อารยธรรมจีน สรุป มา ย แม พ

ส่วนใหญ่เป็นเครื่องปั้นดินเผามีอายุเก่าแก่ตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ ทำจากดินสีแดง มีลวดลาย แดง ดำ และขาวเป็นลวดลายเรขาคณิต สมัยราชวงศ์ชาง มีการแกะสลักงาช้าง หินอ่อน และหยกตามความเชื่อและความนิยมของชาวจีน ที่เชื่อว่า หยก ทำให้เกิดความเป็นสิริมงคล ความสุขสงบ ความรอบรู้ ความกล้าหาญ ภาชนะสำริดเป็นหม้อสามขา สมัยราชวงศ์ถัง มีการพัฒนาเครื่องเคลือบดินเผาเป็นเคลือบ 3 สีคือ เหลือง น้ำเงิน เขียว ส่วนสีเขียวไข่กามีชื่อเสียงมากในสมัยราชวงศ์ซ้อง ส่วนพระพุทธรูปนิยมสร้างในสมัยราชวงศ์ถัง ทั้งงานหล่อสำริดและแกะสลักจากหิน ซึ่งมีสัดส่วนงดงาม เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะอินเดียและจีนที่มีลักษณะเป็นมนุษย์มากกว่าเทพเจ้า นอกจากนี้มีการปั้นรูปพระโพธิสัตว์กวนอิม สมัยราชวงศ์เหม็ง เครื่องเคลือบได้พัฒนาจนกลายเป็นสินค้าออก คือ เครื่องลายครามและลายสีแดง ถึงราชวงศ์ชิง เครื่องเคลือบจะนิยมสีสันสดใส เช่น เขียว แดง ชมพู

ด้านการเมืองการปกครอง มีการเปลี่ยนแปลงตามลำดับดังนี้

1. ระบบกษัตริย์ เชื่อว่าจักรพรรดิเป็น โอรสแห่งสวรรค์มีอำนาจเด็ดขาด แต่พระมหากษัตริย์ที่ไม่อาจปกครองให้เกิดความสงบสุข เที่ยงธรรม ก็อาจมีการยึด อำนาจเปลี่ยนผู้ปกครองได้
2. ระบบศักดินาเริ่มต้นใน ราชวงศ์โจว จักรพรรดิเป็นโอรสแห่งสวรรค์ แต่ตอบแทนขุนนางด้วยการมอบที่ดินให้แต่ขุนนางต้องนำผลผลิตมาถวายกษัตริย์ และช่วยเหลือเมื่อเกิดสงคราม
3. สมัยจักรวรรดิเริ่มต้นใน ราชวงศ์ฉิน จิ๋นซีฮ่องเต้ ทรงรวบรวมจีนเป็นจักรวรรดิมีอำนาจเด็ดขาดควบคุมดูแลดินแดนโดยตรง แต่ปกครองด้วยการยึดหลักกฎหมาย
4. ระบบสาธารณรัฐชาติตะวันตกต้องการขยายอิทธิพลในจีน ทำให้เกิด ความกดดันการเมืองภายในการเกิดสงครามฝิ่น ระหว่างจีนกับอังกฤษ จีนแพ้ต้องทำ สนธิสัญญานานกิง จีนต้องเปิดเมืองท่าให้ชาวต่างชาติเข้าอยู่อาศัยและทำการค้า จีนต้องยอมยกเกาะฮ่องกงให้อังกฤษทำการเช่า และยังเกิดปัญหามากมาย ดร.ซุนยัตเซ็น ก่อการปฏิวัติล้มล้างราชวงศ์แมนจู จัดตั้ง ระบอบการปกครองแบบสาธารณรัฐ โดยให้ ยวน ซีไข ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ โดย เหมา เจ๋อ ตุง ใช้นโยบาย ก้าวกระโดดไกล ผู้นำคนต่อมาคือ เติ้ง เสี่ยว ผิง ใช้นโยบายพัฒนาประเทศ ที่เรียกว่า นโยบายสี่ทันสมัย ซึ่งจีนได้เปิดเสรีทางเศรษฐกิจมากขึ้น         

 ด้านเศรษฐกิจ

1. พื้นฐานเศรษฐกิจจีนโบราณ เป็นเกษตรกรรม
2. สมัยราชวงศ์ฮั่น เริ่มมีการติดต่อค้าขายกับชาติตะวันตก ทำให้เกิด เส้นทางสายไหม ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าจากจีน ไปอินเดีย อียิปต์ และโรม
3. คริสต์ศตวรรษที่ 19 เหมา เจ๋อ ตุง ใช้นโยบาย ก้าวกระโดดไกล แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
4. ยุค เติ้ง เสี่ยว ผิง ใช้นโยบาย สี่ทันสมัยคือ ด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การทหาร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนภายใน ประเทศ มีลักษณะผ่อนปรนมากขึ้นทำให้จีนเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว         

