3 ไตรมาสของการตั้งครรภ์ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง Show
ในช่วงแรก คุณแม่ตั้งครรภ์แต่ละคนจะมีอาการไม่เหมือนกัน เช่น เหนื่อย อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน อารมณ์แปรปรวน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและปริมาณฮอร์โมนที่แตกต่าง ทั้งนี้ทันทีที่ทราบว่าตั้งครรภ์ ควรให้ความสำคัญในการฝากครรภ์ และรีบไปพบสูตินรีแพทย์ เนื่องจากจำเป็นต้องประเมินสุขภาพคุณแม่และลูกในครรภ์ ค้นหาความเสี่ยงของโรคต่างๆ และรับฟังคำแนะนำในการปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม ไตรมาสที่ 2 ทารกในครรภ์จะเริ่มพัฒนาอวัยวะสำคัญต่างๆ ให้เป็นรูปเป็นร่าง และเตรียมพัฒนาให้สมบูรณ์มากขึ้น จะเริ่มมีเคลื่อนไหวจนรู้สึกได้ถึงการดิ้น หูของทารกยังพัฒนาจนสามารถตอบสนองต่อเสียงจากภายนอกได้ เช่น เสียงพ่อแม่ เสียงเพลง ดังนั้นหากคุณแม่หรือคุณพ่อคอยพูดคุยกับลูกในครรภ์ ลูกก็จะเกิดการคุ้นชินกับเสียง และยังเป็นการช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์สมองด้วย ไตรมาสที่ 3 ช่วงตั้งครรภ์ 7-9 เดือน ช่วงสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ถือเป็นช่วงสำคัญที่ทุกคนเฝ้ารอ การเจริญเติบโตของทารกจะเริ่มเร็วขึ้น ท้องคุณแม่เริ่มขยายใหญ่อย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ควรต้องเฝ้าสังเกตการดิ้นของลูก หากรู้สึกได้ว่าลูกดิ้นน้อยลง ควรรีบพบแพทย์ เพื่อประเมินภาวะสุขภาพทารกในครรภ์ และจะต้องเฝ้าสังเกตอาการท้องแข็งถี่ มีน้ำเดิน มีมูกเลือด เพราะอาการเหล่านี้คือ “อาการนำก่อนคลอด” ที่ร่างกายเตรียมสำหรับการคลอดที่จะมาถึงในไม่ช้า สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม แผนกสูตินรีเวช
โรงพยาบาลเปาโล เกษตร Line official account : Paolo Hospital Kaset Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ • ไตรมาสการตั้งครรภ์แบ่งอย่างไร การตั้งครรภ์จะแบ่งออกเป็น 3 ไตรมาส ในแต่ละไตรมาส ทั้งแม่และทารกในครรภ์ก็จะมีพัฒนาการใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ แต่ก่อนที่เราจะไปพูดถึงไตรมาสต่าง ๆ นั้น Enfa จะพาคุณแม่มาเริ่มต้นกันที่การตั้งครรภ์ไตรมาสแรกก่อน มาดูกันว่าในไตรมาสแรกนี้ร่างกายของคุณแม่จะเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง พัฒนาการของทารกในครรภ์เป็นอย่างไร และคุณแม่มีอะไรต้องระวังเป็นพิเศษหรือเปล่า ไตรมาสการตั้งครรภ์ แบ่งอย่างไรการตั้งครรภ์จะมีระยะเวลาอยู่ทั้งหมด 9 เดือน หรือ 40 สัปดาห์ และในช่วง 9 เดือนนี้ ก็จะแบ่งออกเป็นไตรมาส ได้ 3 ไตรมาส โดยอายุครรภ์แต่ละไตรมาส จะแบ่งได้ ดังนี้ ไตรมาสแรก
ไตรมาสสอง
ไตรมาสสาม
ท้องไตรมาสแรกคืออะไรการท้องไตรมาสแรกนั้น ก็คือระยะ 3 เดือนแรกที่คุณแม่ตรวจพบการตั้งครรภ์ หรือเริ่มมีอาการคนท้องแสดงออกมา อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่คุณแม่ทุกคนที่จะพบกับอาการคนท้องตั้งแต่ไตรมาสแรก เนื่องจากอาการคนท้องในคุณแม่หลาย ๆ คนก็ไม่ได้แสดงออกมาในช่วงไตรมาสแรกเลย มาเริ่มรู้ตัวอีกทีก็เข้าไตรมาสที่ 2 ไปแล้ว อาการคนท้องไตรมาสแรกเมื่อเริ่มตั้งครรภ์ ฮอร์โมนในร่างกายของคุณแม่จะผันผวนและพุ่งสูงขึ้น ตลอดจนการไหลเวียนโลหิตก็เพิ่มมากขึ้นด้วย ส่งผลให้เกิด อาการตั้งครรภ์ไตรมาสแรกต่าง ๆ ที่คุณแม่อาจพบได้ ดังนี้
