ปัญหา-เฉลย วิชาบาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 - สามเณรอุทิส ศิริวรรณ เปรียญ (ปัจจุบัน ศ. ดร.อุทิส ศิริวรรณ ป.ธ.9, พ.ม. (มหาจุฬาฯ), ศษ.บ. (มสธ.) อ.ม. (จุฬาฯ), MBA (Finance & Insurance) USA, DIBA (NSU) USA) ปัญหาและเฉลย บาลีไวยากรณ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ .......และ พ.ศ. ใหม่ๆ ....... เรือ่ ง สอบบาล พ.ศ. ๒๕๖๔ ขอ้ สอบและเฉลย ประโยค ๑-๒ ถงึ ประโยค ป.ธ.๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ โอวาทแม่กองบาลสี นามหลวง ในการเปิดสอบประโยคบาลีสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๖๔ นกั เรยี นผ้สู อบความรู้ประโยคบาลสี นามหลวงทุกรูป วันนี้ เป็นวันแรกของการเปิดสอบประโยคบาลีสนามหลวงคร้ังที่ ๑ ป.ธ. ๓, ๔ ,๕ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคประจำศกนี้ การสอบบาลี ที่สอบในแต่ละแห่ง ได้ร่วมกันดำเนินการจัดการสอบ ส่วนการสอบประโยค ในศกก่อน ท่านท้ังหลาย การสอบบาลีสนามหลวงในปีน ้ี มอี นั ท่จี ะตอ้ งล่าช้ากวา่ 3 นนั้ ๆ ด้วยเหตุดังนี้ การสอบบาลีสนามหลวงซึ่งตามปกติในการสอบ ครั้งท่ี ๑ ครง้ั แรกกำหนดเอา วนั ขน้ึ ๒ ค่ำ เดอื น ๓ เปน็ ต้นไป และ ในการ ท่านท้ังหลาย การธำรงรักษาพระศาสนาให้มีความม่ันคง และเจริญ ได้นั้น ส่วนสำคญั อยู่ทีพ่ ระสงฆส์ าวก เปน็ ผูป้ ระพฤตดิ ี ปฏิบัตชิ อบ ตามกรอบ แห่งพระธรรมวินัยท่ีพระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้แต่งตั้งไว้ ไม่เพิกเฉย ทอดธุระในหลักธรรมคำสอน ไม่เพิ่มเติมเสริมส่งในสิ่งที่ขัดหรือแย้ง หรือนอกเหนือจากพระธรรมวินัย คงยึดม่ัน และแน่วแน่ในแนวทางแห่ง พุทโธวาท การที่จะกำหนดรู้ให้ถ่องแท้ตามหลักแห่งพุทโธวาท ย่อมขึ้นอยู่กับ เปน็ กระบวนการทจ่ี ะสรา้ งองคค์ วามรใู้ หเ้ กดิ ขน้ึ แกบ่ คุ คล พระสาวกในพระพทุ ธ- เพ่ือความมั่นคงและเพอื่ ความเจริญรุง่ เรอื งแหง่ พระศาสนา การศึกษาพระปริยัติธรรมของคณะสงฆ์ ผู้ศึกษาควรสร้างความ 4 จำต้องอาศัยความวิริยะอุตสาหะเป็นกำลัง อาศัยสติปัญญาเป็นปัจจัย อาศัย การรักษาความดีให้คงอยู่คู่โลกเพ่ือจรรโลงโลกให้งดงาม เป็นส่ิงที่วิญญูชน ทัง้ หลายไม่พงึ ละเลย และหน้าทีส่ ว่ นนี้ เราได้สบื สานแลว้ การศึกษาพระปริยัติธรรมของคณะสงฆ ์ เป็นรูปแบบแห่งการศึกษา ทไ่ี ดร้ บั การเอาใจใสแ่ ละพฒั นามาเปน็ ลำดบั มรี ปู แบบ มรี ะบบ มกี ระบวนการ คณะสงฆ ์ ทั้งน้ ี ต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า คณะสงฆ์ มิได้ต้องการเพียงบุคคล ผู้มีความรู้ที่อยู่ในข้ันท่ีเรียกว่า เพียงรู้ เพื่อทำหน้าที่ประกาศพระศาสนา แต่ ต้องการบุคคลที่ได้ชื่อว่า รู้ดี มารับใช้พระศาสนา ดังนั้น หลักเกณฑ ในการสอบ ขอให้นักเรียนทุกรูปทำความสุจริตให้เกิดมีแก่ตน เพราะพระศาสนาเป็นเร่ืองของความบริสุทธ์ ิ ถ้ามีความไม่บริสุทธิ์เกิดข้ึน จะเป็นความเสียหายโดยประการทั้งปวง ฉะนั้น ต้องระวังรักษาให้จงดี การเฝ้าระวงั รกั ษามิใหเ้ กิดความเสียหายโดยประการใด ๆ เทา่ กับเปน็ การรักษา 5 ได้เอาใจใส่เป็นภาระธุระจริง ๆ ขอได้ช่วยตรวจตรากวดขันนักเรียนให้ปฏิบัติ ในการสอบบาลีสนามหลวงในปีน้ี นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ เป็นล้นพ้นท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์เอกอัครศาสนูปถัมภก ผู้ทรง ผูเ้ ข้าสอบ และเปน็ การจรรโลงการศาสนศึกษาให้วฒั นาสถาพรโดยยงิ่ ขึน้ ไป ณ โอกาสบัดน้ี ขอให้เราทั้งหลายสำรวมกาย วาจา ใจ ให้เป็นหน่ึง พระเจริญย่ิงยืนนาน มีพระเกษมสำราญตลอดไป เป็นร่มแก้วฉัตรเกล้า เป็นรม่ โพธิ์ฉัตรชยั ของพสกนกิ รชาวไทย ตลอดจิรัฐิติกาล เทอญ ฯ ขอถวายพระพร (พระพรหมโมล)ี แมก่ องบาลสี นามหลวง ข้อสอบและเฉลย ประโยค ๑-๒ ถงึ ประโยค ป.ธ.๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ 7 ประโยค ๑-๒ แปล มคธเป็นไทย สอบ วนั ท่ี ๘ มีนาคม ๒๕๖๔ แปล โดยพยัญชนะ ๑. อตีเต "อลฺลกปฺปรฏฺเ อลฺลกปฺปราชา นาม เวฏฺทีปกรฏฺเ เวฏฺทีปกราชา นามาติ อิเม เทฺว ทหรกาลโต ปฏฺาย สหายกา หตุ ฺวา เอกาจริยกุเล สิปฺป ํ อุคฺคณหฺ ิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ปติ นู ํ อจฺจเยน ชายมานฺจ มยี มานจฺ ทิสฺวา "ปรโลกํ คจฉฺ นตฺ ํ อนุคจฺฉนโฺ ต นาม ฆราวาเสน, ปพพฺ ชสิ ฺสามาติ มนเฺ ตตวฺ า รชชฺ านิ ปตุ ฺตทารสสฺ นยิ ยฺ าเทตฺวา อปพฺพชติ สทสิ าเยว โหม; ตสฺมา วิสํ ุ วสสิ ฺสาม: ตวฺ ํ เอตสมฺ ึ ปพฺพเต วส, อห ํ อมิ สมฺ ึ ปพพฺ เต วสสิ ฺสามิ; อนฺวฑฒฺ มาส ํ ปน อุโปสถทิวเส เอกโต ภวสิ สฺ ามาติ ฯ อถ เนส ํ เอตทโหสิ "เอวํปิ โน คณสงฺคณกิ า ว ชาเลสฺสาม;ิ ตาย สฺ าย อตฺถิภาว ํ ชานิสฺสามาติ ฯ เต ตถา กรสึ ุ ฯ 8 ๒. ตสฺมึ สมเย โกสมฺพิย ํ ปรนฺตโป นาม ราชา อโหสิ ฯ โส เอกทวิ ส ํ คพภฺ นิ ิยา เทวิยา สทธฺ ึ พาลาตป ํ ตปฺปมาโน อากาสตเล ปาวิสิ ฯ เทว ี ครุคพฺภตาย เจว ภีรุกชาติกตาย จ เวเคน คนฺตํุ นาสกขฺ ิ ฯ อถ นํ โส สกโุ ณ อชฌฺ ปุ ปฺ ตโฺ ต นขปชฺ เร นิสที าเปตฺวา อากาสํ ปกฺขนทฺ ิ ฯ เต กิร สกุณา ปจฺ นนฺ ํ หตฺถีนํ พล ํ ธาเรนฺต,ิ ตสมฺ า อากาเสน เนตวฺ า ยถารุจิตฏฺ าเน นสิ ีทติ วฺ า มสํ ํ ขาทนตฺ ,ิ สาปิ ขาทติ ํุ อารภิสสฺ ต,ิ ตตฺร นํ สทฺทํ กตฺวา ปลาเปสฺสามตี ิ ฯ สา อตตฺ โน ใหเ้ วลา ๔ ชั่วโมง กับ ๑๕ นาที. 