เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5

เครื่องปรับอากาศนับเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความสําคัญในชีวิตประจําวันมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน หากท่านมีแผนการจะซื้อเครื่องปรับอากาศเครื่องใหม่ เราขอแนะนําให้ซื้อเครื่องปรับอากาศที่มีเครื่องหมายเบอร์ 5 เท่านั้น เพราะจะประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากกว่า

 

เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5
 วันนี้จึงขอเสนอ วิธีเลือกซื้อและใช้งานเครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 ซึ่งนอกจากจะได้ห้องที่เย็นสบายแล้วยังช่วยให้ท่านประหยัดค่าไฟและช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าของประเทศอีกด้วย

 

1. การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 เครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 ที่รู้จักกันดีในเรื่องการประหยัดไฟฟ้าจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้

  1. ต้องติดฉลากเบอร์ 5 อย่างถูกต้อง (ระวังฉลากปลอม)เครื่องปรบอากาศรุ่นที่ผ่านการทดสอบเบอร์ 5 จะติดฉลากเบอร์ 5 ใน 2 ที่คือที่แฟนคอยล์และที่ชุดคอนเดนซิ่งคอยล์ดังรูป

    เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5
              
    เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5

     

  2. ขนาดและประเภทของเครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 เครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 มีขนาดไม่เกิน 40,944 บีทียูต่อชั่วโมงรวมทั้งหมด 4 ประเภท คือแบบติดผนัง (Wall type)แบบตั้งพื้น/แขวน (Floor/Ceiling) แบบเปลือย (Duct or Concealed) และแบบสี่ทิศทาง (Cassette)
  3. ระดับประสิทธิภาพ (Energy Efficiency Ratio หรือEER) เครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 ที่ระบุในฉลากจะตองม้ ีค่าประสิทธิภาพ EER ≥ 11.00 ซึ่งค่า EER นี้คํานวณได้จากจํานวนบีทียู/ชั่วโมง หารด้วยจํานวนวัตต์
  4. ต้องผ่านการรับรองมอก. 2134-2545 หรือ MEPS มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(มอก.) เลขที่ 2134-2545 เป็นมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ํา (Minimum Energy Performance Standard :MEPS) และเป็น มอก.บังคับ ดังนั้น เครื่องปรับอากาศที่ติดฉลากเบอร์ 5 จะมีต้องเครื่องหมายตรามอก.2134-2545 ติดอยู่ด้วย

 

2. การเลือกประเภทของเครื่องปรับอากาศเครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 แบ่งได้เป็น 4 ประเภทดังนี้

  1. แบบติดผนัง ขนาด 9,000 – 36,000 บีทียู/ชั่วโมงรูปทรงสวยงาม ทํางานเงียบ มีฟังชั่นให้เลือกมาก
  2. แบบตั้งพื้น/แขวน ขนาด 12,000 – 40,944 บีทียู/ชั่วโมงกระจายลมเย็นได้ดีและไกล มีขนาดใหญ่ ต้องใช้พื้นที่ติดตั้งมาก
  3. แบบเปลือย ขนาด 25,000 – 40,944 บีทียู/ชั่วโมงเหมาะกับห้องที่เน้นสวยงาม โดยทำตู้ซ่อนหรือฝังอยู่ใต้ฝ้า
  4. แบบสี่ทิศทาง ขนาด 12,000 – 40,944 บีทียู/ชั่วโมง เหมาะกับห้องที่เน้นสวยงาม โดยติดตั้งฝังเรียบบนเพดานห้อง แต่ยังมีที่ผ่านเกณฑ์เบอร์ 5 น้อยรุ่น

 

3. การเลือกขนาดของเครื่องปรับอากาศควรเลือกขนาดให้เหมาะกับห้องที่จะติดตั้ง

โดยพิจารณาจากตารางด้านล่างนี้ แล้วนำไปเทียบกับที่มีจำหน่ายจริงในท้องตลาด ซึ่งส่วนใหญ่จะมีขนาด 9,000 , 12,000,15,000, 18,000, 24,000 บีทียู/ชั่วโมง เป็นต้น

 

เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5

 

4. การใช้งาน การติดตั้งและบำรุงรักษา

  1. ควรใช้ช่างผู้ชำนาญงาน และควรวางเครื่องปรับอากาศในจุดที่เครื่องจ่ายความเย็นได้ดี เพื่อให้เครื่องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
  2. หมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองฝุ่นทุกๆ เดือนหรือมากกว่าถ้าจำเป็น และทำความสะอาดล้างใหญ่ปีละครั้งเพื่อยืดอายุการใช้งานและช่วยประหยัดไฟ
  3. ปรับตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสมที่ 25- 26 องศาเซลเซียสเพราะอุณหภูมิที่ลดลง 1 องศาฯ จะทำให้ต้องเสียค่าไฟฟ้าเพิ่มประมาณ 10 %
  4. ปิดเครื่องปรับอากาศทุกครั้งเมื่อไม่ใช้งาน
  5. ถ้าต้องออกจากห้องเป็นเวลามากกว่าครึ่งชั่วโมง ควรปิดเครื่องปรับอากาศทุกครั้ง

เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5

เชียงใหม่แอร์แคร์เอ็นจิเนียริ่ง


จำหน่าย ติดตั้ง รับเหมา วางระบบ เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น จำหน่ายอะไหล่แอร์ราคาส่งทั่วประเทศ พร้อมบริการหลังการขายครบครัน

