โดย ผศ.ดร.ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ อาจารย์ประจำวิชากฎหมายภาษีอากร Show บริษัทจำกัด คือ บุคคลประเภทหนึ่งที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายซึ่งไม่ได้เป็น บุคคลธรรมดา แต่กฎหมายกำหนดเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นเจ้าของ โดยปกติจะถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อวัถตุประสงค์ทางธุรกิจ1 โดยต้องมีผู้เข้าร่วมก่อตั้งอย่างน้อย 3 คน2 และมีรายได้จะมีหน้าที่ต้องเสีย ภาษีเงินได้นิติบุคคล ด้วย ไม่ว่าจะตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือตามกฎหมายต่างประเทศ3 การจดทะเบียนบริษัทจำกัดการจดทะเบียนบริษัทต้องทำดำเนินการที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) กระทรวงพาณิชย์ หรือสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าพื้นที่ใกล้บ้าน โดยผู้ก่อตั้งอย่างน้อย 3 คนจะต้องร่วมกันกรอกรายละเอียดและลงชื่อใน ‘หนังสือบริคณห์สนธิ’ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่จำเป็นต้องใช้เพื่อนำไปจดทะเบียนบริษัทต่อไป 4 ทั้งนี้ ก่อนจดทะเบียนบริษัทต้องดำเนินการจองชื่อบริษัทบนระบบจองชื่อนิติบุคคลของ DBD ให้เรียบร้อยก่อน หนังสือบริคณห์สนธิหนังสือบริคณห์สนธิ (Momedandum) เป็นแบบฟอร์มที่ใช้สำหรับจดทะเบียนบริษัท ซึ่งจะมีข้อมูลสำคัญที่จำเป็นต้องใช้ เช่น ทุนจดทะเบียนบริษัท จำนวนหุ้น มูลค่าหุ้น ชื่อผู้จัดตั้งบริษัท (ผู้เริ่มก่อการ) วัตถุประสงค์ของบริษัท เป็นต้น ขั้นตอนการตั้งบริษัท
เมื่อจดทะเบียนบริษัทสำเร็จแล้ว บริษัทก็จะมีสภาพเป็นนิติบุคคลที่ถูกต้องตามกฎหมาย8 และจะถูกประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้รับรู้ว่ามีสถานะเป็น บริษัทจำกัด ที่ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป9 รวมถึงจะได้รับ ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนบริษัทจำกัด มาด้วยจำนวน 1 ฉบับ10 ข้อมูล/เอกสารประกอบการขอจดทะเบียนบริษัท1. ผู้จัดตั้งบริษัท (ผู้เริ่มก่อการ) อย่างน้อย 3 คน
2. พยาน จำนวน 2 คน11
3. ข้อมูลบริษัท
อยากให้ iTAX ช่วยดูแลเรื่องจดทะเบียนบริษัทสอบถามค่าบริการได้ที่ 062-486-9787 ติดต่อ iTAX sme การเปิดบัญชีธนาคารให้บริษัทข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการจัดทำรายงานการประชุมเพื่อเปิดบัญชีธนาคารสำหรับสมัครใช้บริการธุรกรรมออนไลน์ ได้แก่
การยื่นขอรหัสในการยื่นงบการเงินออนไลน์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (E-Filling DBD)
ความเป็นเจ้าของ (ผู้ถือหุ้น)ผู้ที่เป็นเจ้าของบริษัทจำกัด เรียกว่า ผู้ถือหุ้น ซึ่งกำหนดสัดส่วนตามจำนวนหุ้นของบริษัทที่ผู้ถือหุ้นแต่ละคนถือไว้ ผู้ถือหุ้นอาจเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ แต่ผู้ถือหุ้นจะต้องไม่มีจำนวนไม่น้อยกว่า 3 คน มูลค่าหุ้นและทุนจดทะเบียนของ บริษัทจำกัดบริษัทจำกัด จะออกหุ้นจำนวนเท่าไหร่ก็ได้ แต่ต้องกำหนดมูลค่าหุ้นเท่าๆ กัน และต้องออกหุ้นไม่น้อยกว่า 3 หุ้น โดยมูลค่าหุ้นต้องไม่น้อยกว่าหุ้นละ 5 บาท12 การเริ่มต้นบริษัทครั้งแรก บริษัทยังไม่จำเป็นต้องมีเงินเท่าทุนทะเบียนก็ได้ แต่การเรียกเก็บเงินค่าหุ้นครั้งแรกจะต้องเรียกเก็บอย่างน้อย 25% ของทุนจดทะเบียน13 เช่น บริษัทกำหนดให้มีทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท บริษัทยังไม่จำเป็นต้องมีเงิน 1,000,000 บาท