9 แปล มคธเปน็ ไทย แปล โดยพยัญชนะ ๑. ในกาลอันเป็นไปล่วงแล้ว อ.พระราชา ท. สอง เหล่านี ้ คือ ช่ือ อ.พระราชาพระนามว่าอัลลกัปปะ ในแว่นแคว้นชื่อว่าอัลลกัปปะ ชื่อ อ.พระราชาพระนามว่าเวฏฐทีปกะ ในแว่นแคว้นชื่อว่าเวฏฐทีปกะ เป็นพระสหายกัน เป็น จำเดิม แต่กาล แห่งพระองค์ ทรงเป็นหนุ่ม ทรงเรียน ซึ่งฉัตร เป็นพระราชา ในแว่นแคว้น อันประกอบแล้วด้วยโยชน์สิบ ๆ ได้เป็นแล้ว โดยกาลเป็นท่ีล่วงไปแห่งพระบิดา ท. ของพระองค์ ๆ ฯ อ.พระราชา ท. เหล่านั้น เสด็จมาพร้อมกนั แล้ว ตลอดกาล ตามกาล ทรงยืนอยู่ เพ่ืออันเป็นอยู่ บวชแล้ว หามิได้ อ.เรา ท. เหล่านั้น อยู่ ๆ ในที่เดียวกัน เป็นผู้ อ.ความคลุกคลีด้วยหมู่เทียว จักมี แก่เรา ท. อ.ท่าน ยังไฟ พึงให้โพลง ที่ภูเขา 10 ของท่าน อ.เรา ยังไฟ จักให้โพลง ที่ภูเขา ของเรา อ.เรา ท. จักรู้ ซ่ึงความท ่ี แห่งเรา ท. มอี ยู่ ด้วยสญั ญา น้ัน ดงั นี้ ไดม้ แี ลว้ แก่ฤาษี ท. เหล่าน้นั ฯ อ.ฤาษี ท. แปล โดยอรรถ ๒. ในสมัยนั้น ในกรุงโกสัมพี ได้มีพระราชาทรงพระนามว่าพระเจ้า ยงั พระนางให้นั่งอยู่ท่ีกรงเลบ็ บินไปสอู่ ากาศแล้ว ฯ ไดย้ นิ ว่า พวกนกเหล่านนั้ มรณภัย จึงทรงดำริว่า ถ้าว่าเราจักร้อง ธรรมดาเสียงคน เป็นที่หวาดเสียวของ พระราชปรยิ ตั สิ ุธี ปิยาจาโร วัดธรรมามูล จ.ชยั นาท แปล สนามหลวงแผนกบาลี ตรวจแก้. 11 ประโยค ๑-๒ ปญั หา บาลีไวยากรณ์ สอบ วันที่ ๙ มนี าคม ๒๕๖๔ ๑. จงเติมคำท่ถี กู ตอ้ งลงในชอ่ งวา่ งต่อไปน ข. กรณ์ทที่ ำอกั ขระ ม.ี .......คือ..............................................ฯ ๒. จงเติมคำทีถ่ กู ตอ้ งลงในช่องวา่ งต่อไปน้ี ก. อภินนทฺ ํุ + อิต ิ สนธิเปน็ .................................................ฯ ข. อคคฺ ิ + อาคาร ํ สนธิเป็น.................................................ฯ ค. เอตทโวจ ตัดบทเป็น..............................................ฯ ฆ. สาธูต ิ ตดั บทเป็น..............................................ฯ ง. สญั โญโค แบ่งเปน็ ๒ คอื ................................................ฯ ๓. จงตอบคำถามต่อไปน้ี ก. นามศพั ท์น้ัน แบ่งเป็นกีอ่ ยา่ ง ฯ อะไรบ้าง ฯ ข. วภิ ตั ตินามน้นั มีก่ีตัว ฯ แบง่ เป็นอยา่ งไร ฯ อะไรบา้ ง ฯ ค. ปกติสงั ขยา ตั้งแตไ่ หนถึงไหน เป็นเอกวจนะ อิตถลี งิ คอ์ ย่างเดยี ว ฯ ฆ. วเิ สสนสพั พนามแบ่งเป็นเทา่ ไหร่ ฯ อะไรบ้าง ฯ ง. นิบาตนัน้ สำหรับใชอ้ ยา่ งไร ฯ ๔. วาจก คืออะไร ฯ แบ่งเป็นกี่อย่าง ฯ อะไรบ้าง ฯ และกุลบุตร จะกำหนดวาจกได้แมน่ ยำตอ้ งอาศยั อะไรเปน็ เครอ่ื งกำหนด ฯ ๕. กิริยากิตก ์ คอื คุตโฺ ต, ปคฺคยฺห แปลว่าอย่างไร ฯ สำเร็จรปู มาจากอะไร ฯ จงเขียนคำแปลรูปวิเคราะห์ต่อไปน้ี พร้อมทั้งบอกรูป สาธนะ และปัจจัย มาดว้ ย 12 ก. เนตพพฺ นตฺ ิ เนยยฺ ํ ฯ ข. สรติ เอตายาติ สติ ฯ ค. กชุ ฺฌติ สเี ลนาติ โกธโน ฯ ๖. อะไร ชือ่ วา่ ทวันทวสมาส ฯ และทวนั ทวสมาสนน้ั มีเท่าไร ฯ อะไรบ้าง ฯ สมจฺเฉรํ (จิตฺตํ), พนฺธนมุตฺโต (สตฺโต) เป็นสมาสอะไร จงเขียน รูปวิเคราะห์ มาดูดว้ ย ฯ ๗. ในราคาทิตัทธติ และปูรณตัทธติ มีปัจจัยอย่างละเทา่ ไร ฯ อะไรบ้าง ฯ มาคโธ, เตชสี ลงปัจจัยอะไร ในตทั ธติ ไหน จงเขยี นรูปวิเคราะห์ มาดูดว้ ย ฯ ใหเ้ วลา ๓ ชว่ั โมง. 13 เฉลย ประโยค ๑-๒ ปัญหา บาลไี วยากรณ ๑. ไดเ้ ติมคำท่ีถกู ตอ้ งลงในชอ่ งวา่ ง ดงั ตอ่ ไปน สมาส ๑ ตัทธิต ๑ อาขยาต ๑ กติ ก์ ๑ ฯ ข. กรณ์ท่ีทำอักขระ มี ๔ คือ ชิวฺหามชฺฌํ ท่ามกลางลิ้น ๑ ชิวฺโหปคฺค ํ ถดั ปลายล้ินเขา้ มา ๑ ชิวหฺ คฺคํ ปลายล้นิ ๑ สกฏฺ านํ ฐานของตน ๑ ฯ ๒. ได้เตมิ คำทีถ่ กู ต้องลงในชอ่ งว่าง ดงั ต่อไปน ข. อคคฺ ิ + อาคารํ สนธเิ ป็น อคฺยาคารํ ฯ ค. เอตทโวจ ตัดบทเปน็ เอตํ - อโวจ ฯ ฆ. สาธตู ิ ตดั บทเป็น สาธุ - อิติ ฯ ง. สญฺโโค แบ่งเป็น ๒ คือ ซ้อนพยัญชนะที่มีรูปเหมือนกันอย่าง ๑ ซ้อนพยัญชนะท่มี รี ูปไมเ่ หมือนกนั อย่าง ๑ ฯ ๓. ได้ตอบคำถามต่อไปน ข. วภิ ตั ตินามน้ัน มี ๑๔ ตวั แบ่งเป็นเอกวจนะ ๗ พหวุ จนะ ๗ ดังนี ปฐมา ที่ ๑ ส ิ โย ทุตยิ า ท่ี ๒ อํ โย ตตยิ า ท่ี ๓ นา หิ จตุตถฺ ี ที่ ๔ ส นํ ปญฺจมี ท่ี ๕ สมฺ า หิ ฉฏฺ ี ท่ี ๖ ส น 14 ค. ปกตสิ ังขยา ต้ังแต่ เอกูนวีสต ิ ถึง อฏฺนวตุ ิ เปน็ เอกวจนะ อติ ถีลงิ ค ฆ. วเิ สสนสพั พนาม แบง่ เปน็ ๒ คอื อนิยม ๑ นิยม ๑ ฯ ง. นิบาตนั้น สำหรับใช้ลงในระหว่างนามศัพท์บ้าง กิริยาศัพท์บ้าง บอกอาลปนะ กาล ท่ี ปริเฉท อุปไมย ปฏิเสธ ความได้ยินเล่าลือ ความปรกิ ปั ความถาม ความรับ ความเตอื น เปน็ ต้น ฯ ๔. วาจก คือ กิริยาศัพท์ท่ีประกอบด้วยวิภัตติ กาล บท วจนะ บุรุษ ธาตุ คอื กลา่ วบททเ่ี ปน็ ประธานของกริ ิยา