คืออะไร ก็จะบอกสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่ามันคือ การกินแบบจำกัดช่วงเวลา ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีลดน้ำหนักที่คนทั่วโลกนิยมใช้กันมากว่า 10 ปีแล้ว แถมยังเป็นวิธีลดน้ำหนักฮิตในหมู่ผู้บริหารและคนรุ่นใหม่มากมาย ใครที่จะเริ่มทำ IF ต้องรู้อีกนิดนึงว่า เราจะแบ่งเวลาการกินออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงอด (Fasting) และ ช่วงกิน (Feeding) ประโยชน์หลัก ๆ ของการทำ IF คือ ช่วยยกระดับการเผาผลาญไขมันให้กับร่างกาย ดังนั้นน้ำหนักจากการสะสมของไขมันจึงลดตามไปด้วย โดยหลักการเผาผลาญคือ เมื่อเราอยู่ในช่วงอดอาหาร ระดับอินซูลินจะลดลง ระดับ Growth Hormone สูงขึ้น การอดระยะสั้นสลับกันไปนี้จะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกายได้ 3.6-14% เลยทีเดียว แถมยังช่วยลดไขมันสะสมรอบเอวโดยเฉพาะไขมันไม่ดี โดยไม่ทำให้มวลกล้ามเนื้อลดลงเหมือนการอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่องด้วยค่ะ ประโยชน์ในการลดความอ้วนแบบ if
แล้วจะเลือกอดอาหารแบบไหนดี? เริ่มต้นควบคุมอาหารอย่างง่ายๆ โดยการควบคุมแคลอรีและจำกัดเวลาในการรับประทานอาหาร โดยมีหลากหลายวิธีในการปฏิบัติ แต่วิธีที่ได้รับความนิยมก็คือจำกัดเวลาทานอาหาร 8 ชั่วโมง และงดมื้ออาหาร 16 ชั่วโมง ยกตัวอย่างง่ายๆ คือ เราสามารถ รับประทานอาหารได้เวลา 6.00-14.00 น. โดยหลังจาก 14.00 น. เป็นช่วงงดอาหาร ดื่มได้เพียงแต่น้ำเปล่า หรือกาแฟ ชา ที่ไม่ใส่น้ำตาล (งดเว้นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ในช่วงงดมื้ออาหาร เพราะจะกระตุ้นให้เกิดความหิวและอยากน้ำตาลได้) แต่การลดความอ้วนแบบ if อาจทำให้หลายคนเจ็บป่วยจนต้องร้องหาหมอได้ “หากทำไม่ถูกวิธี” ผลเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ หากทำ IF ไม่ถูกวิธีนั้นมีอะไรบ้างเราไปดูกันเลย !
การลดความอ้วนแบบ if ให้ถูกวิธีต้องทำอย่างไร
การลดความอ้วนแบบ if อย่างไรให้ผอมเร็วละไม่โทรม ซึ่งจริงๆ แล้วมีแค่หลักการง่ายๆ เพียงแค่ 2 ขั้นตอนเท่านั้น ในการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ส่วนที่สำคัญที่สุดคือลดน้ำตาลและแป้ง (คาร์โบไฮเดรต) เมื่อคุณทำเช่นนั้นระดับความหิวของคุณจะลดลง จะทำให้คุณก็กินแคลอรี่ได้น้อยลงเช่นกัน
อยากหุ่นสวยแบบปลอดภัยคลิกเลย >> ……… เพราะที่ APEXSlim ดูแลออกแบบการลดน้ำหนักแบบบูรณาการ แก้ปัญหาตรงจุด เฉพาะบุคคล โดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการลดน้ำหนักและสัดส่วน พร้อมเทคโนโลยีมาตราฐานระดับโลก และปลอดภัยในระยะยาว |