ภาษากับเหตุผล เหตุผล คือ ความคิดสำคัญซึ่งจะเป็นหลัก เป็นเกณฑ์หรือเป็นข้อเท็จจริง โครงสร้างของการแสดงเหตุผล ต้องประกอบด้วย ภาษาที่ใช้ในการแสดงเหตุผล วิธีการแสดงเหตุผลและการอนุมาน - นงลักษณ์ชอบเล่นดนตรีไทย คงจะชอบร้องเพลงไทยเดิมด้วย การวางโครงสร้างของเหตุผล 1. เหตุมาก่อนผลสังเกตจากคำเชื่อมจะใช้ "ดังนั้น,ก็เลย,จึง,เพราะ" 2. ผลมาก่อนเหตูสังเกตคำเชื่อมจะใช้ "เพราะ,เนื่องจาก,ด้วย" เช่น เขาวิ่งมาอย่างเร็วจึงหกล้ม "เหตุมาก่อนผล" เขาหกล้มเพราะวิ่งมาอย่างเร็ว "ผลมาก่อนเหตุ" แต่เราว่านะของอย่างงี้บางทีมันก็อยู่ที่ตรรกะส่วนตัวของแต่ละคนด้วยล่ะ คืออ่านแล้วเราควรจะวิเคราะห์ได้ด้วยตัวเองด้วยว่า อันไหนเป็นเหตุอันไหนเป็นผล วิธีการให้เหตุผล มีวิธีการอยู่ 3 ขั้นตอน 1. ต้องแยกออกให้ได้ก่อนว่าอะไรเป็นเหตุอะไรเป็นผล 2.ดูก่อนว่าสิ่งที่เราแยกออกมา คือที่เรารู้แน่ๆว่าเกิด กับคาดว่าจะเกิดขึ้น 3. คำตอบของการอนุมานจะเขียนจากสิ่งที่เรารู้แน่ๆว่าเกิดไปหาสิ่งที่เราคาดว่าจะเกิด การอนุมานมี 3 แบบ 1.การอนุมานจาก"เหตุ"ไปหา"ผล" 2.การอนุมาจาก"ผล"ไปหา"เหตุ" 3.การอนุมานจาก"ผล"ไปหา"ผล" (เหตุผลกับภาษา การอนุมาน การแสดงทรรศนะ การโต้แย้ง การโน้มน้าวใจ) เหตุผลกับภาษา โจทย์จะถาม 3 ประเด็น 1. มีการแสดงเหตุผลหรือไม่(ถ้ามีต้องมีเหตุ+ผล) ไม่ใช่มีอย่างใดอย่างหนึ่ง 2. ลำดับการแสดงเหตุผล(เหตุก่อนผลหรือผลก่อนเหตุ) 3. ความสมเหตุสมผล คำเตือน เรื่องนี้ให้พยายามหา คำสำคัญ ดังนี้ หลัง เพราะ เพราะว่า ด้วย เหตุที่ว่า โดยที่ = เหตุ (ข้อสนับสนุน) หลัง ดังนั้น เพราะฉะนั้น จึง ก็เลย = ผล (ข้อสรุป) การอนุมาน อนุมาน = เดาอย่างมีเหตุผล 1. นิรนัย เป็นการเดาที่อ้างกฎหรือหลักความจริง ดังนั้นเวลาเดาแล้วมันจะเป็นความจริง ตัวอย่าง 1) คนทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย แม้ตัวเราเองก็ตายจากดลกนี้ไปในวันหนีงเป็นแน่ 2) อาจารย์วาดจันทร์เป็นคนดีมากๆเลยนะเพราะอาจารย์เป็นคนมีความกตัญญู(สัจธรรมก็คือ ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี) 3) คุณสมบัติต้องเป็นผู้หญิงแน่ๆ เพราะเป็นป้าของคุณสมชาย(เดาจากความจริงที่ว่า ป้าต้องเป็นเพศหญิงเท่านั้น ) 2. อุปนัย เป็นการเดาจากสิ่งที่เห็นว่าหลายๆเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น เราก็เลยสรุปว่ามันน่าจะเป็นเช่นนั้นซะเลยซึ่งความจริงอาจไม่ใช่ก็ได้เพราะไม่ได้อ้างจากกฎความจริงหรือสัจธรรม(แบบนี้เป็นการคาดเดาเอามากๆเลยให้พยายามสังเกตจากคำว่า คง คงจะ อาจ อาจจะ น่า น่าจะ) ตัวอย่าง (ตัวละครและเรื่องเหล่านี้เป็นการสมมุตินะคะ ) 1) ใครๆ เห็นอาจารย์ทิวลิปก็หลงเสน่ห์กันทั้งนั้น ฉันว่าถ้าไอซ์มาเจออาจารย์ทิวลิปก็คงหลงเสน่ห์ไปอีกคน 