ฯ แบง่ เป็น ๕ อย่าง คือ กตั ตวุ าจก ๑ กัมมวาจก ๑ ภาววาจก ๑ เหตุกัตตุวาจก ๑ เหตุกัมมวาจก ๑ ฯ และ กุลบตุ รจะกำหนดวาจกได้แมน่ ยำตอ้ งอาศัยปัจจัยเปน็ เครอื่ งกำหนด ฯ ๕. กริ ยิ ากติ ก์ คอื คตุ ฺโต แปลวา่ อนั เขาคุม้ ครองแล้ว สำเรจ็ รปู มาจาก คปุ ฺ ธาต ุ ในความคุ้มครอง ต ปัจจัย ธาตุ มี ปฺ เป็นท่ีสุด เอาที่สุดธาตุเป็น ต ส ิ ปฐมาวภิ ัตติ ปงุ ลิงค์ ฯ ปคฺคยฺห แปลว่า ประคองแล้ว สำเร็จรูปมาจาก ป บทหน้า คหฺ ธาต ุ ในความประคอง ตูนาทิ ปัจจัย คือ ตูน ตฺวา ตฺวาน ธาตุมี หฺ เป็นที่สุด อยูห่ นา้ แปลง ย กับท่สี ดุ ธาตุ เปน็ ยฺห ฯ ได้เขียนคำแปลรูปวิเคราะห์ต่อไปนี้ พร้อมท้ังบอกรูป สาธนะ และปจั จยั มาดงั น้ี ก. (ส่ิงใด) อันเขาพึงนำไป เหตุนั้น สิ่งน้ัน ช่ือว่าอันเขาพึงนำไป ฯ เป็นกมั มรปู กมั มสาธนะ ณฺย ปจั จัย ฯ ข. (ชน) ย่อมระลกึ (ด้วยธรรมชาติ) นน่ั เหตุน้ัน (ธรรมชาตนิ นั่ ) ชื่อว่า เป็นเหตุระลึก (แห่งชน) ฯ เปน็ กตั ตรุ ูป กรณสาธนะ ติ ปจั จัย ฯ ค. (ผ้ใู ด) ย่อมโกรธ โดยปกติ เหตนุ ัน้ (ผนู้ ้นั ) ชอ่ื วา่ ผโู้ กรธโดยปกติ ฯ เปน็ กตั ตรุ ปู กัตตสุ าธนะ ลงในอรรถแห่งตัสสลี ะ ย ุ ปัจจยั ฯ 15 ๖. นามนามตั้งแต่ ๒ ศัพท์ข้ึนไป ท่านย่อเข้าเป็นบทเดียวกัน ชื่อ ทวันทว- สมาส ฯ และทวนั ทวสมาส มี ๒ อยา่ ง คือ สมาหาโร ๑ อสมาหาโร ๑ ฯ สมจฺเฉรํ (จิตฺตํ) เป็น สหบุพพบท พหุพพิหิสมาส วิเคราะห์ว่า สห มจฺเฉเรน ยํ วตตฺ ตตี ิ สมจเฺ ฉรํ (จิตฺต)ํ ฯ พนธฺ นมตุ ฺโต (สตฺโต) เป็น ปญั จมีตัปปุรสิ สมาส วิเคราะห์ว่า พนธฺ นา มุตโฺ ต พนธฺ นมุตโฺ ต (สตโฺ ต) ฯ ๗. ในราคาทติ ทั ธติ มปี ัจจัย ๑ ตวั คอื ณ ฯ ในปูรณตัทธติ มปี จั จยั ๕ ตัว คอื ตยิ ถ ม อี ฯ มาคโธ ลง ณ ปัจจัย ในราคาทิตัทธิต วิเคราะหว์ ่า มคเธ ชาโต มาคโธ, มคเธ วสตีต ิ มาคโธ, มคเธ อิสสฺ โร มาคโธ ฯ เตชสี ลง สี ปจั จัย ในตทัสสตั ถิตัทธติ วิเคราะห์วา่ เตโช อสสฺ อตถฺ ตี ิ เตชสี ฯ พระศรสี ุทธเิ วที ถิรมโน วัดอรุณราชวราราม เฉลย สนามหลวงแผนกบาลี ตรวจแก.้ 16 ประโยค ป.ธ. ๓ แปล มคธเป็นไทย สอบ วันท่ี ๘ มนี าคม ๒๕๖๔ แปล โดยพยัญชนะ ๑. มาสสฺส อฏฺ ทิวเส ปาโตว อฏุ ฺาย อุทกมาลเก อุทกํ อุปฏฺาเปตฺวา ธมฺมสฺสวนคฺค ํ สมฺมชฺชิตฺวา ทีปํ ชาเลตฺวา มธุรสฺสเรน กจฺ ิ ปจฺจาหารํ อกตฺวา ธมฺมาสนํ อภิรูหติ ฺวา อากาสคงคฺ ํ โอตาเรนฺโต ชานนฺต ิ ฯ อนนฺตรตฺตภาเว ปนสสฺ มาตา ยกฺขินี หุตวฺ า นพิ ฺพตตฺ ิ ฯ สา เทวตาห ิ สทฺธึ อาคนตฺ วฺ า ธมฺม ํ สตุ วฺ า สามเณเรน ทนิ ฺน ํ ปตตฺ ึ อนโุ มทาม ิ ตาตาต ิ วทติ ฯ สีลสมปฺ นนฺ า จ นาม ภิกขฺ ู สเทวกสสฺ โลกสฺส ปิยา โหนฺต ิ ตสฺมา สามเณเร เทวตา สลชฺชา สคารวา มหาพฺรหฺมาน ํ วยิ อคฺคกิ ฺขนธฺ ํ วิย จ ตํ มฺ นฺต ิ ฯ สามเณเร คารเวน ยกขฺ นิ ยิ า อคฺคาสน ํ อคฺโคทก ํ อคฺคปิณฺฑํ เทนตฺ ิ ฯ มเหสกฺขาปิ ยกฺขา ต ํ 17 ๒. โส อุกกฺ ณฺิตภาว ํ อาโรเจส ิ ฯ สทฺธา อุปาสิกา นานปปฺ กาเรน นิสีท ิ สามเณโร ฯ อุปาสิกา มุหุตฺเตเนว ยาคุขชฺชกํ สมฺปาเทตฺวา อทาส ิ ฯ อถ สา ภตฺต ํ สมฺปาเทสฺสามีติ อวิทูเร นิสินฺนา ตณฺฑุเล โธวต ิ ฯ ตสมฺ ึ สมเย สา ยกขฺ นิ ี กห ํ น ุ โข สามเณโร กจจฺ ิ ภกิ ขฺ าหาร ํ มา เหว โข เม เทวตาน ํ อนตฺ เร ลชชฺ ํ อปุ ปฺ าเทยยฺ คจฉฺ ามสิ สฺ วพิ ภฺ มเน อุปาสิกา ปตุ ตฺ สฺส ตํ วปิ ปฺ การํ ทสิ วฺ า เวเคนาคนตฺ ฺวา ปุตฺต ํ อาลงิ คฺ ิตฺวา ให้เวลา ๔ ช่ัวโมง กบั ๑๕ นาที. 18 เฉลย ประโยค ป.ธ. ๓ แปล มคธเปน็ ไทย แปล โดยพยัญชนะ ๑. อ.สามเณร น้ัน ลุกข้ึนแล้ว ในเวลาเช้าเทียว เข้าไปตั้งไว้แล้ว ซ่ึงน้ำ ในโรงแห่งน้ำ กวาดแล้ว ซึ่งโรงเป็นท่ีฟังซึ่งธรรม ยังประทีป ให้โพลง แห่งเดือน ฯ อ.ภิกษุ ท. รู้แล้ว ซึ่งเร่ียวแรง ของสามเณร นั้น ย่อมเช้ือเชิญ ว่า แน่ะสามเณร อ.เธอ จงกล่าว กลา่ วด้วยบท ดังน้ี ฯ อ.สามเณร นัน้ ไม่กระทำ ของเรา หรอื , หรอื วา่ อ.โรคไอ ยอ่ มเบยี ดเบยี น ดงั น้ี ขน้ึ เฉพาะแลว้ สธู่ รรมาสน์ แก่มารดาและบิดา ท. ของเรา ดังน้ี ฯ อ.มนุษย์ ท. ย่อมไม่รู้ ซึ่งความที ่ แห่งส่วนบุญ เป็นส่วนอันสามเณร น้ัน ให้แล้ว แก่มารดาและบิดา ท. ฯ ก ็ อ.มารดา ของสามเณร น้นั เปน็ นางยักษิณี เปน็ บงั เกดิ แล้ว ในอัตตภาพอนั ไมม่ ี ยอ่ มกลา่ วรบั ซง่ึ สว่ นบญุ อนั อนั สามเณร ใหแ้ ลว้ วา่ แนะ่ พอ่ อ.ฉนั อนโุ มทนาอยู่ ในสมยั ท. มีสมัยเปน็ ที่ฟังซึ่งธรรมและสมยั เป็นที่มาพร้อมกันแห่งยกั ษเ์ ป็นตน้ 19 ย่อมเป็น ดังน้ี ฯ อ.ยักษ์ ท. แม้ผู้มีศักดิ์ใหญ่ เห็นแล้ว ซ่ึงนางยักษิณี นั้น ยอ่ มกา้ วลง จากหนทาง, ยอ่ มลกุ ข้ึน จากที่นง่ั ฯ แปล โดยอรรถ ๒. สามเณรนั้นบอกความที่ตนเบื่อหน่ายแล้ว ฯ อุบาสิกาผู้มีศรัทธา แม้แสดงโทษในการครองเรือนโดยประการต่าง ๆ ตกั เตอื นบตุ รอยู่ กไ็ มอ่ าจให้ แม้ตามธรรมดาของตน กล่าวเพียงว่า "พ่อ โปรดรออยู่จนกว่าฉันจะจัดยาคู ทำภัตกิจแล้ว แล้วได้ปูลาดอาสนะถวาย ฯ สามเณรน่ังลงแล้ว ฯ อุบาสิกา ก็เธอ อย่าพึงทำให้เราขายหน้าเทวดาทั้งหลายเลย เราจะไปทำการขัดขวาง การสึกของเธอ ดังน้ีแล้ว จึงมาสิงในร่างของสามเณรนั้น บิดคอให้ล้มลง บนพ้นื ดนิ ฯ เธอ ตาเหลือก ๒ ข้าง น้ำลายไหล ดิ้นบนพื้นดนิ แล้ว ฯ อุบาสิกา พระเทพปริยัตมิ นุ ี วรี ปญโฺ วัดหงสร์ ตั นาราม แปล สนามหลวงแผนกบาลี ตรวจแก.