E20 กับ e85 อัน ไหน แรง กว่า

E20 กับ e85 อัน ไหน แรง กว่า

น้ํามัน e85 ดีไหม? น้ำมัน E85 กับเหตุผลว่าทำไม ผู้ใช้ไม่นิยม

E85 คืออะไร

อักษรตัว E นำหน้านั้นมีความหมายถึงการผสมกันระหว่างน้ำมันเบนซิน และเอทานอล ซึ่งอีกชื่อที่เรียกกันติดปากคือ “แก๊สโซฮอลล์” ตัวเลขที่ต่อท้ายอันหมายถึงการอัตราส่วนการผสม อย่าง น้ำมัน E85 ก็มาจากอัตราส่วนผสมของเอทานอล 85% และน้ำมันเบนซิน 15% หรือ E20 ก็มีเอทานอล 20% น้ำมัน 80% เป็นต้น และที่นิยมสูงสุดของคนไทยคือน้ำมัน E10 ซึ่งเป็นประเภทของน้ำมัน แก๊สโซฮอลล์ 91 และ 95

หลายคนเข้าใจผิดว่าน้ำมัน E85 นั้นเมื่อมีราคาถูกกว่าทั่วไป และค่าออกเทนน่าจะตำ่กว่า คุณสมบัติการใช้งานจริงๆ ก็คงจะแย่กว่าน้ำมันที่มีอัตราส่วนออกเทนสูง แต่ในความเป็นจริงในเอทานอลบริสุทธิ์จะมีระดับออกเทนอยู่ที่ 107 – 113 ในสัดส่วนการผสมซึ่งได้มาของน้ำมัน E85 จึงทำให้มีระดับค่าออกเทนที่อยู่ในน้ำมันมีสูงกว่าน้ำมันเบนซิน E10 (แก๊สโซฮอลล์ 91 และ 95) ส่งผลให้น้ำมัน E85 สามารถเพิ่มแรงม้าให้กับเครื่องยนต์ได้อีก 5-10% เมื่อเทียบกับน้ำมันเบนซินธรรมดา และยังช่วยให้เครื่องยนต์เดินเรียบขึ้นอีกด้วย

ดูเพิ่มเติม

  • รถของเราเหมาะจะเติมน้ำมันชนิดไหน มากที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุด?
  • รู้จักเรื่องน้ำมันรถ

E85 ข้อเสีย ทำไมรถเติม E85 แล้วเครื่องยนต์กินน้ำมันมากขึ้น ?

เติม e85 ดีไหม? เมื่อเอทานอลบริสุทธิ์ซึ่งเป็นตัวที่ให้พลังงานออก สร้างพลังงานออกมาได้น้อยกว่าน้ำมันเบนซินธรรมดาถึงประมาณ 23% เอทานอลมีปริมาณความร้อนอยู่ที่ 84,600 บีทียูต่อแกลลอน แต่น้ำมันเบนซินบริสุทธิ์ออกเทน 95 อยู่ที่ 125,000 บีทียูต่อแกลลอน และในเมื่อน้ำมัน E85 มีสัดส่วนของเอทานอลถึง 85% ในระบบเผาไหม้จึงจำเป็นที่จะต้องใช้ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นเพื่อให้ความร้อนเพียงพอต่อการจุดระเบิด ส่งผลให้รถต้องใช้น้ำมันมากขึ้น จึงวิ่งได้ระยะทางน้อยกว่าน้ำมันเบนซินประเภทอื่น

ยกตัวอย่างในการขับใช้งาน หากเติมน้ำมัน E85 ซึ่งราคาตกอยู่ที่ลิตรละ 20 บาทนิดๆ เมื่อเทียบกับระยะทางที่ได้แล้ว อัตราการกินน้ำมันจะอยู่ที่ 10 กิโลเมตรต่อลิตร แต่ในขณะเดียวกันถ้าเลือกเป็นการเติมน้ำมัน E20 ซึ่งราคาต่อลิตรแพงกว่า E85 ราคาอยู่ที่ลิตรละประมาณ 25 บาทเมื่อเทียบกับระยะทางที่วิ่งได้ไกลกว่า ได้อัตราการกินน้ำมันอยู่ที่ 13 กิโลเมตรต่อลิตร จะเห็นได้ว่าแม้ราคาต่อลิตรจะถูกกว่าของน้ำมัน E85 แต่ระยะทางที่วิ่งไปได้ก็น้อยกว่าเช่นกัน