เท่าทุนจดทะเบียนก็ได้ แต่เมื่อกรรมการบริษัทเรียกเก็บเงินค่าหุ้นจากผู้ถือหุ้น กรรมการต้องเรียกเก็บอย่างน้อย 25% ของทุนจดทะเบียน ดังนั้น หากผู้ถือหุ้นมีหุ้นมูลค่า 100,000 บาท จะต้องชำระค่าหุ้นครั้งแรกอย่างน้อย 25,000 บาท ทำให้บริษัทจะมีเงินค่าหุ้นที่เรียกเก็บได้ครั้งแรกอย่างน้อย 250,000 บาท เป็นต้น การเข้าหุ้นและการคุ้มครองความรับผิดของผู้ถือหุ้นผู้ถือหุ้นจะต้องถือหุ้นในบริษัทอย่างน้อย 1 หุ้น ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นได้รับความคุ้มครองให้รับผิดชอบต่อหนี้สินของบริษัทเพียงเท่ากับมูลค่าหุ้นที่ตนยังชำระไม่ครบเท่านั้น14 เช่น ถ้าผู้ถือหุ้นมีหุ้นมูลค่า 100,000 บาท แต่เคยชำระค่าหุ้นครั้งแรกไป 25,000 บาท หากบริษัทมีหนี้ที่ต้องรับผิดชอบ ผู้ถือหุ้นรายนี้จะต้องรับผิดเพียงเท่าที่ยังชำระค่าหุ้นไม่ครบ นั่นคือ 75,000 บาท นั่นเอง ดังนั้น หากชำระค่าหุ้นเต็มครบจำนวนแล้วจะไม่ต้องรับผิดชอบต่อหนี้ของบริษัทเพิ่มเติมเป็นการส่วนตัวอีก เช่น ถ้าผู้ถือหุ้นมีหุ้นมูลค่า 100,000 บาท และได้ชำระค่าหุ้นจนเต็มครบ 100,000 บาท หากบริษัทมีหนี้ที่ต้องรับผิดชอบ ผู้ถือหุ้นรายนี้จะไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว เพราะชำระค่าหุ้นครบไปแล้ว กรรมการบริษัทกรรมการบริษัทเป็นผู้ทำหน้าที่บริหารจัดการกิจการต่างๆ ของบริษัทให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยกรรมการชุดแรกจะรับมอบหน้าที่ดังกล่าวมาจากผู้ก่อตั้งบริษัท15 การประชุมผู้ถือหุ้นกรรมการบริษัทจะต้องจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นทั่วไปเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ซึ่งโดยปกติจะเรียกว่า การประชุมสามัญ16 การเรียกประชุมผู้ถือหุ้น จะต้องมีการส่งคำบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่โดยวิธีลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่อย่างน้อยหนึ่งคราวก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน และส่งทางไปรษณีย์ตอบรับไปยังผู้ถือหุ้นทุกคนที่มีชื่อในทะเบียนของบริษัทก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน โดยคำบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่นั้น ให้ระบุสถานที่ วัน เวลา และวาระที่จะประชุมกันด้วย17 มติพิเศษในการดำเนินกิจกรรมของบริษัทบางอย่าง บริษัทจำเป็นต้องได้รับมติพิเศษเนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญ ได้แก่
มติพิเศษที่สมบูรณ์จะต้องมาจากท่ีประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น โดยจะต้องได้รับคะแนนไม่ต่ำกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน25 และต้องบอกกล่าวการเรียกประชุมใหญ่ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 14 วัน26 ดังนั้น ถ้าได้เสียงสนันสนุนตั้งแต่ 75% ขึ้นไปอย่างถูกต้องแล้ว ก็จะได้รับมติพิเศษไปดำเนินการต่อได้ ข้อสังเกต: หากเป็นกรณีอื่นที่ไม่ต้องการมติพิเศษ เช่น เปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัท ที่ประชุมผู้ถือหุ้นย่อมสามารถทำได้โดยอาศัยเสียงข้างมากโดยไม่ต้องใช้มติพิเศษ การเสียภาษีบริษัทจำกัดต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลโดยปกติจะใช้อัตราภาษีคงที่ 20% ซึ่งต่ำกว่าอัตราภาษีสูงสุดของบุคคลธรรมดาที่เก็บในอัตรา 35% อยากจดบริษัท มีมืออาชีพดูแลให้สบายใจกว่าสอบถามค่าบริการ 062-486-9787 ติดต่อ iTAX sme อ้างอิง
|