2) ปีที่แล้วนะอาจารย์ทิวลิปอกหักวันวาเลนไทน์ เดี๋ยวปีนี้อาจารย์ก็คงอกหักอีกรอบ 3) โดมและ ฟิล์มก็เคยเป็นแฟนกับอาจารย์ทิวลิป เรนก็ยังเคย ไอซ์เองก็น่าจะเคยเป็นแฟนอาจารย์นะ การอนุมานจากสาเหตุและผลลัพธ์ที่สัมพันธ์กัน 1. การอนุมานจากเหตุไปหาผล เห็นเหตุ แล้ว เดา ผล - นักเรียนตั้งใจเรียน คงจะสอบติดจุฬาฯกันทุกคนแน่เลย - อาจารย์ทิวลิปทำตัวน่ารัก ผู้ชายน่าจะมารักเป็นร้อยจนเลือกไม่ไหว - อาจารย์ทาทายังสอนภาษาไทยได้มันสะใจสุด ไม่นานก็คงจะดังระเบิดเถิดเทิง 2. การอนุมานจากผลไปหาเหตุ เห็นผล แล้ว เดา เหตุ - ฟิล์มแลดูหน้าตาอิดโรย เมื่อคืนคงทำงานดึกไปหน่อย (หรือไปทำอย่างอื่นก็ไม่รู้นะ) - อาจารย์ทิวลิปแลดูสวยขึ้น อาจารย์น่าจะไปทำศัลยกรรมที่ยันฮีมานะ - พี่จวงนมใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย พี่จวงคงจะกินยาคุมเพิ่มเป็นวันละ 2 แผงแน่ๆ 3. การอนุมานจากผลไปหาผล เห็นผลตัวที่ 1 เดา ผลตัวที่ 2 - อาจารย์วสีแลดูสวยขึ้นนะ เดี๋ยวก็คงมีผู้ชายมาตามจีบกันจนหัวกระไดไม่แห้ง - โดมสอบตกตั้งหลายวิชา เกรดเฉลี่ยก็คงลดลงด้วย - บีมได้เกรดเฉลี่ยตั้ง 3.80 ยังงี้คงจะได้เกียรตินิยมด้วยชัวร์เลย การแสดงทรรศนะ โจทย์จะถาม 3 ประเด็นหลักๆ คือ 1. โครงสร้าง (ที่มา/ข้อสนับสนุน/ข้อสรุป) ถามว่าอยู่ตรงไหน ส่วนไหนเป็นอะไร โดยเฉพาะข้อสรุปโจทย์ถามหาบ่อยมาก 2. ข้อความนั้นๆ มีการแสดงทรรศนะหรือไม่ ให้สังเกตคำที่ใช้แสดงทรรศนะ เช่น คิดว่า เห็นว่า คงจะ อาจจะ น่าจะ ควรจะ พึงจะ ขอสรุปว่า ฯลฯ 3. ประเภทของทรรศนะ (ระวังใน 1 ทรรศนะ อาจมีได้หลายประเภท) - ทรรศนะเชิงข้อเท็จจริง แสดงความเห็นทั่วไป เน้นความจริง ความเท็จ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น - ทรรศนะเชิงนโยบาย เน้นการเสนอแนะสิ่งต่างๆ เช่น แผนงาน โครงการ ข้อควรทำ เป็นต้น - ทรรศนะเชิงคุณค่าหรือค่านิยม เน้นการตัดสินว่าเป็นอย่างไร ดี/ไม่ดี ควร/ไม่ควร เหมาะ/ไม่เหมาะ การโต้แย้ง การโต้แย้ง ใช้ความรู้จากเรื่องทรรศนะมาเชื่อมโยง เพราะการโต้แย้งคือการแสดงทรรศนะที่ต่างกันนั่นเอง Key Words แสดง การโต้แย้ง= แต่ แต่ทว่า มิใช่ ใช่ว่า ไม่ว่า หาก โจทย์จะถามเกี่ยวกับประเด็นการโต้แย้ง บ่อยมากๆ นั่นก็แปลว่าเขาชอบให้เราตั้งชื่อหัวข้อการโต้แย้งนั่นเอง จ้ะ การโน้มน้าวใจ โจทย์จะถามเกี่ยวกับกลวิธีการในการโน้มน้าวใจและสารโน้มน้าวใจ กลวิธีการโน้มน้าวใจมี 6 วิธี คือ 1. แสดงความน่าเชื่อถือของบุคคลผู้โน้มน้าวใจ 2. แสดงความหนักแน่นของเหตุผล 3. แสดงให้ประจักษ์ถึงความรู้สึกหรืออารมณ์ร่วมกัน 4. แสดงทางเลือกด้านดีและด้านเสีย 5. สร้างความหรรษาแก่ผู้รับสาร 6. เร้าให้เกิดอารมณ์อย่างแรงกล้า สารโน้มน้าวใจ มี 3 ประเภท คือ 1. คำเชิญชวน 2. โฆษณาสินค้าและบริการ 3. โฆษณาชวนเชื่อ |