็นต้องกู้เงินเช่นกัน เพราะฉะนั้นถ้าเราจำเป็นต้องสร้างหนี้ สิ่งสำคัญที่พี่ ป้า น้า อา ควรต้องรู้ก่อนเป็นหนี้ 2 อย่างก็คือ
สุดท้าย และท้ายสุดอยากฝากไว้ว่าถ้าพี่ ป้า น้า อา ทั้งหลาย จำเป็นจะต้องใช้เงินก้อน ต้องกู้ขอสินเชื่อ จนทำให้เกิดการสร้างหนี้เพื่อให้ชีวิตหมุนต่อได้ แต่ก็ต้องเลือกให้เหมาะสมว่าหนี้ของเรานั้นควรจะผ่อนสั้นหรือยาว ควรเลือกผ่อนในแบบที่เราสามารถจ่ายไหว ไม่เกินกำลังของตัวเอง แต่หากคิดไม่เผื่ออนาคต กลัวเสียดอกเบี้ยเยอะเลยเลือกผ่อนสั้น แต่พอถึงคราวผ่อนจริงๆ ดันผ่อนไม่ไหว อันนี้จะกลายเป็นปัญหาในอนาคตให้ต้องนอนเอาขาก่ายหน้าผากวันละ 8 ตลบได้ หากไม่อยากเป็นหนี้เกินตัว ก็ต้องวางแผนการเงินอย่างฉลาดและรู้ทันตัวเอง ไม่ว่าเราจะเลือกผ่านแบบไหน ควรสอบถามเงื่อนไขของการชำระและการปิดหนี้ให้แน่ใจก่อนการตัดสินใจ ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย… Facebook | Line | Youtube | Instagram บัตรเครดิตใครๆ ก็มีในกระเป๋า แต่จะมีสักกี่คนที่รู้จักและเข้าใจดอกเบี้ยของบัตรเครดิตนั้นจริงๆ ดอกเบี้ยที่ว่ามีอะไรที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดกันบ้าง เรามาดูกัน
รูดบัตรแค่ไม่กี่บาท ดอกเบี้ยจะสักเท่าไหร่กันเชียว… บอกเลยว่าคิดผิด ถ้าใครเคยผ่อนหนี้บ้านมาก่อน น่าจะพอเข้าใจได้ว่าดอกเบี้ยที่จ่ายแต่ละเดือนไม่ใช่เรื่องสนุกเลย แล้วรู้ไหมว่าอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตแพงกว่าบ้านอีก เช่น ดอกเบี้ยบ้านอาจอยู่ที่ 6% ต่อปี ในขณะที่ดอกเบี้ยบัตรเครดิตอยู่ที่ 18% ต่อปี หรือสูงถึง 3 เท่าของดอกเบี้ยบ้านเลย
หลายคนเข้าใจผิดว่า หากชำระล่าช้าหรือชำระไม่เต็ม ดอกเบี้ยจะเริ่มคิดตั้งแต่หลัง “วันสรุปยอด” หรือ “วันกำหนดชำระเงิน” แต่ในความจริงแล้วดอกเบี้ยจะเริ่มคิดตั้งแต่ “วันที่รูดใช้บัตร” ไปจนถึงวันที่เรานำเงินไปชำระหนี้ส่วนนี้ เช่น รูดบัตร วันที่ 1 ม.ค. สรุปยอดวันที่ 15 ม.ค. ครบกำหนดชำระเงินวันที่ 30 ม.ค. หากนำเงินไปชำระค่าบัตรวันที่ 20 ม.ค. (กรณีเข้าเงื่อนไขเสียดอกเบี้ย เช่น ชำระไม่เต็มจำนวน) จะถูกคิดดอกเบี้ยเป็นจำนวน 20 วัน (1 – 20 ม.ค.) ไม่ใช่ 6 วัน (15 – 20 ม.ค.) อย่างที่หลายคนเข้าใจ ซึ่งจากตัวอย่างนี้ ดอกเบี้ยที่คำนวณได้ จะต่างกันถึงกว่า 3 เท่าตัวเลย
อีกเรื่องที่คนมักเข้าใจผิด คือ รูดบัตรไปก่อนเดี๋ยวพอครบกำหนดก็ชำระบางส่วน ที่เหลือค่อยเสียดอกเบี้ย แต่ในความจริงแล้ว ดอกเบี้ยจะถูกคิดตามยอดเงินที่รูด (เต็มจำนวน) ไม่ใช่ส่วนที่เหลือหลังชำระแล้ว เช่น รูดบัตร 100,000 บาท เมื่อถึงกำหนดมีการชำระเงิน 70,000 บาท ดอกเบี้ยจะถูกคิดจากยอดเงินที่รูดไป 100,000 บาท ไม่ใช่ส่วนที่เหลือ 30,000 บาท
ดอกเบี้ยบัตรเครดิตปกติอยู่ที่ 18% ต่อปี แต่หากใช้โปรโมชันเปลี่ยนยอดบัตรเป็นยอดผ่อน เช่น 0.83% ต่อเดือน ผ่อน 12 เดือน ซึ่งอัตราดอกเบี้ยอาจดูเหมือนต่ำกว่าปกติ แต่ในความจริงแล้ว ดอกเบี้ยที่ว่าอาจไม่ได้ต่ำกว่า 18%ต่อปี เสมอไป นั่นเพราะ 18% ต่อปี หรือ 1.5% ต่อเดือน (18%ต่อปี ÷ 12 เดือน) เป็นอัตราดอกเบี้ยแบบ Effective Rate (ลดต้นลดดอก) ส่วน 0.83% ต่อเดือน เป็นอัตราดอกเบี้ยแบบ Flat Rate (เงินต้นคงที่) ซึ่งการเปรียบเทียบความถูกหรือแพง ต้องอาศัยการคำนวณหรือใช้ตารางด้านล่าง เพื่อดูว่า Effective Rate 18% ต่อปี เทียบเท่ากับ Flat Rate กี่ % ที่ระยะเวลาการผ่อนต่างๆ ดังนี้ จำนวนเดือน : Flat Rate ต่อเดือน : Flat Rate ต่อปี 12 0.83% 10.02% 36 0.84% 10.05% 48 0.85% 10.25% 60 0.87% 10.47% 72 0.89% 10.70% บัตรเครดิตเป็นสิ่งที่เข้าถึงง่าย แต่ถ้าใช้ไม่เป็น อาจเข้าสู่วังวนความเป็นหนี้และออกมาไม่ได้ง่ายๆ เหมือนตอนเข้าไป #WealthMeUp |