้ 20 สัมพนั ธไ์ ทย สอบ วนั ที่ ๙ มนี าคม ๒๕๖๔ อนนฺ ภาโร ตํ (ปจฺเจกพุทฺธํ) ตุจฺฉปตฺตหตฺถ ํ ทิสฺวา อปิ ภนฺเต โถก ํ อาคเมถาติ ตณิ กาชํ ฉฑฺเฑตวฺ า เวเคน เคห ํ คนฺตฺวา ภทฺเท มยฺห ํ ปติ ภาคภตฺตํ อตถฺ ิ นตถฺ ีติ ภรยิ ํ ปจุ ฺฉิตฺวา อตถฺ ิ สามีติ วุตเฺ ต เวเคน เทยฺยธมโฺ ม น โหติ เทยยฺ ธมฺเม สติ ปฏิคฺคาหกํ น ลภาม ิ อชฺช ปน อมิ นิ า ปน ทาเนน มา เม ทาลทิ ทฺ ยิ ํ อหุ นตถฺ ตี ิ วจนํ นาม มา อโหส ิ ภวาภเว ฯ ภนเฺ ต เอวรปู า ทุชชฺ ีวติ า มุจฺเจยฺย ํ นตฺถตี ิ ปทเมว น สุเณยฺยนตฺ ิ ปตฺถนํ ปกกฺ ามิ ฯ สุมนเสฏฺิโนป ิ ฉตฺเต อธิวตถฺ า เทวตา อโห ทานํ ปรมทาน ํ อุปริฏฺเ สุปปฺ ติฏฺ ิตนฺต ให้เวลา ๔ ชั่วโมง กบั ๑๕ นาที. 21 เฉลย ประโยค ป.ธ. ๓ สมั พนั ธ์ไทย อนฺนภาโร สยกตฺตา ใน เปสิ ๆ อาขฺยาตบท กตฺตุวาจก ตํ ก็ดี ตุจฺฉปตฺตหตฺถํ ก็ด ี วิเสสน ของ ปจฺเจกพุทฺธํ ๆ อวุตฺตกมฺม ใน ทิสฺวา ๆ ปพุ ฺพกาลกิริยา ใน ปจุ ฺฉติ ฺวา “ภนฺเต อาลปน ตมุ เฺ ห สยกตตฺ า ใน ลภติ ฺถ ๆ อาขยฺ าตบท กตฺตวุ าจก ปจุ ฉฺ ิตวฺ า ๆ ปพุ พฺ กาลกิรยิ า ใน วตวฺ า “มหาปฺุ อาลปน อห ํ สยกตฺตา ใน ลภิสฺสามิ ๆ อาขฺยาตบท กตฺตุวาจก อิติ ศัพท ์ สรูป ใน วจเน ๆ ลกฺขณ ใน วุตฺเต ปจฺเจกพุทฺเธน อนภิหิตกตตฺ า ใน วตุ เฺ ต ๆ ลกขฺ ณกิรยิ า “ภนฺเต อาลปน เตนหิ ศัพท ์ วิภตฺติปฏิรูปก ตุมฺเห เหตุกตฺตา ใน อาคเมถ กาล ํ การิตกมฺม ใน อาคเมถ ๆ อาขฺยาตบท เหตุกตฺตุวาจก (หรือสัมพันธ์ว่า ตุมฺเห สยกตฺตา ใน อาคเมถ ๆ อาขฺยาตบท กตฺตุวาจก๑) โถก ํ กริ ยิ าวเิ สสน๒ ใน อาคเมถ อติ ิ ศพั ท ์ อาการ ใน วตวฺ า ๆ ปพุ พฺ กาลกริ ยิ า “ภทฺเท อาลปน ปิตภาคภตฺตํ สยกตฺตา ใน อตฺถิ ๆ อาขฺยาตบท กตตฺ ุวาจก มยหฺ ํ สมปฺ ทาน ใน ปิต- (กึ ศพั ท์ ปจุ ฺฉนตถฺ ), ปิตภาคภตฺต ํ ใน ปจุ ฉฺ ติ วฺ า ๆ ปุพฺพกาลกริ ยิ า ใน ปจจฺ าคนตฺ วฺ า ๑ คำวา่ “อาคเมถ” มาจาก อา + คมฺ + เณ + ถ ฯ ในสัททนีติปกรณ ์ ธาตุมาลา อธบิ ายว่า คมฺ (คมุ) ๒ “โถกํ” อาจารยบ์ างท่าน สมั พันธเ์ ปน็ “การิตกมฺม ใน อาคเมถ” ตามนยั แรกบ้าง หรือ สัมพันธว์ ่า 22 อาขฺยาตบท กตฺตุวาจก (ตุมฺหากํ สมฺปทาน ใน ปิต-) อิติ ศัพท์ สรูป ใน วจเน ๆ ลกฺขณ ใน วุตฺเต ภรยิ าย อนภิหิตกตฺตา ใน วุตฺเต ๆ ลกฺขณกริ ิยา ปุพพฺ กาลกิรยิ า ใน คนฺตวฺ า “เทยฺยธมฺโม สยกตฺตา ใน โหติ น ศัพท์ ปฏิเสธ ใน โหติ ๆ อาขฺยาตบท กตฺตุวาจก มยฺห ํ ภาวาทิสมพนฺธ ใน ทาตุกามตาย ๆ ลกฺขณ ใน สติ ๆ ลกขฺ ณกริ ยิ า, อห ํ สยกตตฺ า ใน ลภาม ิ น ศพั ท ์ ปฏเิ สธ ใน ลภามิ ๆ ปน ศัพท ์ วิเสสโชตก ปฏิคาหโก วุตฺตกมฺม ใน ทิฏฺโ เม อนภิหิตกตฺตา ใน ทฏิ โฺ ๆ กติ บท กมฺมวาจก อชชฺ กาลสตตฺ มี ใน ทฏิ โฺ ลาภา สยกตฺตา ใน อตฺถิ ๆ อาขฺยาตบท กตฺตุวาจก วต ศัพท์ อจฺฉริยตฺถ (หรือ วจนาลงกฺ าร) เม สมปฺ ทาน ใน อตถฺ ิ (หรือสมั พนั ธว์ ่า ลาภา ลงิ คฺ ตฺถ คนตฺ ฺวา ๆ ปพุ ฺพกาลกริ ยิ า ใน อากิราเปตวฺ า ปตฺเต อาธาร ใน อากิราเปตวฺ า ปุพฺพกาลกิรยิ า ใน ปตฏิ ฺาเปตฺวา ปจเฺ จกพทุ ฺธสฺส สามสี มพฺ นฺธ ใน หตเฺ ถ ๆ อหุ มา ศัพท ์ ปฏิเสธ ใน อหุ ๆ อาขฺยาตบท กตฺตุวาจก อิมินา วิเสสน ของ ทาเนน ๆ กรณ (หรือ เหต)ุ ใน อหุ เม สมฺปทาน ใน อหุ, * อาจารย์บางท่าน สมั พันธว์ า่ “ภตฺตํ การิตกมฺม ใน อากริ าเปตวฺ า” บ้าง. 23 ใน อโหสิ ๆ อาขฺยาตบท กตฺตุวาจก นตฺถ ิ สรูป ใน อิติ ๆ ศัพท ์ สรูป ใน วจน ํ นาม ศัพท ์ สฺาโชตก เข้ากับ วจน ํ ภวาภเว วิสยาธาร ใน อโหสิ, ภนฺเต อาลปน อหํ สยกตฺตา ใน มุจฺเจยฺยํ ๆ อาขฺยาตบท กตฺตุวาจก เอวรูปา วิเสสน ของ ทุชฺชีวิตา ๆ อปาทาน ใน มุจฺเจยฺยํ, อหํ เปสิ ฯ ปจฺเจกพุทฺโธ สยกตฺตา ใน ปกฺกามิ ๆ อาขฺยาตบท กตฺตุวาจก “มหาปฺุ อาลปน เอวํ วเิ สสน ของ ปตถฺ ติ ผลํ (หรอื ปตฺถติ ปปฺ ตฺถนา๔) ๆ เทวตา สยกตตฺ า ใน อทาสิ ๆ อาขฺยาตบท กตฺตวุ าจก สุมนเสฏฺ โิ น อโห ศัพท์ อจฺฉริยตฺถ ทานํ วุตฺตกมฺม ใน สุปฺปติฏฺิต ํ อนฺนภาเรน อนภิหิตกตฺตา ใน สุปฺปติฏฺิตํ ๆ กิตบท กมฺมวาจก ปรมทานํ วเิ สสน ของ ทาน ํ อปุ รฏิ เฺ อาธาร ใน สปุ ปฺ ตฏิ ฺ ติ กริ ยิ าวเิ สสน๕ ใน อทาสิ สาธุการ ํ อวตุ ฺตกมฺม ใน อทาสิ ฯ พระราชวิสุทธเิ วท ี มโนกโร วัดปากนำ้ สมั พนั ธ ๔ อาจารย์บางทา่ นโยค “ปิตปฏฺ นา” บ้าง. ๕ อาจารยบ์ างทา่ น สัมพนั ธว์ า่ “อจฺจนฺตสํโยค” บา้ ง. 24 บรุ พภาค สอบ วนั ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๔ จงแก้ตัวอกั ษร ยอ่ หน้า และจัดวรรคตอน ใหถ้ ูกต้องตามสมยั นิยม ฯ ท่ีพศ๐๐๐๒/๑๐๕๐๕ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อำเภอพุทธมนฑณ ประกาสณียะบัดประโยค๑-๒ นมัดสกานพระวิสุทธิวงศาจารย์ เจ้าคณะใหญ ๑ ฉบับ ๒. สำเนาหนังสือขอรับพระบันชาสมเด็จพระสังฆราช จำนวน ๑ ฉบบั ดว้ ยสมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณ สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก ไปปฏิบัติหน้าท่ีแทน ส่วนในเขตปกครองคนะสงฆ์หนเหนือ หนตะวันออก และหนใต้ มอบถวายเจ้าคนะใหญ่ หนน้ันๆ ปฏิบัติหน้าที่แทน สำนักงานพระ พทุ รศาสนาแหง่ ชาติ ขอนมดั สการวา่ ในการจดั พธิ ซี งตง้ั เปรยี ญธรรม๓ประโยค ใหเ้ วลา ๑ ช่ัวโมง กบั ๑๕ นาท.