ด้านสังคมวัฒนธรรม

1.สังคมจีน ประกอบด้วยกลุ่มบุคคลแยกเป็นชนชั้น ดังนี้

* ชนชั้นขุนนาง ปัญญาชน เป็นกลุ่มผู้มาจากการสอบผ่านเข้ารับราชการเพื่อให้ได้ผู้มีความรู้และมีคุณธรรมเมื่อผู้ใดได้เป็นขุนนาง จะได้รับสิทธิยกเว้นการเกณฑ์แรงงาน ยกเว้นภาษี มีชีวิตสะดวกสบาย
* ชนชั้นชาวนา มีจำนวนมากกว่าชนชั้นอื่นสังคมจีนเป็นสังคมเกษตรกรรม สมัยราชวงศ์โจว ชนชั้นชาวนาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ผลิต แต่กลับถูกเรียกเก็บภาษี ถูกเกณฑ์แรงงานและเกณฑ์ทหาร
* ชนชั้นพ่อค้าและทหารตามความคิดของขงจื๊อชนชั้นนี้ไม่น่ายกย่องเพราะมิใช่เป็นผู้ผลิต แต่พ่อค้า เป็นกลุ่มที่ร่ำรวย และการทำสงครามระหว่างเจ้าผู้ครองนคร ในสมัยราชวงศ์โจวทำให้ทหารมีความสำคัญในการป้องกันสังคมให้ปลอดภัย

2. ครอบครัวจีน          สังคมจีนยุคแรกสร้างอารยธรรม ถือว่าครอบครัวเป็นหน่วยทางสังคมที่เล็กที่สุด ผู้นำครอบครัว คือ บิดา ผู้นำครอบครัวเป็นผู้รับผิดชอบต่อการดำรงชีวิตของครอบครัว และรับผิดชอบต่อราชการ เช่นการเกณฑ์ทหาร การเสียภาษี คนในครอบครัวจึงต้องให้ความเคารพยำเกรงผู้นำครอบครัว นอกจากนี้คนในครอบครัวผู้น้อยต้องเคารพผู้อาวุโส

3. ประเพณีและความเชื่อ คนจีนแต่โบราณจะเคารพบูชาบรรพบุรุษซึ่งเป็นคนในตระกูลที่เสียชีวิตไปแล้ว นอกจากนี้ยังนับถือเทพเจ้าธรรมชาติ ในสมัยราชวงศ์ชาง มีประเพณีการใช้ กระดูกเสี่ยงทาย โดยการเขียนตัวอักษรบนกระดูกวัวหรือสัตว์ชนิดอื่น หรือบนกระดองเต่า เพื่อทำนายเกี่ยวกับการสร้างเมือง การสงคราม และเรื่องอื่น ๆขงจื๊อ ได้วางหลักปฏิบัติต่อครอบครัว พิธีกรรม ปรัชญาและจริยศาสตร์ เช่น การใฝ่หาความรู้ ความกตัญญู ความจงรักภักดี คุณธรรมเหล่านี้มีอิทธิพลต่อชาวจีนอย่างลึกซึ้ง

4. ศิลปะและหัตถกรรม  ภาชนะสำริดที่เก่าแก่ที่สุด พบในสมัยราชวงศ์ชาง ตอนปลายของราชวงศ์ชาง ถือว่าเป็นยุคทองของเครื่องสำริด
ช่างจีน มีฝีมือในการแกะสลักหยก

5. ภาษาและวรรณกรรม     การพบกระดูกเสี่ยงทายที่มีตัวอักษรจารึก ทำให้ทราบว่าในสมัยราชวงศ์ชางมีภาษาเขียนใช้แล้ว เรียกว่าอักษรภาพ วรรณกรรมที่สำคัญ ได้แก่ คัมภีร์ทั้ง 5 ของขงจื๊อ วรรณกรรมที่สำคัญอีกเล่มคือ สื่อจี้ (บันทึกประวัติศาสตร์) บันทึกโดยสื่อหม่าเฉียน ในสมัยราชวงศ์ฮั่น

