การเขียนประวัติ เหตุผล ขอรับทุนการศึกษา

เขียนอย่างไรให้ได้ทุน (แชร์เหอะ อยากให้ได้ทุนกัน)

ผมเจอบ่อยๆว่ามีคอร์สสอน"เขียนยังไงให้ได้เงินล้าน" ซึ่งมักจะเป็น workshop คิดค่าสมัครกันไป และก็สอนว่าทำยังไงถึงจะเขียนหนังสือให้ดังเป็นพลุได้  แต่ที่กำลังจะเล่าให้ฟังจะเป็นเรื่องของการเขียนให้ได้เงินล้านเหมือนกัน แต่ฟรีและเป็นการเขียนเพื่อชิงทุนครับ (ซึ่งทุนหลายๆทุนอย่าง Endeavour นี่มูลค่าสูงสุดราวๆ 1 แสนกว่าๆ -2 แสนกว่าเหรียญออสเตรเลีย หรือราวๆ 3-5 ล้านบาทครับ)
แต่นั่นแหละทุนเยอะขนาดนี้ มีหรือจะให้กันง่ายๆ

สมัยผมเรียนจบใหม่ๆ ผมเป็นคนนึงที่ยอมรับว่าตัวเองอยู่ห่างไกลจากคำว่าทุนมากๆครับ คือด้วยว่าเกรดก็ไม่ดี ภาษาก็ไม่ได้ดีกว่าชาวบ้านนัก เราจบมาเราก็ไม่รู้หรอกว่าข้อดีจริงๆเราคืออะไร และเกรดที่ไม่สวยงามนี่ไปขอแล้วเค้าจะดูใบสมัครเราบ้างมั้ย? เราต้องทำอะไรเพื่อให้ได้ทุน

ปัจจุบันผมเองก็ได้รับรางวัลที่มาจากการเขียนค่อนข้างเยอะครับ เช่น ได้เข้าร่วมโครงการอบรมผู้นำเยาวชนที่ญี่ปุ่น (2013) ได้เป็น Finalist ของ Australian Alumni of the Year สาขา Community Engagement ในปี 2014-2015 ได้รับทุน Endeavour Scholarship ปี 2016 และเป็น Finalist ของรางวัล Victorian International Student of the Year ปี 2016

ดังนั้นก็เลยเรียกว่าค่อนมองเห็นภาพชัดเจนพอสมควรว่าเราจะเขียนอะไรบ้างในการขอทุน เลยจะสรุปคร่าวๆให้เผื่อๆน้องๆที่อยากขอทุนจะได้นำไปใช้เตรียมตัวก่อน ว่าต้องทำอะไรก่อนเริ่มเขียนบ้างครับ

1) ภาษาต้องดีมั้ย? ถ้าทุนนั้นมีข้อกำหนดว่าต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษ เค้ามักจะมีกำหนดเลยว่าต้องมีผลภาษาอังกฤษเท่าไหร่ เช่น ถ้าเป็น Endeavour ก็จะบอกว่า ต้องมี IELTS 6.5 เป็นขั้นต่ำ ซึ่งก็จะเป็นขั้นต่ำที่แหละครับที่เราจะต้องมี และต้องเขียนให้ได้ตามระดับนั้น
ซึ่งหมายถึงจะได้ IELTS 7.0 ได้ IELTS 8.0 ก็ดี ไม่ได้มีผลกับการพิจารณาหรือการเขียนหรือการพิจารณามากขึ้น เค้าถือว่าผ่านขั้นต่ำมาก็คือโอเคแล้ว และถ้าเขียนได้ตามขั้นต่ำที่กำหนดก็ถือว่าเพียงพอ
ส่วนตัวเองผมว่าการเขียนแบบ Essay ใน IELTS ถ้ารู้เกณฑ์การให้คะแนนก็ถือว่าเพียงพอแล้วครับ (ศัพท์ / แกรมม่าร์ / โครงสร้าง / ตอบตรงโจทย์และตาม requirement)

2) รู้จักตัวเอง : ฟังดูเท่ดีข้อนี้ แต่แนะนำว่าเท่าได้ แต่ที่สำคัญคือต้องจับต้องได้และคนอื่นเข้าใจได้ด้วยครับ ตรงนี้ก็อาจจะเหมือนการวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสียของตัวเองไปด้วยในตัวว่าเราดียังไงไม่ดียังไง เรามีอะไรที่จะทำให้เค้าควรจะให้ทุนเรา และข้อที่เรายังไม่ดีนี่จะสามารถพัฒนาด้วยการที่ได้ทุนนี้ใช่หรือไม่? ที่สำคัญเลยคือเวลาได้ไปบรรยายเรื่องทุน หลายๆคนก็ถามบอกว่าบอกมาเลยได้มั้ยว่าจะเขียนยังไง?
มันตอบยากตรงที่การเขียนเรื่องขอทุนมันต้องแสดงให้เห็นว่าคนคนนั้นมีคุณสมบัติอย่างไร ซึ่งคนที่ควรจะรู้ดีที่สุดก็คือตัวที่คนที่ขอทุนนั้นๆเองครับ (ไม่ใช่ทำนองว่าพี่หนูไม่รู้หนูเก่งอะไร พี่ช่วยบอกหน่อย)