ี 25 เฉลย ประโยค ป.ธ. ๓ บุรพ ท่ี พศ ๐๐๐๒/๑๐๕๐๕ สำนกั งานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาต จังหวัดนครปฐม ๗๓๑๗๐ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๓ เรอ่ื ง ขออาราธนามอบประกาศนยี บัตรประโยค ๑ - ๒ นมสั การ พระวิสุทธวิ งศาจารย ์ เจ้าคณะใหญห่ นเหนือ ส่งิ ท่ีส่งมาด้วย ๑. สำเนามติมหาเถรสมาคม มตทิ ่ี ๒๓๗/๒๕๖๒ จำนวน ๑ ฉบบั ๒. สำเนาหนงั สอื ขอรบั พระบญั ชาสมเดจ็ พระสงั ฆราช จำนวน ๑ ฉบบั ดว้ ย สมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณ สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก เปรียญธรรม ๓ ประโยค ประจำปี ๒๕๖๓ โดยในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง มอบถวายเจา้ คณะใหญ่หนนน้ั ๆ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทแ่ี ทน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ขอนมัสการว่า ในการจัดพิธีทรงตั้ง 26 ในเขตปกครองคณะสงฆห์ นเหนอื จำนวน ๑๙๘ รปู ณ วดั จองคำ อำเภองาว จงั หวดั จึงนมัสการมาเพื่อโปรดพิจารณา และขอขอบพระคุณเป็นอย่างย่ิงมา ณ โอกาสน นายสิทธา มลู หงษ ์ (นายสิทธา มลู หงษ์) ผู้ตรวจราชการ ปฏิบัตริ าชการแทน ผอู้ ำนวยการสำนกั งานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาต กองพุทธศาสนศึกษา 27 ประโยค ป.ธ. ๓ ปญั หา บาลีไวยากรณ ๑. ฐานกรณ์ คืออะไร ฯ มีเท่าไร ฯ อะไรบ้าง ฯ ง ณ น ม เกิดท่ีฐานไหน เรียกชอื่ วา่ อยา่ งไร ฯ ๒. สนธิ กับ สมาส ต่างกันอย่างไร ฯ จงตอบพร้อมท้ังยกตัวอย่างมาประกอบ ดว้ ย ฯ ภวตฺวนฺตราโย, ทูรมาคโต, สาหํ เป็นสนธิอะไร ฯ ตัดและต่อ อยา่ งไร ฯ ๓. จงตอบคาํ ถามตอ่ ไปน ข. มโนคณะ ได้แก่ศพั ทอ์ ะไรบา้ ง ฯ ค. ปรู ณสังขยา เปน็ นามศัพท์ชนดิ ไหน ฯ ฆ. มย,ํ อิเม เปน็ สพั พนามชนิดไหน ฯ ง. อัพยยศัพท์ แบง่ เปน็ เทา่ ไร ฯ อะไรบา้ ง ฯ ๔. อ อาคม และ อิ อาคม ในอาขยาต ลงในวิภัตติหมวดไหนได้บ้าง ฯ จงแก้คำทเ่ี หน็ ว่าผิด ใหถ้ ูกตอ้ งตามหลักไวยากรณ์ ในประโยคต่อไปน้ี ฯ ก. เอกสฺมึป ิ วเย ปุตโฺ ต วา ธีตา วา อปุ ฺปชฺเชยยฺ ุํ ฯ ข. สา อนาถา วจิ รนตฺ า มหาทุกฺขํ ปาปณุ นตฺ ิ ฯ ค. ตโยปิ สกิ ขฺ า กถติ าเยว โหติ ฯ ๕. ปัจจัยแห่งกิริยากิตก์ หมวดไหน บอกให้รู้ความอะไร ฯสนฺติมคฺคนิโยชโก (สงฺโฆ), วิมุตฺติ, สุวโจ (เถโร) ลงปัจจัยอะไร เป็นรูป และสาธนะอะไร จงตง้ั วิเคราะหม์ าดู ฯ ๖. อะไรช่ือว่ากัมมธารยสมาส ฯ เฉพาะวิเสสโนภยบท กัมมธารยสมาส กับทวันทวสมาส ต่างกันอย่างไร ฯ ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต (ภควา) เป็นสมาส อะไรบา้ ง จงต้งั วเิ คราะหม์ าตามลำดบั ฯ ๗. สมุหตัทธิต เป็นนามหรือคุณ ฯ ต่างจากราคาทิตัทธิตอย่างไรบ้าง ฯ เวสารชฺชํ, พลวตี (ชิฆจฺฉา), เจตสิกํ (กมฺมํ) ลงปัจจัยอะไร ในตัทธิตไหน จงตง้ั วเิ คราะหม์ าดู ฯ ใหเ้ วลา ๓ ช่วั โมง. 28 เฉลย ประโยค ป.ธ. ๓ ปญั หา บาลีไวยากรณ์ ๑. ฐาน คือ ทตี่ ั้งท่เี กิดของอักขระ มี ๖ คอื กณฺโ คอ ๑ ตาลุ เพดาน ๑ มุทฺธา ศีรษะก็ว่า ปุ่มเหงือกก็ว่า ๑ ทนฺโต ฟัน ๑ โอฏฺโ ริมฝีปาก ๑ นาสิกา จมกู ๑ ฯ กรณ์ คอื ที่ทำอักขระ มี ๔ คือ ชวิ ฺหามชฺฌํ ทา่ มกลางลิน้ ๑ ชิวโฺ หปคคฺ ํ ถดั ปลายลน้ิ เข้ามา ๑ ชวิ ฺหคคฺ ํ ปลายลน้ิ ๑ สกฏฺ านํ ฐานของตน ๑ ฯ ง เกดิ ในคอ เรยี กวา่ กัณฐชะ เกดิ ท่ีเพดาน เรียกว่า ตาลชุ ะ ณ เกดิ ในศีรษะหรอื ปุม่ เหงอื ก เรยี กว่า มทุ ธชะ น เกดิ ทีฟ่ นั เรยี กวา่ ทนั ตชะ ม เกิดทรี่ มิ ฝีปาก เรยี กว่า โอฏฐชะ อนงึ่ พยญั ชนะทีส่ ดุ วรรคทงั้ ๕ นี้ เกิดได้ ๒ ฐาน คอื เกดิ ตามฐานเดิม ของตนและจมกู จงึ เรียกว่า สกฏฺ านนาสกิ ฏฺ านชา ฯ ๒. สนธกิ บั สมาสตา่ งกนั อยา่ งน้ี สนธิ คอื วธิ ตี อ่ ศพั ทแ์ ละอกั ขระใหเ้ นอื่ งกนั ดว้ ย อักขระ เพื่อจะย่นอักขระให้น้อยลง เป็นอุปการะในการแต่งฉันท์ และทำคำพูดให้สละสลวย ดังเช่น เอตทโวจ ถ้าจะแปลต้องแยกศัพท์ ออกจากกัน เปน็ เอตํ อโวจ ฯ ส่วนสมาสนั้น ย่อนามศัพท์ต้ังแต่ ๒ ศัพท์ข้ึนไปเข้าเป็นบทเดียวกัน ดังเช่น รญฺโ ปุตฺโต เป็น ราชปุตฺโต ถ้าจะแปลไม่ต้องแยกศัพท์ออกจาก กันเหมอื นสนธิ ฯ ภวตวฺ นตฺ ราโย เปน็ อาเทสสระสนธิ ตดั เปน็ ภวตุ + อนตฺ ราโย สระอยหู่ ลงั อาเทส อุ ที่ ตุ เป็น ว เป็น ภวตฺว ลบ อ สระหน้า ที่ ว แล้วต่อเป็น ภวตฺวนฺตราโย ฯ 29 ทูรมาคโต เป็นอาเทสนิคคหิตสนธิ ตัดเป็น ทูรํ + อาคโต ถ้านิคคหิต อยหู่ น้า สระอย่หู ลัง อาเทสนคิ คหติ เปน็ ม ตอ่ เป็น ทรู มาคโต ฯ สาหํ เป็นโลปสระสนธิ ตัดเป็น สา + อหํ สระหน้าเป็นทีฆะ และ สระหลังเปน็ รสั สะ ลบสระหน้าแล้วทฆี