บทที่3 วิธีดำเนินงานการวิจัย การดำเนินการวิจัยเรื่อง “พฤติกรรมการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของนักศึกษาคณะศึกษาสตร์ชั้นปีที่4 สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชุมพรเชิงสำรวจ” (Surer Research) เพื่อให้ได้ข้อมูลในเชิงปริมาณ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนศึกษาระดับพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของนักศึกษาและเพื่อศึกษาสาเหตุของพฤติกรรมที่มีผลต่อการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยมีผู้ศึกษาค้นคว้าได้ดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้ 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 2. เครื่องมือและวีการสร้างเครื่องมือ 3. การหาคุณภาพเครื่องมือ 4. การเก็บรวบรวมข้อมูล 5. การวิเคราะห์ข้อมูล 6. สถิติที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรที่ใช้ในการวิจัยเป็น นักษาคณะศึกษาสตร์ชั้นปีที่ 4 สถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตชุมพร จำนวน 92 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักษาคณะศึกษาสตร์ชั้นปีที่ 4 สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชุมพร จำนวน 30 คนที่ได้มาจากวิธีการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เครื่องมือวิจัย คือ แบบสอบถามความคิดเห็นของนักศึกษาต่อพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของนักศึกษา ที่ผู้ศึกษาค้นคว้าสร้างขึ้นเอง ประกอบด้วยแบบสอบถาม จำนวน 1 ชุด แบ่งออกเป็น 3 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับแบบสอบถามทั่วไป ของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ เพศ การศึกษา ระดับการศึกษา ลักษณะแบบสอบถามเป็นแบบตรวจสอบรายการ ตอนที่ 2 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับความคิดเห็นของนักศึกษาต่อพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของนักศึกษาคณะศึกษาสตร์ชั้นปีที่ 4 สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชุมพร 4 ด้าน ได้แก่ 1. ด้านการศึกษา จำนวน 3 ข้อ 2. ด้านสังคม จำนวน 4 ข้อ 3. ด้านธุรกิจ จำนวน 3 ข้อ 4. ด้านบันเทิง จำนวน 5 ข้อ รวมทั้งหมด 15 ข้อ ลักษณะแบบสอบถามความพึ่งพอใจ 5 ระดับ โดยกำหนดเกณฑ์ในการให้คะแนน ดังนี ความพึงพอใจระดับดีมาก ได้ 5 คะแนน ความพึงพอใจระดับดี ได้ 4 คะแนน ความพึงพอใจระดับปานกลาง ได้ 3 คะแนน ความพึงพอใจระดับน้อย ได้ 2 คะแนน ความพึงพอใจระดับน้อยที่สุด ได้ 1 คะแนน 1. ศึกษาค้นคว้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต บทความ หลักการ ทฤษฎี งานวิจัยที่เกี่ยงข้องกับพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนชะอวด 2. ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของนักเรียนเพื่อนำข้อมูลการสร้างแบบสอบถาม ให้สอดคล้องและครอบคลุมเนื้อหา และวัตถุประสงค์ของการวิจัยกำหนดเกณฑ์การให้คะแนนคำถามเป็นแบบตามมาตราประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ 3. นำแบบสอบถามที่สร้างขึ้น เสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อตรวจสอบเนื้อหาและภาษาที่ใช้ในแบบสอบถาม และนำข้อเสนอแนะมาปรับปรุงแก้ไข 4. นำแบบสอบถามที่สร้างขึ้น เสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน คือ 1. นางวิไลวรรณ์ ชื่นใจ 2. นายวีระ เส้งเอียด 3. นางโศภิดา เพชรสุวรรณ เพื่อหาความเที่ยงตรงของเนื้อหาความชัดเจนของภาษา และความสอดคล้องวัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า โดยกำหนดคะแนนได้ดังนี้ ถ้าเห็นว่าสอดคล้อง ให้คะแนน +1 ถ้าเห็นว่าไม่แน่ใจ ให้คะแนน 0 ถ้าเห็นว่าไม่สอดคล้อง ให้คะแนน -1 จากนั้นนำค่าคะแนนของผู้เชี่ยวชาญ ในแต่ละข้อมารวมกัน เพื่อหาค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) จากสูตร IOC=R/N เมื่อ IOC คือ ดัชนีความสอดคล้อง ∑R คือ คะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญทุกคน N คือ จำนวนผู้เชี่ยวชาญ 5. นำแบบสอบถามฉบับสมบูรณ์ไปเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 30 คน การเก็บรวบรวมข้อมูล 1. ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยขอความช่วยเหลือจากนักศึกษาคณะศึกษาสตร์ชั้นปีที่4 สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชุมพร การจัดทำข้อมูล 1. ได้รับแบบสอบถามกลับคืนและตรวจสอบความสมบูรณ์ของแบบสอบถาม มีความสมบูรณ์จำนวน 30 ฉบับ 2. นำแบบสอบถามมาตรวจให้คะแนน ดังนี้ ความพึงพอใจระดับดีมาก ได้ 5 คะแนน ความพึงพอใจระดับดี ได้ 4 คะแนน ความพึงพอใจระดับปานกลาง ได้ 3 คะแนน ความพึงพอใจระดับน้อย ได้ 2 คะแนน ความพึงพอใจระดับน้อยที่สุด ได้ 1 คะแนน 3. นำคะแนนที่ได้หาค่าทางสถิติด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้ศึกษาค้นคว้าดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ 1. วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถามการวิเคราะห์ข้อมูลโดยการแจกแจงความถี่ หาค่าร้อยละ 2. นำผล ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของนักศึกษา มาวิเคราะห์และแปลงผลโดยหาค่าเฉลี่ย(ArthmeticMean,X) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation,S.D.)โดยกำหนดเกณฑ์การประเมิน ดังนี้ ค่าเฉลี่ย ระดับความพึงพอใจ 4.51-5.00 หมายถึง มากที่สุด 3.51-4.50 หมายถึง มาก 2.51-3.50 หมายถึง ปานกลาง 1.51-2.50 หมายถึง น้อย 1.00-1.50 หมายถึง น้อยที่สุด 1. เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ย พฤติกรรมที่มีผลต่อการใช้โทรศัพท์มือถือ จำแนกตามตัวแปร ที่แบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยการใช้ค่าการทดสอบค่าที่ t-test 2. เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมที่มีผลต่อการใช้โทรสัพท์มือถือ จำแนกตามตัวแปรอายุ ที่แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ถ้าพบว่ามีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ กำหนดนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 สถิติที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า สถิติที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้ามีดังนี้ คือ 1. ค่าร้อยละ (Percentage) 2. ค่าเฉลี่ยเลขคณิต (AritmeticMean,X) 3. ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation (S.D.)) 4. ค่าสถิติแบบ Independard sample (t-test) 5. การวิเคราะห์ข้อมูลและการแปลความหมายของการวิเคราะห์ข้อมูลในการวิจัยครั้งนี้ |