3) ทำกิจกรรม : ทุนบางทุนจะมีถามเลยครับว่าทำกิจกรรมอะไรมาบ้าง นอกจากด้านที่เรียนที่ทำงานมา โดยเฉพาะกิจกรรมที่เป็น Volunteer หรืออาสา ในส่วนของทุนเองการที่มองหาคนที่ทำกิจกรรมอาสาก็เพราะว่าต้องการหาคนที่มีจิตสาธารณะ มีการให้คืนกลับกับสังคม (บ้าง) บางทุนก็อาจจะไม่มีข้อกำหนดตรงนี้ครับ ทั้งนี้ผมก็ยังเชื่อว่าคนที่ทำงานจิตอาสามาก็ยังมีอะไรให้เขียนเยอะดีอยู่ดี ดังนั้นแนะนำให้ทำ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนจัด ไปเป็นคนร่วมก็ได้ งานไม่ใหญ่ก็ได้ครับ แต่ขอให้ได้เริ่มทำกันบ้าง

4) รู้จักคอร์สที่จะเรียนแบบละเอียด : ข้อนี้สำคัญ ปกติแล้วทางผู้ให้ทุน แม้จะให้เปล่าๆไม่ผูกมัดก็ตามก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าผู้ที่ได้รับทุนจะมีแนวโน้มที่เป็นจะเป็นคนอย่างไรในอนาคต มีจะมีโอกาสที่จะกลายเป็นคนที่เก่งขึ้น กลับไปพัฒนาประเทศในสาขาที่ตัวเองทำหรือไม่ ซึ่งตรงนี้สาขาที่เลือกเรียน ประสบการณ์ วุฒิที่เคยเรียนมาก็จะมีผล ดังนั้นก็ต้องดูให้ดีว่าจะเลือกคอร์สอะไร เพราะอะไร เข้าไปดูใน course outline ของทางสถาบันเลยก็ได้ครับว่ามีสอนวิชาอะไร แต่ละวิชานั้นจะมีเนื้อหาประมาณไหน น่าจะมาต่อยอดกับเราได้อย่างไร ทั้งนี้หลายๆทุนก็ไม่ได้กำหนดว่าจะต้องเป็นสาขาที่เกี่ยวข้องกับที่จบมา จะเป็นสาขาใหม่ก็ได้ แต่ก็ต้องตอบได้ว่าผู้สมัครจะได้อะไรจากคอร์สนั้นๆ (ซึ่งก็อาจจะไม่แปลกที่ผู้ที่มีประสบการณ์ และวุฒิในด้านนั้นๆอาจจะเขียนได้ convincing กว่าด้วยสิ่งที่เค้ามีครับ)

5) ตอบตรงคำถาม : เวลาเขียน essay ไปเรื่อยๆ เราจะเริ่มรู้สึกว่า เอ๊ะ ข้อนี้ตอบไปแล้วหรือเปล่านะ คือบางทีอาจจะดูคล้ายๆกันไปบ้าง เช่น ของ Endeavour เองผู้สมัครก็ต้องเขียน essay หลายๆข้อ ตั้งแต่ว่า คอร์สนี้จะมีประโยชน์กับคุณอย่างไร ประเทศคุณจะได้อะไร ประเทศที่ให้ทุนจะได้อะไร คุณคาดหวังว่าตัวเองจะพัฒนาอย่างไร และมีแพลนจะกลับไปพัฒนาประเทศคุณตรงไหน ซึ่งหลายๆข้อก็จะค่อนข้างเชื่อมโยงกัน

wording ใน essay นี่ค่อนข้างน้อย สำหรับการจะบรรยายอะไรที่ละเอียดๆให้ครบ ดังนั้นต้องแน่ใจว่าเราตอบตรงคำถามนะ ไม่พูดอะไรเยิ่นเย้อ ซ้ำซ้อนนะ คือเขียนแต่ละ essay เสร็จ ต้องมาอ่านภาพรวมกันอีกว่าแต่ละ essay โอเคแล้วใช่มั้ย (ในเชิงของทั้งเนื้อหาและ criteria อื่นๆ) และภาพรวมโอเค เราได้ address เรื่องที่เราจะบอกทั้งหมดใช่มั้ย

6) เข้าใจน้ำหนักและปัจจัยในการพิจารณาทุน : ข้อนี้ก็สำคัญมากครับ แทบจะทุกทุนจะมีบอก Criteria ในการพิจารณาไว้ รวมถึงน้ำหนักในการเขียนด้วย อย่างของ Endeavour เองก็จะมีบอกเลย
เช่น  ความสำเร็จด้านการเรียน งานวิชาการ ประสบการณ์การทำงาน
คิดเป็น 40% , Study plan 20% , Essay เกี่ยวกับว่าทุนนี้ คณะที่เราเรียนนี้จะช่วยเราอย่างไร 20% และทุนนี้จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวระหว่างไทยและออสอย่างไร 20%
แค่นี้รวมกันเป็น 100% แล้ว ดังนั้นเราก็จะดูได้ว่าเราต้องแนบหลักฐานส่วนไหน เขียนอธิบายส่วนไหนให้เยอะ ให้ตรงกับที่ทางผู้ให้ทุนต้องการ

มีคำถามเรื่องการขอทุน การเตรียมตัวสมัครก็ถามกันมาได้เสมอครับ

การเขียนประวัติ เหตุผล ขอรับทุนการศึกษา

ปล.จริงๆเขียนแชร์ไว้ใน thaiwahclub ครับ ลองเข้าไปอ่านหรือถามได้ที่นี่

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10155012869054311&id=348755064310