ะสระหลงั เปน็ อา ตอ่ เปน็ สาหํ ฯ ๓. ไดต้ อบคำถามดังตอ่ ไปน ท่เี ป็นตวั ประธานอย่าง ๑ เปน็ อาลปนํ คำสำหรับร้องเรยี กอยา่ ง ๑ ฯ ข. มโนคณะ ได้แก่ศัพทเ์ หลา่ น้ี คอื มน ใจ, อย เหล็ก, อรุ อก, เจต ใจ, ตป ความร้อน, ตม มืด, เตช เดช, ปย น้ำนม, ยส ยศ, วจ วาจา, วย วัย, สริ หัว ฯ ค. ปรู ณสงั ขยา เปน็ นามศพั ท์ชนิดคณุ นาม ฯ ฆ. มย ํ เป็นสัพพนามชนิดปุริสสัพพนาม อิเม เป็นสัพพนามชนิด วเิ สสนสัพพนาม ฯ ง. อพั ยยศัพท์ แบง่ เปน็ ๓ คือ อปุ สคั ๑ นิบาต ๑ ปจั จยั ๑ ฯ ๔. อ อาคม และ อิ อาคม ในอาขยาต ลงในหมวดวิภัตติดังน้ี คอื อ อาคม ลงในวิภัตติหมวด หยิ ตั ตนี อัชชตั ตนี กาลาตปิ ัตติ ส่วน อิ อาคม ลงในวภิ ัตตหิ มวด อชั ชตั ตนี ภวิสสนั ติ และกาลาติปตั ติ ฯ ไดแ้ กค้ ำท่เี หน็ วา่ ผดิ ใหถ้ ูกต้องตามหลกั ไวยากรณ์ในประโยคตอ่ ไปน้ เอกสฺมปึ ิ วเย ปุตฺโต จ ธตี า จ อุปปฺ ชฺเชยฺยุํ ฯ ข. สา อนาถา วจิ รนตฺ ี มหาทกุ ฺขํ ปาปุณาติ ฯ หรอื ตา อนาถา วิจรนตฺ ิโย มหาทกุ ฺข ํ ปาปณุ นฺติ ฯ ค. ตสิ โฺ สป ิ สกิ ขฺ า กถิตาเยว โหนฺติ ฯ 30 ๕. ปจั จัยแหง่ กริ ยิ ากติ ก์ แต่ละหมวดบอกใหร้ ูค้ วามดงั ตอ่ ไปนี้ อนตฺ ปจั จยั ในหมวดกติ ปัจจัย และ มาน ปัจจัย ในหมวดกิตกจิ จปจั จยั บอกให้รคู้ วามเปน็ ปจั จุบันกาล แปลวา่ อย,ู่ เมื่อ อนีย,ตพพฺ ปัจจยั ในหมวดกจิ จปัจจัย บอกให้รคู้ วามจำเป็น แปลว่า พึง ตวนฺตุ, ตาวี ในหมวดกิตปัจจัย และ ต, ตูน, ตฺวา, ตฺวาน ในหมวด กติ กิจจปจั จยั บอกใหร้ คู้ วามเปน็ อดตี กาล แปลวา่ แล้ว ฯ สนฺติมคฺคนิโยชโก (สงฺโฆ) ลง ณฺวุ ปัจจัย เป็นกัตตุรูป กัตตุสาธนะ ตงั้ วิเคราะหว์ ่า สนฺตมิ คเฺ ค นิโยเชตีต ิ สนฺตมิ คคฺ นโิ ยชโก (สงฺโฆ) วิมุตฺติ ลง ติ ปัจจัย เป็นภาวรูป ภาวสาธนะ ต้ังวิเคราะห์ว่า วิมุจฺจน ํ วิมตุ ฺติ ฯ สุวโจ (เถโร) ลง ข ปัจจัย เป็นกัมมรูป กัมมสาธนะ ตั้งวิเคราะห์ว่า สเุ ขน วจิยเตติ สวุ โจ (เถโร) ฯ หรือ ตัง้ วิเคราะหว์ ่า สุเขน วตตฺ พโฺ พติ สุวโจ (เถโร) ฯ ๖. นามศพั ท์ ๒ บท มีวิภัตตแิ ละวจนะเป็นอย่างเดยี วกนั บทหน่ึงเป็นประธาน คือ เป็นนามนาม บทหน่ึงเป็นวิเสสนะคือเป็นคุณนาม หรือเป็นคุณนาม ท้ังสองบท มีบทอื่นเป็นประธาน ที่ท่านย่อเข้าเป็นบทเดียวกัน ชื่อว่า กัมมธารยสมาส ฯ เฉพาะวิเสสโนภยบท กัมมธารยสมาส กับทวันทวสมาส ต่างกันดังน ี้ คือ วิเสสโนภยบท กมั มธารยสมาส มีบทท้ัง ๒ เปน็ วิเสสนะ มีบทอน่ื เป็น ประธาน ส่วนทวันทวสมาส มีนามนามต้ังแต่ ๒ บทข้ึนไป ที่ท่านย่อเข้า เปน็ บทเดียวกัน ฯ ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต เป็น ตติยาตัปปุริสสมาส มีฉัฏฐีตัปปุริสสมาส เป็นภายใน ตง้ั วเิ คราะห์ตามลำดบั ดงั นี ต.ตัป. ภกิ ฺขุสงเฺ ฆน ปรวิ โุ ต ภิกขฺ ุสงฺฆปริวุโต (ภควา) ฯ 31 ๗. สมุหตัทธิต เป็นนาม ฯ ต่างจากราคาทิตัทธิตดังนี้ คือ สมุหตัทธิต เปน็ นามนามอย่างเดยี ว ลงปจั จยั ๓ ตัว คอื กณฺ ณ ตา แทน สมหุ ศัพท อยา่ งเดยี ว ลง ณ ปจั จยั ใช้แทนศัพท์ท่ัวไปมี รตฺต ศัพท์เปน็ ต้น ฯ เวสารชฺชํ ลง ณฺย ปัจจัย ในภาวตัทธิต ตั้งวิเคราะห์ว่า วิสารทสฺส ภาโว เวสารชชฺ ํ ฯ พลวตี (ชิคจฺฉา) ลง วนฺตุ ปัจจัย ในตทัสสัตถิตัทธิต ตั้งวิเคราะห์ว่า พล ํ อสฺสา อตฺถีต ิ พลวต ี (ชิคจฉฺ า) ฯ เจตสิกํ (กมฺมํ) ลง ณิก ปัจจัย ในตรตยาทิตัทธิต ตั้งวิเคราะห์ว่า เจตสา วตตฺ ตตี ิ เจตสิกํ (กมฺมํ) ฯ หรือ เจตสา กต ํ เจตสิก ํ (กมมฺ ํ) ฯ พระธรรมเจดีย์ เขมจารี วัดทองนพคณุ เฉลย สนามหลวงแผนกบาลี ตรวจแก้. 32 แปล ไทยเป็นมคธ สอบ วันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๔ ๑. พระอานนท์เถระ ทูลแจ้งข่าวสาส์นท่ีคนสำคัญทั้งหลายมีอนาถ มีอนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นหัวหน้า หวัง(รอคอย)การเสด็จมาของพระองค์อยู่ ฯ ภิกษุท้ังหลายเห็นช้างน้ันแล้ว ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า พระเจ้าข้า ช้างทำ ทรงพาภกิ ษทุ ั้งหลายเสด็จกลบั แลว้ ฯ ฝ่ายช้างเข้าไปยงั ไพรสณฑ์แลว้ รวบรวม ได้ถวายแกภ่ กิ ษุทงั้ หลายแลว้ ฯ ภกิ ษุ ๕๐๐ รูปไม่สามารถจะฉนั ผลไม้ทุกอย่าง ได้ยืนขวางเบื้องพระพักตร์พระบรมศาสดา ฯ ภิกษุทั้งหลายเห็นกิริยานั้นแล้ว ภิกษทุ ้งั หลาย ช้างนี้ สง่ พวกเธอแล้วชวนใหเ้ รากลับ ฯ ภิกษุท้งั หลาย. อย่างนน้ั ของเรา ฌานก็ดี วิปัสสนาก็ดี มรรคและผลก็ดี ย่อมไม่มีแก่เจ้า โดยอัตภาพนี้ ในปาก ร้องไห้อยู่ ได้เดินตามไปข้างหลังๆ แล้ว ฯ ก็ช้างตัวประเสริฐนั้น เมอื่ ทลู เชญิ ใหเ้ สดจ็ กลบั ได้ กจ็ ะพงึ ปฏบิ ตั โิ ดยทำนองนน้ั นนั่ แลจนตลอดชวี ติ ฯ 33 ๒. ฝ่ายพระบรมศาสดา เสด็จถึงเขตแดน (อุปจาร) บ้านนั้นแล้ว รับส่ังว่า ปาริเลยยกะ จำเดิมแต่น้ีไปมิใช่พื้นท่ีของเจ้า ถ่ินท่ีอยู่ของมนุษย์ มีอันตรายเบียดเบียนรอบด้าน เจ้าจงหยุดเถิด ฯ ช้างนั้น ยืนร้องไห้อยู่ในท่ีนั้น ปาริเลยยกเทพบุตร ฯ เหล่าภิกษุชาวเมืองโกสัมพี ฟังว่า ข่าวว่า พระบรมศาสดาเสด็จถึงเมือง ดูกรมหาบพิตร ภิกษุเหล่านั้น เป็นผู้มีศีล เพียงแต่ไม่ถือเอาคำของอาตมา เพราะวิวาทกันและกันอย่างเดียว บัดนี้ภิกษุเหล่าน้ันมาเพ่ือขอขมาอาตมา ดูกรมหาบพิตร ขอภิกษุเหล่าน้ันจงมาเถิด ฯ ให้เวลา ๔ ชวั่ โมง กบั ๑๕ นาที. 