สามก๊ก สันนิษฐานว่าเขียนในคริสต์ศตวรรษที่ 14 เป็นเรื่องราวของความแตกแยกในจีนตั้งแต่ปลายสมัยราชวงศจิ๋นจนถึงราชวงศ์ฮั่น

ซ้องกั๋ง เป็นเรื่องประท้วงสังคม เรื่องราวความทุกข์ของผู้คนในมือชนชั้นผู้ปกครอง สะท้อนความทุกข์ของชาวจีนภายใต้การปกครองของพวกมองโกล

ไซอิ๋ว เป็นเรื่องราวการเดินทางไปนำพระสูตรจากสวรรค์ทางตะวันตกมายังประเทศจีน จินผิงเหมย หรือดอกบัวทอง แต่งขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 16-17 เป็นนิยายเกี่ยวกับสังคมและชีวิตครอบครัว เป็นเรื่องของชีวิตที่ร่ำรวย มีอำนาจขึ้นมาด้วยเล่ห์เหลี่ยม แต่ด้วยการทำชั่วและผิดศีลธรรมในที่สุดต้องด้รับกรรม หงโหลวเมิ่ง หรือ ความฝันในหอแดง เด่นที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 18 เรื่องราวเต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดี อิจฉาริษยากัน ผู้อ่านจะรู้สึกเศร้าสลดต่อชะตาชีวิตของพระเอกนางเอกเนื้อเรื่องสะท้อนให้เห็นสังคมศักดินาของจีนที่กำลังเสื่อมโทรมก่อนการเปลี่ยนแปลงสังคมเข้าสู่ยุคใหม่ บันทึกประวัติศาสตร์ ของ สื่อหม่าเฉียน

ยุคสาธารณรัฐจีน (ค.ศ. 1912-1949)
ดูบทความหลักที่: ประวัติศาสตร์สาธารณรัฐประชาชนจีน
ปี พ.ศ. 2454 เกิดการปฏิวัติซินไฮ่ ซึ่งเป็นการปฏิวัติเป็นสาธารณรัฐโดย ดร. ซุนยัดเซ็นราชวงศ์ชิงถูกยึดอำนาจในปีนั้น และใน พ.ศ. 2455 ผู่อี๋ จักรพรรดิองค์สุดท้ายถูกบังคับให้สละราชสมบัติ ถือเป็นจุดอวสานของราชวงศ์ชิง และการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของจีน ดร. ซุนยัดเซ็น เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบสมบูรณยาสิทธิราชย์ซึ่งปกครองด้วยสิทธิขาดของจักรพรรดิ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีจักรพรรดิเป็นประมุขตามอารยะนิยม

หลังจากซุนยัดเซ็นเสียชีวิต เป็นช่วงเวลาชิงอำนาจระหว่างฝ่ายประชาธิปไตย คือ เจียงไคเช็ค กับฝ่ายคอมมิวนิสต์ นำโดย เหมาเจ๋อตุง ช่วงแรกเจียงไคเช็คเป็นฝ่ายชนะและทำการปฏิวัติได้สำเร็จ สุดท้ายกลุ่มผู้นำพรรคก๊กมินตั๋งรวมตัวกันขับไล่ เจียงไคเช็คหนีไปยังเกาะไต้หวัน และสถาปนาสาธารณรัฐจีนขึ้นแทน

ยุคสาธารณรัฐประชาชนจีน (ค.ศ. 1949-ปัจจุบัน)
ดูบทความหลักที่: ประวัติศาสตร์สาธารณรัฐประชาชนจีน
ประวัติศาสตร์สาธารณรัฐประชาชนจีน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1949 เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์มีชัยชนะเหนือพรรคก๊กมินตั๋งในสงครามกลางเมืองจีน เหมา เจ๋อตุง ประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) ที่กรุงปักกิ่งบน จัตุรัสเทียนอันเหมินเพื่อปกครองจีนแผ่นดินใหญ่

ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีอารยธรรมยาวนานที่สุดประเทศหนึ่ง โดยหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ สามารถค้นคว้าได้บ่งชี้ว่าอารยธรรมจีนมีอายุถึง 5,000 ปี รากฐานที่สำคัญของอารยธรรมจีนคือ การสร้างระบบภาษาเขียน และการพัฒนาแนวคิดลัทธิขงจื๊อ เมื่อประมาณ ศตวรรษที่ 2 ก่อน ค.ศ. ประวัติศาสตร์จีนมีทั้งช่วงที่เป็นปึกแผ่นและแตกเป็นหลายอาณาจักรสลับกันไป ในบางครั้งก็ถูกปกครองโดยชนชาติอื่น วัฒนธรรมของจีนมีอิทธิพลอย่างสูงต่อชาติอื่นๆ ในทวีปเอเชีย ซึ่งถ่ายทอดไปทั้งการอพยพ การค้า และการยึดครอง
อารยธรรมจีนเกิดขึ้นครั้งแรกที่ลุ่มแม่น้ำฮวงโห คือที่ราบตอนปลายของแม่น้ำฮวงโหและแม่น้ำแยงซีเกียง อารยธรรมจีนเจริญโดยได้รับอิทธิพลจากภายนอกน้อยเพราะทิศตะวันออกติดมหาสมุทรแปซิฟิก ทางตะวันตกและทิศเหนือเป็นทุ่งหญ้า ทะเลทราย และเทือกเขา จีนถือว่าตนเป็นศูนย์กลางของโลก เป็นแหล่งกำเนิดความเจริญ แหล่งอารยธรรมยุคหินใหม่ ที่พบมีอายุประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสต์กาลที่ตำบล ยางเชา เรียกวัฒนธรรมยางเชา มณฑลเฮอหนาน และวัฒนธรรมลุงชาน ที่เมือง ลุงชาน มณฑลชานตุง พบ เครื่องมือ เครื่องใช้ทำด้วยหิน กระดูกสัตว์ เครื่องปั้นดินเผา กระดูกวัว กระดองเต่าเสี่ยงทาย
จีนเป็นชาติที่มีความเจริญมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีอารยธรรมเก่าแก่จนได้ชื่อว่าเป็นอู่อารยธรรมของชาติตะวันตก (ชนชาติในทวีปเอเชีย) อาจแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ของจีนได้ ดังนี้
1.  สมัยก่อนประวัติศาสตร์
(1) ยุคหินเก่า จีนเป็นดินแดนที่มนุษย์อาศัยเป็นเวลานานที่สุดในทวีปเอเชีย หลักฐานที่พบคือ มนุษย์หยวนโหม่ว (yuanmou man) มีอายุประมาณ 1,700,000 ปี ล่วงมาแล้ว พบที่มณฑลยูนนาน ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน และพบโครงกระดูกมนุษย์ปักกิ่ง
(2) ยุคหินกลาง มีอายุประมาณ 10,000 ปี – 6,000 ปีล่วงมาแล้วใช้ชีวิตกึ่งเร่ร่อน ไม่มีการตั้งหลักแหล่งถาวร มีการพบเครื่องถ้วยชาม หม้อ มีการล่าสัตว์ เก็บอาหาร เครื่องมือหินที่ใช้ในชีวิตประจำวัน คือ หินสับ ขูด หัวธนู
(3) ยุคหินใหม่ มีอายุประมาณ 6,000 ปี – 4,000 ปีล่วงมาแล้วเริ่มตั้งหลักแหล่งเป็นชุมชน รู้จักเพาะปลูกข้าวฟ่าง เลี้ยงสัตว์ ทอผ้า ปลูกบ้านมีหลังคา ในยุคหินใหม่นี้มีมนุษย์ทำเครื่องปั้นดินเผาที่สวยงามมากขึ้น และเขียนลายสี
(4) ยุคโลหะ มีอายุประมาณ 4,000 ปีล่วงมาแล้วหลักฐานที่เก่าสุดคือมีดทองแดง แล้วยังพบเครื่องสำริดเก่าที่สุด ซึ่งนำมาใช้ทำภาชนะต่าง ๆเช่น ที่บรรจุไวน์ กระถาง กระจกเงา มีขนาดใหญ่และสวยงาม มากโดยเฉพาะสมัยราชวงค์ชาง และ ราชวงค์โจว

