นายกต องร บผ ในฐานะผ อน ม ต โครงการ

วันนี้ (13 พ.ย.2566) น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ระบุว่า น.ส.ศิริกัญญา เคยเห็นด้วยกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่าวันนี้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตถูกเบี่ยงเบนรายละเอียดมาไกลมาก จากที่ใช้เงินในงบประมาณกลายมาเป็นการออก พ.ร.บ.กู้เงิน จากที่เคยให้ถ้วนหน้า ก็มีการจำกัดคนที่มีรายได้สูง

ซึ่งจะบอกว่าเห็นด้วยเป็นการตีความที่เกินเลย ซึ่งยอมรับว่าเคยพูดคุยกันจริงในฐานะที่เป็นพรรคที่จะร่วมรัฐบาลกันว่าโครงการไหนที่อยากจะทำก็หยิบมาวางไว้บนโต๊ะ และได้พูดคุยกัน ว่า ดิจิทัลวอลเล็ต จะทำหรือไม่ ถ้าจะทำ ก็ทำได้ แต่เงินไม่พอ ซึ่งวันนั้นก็กางตัวเลขงบประมาณให้ดูกันชัดๆ ว่าเหลือเท่าไหร่ แบ่งกันแล้วเหลือให้แต่ละพรรคทำโครงการพรรคละ 4-5 แสนล้านบาท

ดังนั้นจะทำทั้งก้อนจึงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งก็คุยตรงไปตรงมา จึงขอร้องว่าอย่าบิดประเด็น อย่าเบี่ยงประเด็นไปไกลกว่านี้ คำถามสั้นๆ และตรงไปตรงมาคือ เมื่อการออก พ.ร.บ.เงินกู้ 500,000 ล้านบาท ในครั้งนี้มีท่าว่าจะผิดกฎหมายของมาตรา 53 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ทางเพื่อไทยและรัฐบาลทำไมถึงคิดจะเดินหน้าทำต่อ มีเหตุผลอะไรซึ่งทุกวันนี้ยังไม่ได้รับเหตุผลใดๆ กลับคืนมา เป็นแค่การขุดอดีตเพื่อสร้างความชอบธรรมบางอย่าง ว่าตนเคยเห็นด้วย ซึ่งอยากให้ไล่เรียงมา ก็ไม่เคยซักค้าน เพียงแต่ถามถึงแหล่งที่มาเท่านั้นเองดังนั้นขอให้รัฐบาลช่วยตอบให้ตรงประเด็น

น.ส.ศิริกัญญา ยังตั้งข้อสังเกตว่า จะไม่ผิดกฎหมายได้อย่างไร ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาชุดใหญ่บอกหรือไม่ ว่าไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องง่ายๆ หากเปิดเผยรายงานการประชุมในชั้นอนุกรรมการและกรรมการชุดใหญ่มาว่าถูกต้องตามกฎหมายอย่างไรก็จบสิ้นแล้ว

ตนก็กลายเป็นคนหน้าแตกไปแล้ว แต่จนขนาดนี้ยังไม่มีคำตอบใดๆ และวันนี้อ้างผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้เสนอให้ออกเงินกู้ด้วยก็ต้องดูรายงานของคณะกรรมการชุดใหญ่และต้องดูมติด้วยว่าลงคะแนนเสียงกันอย่างไรถึงให้ออก พ.ร.บ.เงินกู้ ซึ่งเชื่อมั่นว่าธนาคารแห่งประเทศไทยไม่น่าจะเสนอแนวนี้เพราะทุกครั้งที่ผ่านมาก็ออกมาคัดค้านโดยตลอด

นายกต องร บผ ในฐานะผ อน ม ต โครงการ

ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล

ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่าการจะออก พ.ร.บ.กู้เงินได้ ต้องถูกตรวจสอบว่าถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ซึ่งกฎหมายเกี่ยวกับหนี้สาธารณะมีอีกหลายฉบับที่ต้องพิจารณาด้วย ดังนั้นเราคาดหวังว่าวันที่รัฐบาลประกาศแถลงต่อประชาชนว่าจะออกร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 500,000 ล้าน ได้ปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกามาเรียบร้อยแล้วและทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าจะใช้วิธีการนี้โดยที่ไม่ผิดกฎหมายใดๆ หรือไม่

ถ้าไม่ผิดกฎหมายก็ไม่ได้มีช่องให้นักร้องไปร้องอะไรได้ และไม่มีโอกาสถูกตีตกในภายหลัง แต่ถ้าไม่ผ่านกระบวนการนั้นเลย แล้วอยู่ดีๆ ก็พูดออกมาว่าไม่แน่ใจว่ามีมติในที่ประชุมคณะกรรมการใหญ่ด้วยหรือไม่ เพราะไม่มีการเปิดเผยและพูดออกมาแบบนี้เหมือนเดิมคือ พูดแล้วก็ต้องมากลับคำพูดอีกรอบ ก็คิดว่าเสียความเชื่อมั่นของประชาชน จากเดิมประชาชนที่เฝ้ารอการช่วยเหลือ วันหลังก็จะไม่เชื่อแล้ว

ส่วนหากกฎหมายนี้ผ่านสภาไปได้ พรรคก้าวไกลจะทำอย่างไรนั้น น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่าในส่วนของก้าวไกลก็คงต้องยอมรับความจริง ถ้าสุดท้ายร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ผ่านสภาฯ ไปได้ทั้ง 3 วาระและได้ดำเนินโครงการนี้จริงขั้นตอนต่อไปก็เป็นปัญหาในเรื่องของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 การใช้คืนหนี้สูงมาก เงินต้นเดิมเงินต้นใหม่เท่ากับภาษีที่รัฐบาลเก็บมาได้ 20% ก็จะกลายมาเป็นเงินต้องใช้หนี้ทำให้งบของปี 2568 ก็คงจะจัดอย่างยากลำบาก เพราะรายได้ใหม่จากภาษีที่ได้จากงบปี 2567 และ 2568 ที่ต่อเนื่องกัน ซึ่งในงบประมาณปี 2568 ก็เห็นว่าจะต้องเสียเงิน ปีแรกแสนกว่าล้านบาทบวกดอกเบี้ยอีกหมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งทำให้การใช้เงินสูงมาก

ส่วนกรณีที่รัฐบาลให้เหตุผลว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศนั้น น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.วินัยทางการคลังสามารถทำได้เพื่อแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วนและแก้วิกฤตของประเทศ ซึ่งต้องตีความเพราะที่ผ่านมายังไม่เคยถกเถียงกันว่าความจำเป็นเร่งด่วนเป็นอย่างไร และที่ผ่านมาเห็นว่านายกรัฐมนตรีแถลงจีดีพี ย้อนหลัง 10 ปี ซึ่งต้องแก้ไขปัญหาระยะยาว ไม่สามารถแก้ในระยะสั้นได้ ก็ต้องฟังว่ารัฐบาลมีภาระเร่งด่วนอย่างไร แต่ทุกวันนี้ยังไม่มีเสียง ตอบรับใดๆ

นายกต องร บผ ในฐานะผ อน ม ต โครงการ

ทั้งนี้การออก พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทหากเทียบกับ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ศาลรัฐธรรมนูญตีตกนั้น น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ถ้าไม่ผิดกฎหมายแต่การกู้เงินในระดับนี้ มีปัญหาแน่ๆ แม้ว่าหนี้สาธารณะ ต่อ จีดีพียังไม่ถึงขั้นที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐบาลชุดที่แล้วเคยขยายเพดานไว้ แต่ที่จะไม่รอดแน่ๆ คือภาระดอกเบี้ยต่องบประมาณ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ แม้จะไม่อยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังต้องคงไว้ ไม่เกิน 10% เพราะสถาบันจัดอันดับเครดิตเรตติ้ง ที่จะจัดอันดับ เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีจะต้องชี้แจง และย้ำว่างบประมาณ ปีแรกจะต้องจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยซึ่งเกิน 10% ของงบประมาณแผ่นดินและถ้าสุดท้าย พ.ร.บ. นี้ ผ่านสภาและบังคับใช้ได้จริงและดิจิทัลวอลเล็ตเกิดขึ้นจริง

น.ส.ศิริกัญญา บอกอีกว่า ที่รัฐบาลพยายามบอกว่าประเทศกำลังมีวิกฤตนั้นเห็นว่า เป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นในระยะยาว เป็นปัญหาเรื้อรัง ซึ่งไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในการแก้ไขปัญหาด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้เลย กรณีนี้ไม่ใช่การช็อกขึ้นมา ในเศรษฐกิจในระยะสั้นอย่างเช่นโควิด แต่นโยบายนี้ถูกคิดขึ้นมาตั้งแต่ มี.ค.-เม.ย.ปีนี้จะถูกนำไปใช้จริงปีหน้า สรุปแล้ววิกฤตเกิดขึ้นตอนไหนกันแน่แล้วเร่งด่วนถึงขั้นที่เรากว่าจะได้อีก 1 ปีเร่งด่วนหรือไม่ ดังนั้นการเลือกใช้โดยการออกร่างพ.ร.บ.ยิ่งต้องใช้เวลาในสภา จึงถามว่าความจำเป็นเร่งด่วนอยู่ตรงไหน และขออย่าปล่อยให้รัฐบาลบิดเบือน

ส่วนที่มองว่าจีดีพี ไม่โตตามเป้านั้น น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ก็ต้องดูว่าจีดีพีโตได้ตามศักยภาพที่ไปได้หรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่า แม้จีดีพีเราโตช้าแต่เราไม่สามารถกระตุ้นได้ด้วยการ กระตุ้นเศรษฐกิจใน ระยะสั้นเลยควรต้องระบุ ในทางพื้นที่หรือไม่ว่าพื้นที่ไหนควรจะต้องใช้วิธีการกระตุ้นเป็นกรณีพิเศษ อย่างฮ่องกงปี 2565 เศรษฐกิจของฮ่องกงปี 65 ยังโตติดลบอยู่จึงต้องมีการแจกเงิน ซึ่งก็เหมือนของเราตอนโควิดและแจกเงินเยียวยาประชาชน แต่วันนี้เศรษฐกิจโตขึ้น ยังไม่ใช่เวลาของการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแน่นอน

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรี ต้องการเอาชนะหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่าไม่ใช่เรื่องของการเอาชนะ แต่น่าจะเป็นการรักษาคำพูดซึ่งน่าจะเป็นจุดอ่อนจุดหนึ่งเหมือนกัน หลังจากที่ไม่ได้รักษาคำพูดมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนร่วมรัฐบาล และตั้งรัฐบาลมา จึงจำเป็นต้องฟื้นความเชื่อมั่นว่าต้องทำตามที่พูดที่ได้หาเสียงไว้ได้ ซึ่งเป็นบททดสอบที่สำคัญก็อาจจะแพ้ไม่ได้เช่นเดียวกัน จึงเป็นปัญหาหนักใจ