34 แปล ไทยเปน็ มคธ ๑. อานนฺทตฺเถโร อนาถปณิ ฑฺ กิ าทหี ิ เปสติ ํ สาสนํ อาโรเจตวฺ า ภนฺเต อนาถปิณฺฑิกปมุขา ปฺจ อริยสาวกโกฏิโย ตุมฺหากํ อาคมนํ ทาตํุ ปจฺจาสึสต ิ ทีฆรตตฺ ํ โข ปนาย ํ มยหฺ ํ อุปการโก นาสสฺ จิตตฺ ํ นาสกฺขึสุ ฯ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน สตฺถา ปตฺตจีวร ํ คเหตฺวา นิกฺขมิ ฯ นาโค ภิกขฺ นู ํ อนฺตรนฺตเรน คนฺตวฺ า สตฺถุ ปรุ โต ตริ ยิ ํ อฏฺ าสิ ฯ ภิกขฺ ู สตถฺ า ปารเิ ลยฺยก อิท ํ มม อนวิ ตตฺ คมนํ ตว อิมินา อตตฺ ภาเวน ฌานํ นาโค มุเข โสณฺฑํ ปกขฺ ปิ ติ ฺวา โรทนโฺ ต ปจฺฉโต ปจฉฺ โต อคมาส ิ ฯ ๒. สตถฺ า ปน ต ํ คามปู จาร ํ ปตวฺ า ปารเิ ลยยฺ ก อโิ ต ปฏฺ าย ตว อภมู ิ มนสุ สฺ าวาโส สปรปิ นโฺ ถ ตฏิ ฺ ตวฺ นตฺ ิ อาห ฯ โส โรทมาโน นพิ พฺ ตฺต ิ ฯ ปารเิ ลยฺยกเทวปุตฺโตเตวฺ วสฺส นาม ํ อโหส ิ ฯ 35 โกสมพฺ กิ า ภกิ ขฺ ู สตถฺ า กริ สาวตถฺ ึ อาคโตต ิ สตุ วฺ า สตถฺ าร ํ ขมาเปต ุํ ตตถฺ อคมสํ ุ ฯ โกสลราชา เต กริ โกสมพฺ กิ า ภณฑฺ นการกา ภกิ ขฺ ู อาคจฉฺ นตฺ ตี ิ สตุ วฺ า สตถฺ าร ํ อปุ สงกฺ มติ วฺ า อห ํ ภนเฺ ต เตส ํ มม วชิ ติ ํ อฺ มฺ ํ ววิ าเทน มม วจน ํ น คณหฺ สึ ุ อทิ าน ิ ม ํ ขมาเปต ํุ อาคจฉฺ นตฺ ิ 36 แปล มคธเปน็ ไทย สอบ วนั ท่ี ๙ มนี าคม ๒๕๖๔ ๑. ยเจ อาปตฺตาธิกรณ ํ อกุสลํ ตมฺปิ เทสิตํ วุฏฺิต ํ วา อนนตฺ รายกร ํ ฯ ยถา หิ อรยิ ุปวาทกมมฺ ํ อกสุ ลปํ ิ สมาน ํ อจฺจยํ เทเสตวฺ า อวิปากธมฺมตาย อโหสกิ มมฺ ภาเวน อนนตฺ รายกรํ ฯ เตเนว สาปตตฺ กิ สสฺ วตุ ตฺ าติ จุลฺลวคฺเค สมถกฺขนธฺ กฏีกา ฯ ตตรฺ ที ํ วตถฺ ุ กสสฺ ปพทุ ธฺ สาสเน เอโก ทหรภกิ ขฺ ุ วสี ตวิ สสฺ สหสสฺ าน ิ คจฺฉนฺโต เอรกคมุ เฺ พ เอรกปตฺต ํ คเหตวฺ า นาวาย เวคสา คจฉฺ นตฺ ยิ าป ิ น มุ จฺ ิ ฯ เอรกปตตฺ ํ ฉชิ ชฺ ิ ฯ โส อปปฺ มตตฺ กเมตนตฺ ิ อาปตตฺ ึ อเทเสตวฺ า เอกรุกฺขนาวปปฺ มาโณ นาคราชา อโหสิ ฯ เอรกปตฺโตตสิ ฺส นาม ํ ฯ โส 37 ๒. อถ นาคมาณวกิ า กสึ อุ ธปิ ต ี ราชา ก ึ ส ุ ราชา รชสสฺ โิ ร กถ ํ ส ุ วริ โช โหต ิ กถ ํ พาโลต ิ วจุ จฺ ต ิ ฯ เกนสสฺ ุ วยุ หฺ ต ี พาโล กถ ํ นทุ ต ิ ปณฑฺ โิ ต โยคกเฺ ขม ี กถ ํ โหต ิ ตมเฺ ม อกขฺ าห ิ ปจุ ฉฺ โิ ตต ตตถฺ กสึ ตู ิ กสิ สฺ อธปิ ต ิ ราชา นาม โหต ิ ฯ ก ึ สตู ิ กถ ํ ปน ราชา รชสสฺ โิ ร นาม โหต ิ ฯ กถ ํ สตู ิ กถนนฺ ุ โส ราชา วริ โช นาม ฯ ให้เวลา ๔ ชวั่ โมง กับ ๑๕ นาที. 38 แปล มคธเป็นไทย ๑. ฏีกาสมถขันธกะ จุลวรรค ว่า หากอาปัตตาธิกรณ์ แม้ที่เป็นอกุศล ในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ พระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่ง จบั ใบตะไครน้ ำ้ ทก่ี อตะไครน้ ำ้ ไวแ้ ลว้ แมเ้ มอ่ื เรอื แลน่ ไปโดยเรว็ กไ็ มป่ ลอ่ ย ฯ เปน็ เหมอื นถกู ใบตะไครน้ ำ้ รดั ทค่ี อ ในเวลาใกลต้ าย แมป้ ระสงคจ์ ะแสดงอาบตั ิ เอรกปตั ต์ ฯ พญานาคนน้ั คดิ วา่ เราจกั ไดฟ้ งั การอบุ ตั แิ หง่ พระพทุ ธเจา้ ดว้ ยอบุ าย 39 ณ โคนไม้ซึกต้นหน่ึง ใกล้กรุงพาราณสี ทอดพระเนตรเห็นมาณพชื่ออุตตระ ผกู้ ำลงั ไปเพอ่ื รอ้ งแก้ จงึ ตรสั วา่ เธอจงมาขา้ งนเ้ี ถดิ ฯ เขาเขา้ ไปเฝา้ พระบรมศาสดา ตรัสว่า อุตตระ นั่นไม่ใช่เพลงแก้ ดังน้ีแล้ว ทรงให้เขาเรียนเพลงแก้ ฯ เขาเมอื่ เรยี นเพลงแกน้ นั้ แล กเ็ ปน็ โสดาบนั ไดไ้ ปแลว้ ฯ ๒. คร้งั นน้ั นาคมาณวิกา ขับ (เพลง) ด้วย ๒ คาถาว่า ผเู้ ปน็ ใหญแ่ หง่ อะไรเลา่ ชอื่ วา่ พระราชา, อยา่ งไรเลา่ มีธุลีไปปราศแล้ว, อย่างไร เรียกว่าคนพาล, คนพาล บรรดาบทเหลา่ นัน้ คำวา่ กสึ ุ ความวา่ ผ้เู ปน็ ใหญแ่ หง่ อะไร ชอ่ื วา่ บทว่า วุยหฺ ติ ความว่า คนพาล เป็นผูอ้ นั ธรรมอะไรพดั ไป ฯ บทว่า พระวสิ ุทธาธบิ ดี จติ ฺตคุตฺโต วดั สุทศั นเทพวราราม แปล สนามหลวงแผนกบาล ี ตรวจแก.้ 40 แปล ไทยเป็นมคธ สอบ วนั ท ี่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๔ ๑. เม่ือเศรษฐีทำกรรมน้ีและน้ีอยู่น่ันแล เด็กเติบใหญ่แล้ว ฯ เด็กนั้น ได้มีช่ือว่า โฆสกะ ฯ เขาปรากฏแก่เศรษฐีประหนึ่งหนามแทงตา ฯ เศรษฐีไม่ (ห่ัน)ให้เป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่ เอาใส่ตุ่มแล้วเผาในเตา ทรัพย์หนึ่งพันนี ้ เป็นเช่นกับรางวัลของท่าน เราจะทำสิ่งที่ควรทำแก่ท่านให้ยิ่งข้ึนไปอีก ในภายหลัง ฯ ช่างหม้อรับคำว่า ได้จ้ะ ฯ วันรุ่งขึ้น เศรษฐีให้เรียกโฆสกะ มาแล้ว บอกว่า พ่อ เม่ือวานนี้ เราสั่งงานช่างหม้ออย่างหน่ึงเอาไว้ มาเถิด เจา้ ไปสำนักของเขาแล้วพดู อยา่ งนี้ว่า ได้ยินว่า ท่านจงยัง(ทำ)งานท่พี อผมสั่งไว้ เห็นโฆสกะน้ัน กำลังเดินไปอยู่ในที่น้ัน จึงเรียกโฆสกะนั้นแล้วถามว่า จะไป พ่ีจงชนะคืนเอาคะแนนให้ฉัน ฯ โฆสกะบอกว่า พ่ีกลัวพ่อ ฯ ลูกเศรษฐีพูดว่า 41 ๒. ฝ่ายโฆสกะน้ัน จึงพูดกะลูกชายเศรษฐีน้ันว่า ถ้ากระน้ัน เธอจงไป นายช่างหม้อนั้น เห็นเศรษฐีนั้นกำลังเดินมาอยู่โดยอาการอย่างน้ันจึงพูดว่า ให้เวลา ๔ ช่วั โมง กบั ๑๕ นาที. 