ฝึกหายใจอย่างไร...ในยุคโควิด ? Show โดยจะขอพูดถึงการฝึกการหายใจ 2 รูปแบบ คือ 1. หายใจแบบใช้กะบังลม (diaphragmatic breathing exercise) 2. หายใจแบบใช้การเผยอริมฝีปาก (pursed-lip breathing exercise) ข้อควรปฏิบัติและข้อระวัง สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่ม นัดหมายเข้ามาดูสถานที่ ติดต่อ โทร 095-884-2233 , 091-803-3071 , 02-020-1171 เมื่อเราฝึกหายใจเข้าออกลึก ๆ หัวใจจะเต้นช้าลง และออกซิเจนจะเข้าสู่กระแสเลือด พร้อมกับสื่อสารไปที่สมองให้ผ่อนคลาย การศึกษาในมหาวิทยาลัยพบว่า นักศึกษาที่ได้เข้าคอร์สฝึกการหายใจเข้าออกลึก ๆ จะรู้สึกซึมเศร้าน้อยลง กังวลน้อยลง และดื่มแอลกอฮอล์น้อยลง เมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนกลุ่มอื่น การหายใจเข้าออกลึก ๆ ยังช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเอนดอร์ฟิน ซึ่งสามารถลดความรู้สึกเจ็บปวดได้ แม้การถอนหายใจง่าย ๆ เพียงครั้งเดียวยังช่วยลดความตึงเครียดทางร่างกาย และปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นได้ ปรับการทำงานของสมองให้ดีขึ้น ผลพบว่าผู้เข้าร่วมการศึกษานี้สามารถใช้สมองคิดได้เร็วขึ้น และทำคะแนนได้ดีขึ้น ในการทดสอบคิดเลขเร็ว การเล่นโยคะและเทคนิคการหายใจบางอย่างก็พิสูจน์แล้วว่าสามารถเพิ่มความสามารถของสมองในการจดจ่อและทำงานอย่างตั้งใจ ฝึกหายใจ มีผลกับทุกคน ทุกๆคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าการออกกำลังกายนั้นให้ประโยชน์กับร่างกายมากมาย แต่เรื่องของการ ฝึกหายใจ ขณะออกกำลังกายก็เป็นสิ่งสำคัญมากเช่นกัน เพราะการหายใจที่ไม่ถูกต้องในระหว่างการออกกำลังกายจะส่งผล ให้ร่างกายไม่สามารถขับเอาก๊าซที่เป็นของเสียออกไปได้หมด และไม่สามารถนำเอาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้ อย่างเพียงพอ ดังนั้นการฝึกหายใจจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม การหายใจ (breathing) เป็นกระบวนการซึ่งนำอากาศเข้าหรือออกจากปอด สิ่งมีชีวิตจำเป็นต้องใช้ออกซิเจน ก็เพราะต้องการนำ ออกซิเจนไป เพื่อปลดปล่อยพลังงานผ่านการหายใจระดับเซลล์ในรูปเมแทบอลิซึม โมเลกุลพลังงานสูง เช่น กลูโคส การหายใจเป็นเพียงกระบวนการเดียว ซึ่งส่งออกซิเจนไปยังที่ที่ต้องการในร่างกายและนำ คาร์บอนไดออกไซด์ออก อีกกระบวนการหนึ่งที่สำคัญเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ของเลือดโดยระบบไหลเวียน การ แลกเปลี่ยนแก๊สเกิดขึ้นในถุงลมปอด โดยการแพร่ของแก๊ส ระหว่างแก๊สในถุงลมและเลือดในหลอดเลือดฝอย ปอด เมื่อแก๊สที่ละลายนี้อยู่ในเลือด หัวใจจะปั๊มเลือดให้ไหลไปทั่วร่างกาย จุดประสงค์ของการฝึกการหายใจ
แบ่งเป็น 3 ลักษณะใหญ่ด้วยกันคือ
1.Diaphragmatic breathing exercise คือ การ ฝึกหายใจที่เน้นการหดตัวของกล้ามเนื้อกะบังลม
วิธีปฏิบัติ
วิธีปฏิบัติ หายใจเข้าทางจมูกนับ 1-2 ในใจ หายใจ ออกช้าๆร่วมกับนับ 1-2-3-4 ในใจ ทำ 5-10 ครั้ง 3.Lower costal breathing exerciseคือ การฝึกหายใจ ที่เน้นการขยายตัวของปอดขณะฝึกหายใจรูปแบบนี้จะดูจากบริเวณของปอด ที่มีปัญหาเป็น หลัก แล้วฝึกการหายใจตรงบริเวณที่มี ปัญหานั้นๆ