ความนิยมไม่กระเตื้อง

แม้ราคาต่อลิตรจะถูกกว่าถึงหลักสิบบาทของน้ำมัน E85 แต่ด้วยเหตุผลข้างต้นอาจทำให้ผู้ใช้รถที่แม้ตัวรถสามารถรองรับการเติมน้ำมัน E85 ได้ เมินที่เลือกเติมน้ำมันชนิดนี้ จากสถิติปริมาณยอดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงต่อวันอ้างอิงจากกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน ปี 2560 พบว่ายอดขายน้ำมัน E85 เฉลี่ยอยู่ที่เพียง 1 ล้านลิตรต่อวันเท่านั้นซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับน้ำมันชนิดอื่นๆ ทั้ง E20 ยอดขายวันละ 5.3 ล้านลิตรต่อวัน ส่วนทางด้าน แก๊สโซฮอลล์ 91 และ 95 ที่มียอดขายเฉลี่ยต่อวันสูงถึง 10 และ 12 ล้านลิตรต่อวัน

แต่ทั้งนี้จะอ้างเหตุผลเนื่องด้วยประเภทน้ำมัน E85 ยังมีจำหน่ายไม่แพร่หลาย ไม่มีจำหน่ายอยู่ทุกปั้มก็เป็นเหตุผลได้ที่ยอดจำหน่ายน้อยกว่าน้ำมันประเภทอื่น อีกทั้งเรื่องรุ่นรถที่สามารถรองรับน้ำมันประเภทนี้ก็ต้องเป็นรถที่รุ่นใหม่ขึ้นมาหน่อยอีกด้วย ซึ่งสัดส่วนรุ่นรถที่รองรับน้ำมัน E85 ได้นั้นยังถือว่าน้อยเช่นกันเมื่อเทียบกับรถที่เติมน้ำมันประเภทอื่นๆ ได้

แต่ก็สามารถโต้แย้งได้จากคำอ้างก่อนเพราะถ้า E85 ได้รับความนิยมมาก ผู้ให้บริการน้ำมันก็ต้องเพิ่มน้ำมันชนิดนี้ให้เพียงพอกับความต้องการ ให้มีอยู่ทุกปั้มแล้ว แต่ด้วยความที่ผู้ใช้ไม่นิยม ปั้มนี้ไม่มี E85 ก็เติมน้ำมันชนิดอื่นทดแทนได้ ในเมื่อระยะทางที่วิ่งได้ก็วิ่งได้ไกลกว่าอีกด้วย เมื่อจ่ายเงินเติมเท่ากัน ไม่มีแรงจูงใจที่ดีพอให้ผู้ใช้หันมาเติมน้ำมัน E85 เป็นกิจวัตร

E20 กับ e85 อัน ไหน แรง กว่า

E85 ไม่ได้มีขายอย่างแพร่หลาย ในทุกปั้ม ทำให้ผู้ใช้เลือกจะเติมน้ำมันชนิดอื่นแทนได้

ทั้งหมดทั้งมวลจะเห็นได้ชัดว่าผู้ใช้คงไม่ได้ต้องการอะไรที่มากไปกว่าความคุ้มค่า ตัวอย่างของน้ำมัน E85 ที่ผู้ใช้ไม่ให้ความนิยมน่าคือตัวอย่างที่ดีของความล้มเหลวแม้จะมีการสนับสนุนจากภาครัฐให้ใช้ แม้ราคาต่อลิตรที่ถูกกว่ามาก แต่เมื่อได้ใช้งานกันจริงๆ อย่างแพร่หลาย ผู้ใช้ก็รู้ได้ด้วยตัวเองว่า ราคาต่อลิตรที่ถูกกว่านั้นกลับไม่ได้มอบความคุ้มค่า หรือความประหยัดมากกว่าน้ำมันชนิดอื่นแต่อย่างใดเลย ส่งผลให้ยอดขายความนิยมของน้ำมันชนิด ล่อแล่ที่จะแพร่หลายมีอยู่ในทุกปั้มของเมืองไทย

ติดตาม ตลาดรถบ้าน ซื้อขายกันเอง ด้ที่นี่
ติดตามเรื่อง รีวิวรถยนต์ใหม่ ได้ที่นี่
ติดตามเรื่อง ราคารถยนต์ใหม่ๆได้ที่นี่

E20 กับ e85 อัน ไหน แรง กว่า

ก่อนจะเริ่มเรามารู้จักกับเจ้าเชื้อเพลิงสองประเภทนี้ กันก่อนดีกว่า ว่ามันแตกต่างกันอย่างไร

แก๊สโซฮอล์ E20 

เชื้อเพลิงประเภทนี้เกิดจากการนำ น้ำมันเบนซิน 80% ผสมกับ เอทิลแอลกอฮอล์ 20 % (80/20) มีค่าออกเทนอยู่ที่ 95 มีสมรรถนะในการขับขี่ ใกล้เคียงกับ แก๊สโซฮอล์ ออกเทน 95 เนื่องจากเครื่องยนต์ มีการออกแบบ และเซ็ทสมรรถนะ ให้วิ่งได้สำหรับ ออกเทน 95 มีราคาที่แพงกว่า เชื้อเพลิง E85

แก๊สโซฮอล์ E85 

เชื้อเพลิงประเภทนี้ มีอัตราส่วนผสม ระหว่าง น้ำมันเบนซิน 15% กับ เอทิลแอลกอฮอล์ 85% (15/85) เรียกได้ว่า แอลกอฮอล์ เพียบ ข้อดีของ E85 ก็คือ มีค่า ออกเทนที่สูงมาก เมื่อเทียบกับน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ 107-113 เหมาะสำหรับรถที่ได้รับการ จูนแต่ง เครื่องยนต์ จะทำให้ สมรรถนะในการขับขี่ตอบสนองได้เร็วมาก แต่หากเป็นเครื่องเดิมๆจากโรงงาน ก็แทบไม่แตกต่างจากเชื้อเพลิงชนิดอื่น เพราะเครื่องถูก เซท มาสำหรับ ออกเทน 95 มีราคาที่ถูกกว่า E20 ถึง 4.75 บาท/ลิตร ณ วันที่ 2/7/2019

และเรามารู้จัก

แก๊สโซฮอล์ คืออะไร

ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกับคำว่า แก๊สโซฮอล์ เสียก่อนว่ามันคืออะไร แก๊สโซฮอล์ Gasohol เป็นคำผสมระหว่าง คำว่า Gasoline (น้ำมันเบนซิน) กับคำว่า Alcohol (แอลกอฮอล์) ซึ่งเกิดจากการนำเอาน้ำมันเบนซินกับแอลกอฮอล์ที่ได้จากการหมักพืชผักทางการเกษตร หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า Ethyl Alcohol (เอทิลแอลกอฮอล์) เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพด ซึ่งการผสมแอลกอฮอล์ในส่วนนี้ก็เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ในการระบายพืชผลทางการเกษตรที่มีราคาตกต่ำนั่นเอง

E20 ปะทะ E85 แบบไหนดีกว่ากัน? 

ในแง่ของราคา ในปัจจุบัน E85 มีราคาอยู่ที่ 18.39 บาทต่อลิตร ในขณะที่ E20 มีราคาอยู่ที่ 22.74 บาทต่อลิตร (ราคาจาก ปตท. ณ วันที่ 9 พ.ย. 2016) จะเห็นว่า E85 มีราคาถูกกว่า E20 หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ราคาถูกที่สุดในบรรดาน้ำมันเชื้อเพลิง หลายคนอาจจะคิดว่า E85 เป็นคำตอบสุดท้ายสำหรับโจทย์นี้ แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณต้องพิจารณาสิ่งอื่นประกอบอีก

ในแง่ของอัตราสิ้นเปลือง ยิ่งเป็นเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของ เอทิล แอลกอฮอล์ มากเท่าไหร่ ก็จะทำให้รถยนต์วิ่งได้ระยะทางน้อยลงเท่านั้น ดังนั้น ถึงแม้ว่าราคา E85 จะถูกที่สุด แต่มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันมากที่สุด ทำให้ในระยะการเดินทางที่เท่ากัน E85 กลับแพงกว่า E20 เพราะ E20 จะเผาผลาญน้ำมันน้อยกว่าต่อกิโลเมตร เนื่องจากมีปริมาณ เอทิล แอลกอฮอล์ น้อยกว่า E85 นั่นเอง

สรุป

ดูเหมือน E85 น่าจะเป็นคำตอบที่ดูดี เนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่า E20 และค่าออกเทนที่ สูงกว่า แต่ในความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เนื่องจาก E85 มีราคาที่ถูกสุดจริงในเวลานี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าประหยัดที่สุดเนื่องจาก มีอัตราการสิ้นเปลือง ที่เยอะที่สุด โดย E85 ให้พลังงานอยู่ที่ประมาณ 29.14 MJ/KG ขณะที่ E20 ให้พลังงานประมาณ 39.28 MJ/KG โดย E20 ให้พลังงานมากกว่า 25.8 %

แต่เหมือนราคา E85 จะถูกกว่า E20 ณ ตอนนี้ แค่ 19.12 % ซึ่งดูแล้วยังไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไปเท่าไหร่นัก หากเมื่อไร ก็ตามที่ E85 ถูกกว่า E20 25.8 % เมื่อไรก็คงจะเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย ดังนั้น ถ้าถามว่า

น้ำมันประเภทไหนดีกว่ากัน ?

ถ้าตอบแบบคนชอบประหยัด รถเดิมจากโรงงาน ณ เวลานี้ E20 ก็คงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

แต่หากคนที่ชอบความเร็ว แต่งซิ่งแล้วละก็ E85 ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม

เติมน้ำมันอะไรดี e20 vs e85 by jobusedcar