ถ้าพูดถึงฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 พูดปุ๊บก็คงไม่มีใครไม่รู้จักเป็นแน่ เพราะทุกครัวเรือนมีเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็มักมีเจ้าฉลากตัวนี้ติดแปะ อยู่ด้วยนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น พัดลม เครื่องปรับอากาศ แล้วคุณรู้หรือไม่ว่าเจ้าฉลาก สีเหลืองๆ มี 5 ระดับ ที่ใช้เรียกว่าดีจริงประหยัดจริงต้องเบอร์ 5 เท่านั้น!! มีดียังไง

ข้อดีของการเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีสัญลักษณ์เบอร์ 5

  • บ่งบอกระดับการใช้ไฟฟ้าและข้อมูลเบื้องต้นต่างๆ ของเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ประสิทธิภาพ
    ทำให้เราสามารถคำนวนค่าใช้จ่ายต่อปีได้นั่นเอง
  • ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสม และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
  • ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้ไฟฟ้าของคุณลงได้
  • ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายภายในประเทศได้อีกด้วย

ผู้ออกฉลากประหยัดไฟในปัจจุบันคือกระทรวงพลังงาน ซึ่งจะมีตราของกระทรวงซ้อนอยู่บนฉลาก เริ่มใช้ตั้งแต่ พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) จากเดิมออกโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย  (กฟผ.) ซึ่งไม่มีโลโก้ใดๆ เว้นแต่ปี ค.ศ. ที่ออกบนฉลาก

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 กระทรวงพลังงานได้ปรับปรุงฉลากประหยัดไฟใหม่ทั้งหมด โดยยกเลิกระดับความประหยัดเบอร์ 1 ถึงเบอร์ 4 คงไว้เพียงเบอร์ 5 แต่เพิ่มสัญลักษณ์ดาวที่จะระบุระดับคะแนนการประหยัดไฟเข้าไปแทน โดยยิ่งมีดาวมากจะยิ่งมีประสิทธิภาพในการประหยัดไฟมากขึ้นดวงละ 5-10% เลยทีเดียว

แล้วบนฉลากเบอร์ 5 บอกอะไรบ้างนะ? เรามาดูไปพร้อมๆ กัน

เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5

เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5

  1. ประเภทผลิตภัณฑ์
  2. ค่าไฟฟ้าและค่าการใช้พลังงาน
  3. ข้อมูลผลิตภัณฑ์แสดงยี่ห้อ รุ่นขนาดของผลิตภัณฑ์
  4. ระดับประสิทธิภาพพลังงานที่ได้รับเบอร์ 5
  5. ค่าประสิทธิภาพใช้เปรียบเทียบกับรุ่นที่มีขนาดใกล้เคียงกันในการเลือกซื้อ

“เลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5” ช่วยชาติลดการใช้ไฟฟ้ากว่า 53,000 ล้านบาท ลดความต้องการไฟฟ้ากว่า 27,000 เมกะวัตต์ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดร์ออกไซด์ 9.87 ล้านตัน

MAXXM Film เราเป็นฟิล์มประหยัดพลังงาน ที่ได้รับการการันตีด้วยฉลากเบอร์ 5 จากกระทรวงพลังงาน 3 ปีซ้อน และฟิล์มของเรามีค่า SHGC ที่อยู่ในเกณฑ์กำหนดของกระทรวง จึงมั่นใจได้ถึงคุณภาพ และประสิทธิภาพว่าสามารถช่วยคุณประหยัดการใช้พลังงาน และสามารถลดความร้อนได้จริง  เลือกติดฟิล์มบ้าน,อาคาร ฟิล์มรถยนต์กับ MAXXMA ช่วยเซฟเงินชาติ เซฟเงินในกระเป๋าของเรากันเถอะ

เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5 มีอะไรบ้าง

ผลิตภัณฑ์ประหยัดไฟฟ้า เบอร์ 5.
ตู้เย็น.
เครื่องปรับอากาศ.
พัดลมไฟฟ้า.
หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์.

ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 มีกี่แบบ

หน้าตาของฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 รูปแบบใหม่ มีข้อแตกต่างจากกฉลากเก่า ที่สำคัญๆ คือ ฉลากใหม่จะเพิ่มความชัดเจนของค่าไฟฟ้า และจะแสดงระดับประสิทธิภาพของค่าพลังงาน 4 ระดับ คือ เบอร์ 5, เบอร์ 5 ★, เบอร์ 5 ★★ และ เบอร์ 5 ★★★ รวมถึงเพิ่มที่อยู่เว็บไซต์เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าไปสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมได้

ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เป็นของหน่วยงานใด

ปัจจุบัน กฟผ. ยังคงดำเนินการต่อเนื่องกับ โครงการ “ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5” โดยการประสานแนวทางปฏิบัติให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงพลังงาน โดยร่วมเป็นคณะทำงานด้านมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานดูแลงานฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ซึ่งมีมาตรฐานตรากระทรวงพลังงานกำกับอยู่ในรูปลักษณ์โฉมใหม่ ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5.

ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เปลี่ยนรูปแบบปีไหน

ซึ่งยิ่งมีจำนวนดาวมาก ยิ่งแสดงถึงการประหยัดไฟที่มากขึ้น โดยแต่ละระดับสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 5 – 10. เครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 รูปแบบใหม่นี้ ได้เริ่มวางจำหน่ายแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา