การสกัดสมุนไพรด้วยแอลกอฮอล์

 "ผมพิสูจน์มาแล้วว่า การใช้ปุ๋ยอินทรีย์สามารถลดต้นทุนได้ไม่ต่ำกว่า 60-70% ถึงแม้ว่าผลผลิตจะได้ไม่สูงเท่ากับการใช้ปุ๋ยเคมี แต่เมื่อเปรียบเทียบต้นทุนกับรายได้แล้วนับว่าคุ้มค่า แต่ละปีมีรายได้เหลือไม่ต่ำกว่า 2-3 แสนบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่พออยู่ได้” สุธรรมกล่าวทิ้งท้าย  

การสกัดโดยวิธีนี้ เป็นการสกัดโดยปล่อยให้ตัวทำละลายไหลผ่านตัวสมุนไพรอย่างช้าๆต่อเนื่อง เพื่อละลายเอาสารออกฤทธิ์จากสมุนไพรให้ออกมา การสกัดแบบนี้ จะใช้เครื่องมือช่วยสกัดที่ชื่อว่าเครื่องเพอร์โคเลเตอร์ (Percolator) เหมาะกับการสักสมุนไพรหลากหลายรูปแบบ การสกัดวิธีนี้ต้องสกัดหลาย ครั้งเพื่อให้ได้สารสำคัญมากที่สุด วิธีคือ บดสมุนไพรให้ละเอียดทำการหมักให้พองตัวประมาณ 1ชั่วโมง หลังจากนั้นบรรจุผงสมุนไพรในเพอร์โคเลเตอร์ทีละน้อยให้เป็นชั้นๆใส่ตัวละลายลงไปให้ท่วมสมุนไพรทิ้งไว้ 1-2 วัน ต่อจากนั้นจึงไขท่อข้างล่างเพื่อให้สารสกัดออกมาแล้วเติมตัวทำละลายลงไปเรื่อยๆ จนการสกัดสารสกัดสมบูรณ์และบีบสารละลายออกจากกากจึงนำไปกรอง วิธีนี้เป็นวิธีการสกัดที่สมบูรณ์ เนื่องจากไม่ต้องใช้ความร้อนเพราะความร้อนอาจทำให้สารสกัดที่สกัดมีประสิทธิภาพด้อยลง แต่ข้อเสีย คือ สิ้นเปลืองน้ำยาสกัดและใช้เวลาที่สกัดนาน

เมื่อได้ยินคำว่า “ใช้แอลกอฮอล์” สกัดสมุนไพร ก็อาจทำให้หลายๆ คนเกิดข้อสงสัยว่าทำไมต้องใช้แอลกอฮอล์ในการสกัดสมุนไพรด้วย..? วันนี้ เราหาคำตอบมาให้ทุกคนแล้วค่ะ

สารสําคัญในพืชสมุนไพร เป็นสารประกอบที่บ่งบอกความเฉพาะตัวของสมุนไพรซึ่งสารแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันโดยละลายได้ในตัวทําละลายที่ต่างกัน บางชนิดอาจจะละลายได้ในตัวทําละลายเพียงอย่างเดียว  หรือบางชนิดละลายได้ในตัวทําละลายหลายชนิด ซึ่งสารบางชนิดมีขั้วจึงสามารถละลายน้ำได้ สารบางชนิดเป็นสารกึ่งมีขั้วจึงสามารถละลายได้ดีในแอลกอฮอล์และสารบางชนิดเป็นสารไม่มีขั้วทําให้ไม่สามารถละลายน้ำได้แต่ละลายได้ดีในตัวทําละลายสารอินทรีย์

ดังนั้นในการสกัดสารเราจะต้องทราบว่าสารนั้นมีคุณสมบัติอย่างไรเพื่อที่จะได้เลือกวิธีและตัวทําละลายที่ถูกต้องและเหมาะสมเพื่อจะใช้ในการสกัดต่อไปนั้นเอง

 

ยกตัวอย่าง

– ในขิงจะมีทั้งสารที่มีสีและสารที่มีกลิ่น โดยสารที่มีสีจะละลายในแอลกอฮอล์ได้ดีกว่าในน้ำ แต่สารที่มีกลิ่นจะละลายในน้ำได้ดีกว่าในแอลกอฮอล์ ดังนั้นถ้าจะแยกสารที่มีสีออกจากขิงควรเลือกแอลกอฮอล์เป็นตัวทําละลาย แต่ถ้าจะแยกสารที่มีกลิ่นออกจากขิงควรเลือกน้ำเป็นตัวทําละลาย

– น้ำสกัดสีจากขมิ้นได้ดีกว่าแอลกอฮอล์ถ้าใช้ตัวทําละลายที่ผสมน้ำและแอลกอฮอล์เข้าด้วยกัน สารที่สกัดที่ได้จะมีทั้งสีและกลิ่นรวมอยู่ด้วยกัน

– น้ำเป็นตัวทําละลายที่ถูกนํามาใช้สกัดสารสีต่างๆ จากพืช เช่น สีเขียวจากใบเตย สีเหลืองจากขมิ้น สีแดงจากกระเจี๊ยบ สีน้ำเงินจากอัญชัน เป็นต้น

 

สรุป

การสกัดสารจะได้ผลดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับการเลือกตัวทําละลายที่เหมาะสมเนื่องจากสารประกอบในพืชมีมากมายหลายชนิด และมีคุณสมบัติแตกต่างกันมาก การเลือกใช้ตัวทําละลายเดียวที่จะสกัดได้สารทุกกลุ่มที่ต้องการนั้นจึงทําได้ยาก ดังนั้นการเลือกตัวทําละลายที่ถูกต้องและเหมาะสมคือ ดูว่าสารสําคัญที่มีอยู่ในพืชที่เราจะสกัดสามารถละลายได้ในตัวทําละลายใด เราก็ใช้ตัวทําละลายนั้นมาใช้สกัด เพื่อผลลัพธ์และคุณภาพที่ดีที่สุดของเราค่ะ