วิธีปฏิบัติ วางมือบริเวณปอดที่มีปัญหา บอกให้ผู้ป่วยหายใจเข้าให้ซี่โครงบานออกดันมือที่วางขึ้น ขณะหายใจออกให้กด มือเบาๆลงตลอด จนถึงช่วงสุดท้ายของการหายใจออก หลังจากน้ัน ผ่อนมือตามการขยายตัวของทรวงอกขณะ หายใจเข้า หายใจออกตามแบบเดิมข้างต้น ทำ 5-10 ครั้ง เราสามารถนำวิธีการฝึกหายใจที่กล่าวมาข้าง ต้นไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด โดยประเมิน จาก ปัญหาของระบบหายใจเป็นหลัก และเลือกใช้ให้ เหมาะสมตามพยาธิสภาพของโรคนั้นๆ ส่วนข้อควร ระวังในการ ฝึกหายใจ คือเมื่อเราฝึกต่อเนื่องโดยไม่ได้ พักเป็นช่วงๆ จะทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะจากภาวะระบายลมหายใจ เกิน (Hyperventilation) จึงควรฝึกเป็นชุดๆและหยุดพักเป็นช่วงๆ ดังนนั้นการฝึกหายใจจึงจัดว่าเป็นแนวทางการ รักษาที่มีประโยชน์มากๆ ทั้งทางตรงในแง่ของระบบหายใจที่มีปัญหา และทางอ้อมในแง่ของสภาวะจิตใจ รวมถึงเป็นการรักษาทที่ทำได้ง่ายเพียงแค่ฝึกหายใจให้ ถูกวิธีและสม่ำเสมอก็เพียงพอ
แหล่งอ้างอิง
สุวรรณี จรูงจิตรอารี. กายภาพบำบัดโรคระบบทางเดิน หายใจและโรคหัวใจ. กรุงเทพ. บริษัท ลิฟวิ่ง ทรานส์ มีเดีย จำกัด: 2540 หน้า 49 Deep Breathing Exercise เพื่ออะไรการหายใจเข้าออกลึก ๆ ช่วยลดความดันโลหิตได้ด้วยการทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย เพิ่มการหมุนเวียนเลือด และควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่าเทคนิคการหายใจแบบสลับข้างจมูก (ซ้ายและขวา) เป็นเวลา 10 นาทีสามารถช่วยลดความดันโลหิตในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
Deep Breathing ทํายังไงเทคนิคการหายใจลึกๆ (Deep breathing) โดยนั่งขัดสมาธิหรือนั่งบนเก้าอี้ มือวางบนตัก หายใจเข้าทางจมูกช้า ๆ ให้เต็มปอดนับ 1-10 กลั้นลมหายใจ 2-3 วินาทีแล้วจึงหายใจออกทางปากช้าๆ โดยระยะเวลาหายใจออกเป็นสองเท่าของหายใจเข้าทำสลับกัน 5-10 ครั้ง
การสูดลมหายใจเข้าออกเกิดขึ้นเนื่องจากสาเหตุใดการหายใจเข้าและหายใจออกเกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อกะบังลมและกล้ามยึดกระดูกซี่โครง การหายใจเข้า กล้ามเนื้อกะบังลมหดตัวและกล้ามเนื้อยึดกระดูกซี่โครงดึงกระดูกซี่โครงให้ยกตัวขึ้น ปริมาตรของช่องอกที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความดัน ในช่องอกลดลง ส่งผลให้อากาศจากภายนอกเคลื่อนที่เข้าสู่ปอด
ทำไมต้องมีการหายใจคนปกติต้องหายใจ เมื่อหายใจเข้าร่างกายจะนำออกซิเจนซึ่งมีอยู่ในอากาศไปให้ร่างกายใช้และเมื่อหายใจออกเพื่อนำเอาคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นของเสียที่สร้างขึ้นในร่างกายออกไป การหายใจควบคุมโดยศูนย์ควบคุมการหายใจในสมอง ซึ่งควบคุมให้ปริมาณการหายใจเป็นสัดส่วนกับความต้องการของออกซิเจนในร่างกาย โดยที่ตัวเองไม่ต้องรับรู้ (Involuntary ...
|