ค่าผ่านทางทางหลวงพิเศษใหม่ล่าสุด ประกาศแล้ว!!!♣ อัตราค่าผ่านทางทางหลวงพิเศษหมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร • รถยนต์ 4 ล้อ ค่าผ่านทางสูงสุดตลอดเส้นทาง 150 บาท ประกอบด้วย ค่าแรกเข้า 10 บาท และเพิ่มขึ้นตามระยะทาง 1.5 บาทต่อกิโลเมตร • รถยนต์ 6 ล้อ ค่าผ่านทางสูงสุดตลอดเส้นทาง 240 บาท ประกอบด้วย ค่าแรกเข้า 16 บาท และเพิ่มขึ้นตามระยะทาง 2.4 บาทต่อกิโลเมตร • รถยนต์มากกว่า 6 ล้อ ค่าผ่านทางสูงสุดตลอดเส้นทาง 350 บาทประกอบด้วย ค่าแรกเข้า 23 บาท และเพิ่มขึ้นตามระยะทาง 3.45 บาทต่อกิโลเมตร ♣ อัตราค่าผ่านทางทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร • รถยนต์ 4 ล้อ ค่าผ่านทางสูงสุดตลอดเส้นทาง 240 บาท ประกอบด้วย ค่าแรกเข้า 10 บาท และเพิ่มขึ้นตามระยะทาง 1.25 บาทต่อกิโลเมตร • รถยนต์ 6 ล้อ ค่าผ่านทางสูงสุดตลอดเส้นทาง 380 บาท ประกอบด้วย ค่าแรกเข้า 16 บาท และเพิ่มขึ้น ตามระยะทาง 2 บาทต่อกิโลเมตร • รถยนต์มากกว่า 6 ล้อ ค่าผ่านทางสูงสุดตลอดเส้นทาง 550 บาทประกอบด้วย ค่าแรกเข้า 23 บาท และเพิ่มขึ้นตามระยะทาง 2.88 บาทต่อกิโลเมตร ♣ ค่าผ่านทางทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ-ชลบุรี-พัทยา คิดตามระยะทางจริง ไม่มีค่าแรกเข้า • รถยนต์ 4 ล้อ ค่าผ่านทางสูงสุดตลอดเส้นทาง 105 บาท โดยคิดในอัตรา 1 บาทต่อกิโลเมตร • รถยนต์ 6 ล้อ ค่าผ่านทางสูงสุดตลอดเส้นทาง 170 บาท โดยคิดในอัตรา 1.6 บาทต่อกิโลเมตร • รถยนต์มากกว่า 6 ล้อ ค่าผ่านทางสูงสุดตลอดเส้นทาง 245 บาท โดยคิดในอัตรา 2.3 บาทต่อกิโลเมตร
การพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับระบบการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศ เนื่องจากจะเป็นระบบโครงสร้างพื้นฐานหลักในการที่จะส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาประเทศ เสริมสร้างสมรรถนะทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตให้ยั่งยืน สนับสนุนการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาคอย่างทั่วถึง เพิ่มศักยภาพในด้านการแข่งขันของประเทศ ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาเมืองในภูมิภาค ลดอุบัติเหตุและมลภาวะจากการเดินทางและขนส่งสินค้า ความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ลดระยะเวลาเดินทาง เพิ่มความตรงเวลา เป็นข้อดีอันโดดเด่นของการเดินทางด้วยระบบทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (Intercity Motorway) ซึ่งจะเป็นหนึ่งในทางเลือกของรูปแบบการเดินทางและขนส่งสินค้าระหว่างจังหวัดหรือภูมิภาคของประเทศ หรือแม้แต่เชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2540 เห็นชอบในหลักการในการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (Inter-City Motorway) จำนวน 13 เส้นทาง เป็นระยะทาง 4,150 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุน 472,360 ล้านบาท (มูลค่า ปี 2540) ระยะเวลาดำเนินการ 20 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2540 ถึง 2559 มีวัตถุประสงค์ ดังนี้
ลักษณะโครงการและสถานะผลการดำเนินงาน แม้ว่าจะมีการกำหนดแผนแม่บทในการก่อสร้างทางหลวงพิเศษอย่างชัดเจน แต่การก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองแต่ละเส้นทางจำเป็นต้องใช้งบประมาณลงทุนค่อนข้างสูง ประกอบกับประเทศไทยต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำหลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติแผนดังกล่าวไปในปีเดียวกัน จึงส่งผลให้การดำเนินการก่อสร้างล่าช้าและไม่เป็นไปตามแผน ปัจจุบันจึงมีทางหลวงพิเศษที่เปิดให้บริการเพียง 2 เส้นทาง รวมเป็นระยะทาง 146 กิโลเมตร ได้แก่
อย่างไรก็ดี กรมทางหลวงได้วางยุทธศาสตร์การพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง โดยกำหนดแผนการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองในระยะเร่งด่วนที่มีลำดับความสำคัญสูง เชื่อมโยงระหว่างกรุงเทพมหานครไปยังภูมิภาคต่างๆ ที่มีปริมาณการเดินทางสูง ภายในรัศมี 250 กิโลเมตร จากกรุงเทพมหานคร ทั้งเส้นทางสู่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออกและภาคตะวันตก จำนวน 5 สายทาง ในช่วงปี 2556 – 2563 เพื่อเป็นเส้นทางคมนาคมประสิทธิภาพสูงเชื่อมโยงกรุงเทพมหานครและปริมณฑลไปยังภูมิภาคต่างๆ แผนการพัฒนาระบบโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองระยะเร่งด่วน 5 เส้นทาง โดยสามารถสรุปผลการดำเนินงานที่ผ่านมา และสถานะความพร้อมในปัจจุบัน (ณ 31 กรกฎาคม 2558) ดังนี้
นอกจากนั้น กรมทางหลวงยังมีโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองเส้นทางอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในขั้นตอนต่างๆ ได้แก่ |