คนท้องไตรมาสแรก ท้องใหญ่ไหม ร่างกายคุณแม่เปลี่ยนแปลงอย่างไรคุณแม่มือใหม่อาจจะสงสัยกันว่าการเปลี่ยนแปลงของหญิงตั้งครรภ์ไตรมาส 1 นั้นเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าหากพูดถึงการเปลี่ยนแปลงทางด้านรูปร่างล่ะก็ ต้องบอกว่าในช่วง 1-2 เดือนแรกนั้น แทบไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไปจากเดิมเลยค่ะ หน้าท้องก็ไม่ได้นูนใหญ่ ขนาดตัวก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น น้ำหนักก็ยังเท่าเดิม อาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงเล็กน้อยตามปกติ แต่พอเข้าเดือนที่ 3 คุณแม่บางคนอาจจะพบว่าหน้าท้องมีขนาดนูนขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับนูนมากจนมองเห็นได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม มีคุณแม่หลาย ๆ คนที่ตลอดไตรมาสแรก ไม่พบอาการหรือการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เลย ไม่แพ้ท้อง ไม่อ่อนเพลีย รูปร่างเท่าเดิม หน้าท้องไม่ขยายใหญ่ ไม่นูนขึ้น หรือคุณแม่บางคนยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์อยู่ ตั้งครรภ์ไตรมาสแรก พัฒนาการทารกในครรภ์เป็นอย่างไรบ้างในช่วงไตรมาสแรกนั้น จะเป็นช่วงที่ทารกในครรภ์เปลี่ยนรูปร่างจากไข่ที่ปฏิสนธิแล้ว ไปเป็นทารกในครรภ์ที่มีรูปร่างสมบูรณ์ และค่อย ๆ เริ่มสร้างอวัยวะและระบบที่สำคัญทั้งหมดของร่างกาย โดยพัฒนาการที่สำคัญของทารกในครรภ์ช่วงไตรมาสที่ 1 มีดังนี้
โดยระยะไตรมาสแรกนี้ถือเป็นระยะที่คุณแม่ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ เพราะการกระทบกระเทือน หรืออาการบาดเจ็บต่าง ๆ อาจเสี่ยงต่อการแท้งได้ค่ะ ไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ คุณพ่อคุณแม่จะช่วยเสริมพัฒนาการลูกน้อยได้อย่างไรบ้างในไตรมาสแรก คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยเสริมพัฒนาการของทารกได้ง่าย ๆ เพียงใส่ใจกับการดูแลสุขภาพของคุณแม่ให้ดี ดังนี้
อาหารคนท้องไตรมาสแรกในระยะไตรมาสแรก คุณแม่จำเป็นจะต้องใส่ใจกับสารอาหารสำคัญ เพราะถ้าหากขาดไปอาจมีผลต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้ โดยกลุ่มสาอาหารสำคัญสำหรับแม่ตั้งครรภ์ ได้แก่ 1. อาหารที่มี DHA สูง ดีเอชเอ (Docosahexaenoic Acid) คือ กรดไขมันโอเมก้า 3 ชนิดหนึ่ง ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาทางสมอง ดวงตา และระบบประสาท นอกจากนี้ยังอาจช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์บางอย่าง เช่น การคลอดก่อนกำหนด หรือโรคซึมเศร้าหลังคลอดได้อีกด้วย อาหารที่มีดีเอชเอสูง เช่น ปลาทะเล อโวคาโด ไข่แดง เป็นต้น คุณแม่ควรกินอย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้ง หรือดื่มนมสูตรเสริมดีเอชเอก็ดีเช่นกันค่ะ 2. อาหารที่มีโปรตีนสูง โปรตีน เป็นสารอาหารสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ของทารกในครรภ์ อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างน้ำนมให้กับคุณแม่ ตัวอย่างอาหารที่มีโปรตีนสูง เหมาะสำหรับคนท้อง เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ หรือถั่วต่าง ๆ ประมาณ 75 – 110 กรัมต่อวัน ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของคุณแม่ และไตรมาสของการตั้งครรภ์ โดยคำนวณง่าย ๆ คือในหนึ่งมื้ออาหาร ควรมีโปรตีนประมาณ 30 - 40% ของอาหารที่กินนั่นเอง 3. อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง อาหารที่มีธาตุเหล็ก ถือเป็น อาหารคนท้องที่สำคัญอีกหนึ่งชนิด เพราะสามารถช่วยป้องกันภาวะโลหิตจางระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งถือเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของการคลอดทารกที่มีน้ำหนักแรกเกิดน้อยกว่าเกณฑ์ปกติ ดังนั้น คุณแม่ควรได้รับธาตุเหล็กไม่ต่ำกว่า 27 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งสามารถหาได้จากการกินอาหารประเภท เนื้อแดง ไข่แดง ตับ งา และผักสีเขียวเข้ม เป็นต้น 4. อาหารที่มีโฟเลตสูง กรดโฟลิก หรือโฟเลต ก็เป็นอีกหนึ่งสารอาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรมองข้าม เพราะมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาของระบบประสาทและสมอง หากคุณแม่ได้รับโฟเลตไม่เพียงพอ ก็อาจส่งผลให้ลูกน้อยเกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทได้ ดังนั้น คุณแม่ตั้งครรภ์จึงควรได้รับโฟเลตอย่างน้อย 600-800 มิลลิกรัมต่อวัน จากการกินอาหารประเภท ตับ ไข่ ผักใบเขียว และถั่วต่าง ๆ เป็นต้น 5. อาหารที่มีแคลเซียมสูง อย่างที่รู้กันว่า แคลเซียมนั้นมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง โดยเฉพาะในช่วงเวลาการเจริญเติบโตของลูกน้อย ยิ่งทำให้คุณแม่ต้องบำรุงร่างกายเพิ่มเติมพร้อมเสริมแคลเซียมให้เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน โดยปกติ ผู้หญิงตั้งครรภ์มักจะต้องการแคลเซียมประมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งหาได้จากการกินอาหารจำพวกนม หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม เช่น ชีส เนย หรือโยเกิร์ต เป็นต้น 6. อาหารที่มีไอโอดีนสูง หากคุณแม่ตั้งครรภ์ได้รับไอโอดีนไม่เพียงพอ อาจทำให้ระดับฮอร์โมนไทรอยด์ในร่างกายผิดปกติ และนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เช่น โรคไทรอยด์ระหว่างตั้งครรภ์ได้ ดังนั้นคุณแม่ตั้งครรภ์จึงควรควรได้รับไอโอดีนจำนวน 250 ไมโครกรัมต่อวัน ไอโอดีนอยู่ในจำพวกอาหารทะเลทุกชนิด ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม กระเทียม หรืองา 7. อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต การกินคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่เหมาะสม อาจช่วยลดอาการแพ้ท้องในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ได้ เนื่องจากเป็นสารอาหารที่ย่อยง่าย และให้พลังงานสูง ช่วยลดอาการคลื่นไส้ อย่างไรก็ตาม คนท้องไม่ควรกินคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป เพราะอาจทำให้เสี่ยงเป็นโรคอ้วนระหว่างตั้งครรภ์ได้ 8. อาหารที่มีโคลีนอย่างเพียงพอ โคลีน พบมากในอาหารจำพวกไข่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน แซลมอน ไก่ บร็อคโคลี่ กะหล่ำดอก เป็นต้น จัดว่าเป็นอีกหนึ่งสารอาหารสำคัญที่คุณแม่ควรได้รับจากการกินอาหารในแต่ละวัน เพราะโคลีนมีส่วนสำคัญในการบำรุงระบบประสาทและสมอง ช่วยพัฒนาสมองของทารกในครรภ์ การกินอาหารที่ให้สารโคลีนอย่างเพียงพอ หรือประมาณ 450 มิลลิกรัมต่อวันสำหรับแม่ตั้งครรภ์ จะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะความบกพร่องที่ระบบท่อประสาทของทารกในครรภ์ได้ 9. อาหารที่มีไฟเบอร์สูง ไฟเบอร์ เป็นหนึ่งในสารอาหารสำคัญที่ไม่ว่าจะเป็นแม่ก่อนคลอด แม่อุ้มท้อง แม่หลังคลอด หรือแม่ให้นมลูกก็ควรได้รับอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างตั้งครรภ์ ควรกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูงเป็นประจำ เพราะไฟเบอร์จะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและป้องกันโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ นอกจากนี้ ไฟเบอร์ยังช่วยลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูงและอาจช่วยป้องกันภาวะครรภ์เป็นพิษได้อีกด้วย ซึ่งแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับไฟเบอร์ประมาณ 25-35 กรัมในแต่ละวัน โดยสามารถได้ไฟเบอร์จากอาหารจำพวกผักและผลไม้ต่าง ๆ 10. อาหารที่มีโอเมก้า 3 โอเมก้า 3 เป็นสารอาหารสำคัญที่ควรได้รับอย่างเพียงพอ อย่างน้อย 200-300 มิลลิกรัมต่อวันสำหรับแม่ตั้งครรภ์ เพราะโอเมก้า 3 มีส่วนช่วยเสริมสร้างและดูแลสุขภาพหัวใจ ระบบภูมิคุ้มกัน สมอง และดวงตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไตรมาสที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงที่สมองของทารกมีการพัฒนาและเจริญเติบโตสูงสุด มากไปกว่านั้น การได้รับโอเมก้า 3 อย่างเพียงพอขณะตั้งครรภ์ ยังอาจช่วยต่อสู้กับภาวะซึมเศร้าหลังคลอด ควบคุมอารมณ์แปรปรวนที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ และลดความเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนดและน้ำหนักแรกเกิดต่ำอีกด้วย อย่างไรก็ตาม บางครั้งคุณแม่อาจมีอาการแพ้อาหารบางอย่าง ซึ่งอาจส่งผลให้คุณแม่ไม่สามารถรับสารอาหารที่สำคัญต่อการตั้งครรภ์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณแม่ที่มีอาการแพ้นมวัว แพ้นมถั่วเหลือง หรือแพ้ทั้งนมวัวและนมถั่วเหลือง การเลือกดื่มนมที่เหมาะสำหรับแม่ตั้งครรภ์ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ง่าย และช่วยให้คุณแม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างเพียงพอ ที่สำคัญคือ ควรเลือกนมที่ให้สารอาหารสำคัญอย่าง DHA, โฟเลต, แคลเซียม, โคลีน, ไอโอดีน, ธาตุเหล็ก ในปริมาณที่เพียงต่อต่อความร่างกายของแม่ตั้งครรภ์ เมนูคนท้องไตรมาสแรกในไตรมาสแรกนั้นคุณแม่อาจมีอาการแพ้ท้องอ่อน ๆ หรือแพ้ท้องหนักมาก อาหารจึงควรเป็นอาหารอ่อน ๆ ไม่มีรสจัดหรือกลิ่นฉุน เพื่อให้สามารถกินได้ง่าย เช่น
ซึ่งคุณแม่สามารถคิดไอเดียเมนูคนท้องได้ตามความเหมาะสม ขอเพียงเป็นเมนูที่ดีต่อสุขภาพ หลากหลาย และมีคุณค่าทางสารอาหารสูง ก็ถือว่าเป็นเมนูคนท้องที่ดีทั้งนั้นค่ะ วิตามินสําหรับคนท้องไตรมาสแรกวิตามินก่อนคลอด หรือ วิตามินบำรุงครรภ์ (Prenatal Vitamin) เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่คุณแม่ในไตรมาสแรกไม่ควรมองข้าม เพราะถ้าหากได้รับวิตามินเหล่านี้ในปริมาณที่น้อยจนเกินไป จะส่งผลเสียต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ โดยวิตามินบำรุงครรภ์ที่สำคัญในไตรมาสแรก ได้แก่
ไขข้อข้องใจเรื่องการตั้งครรภ์ไตรมาสแรกกับ Enfa Smart Clubท้องไตรมาสแรกมีเพศสัมพันธ์ได้ไหม?คนท้องทุกไตรมาสสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ การมีเซ็กซ์ขณะตั้งครรภ์ไม่ใช่เรื่องอันตรายแต่อย่างใดค่ะ ไตรมาสแรกกี่สัปดาห์?อายุครรภ์ของไตรมาสแรกนั้น สามารถแบ่งได้ ดังนี้ ไตรมาสแรก
ท้องไตรมาสแรก ปวดท้องน้อยผิดปกติไหม?โดยมากแล้วในไตรมาสแรกนั้น คุณแม่อาจจะมีอาการปวดท้องน้อยได้ค่ะ ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของมดลูกเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของทารก อย่างไรก็ตาม อาการปวดท้องน้อยบางครั้งก็อาจผิดปกติได้ หากมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น
หากมีอาการดังที่กล่าวไปพร้อมกับอาการปวดท้องน้อย ควรไปพบแพทย์ทันที ท้องไตรมาสแรกควรกินอะไร?จริง ๆ คนท้องไตรมาสแรกสามารถกินอะไรก็ได้ค่ะ จะเป็นผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ก็ได้ทั้งนั้น ขอเพียงเป็นอาหารที่มีประโยชน์และหลากหลายก็เป็นอันใช้ได้ ท้องไตรมาสแรกห้ามกินอะไร?คนท้องควรเลิกดื่มแอลกอฮอล์ และลดคาเฟอีนลงค่ะ เพราะอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้ ส่งผลเสียต่อการตั้งครรภ์ได้ในระยะยาว โดยการดื่มแอลกอฮอล์อาจเสี่ยงต่อแท้งหรือคลอดก่อนกำหนด ขณะที่คาเฟอีนอาจส่งผลให้ทารกเกิดมามีน้ำหนักตัวแรกคลอดต่ำกว่าเกณฑ์ ท้องไตรมาสแรก ติดโควิด จะมีผลกระทบต่อลูกในท้องไหม?สำหรับคุณแม่ที่ติดโควิด และกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์นั้น จริง ๆ แล้วแนวโน้มความเสี่ยงตามผลการศึกษาและผลการวิจัยได้แดสงให้เห็นว่า:
ดังนั้น หากคุณแม่ติดเชื้อโควิด-19 ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับคำแนะนำและรับการรักษาตัวต่อไป ท้องไตรมาสแรกเดินเยอะได้ไหม?คนท้องไตรมาสแรกสามารถเดิน วิ่ง และออกกำลังกายได้ตามปกติค่ะ เว้นเสียแต่ว่าคุณแม่มีปัญหาสุขภาพบางอย่างมาแต่เดิมแล้ว แพทย์ก็อาจจะแนะนำให้ลดกิจกรรมหนัก ๆ ลงบ้างค่ะ ท้องไตรมาสแรก ท้องเสีย อันตรายไหม?อาการท้องเสียเป็นเรื่องปกติค่ะ ไม่ใช่อาการที่อันตรายรุนแรงแต่อย่างใด สามารถพบได้ทั้งในคนท้องและคนที่ไม่ท้อง อย่างไรก็ตาม หากคุณแม่มีอาการท้องเสียติดต่อกันเกิน 1 วัน อาจจำเป็นจะต้องไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจววินิจฉัยและรับการรักษาค่ะ หากปล่อยไว้นานเข้าและอาการไม่ดีขึ้นเลย อาจเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำได้ บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
|