2.  สมัยประวัติศาสตร์ แหล่งอารยธรรมของจีนถือกำเนิดในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำฮวงโห ทั้งนี้จีนเข้าสู่ “สมัยประวัติศาสตร์” ในสมัยราชวงค์ชาง (Shang Dynasty) ระหว่าง 1,776-1,112 ปี ก่อนคริสต์ศักราช เมื่อมีการใช้ตัวหนังสือรูปภาพ เขียนบนกระดูกสัตว์หรือกระดองเต่า
การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ของจีน แบ่งได้เป็น 4 ยุค ดังนี้
(1) ประวัติศาสตร์สมัยโบราณ (หรือสมัยคลาสสิก) เริ่มตั้งแต่สมัยราชวงค์ชาง (Shang Dynasty) และสิ้นสุดในสมัยราชวงค์โจว (Chou Dynasty) ประมาณ 1,776 -221 ปีก่อนคริสต์ศักราช จีนมีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านปรัชญา เช่น ลัทธิขงจื้อ (Confucianism) ลัทธิเต๋า (Taoism)
(2) ประวัติศาสตร์สมัยจักรวรรดิ เริ่มตั้งแต่สมัยราชวงศ์จิ๋น (Chin Dynasty) เมื่อประมาณ 221 ก่อนคริสต์ศักราช จนกระทั่งถึงตอนปลายของสมัยราชวงศ์ชิง หรือเช็ง (Ching Dynasty) ซึ่งเป็นราชวงค์สุดท้ายของจีน ในปี ค.ศ. 1912 เป็นช่วงเวลายาวนานกว่า 2,000 ปี เป็นยุคที่จีนผนวกดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลให้รวมอยู่ภายใต้จักรวรรดิเดียวกัน
(3) ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ เริ่มตั้งแต่ตอนปลายสมัยราชวงศ์เช็ง( Ching Dynasty ) เป็นต้นมาเป็นยุคที่จีนเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากลัทธิจักรวรรดินิยมตะวันตก เกิดการปฏิวัติล้มล้างราชวงศ์เช็ง และสถาปนาระบอบการปกครองแบบสาธารณรัฐขึ้นแทนที่ เป็นยุคที่จีนตกต่ำบ้านเมืองระส่ำระสายจนเกิดการปฏิวัติเข้าสู่ระบอบสังคมนิยมในปี ค.ศ.1949ในที่สุด
(4) ประวัติศาสตร์ร่วมสมัย เริ่มตั้งแต่จีนปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเข้าสู่ระบอบสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์ ในปี ค.ศ.1949 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน

อารยธรรมจีนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ มีแหล่งอารยธรรมที่สำคัญ 2 แหล่ง คือ

  • ลุ่มแม่น้ำฮวงโห พบความเจริญที่เรียกว่า วัฒนธรรมหยางเชา ( Yang Shao Culture ) พบหลักฐานที่เป็นเครื่องปั้นดินเผามีลักษณะสำคัญคือ เครื่องปั้นดินเผาเป็นลายเขียนสี มักเป็นลายเรขาคณิต พืช นก สัตว์ต่างๆ และพบใบหน้ามนุษย์ สีที่ใช้เป็นสีดำหรือสีม่วงเข้ม นอกจากนี้ยังมีการพิมพ์ลายหรือขูดสลักลายเป็นรูปลายจักสาน ลายเชือกทาบ
  • ลุ่มน้ำแยงซี ( Yangtze ) บริเวณมณฑลชานตุงพบ วัฒนธรรมหลงซาน ( Lung Shan Culture ) พบหลักฐานที่เป็นเครื่องปั้นดินเผามีลักษณะสำคัญคือ เครื่องปั้นดินเผามีเนื้อละเอียดสีดำขัดมันเงา คุณภาพดีเนื้อบางและแกร่ง เป็นภาชนะ 3 ขา

อารยธรรมจีน สรุป มา ย แม พ

เครื่องปันดินเผาหยางเชา

อารยธรรมจีน สรุป มา ย แม พ

เครื่องปั้นดินเผาหลงซาน

อารยธรรมจีน สรุป มา ย แม พ

อักษรจีนจารึกบนกระดองเต่า

อารยธรรมจีน สรุป มา ย แม พ

จารึกอักษรบนกระดองเต่า

อารยธรรมจีน สรุป มา ย แม พ

จิ๋นซีฮ่องเต้

อารยธรรมจีน สรุป มา ย แม พ

กำแพงเมืองจีน

อารยธรรมจีน สรุป มา ย แม พ

ทหารจีนตุ๊กตาดินเผาภายในสุสานสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ มณฑลซีอาน

สมัยประวัติศาสตร์ของจีนแบ่งได้ 4 ยุค

  • ประวัติศาสตร์สมัยโบราณ เริ่มตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชาง สิ้นสุดสมัยราชวงศ์โจว
  • ประวัติศาสตร์สมัยจักรวรรดิ เริ่มตั้งแต่สมัยราชวงศ์จิ๋น จนถึงปลายราชวงศ์ชิงหรือเช็ง
  • ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ เริ่มปลายราชวงศ์เช็งจนถึงการปฏิวัติเข้าสู่ระบอบสังคมนิยม

ประวัติศาสตร์ร่วมสมัย เริ่มตั้งแต่จีนปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเข้าสู่ระบอบสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์จนถึงปัจจุบัน