42 เฉลย ประโยค ป.ธ. ๕ แปล ไทยเป็นมคธ ๑. เสฏฺิโน อิทฺจิทฺจ กโรนฺตสฺเสว ทารโก วฑฺฒิโต ฯ กโรหตี ิ อาห ฯ ก ึ สามีต ิ ฯ เอโก เม อวชาตปตุ ฺโต อตฺถิ ตํ ตว ลฺจการสทิสํ อุตฺตรึ ปุน เต กตฺตพฺพยุตฺตก ํ ปจฺฉา กริสฺสามีต ิ ฯ กมุ ฺภกาโร สาธูต ิ สมฺปฏิจฉฺ ิ ฯ เสฏฺี ปุนทวิ เส โฆสกํ ปกโฺ กสาเปตวฺ า นปิ ผฺ าเทหตี ิ ปหิณิ ฯ โส สาธตู ิ อคมาส ิ ฯ ตํ ตตถฺ คจฺฉนตฺ ํ อิตโร 43 นิปฺผนฺนนฺต ิ อาห ฯ โส ปพฺพเตน วิย มหนฺเตน โสเกน อวตฺถริโต หตุ ฺวา อนปปฺ ก ํ โทมนสสฺ ํ ปฏิสเํ วเทส ิ ยถาตํ อปฺปทุฏฺสสฺ ปทุฏฺ มโน ฯ 44 แปล มคธเปน็ ไทย สอบ วนั ที ่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๔ ๑. เมถนุ ํ ธมมฺ นตฺ ิ ราคปรยิ ุฏฺาเนน สทสิ าน ํ อุภินนฺ ํ ธมมฺ นฺต ิ อตโฺ ถ ฯ ธมโฺ มต ิ อชฌฺ าจาโรต ิ ตฏฏฺ กี า ฯ มถิ นุ าน ํ วตุ ตฺ ากาเรน ทวฺ นทฺ วฺ ภตู าน ํ อยนตฺ ิ เมถโุ นต ิ จฬู หตถฺ ปิ โทปม- รตตฺ ึ น ภุ ฺเชยยฺ วกิ าลโภชนนฺติ รตตฺ มิ ฺป ิ น ภุเฺ ชยยฺ ทวิ าปิ มฺเจ ฉมายํ ว สเยถ สนถฺ เตต ิ มุฏฺ ิหตฺถปาทเก กปฺปยิ มฺเจ อฏฺงฺคิกนตฺ ิ ปฺจงคฺ กิ ํ วิย ตรุ ิย ํ อฏฺ งฺคาวินมิ ตุ ตฺ ํ ฯ ทุกขฺ นฺตคุนาต ิ ตตฺถ กายทฺวารปฺปวตฺตา อสทฺธมฺมปฺปฏิเสวนฏฺานวีติกฺกมเจตนา อสทธฺ มมฺ เสวนาธปิ ปฺ าเยน กายทวฺ ารปปฺ วตตฺ า มคเฺ คน มคคฺ ปปฺ ฏปิ ตตฺ -ิ สมฏุ ฺ าปิกา เจตนา อพรฺ หฺมจริย ํ ฯ ตสฺส เทวฺ สมฺภารา เสวติ กุ ามตาจติ ตฺ ํ 45 ๒. ตสสฺ เทวฺ องคฺ าน ิ เสวนจติ ตฺ จฺ มคเฺ คน จ มคคฺ ปปฺ ฏปิ าทนนตฺ ิ อพรฺ หฺมจริยสฺส ปน จตฺตาร ิ องคฺ าน ิ ภวนฺต ิ อชฺฌาจรณียวตถฺ ุ จฺ สมาปชชฺ ต ิ สาทิยนจฺ าติ ขุททฺ กปาวณฺณนา ฯ อชฌฺ าจรณียวตถฺ ุ นาม ตึส มคคฺ า ฯ วตุ ตฺ ฺเหตํ กงขฺ าวิตรณยิ ํ เสสมิธ เจว ปมทุติยจตุตฺถปฺจเมสุ จ วตฺตพฺพํ เหฏฺา อาคารยิ วนิ เย วุตตฺ นเยเนว เวทิตพพฺ ํ ฯ กาโลต ิ ภิกฺขูน ํ โภชนกาโล อธิปเฺ ปโต ฯ โส จ สพฺพนฺตเิ มน ให้เวลา ๔ ชั่วโมง กบั ๑๕ นาท.ี 46 แปล มคธเป็นไทย ๑. อรรถกถากังขาวติ รณวี า่ สองบทวา่ เมถุนํ ธมฺมํ ไดแ้ ก ่ ธรรมของ ฎีกากังขาวิตรณีน้ันว่า ธรรมน้ีเป็นของคนคู่ทั้งหลาย เพราะถึงภาวะ ธมฺโม ฯ ฎีกาจูฬหัตถิปโทปมสูตรว่า ธรรมนี้เป็นธรรมของคนคู่ทั้งหลาย คือ อรรถกถาธัมมกิ สตู รว่า บาทคาถาวา่ รตฺตึ น ภญุ ฺเชยยฺ วกิ าลโภชนํ ท่เี ขาปลู าดไว้ ด้วยเครื่องปูลาดอนั สมควร มเี ส่ือออ่ นเป็นตน้ ฯ ก ็ บนพืน้ ดิน อรรถกถาอุโบสถสูตรว่า บาทคาถาว่า มญฺเจ ฉมายํ ว สเยถ สนถฺ เต 47 ผู้ถึงท่ีสุดแห่งวฏั ฏทกุ ขแ์ ลว้ ฯ อรรถกถาขุททกปาฐะว่า บรรดาองค์เหลา่ นั้น เจตนาเปน็ เหตุกา้ วลว่ ง ฎีกาพรหมชาลสูตรว่า เจตนาที่ยังการจดมรรคด้วยมรรคให้ต้ังขึ้น ๒. อรรถกถากงั ขวาวติ รณีวา่ อพรหมจรรยน์ ั้นมีองค ์ ๒ คอื จติ คดิ อรรถกถาขุททกปาฐะวา่ ก็ อพรหมจรรย์มอี งค์ ๔ คือ อชั ฌาจรณียวตั ถุ อัชฌาจรณียวัตถุน้ันปรากฏชัด ๑ ความพยายามอันเป็นปัจจัยแห่งการเสพ มรรค ๓๐ ชอ่ื วา่ อชั ฌาจรณยี วตั ถุ ฯ สมจรงิ ดงั คำทพ่ี ระอรรถกถาจารย์ และมขุ มรรค จึงเปน็ ๖ ของพวกบัณเฑาะก์ ก็อย่างน้นั รวมเป็นมรรค ๓๐ คำท่ีเหลือที่ข้าพเจ้าจะพึงกล่าวในสิกขาบทน้ี และในสิกขาบทท่ ี ๑ ท ี่ ๒ ท ่ี ๔ และท ่ี ๕ บัณฑิตพึงทราบตามนัยอันข้าพเจ้ากล่าวไว้แล้ว ในอาคาริยวนิ ัยในหนหลังแล ฯ 48 ภิกษไุ ม่สามารถจะขบเคีย้ วหรือฉนั ได้ พึงสามารถจะดม่ื โดยทนั ทไี ด ้ แตภ่ กิ ษุ พระธรรมปริยตั ิโมลี อนิ ทฺ ปญโฺ วัดบพติ รพมิ ุข แปล สนามหลวงแผนกบาลี ตรวจแก้. 49 แปล ไทยเปน็ มคธ สอบ วนั ที่ ๒๑ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๔ ๑. ลำดับน้ัน มารดานายนันทิยะนั้นบอกนางสาวเรวดีว่า แม่คุณ ทเี่ รอื นหลงั น้ี แมจ่ งฉาบทาสถานทส่ี ำหรบั นงั่ ของพระภกิ ษสุ งฆ์ ปลู าดอาสนะไว้ ได้กระทำตามนั้น ฯ ลำดับน้ัน พ่อแม่จึงบอกถึงเร่ืองราวนางสาวเรวดีน้ัน แกล่ ูกชายว่า แมเ่ รวดีเป็นหญิงทอ่ี ดทนตอ่ โอวาท เม่อื นายนนั ทยิ ะนัน้ รับปากว่า เธอจักไดอ้ ยทู่ ี่เรือนนี้ ขอเธอจงอยา่ ละเลยกแ็ ลว้ กนั ฯ นางรับว่า ดีละ แล้วทำทีเป็นผู้มีศรัทธาบำรุงอยู่ ๒-๓ วัน ก็คลอดบุตร ในเรือน ก็ตกอยู่แก่นางเรวดีนั้นคนเดียว ฯ จำเดิมแต่พ่อแม่เสียชีวิต แม้นาย ค่าอาหารแม้สำหรับคนกำพร้าและคนเดินทางเป็นต้นไว้ ท่ีประตูเรือน ฯ ในกาลต่อมา เขาฟังพระธรรมเทศนาของพระบรมศาสดา กำหนดอานิสงส์ ในการถวายอาวาสได้แล้ว ให้ทำศาลา ๔ มุข ประดับด้วยห้อง ๔ ห้องใน มหาวิหาร ในป่าอิสิปตนะ แล้วให้ลาดเตียงและต่ังเป็นต้น เมื่อจะมอบถวาย พร้อมด้วยหมู่นารี มีประมาณ ๑๒ โยชน์ในทิศท้ังปวง เบื้องบนสูงประมาณ (ในพระหัตถ)์ ของพระบรมศาสดาทเี ดยี ว ฯ 50 (กลับ) มาจากเทวโลกน้ันแล้วเข้าไปเฝ้าพระบรมศาสดา ทูลถามว่า พระเจ้าข้า ก็ยินดีร่าเริงแล้วออกมาโดยขมีขมัน พึงยินดีย่ิงกะผู้น้ันว่า พ่อคุณ พ่อมาแล้ว ใหเ้ วลา ๔ ช่วั โมง กบั ๑๕ นาที. |