การพัฒนาระบบราชการไทย*** [ระบบบริหารราชการไทย]เอกสาร*** ผศ.ดร.สถาพร วิชัยรัมย์ [อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (รปม.)] Show บทนำระบบบริหารราชการไทยมีวิวัฒนาการมาอย่างยาวนาน มีการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านการเมืองการปกครองและพฤติกรรมการบริหารราชการมาหลายยุคหลายสมัย แต่ละยุคสมัยก็มีลักษณะการบริหารราชการที่แตกต่างกัน มีสภาพปัญหาเกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลาก็มีลักษณะต่างกัน สภาพปัญหาดังกล่าว ยังรวมถึงความคาดหวังต่อการให้บริการประชาชนที่มากขึ้นด้วย ทำให้ระบบราชการไทยต้องมีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพ มีการบริหารจัดการที่ดี อีกทั้งในปัจจุบันกระแสแห่งการจัดการภาครัฐสมัยใหม่ได้ส่งผลให้การบริหารงานภาครัฐต้องมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ประเทศไทยก็ได้มีการจัดทำยุทธศาสตร์ในการพัฒนาระบบราชการไทยให้มีความทันสมัย มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการพัฒนาประเทศ ลักษณะของระบบบริหารราชการไทยลักษณะของระบบบริหารราชการไทยมีวิวัฒนาการมาอย่างยาวนาน โดยในแต่ละช่วงเวลาจะมีลักษณะของระบบราชการที่แตกต่างกันไปและปัญหาของระบบราชการก็จะต่างกันไปด้วยจะเห็นได้ว่า การบริหารราชการไทยได้มีการพัฒนาการบริหารมาอย่างต่อเนื่อง โดยการพัฒนาการบริหารที่ผ่านมามักจะให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้าง การจัดแบ่งส่วนราชการ และการจัดอัตรากำลังเป็นสำคัญ ส่วนการปรับบทบาท ภารกิจ วิธีการบริหารราชการ กฎหมาย งบประมาณ และวัฒนธรรมการบริหารเพิ่งได้รับความสำคัญในระยะหลังๆ โดยเฉพาะตั้งแต่มีการจัดทำแผนแม่บทการปฏิรูประบบราชการและแผนปฏิรูปการบริหารภาครัฐเป็นต้นมา ระบบบริหารราชการไทยจึงมีลักษณะเป็นไปตามกฎหมายระเบียบบริหารราชการแผ่นดินที่กำหนดให้มีการบริหารราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น มีบทบาทภารกิจตามกฎหมาย มีองค์การ โครงสร้างที่เป็นแบบแผน มีระบบงานที่มีภารกิจในด้านต่าง ๆ มีบุคลากรของรัฐที่ทำหน้าที่ให้บริการประชาชน นอกจากนี้ภายใต้กฎระเบียบต่างๆ อาจทำให้เป็นอุปสรรคของการทำงานในด้านต่างๆ ปัญหาของระบบราชการไทยระบบราชการไทย นับตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทรงปฏิรูประบบราชการเป็นครั้งแรก หลังจากนั้นเป็นต้นมาจนถึงพ.ศ. 2545 จึงได้มีการปฏิรูปอีกครั้งซึ่งระหว่างนั้นมีเพียงการปรับปรุง เสริมแต่งเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้แล้วในทางการเมือง รัฐบาลเกือบทุกสมัยมักมีนโยบายปรับปรุงประสิทธิภาพระบบราชการ แต่ทำไปทำมาก็ไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรมที่จะแสดงให้เห็นว่าระบบราชการมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ข่าวคราวเกี่ยวกับการคอรัปชั่นในวงราชการก็มิได้ลดลง ในทางกลับกันกลับมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นจนกลายเป็นต้นทุนตัวหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจขอประเทศไปแล้ว ปัญหาของระบบบริหารราชการไทยจะเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบราชการที่ยังมีความล่าช้า การขยายตัวของหน่วยงานราชการ มีโครงสร้างและภารกิจที่มีความซ้ำซ้อนขาดความชัดเจน การบริหารบุคคลยังมีระบบอุปถัมภ์ ทำให้บุคลากรขาดแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่นอกจากนี้ยังถูกแทรกแซงทางการเมือง การปฏิรูประบบราชการภายใต้แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการภาครัฐแนวใหม่ภายใต้บริบทของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาอันเรียกว่าโลกาภิวัตน์ทำให้เกิดแนวคิดเกี่ยวกับการจัดการสมัยใหม่ที่ถูกนำมาใช้ในองค์การต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนซึ่งมีส่วนสำคัญทำให้หน่วยงานต่างๆ ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพเกิดผลลัพธ์ที่ต้องการ การบริหารงานภาครัฐ (Public Administration) ได้ให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติตามกรอบแนวคิดหรือตัวแบบระบบราชการในอุดมคติซึ่งแนวคิดดังกล่าวถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นโดยนักสังคมวิทยาชาวเยอรมันที่ชื่อ Max Weber โดยหลักการแล้วการบริหารงานภาครัฐในแนวทางนี้เน้นให้ความสำคัญต่อโครงสร้างสายการบังคับบัญชา การสั่งการตามลำดับชั้นที่ชัดเจนและแน่นอน มีการแบ่งงานกันทำตามความเชี่ยวชาญชำนาญการ สร้างความมั่นคงแน่นอนในอาชีพการรับราชการการปฏิบัติงานเป็นไปตามระเบียบและแบบแผนมาตรฐานที่วางไว้อย่างเคร่งครัด เน้นความเสมอภาคเท่าเทียมกัน และไม่คำนึงถึงตัวบุคคลในการให้บริการประชาชน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความยุติธรรม สามารถควบคุมการใช้อำนาจดุลพินิจและทุจริตประพฤติมิชอบ ป้องกันการแทรกแซงทางการเมืองและเล่นพรรคเล่นพวก การบริหารจัดการภาครัฐแบบใหม่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุของระบบบริหารราชการแบบดั้งเดิม ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีสภาพที่ยังไม่เอื้อต่อการตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป มีลักษณะล่าช้า ขาดความคล่องตัว มีการปฏิบัติงานโดยยึดหลักระเบียบที่เคร่งครัด ปัญหาเหล่านี้นำไปสู่การบริหารงานภาครัฐที่ขาดประสิทธิภาพ ซึ่งหลายประเทศได้ประสบปัญหาที่มีลักษณะเหมือนกัน การจัดการภาครัฐแบบใหม่ (New Public Management) ที่องค์การภาครัฐได้รับอิทธิพลจากแนวคิดของ Boston. ที่ได้อธิบายแนวคิดการจัดการภาครัฐแนวใหม่ที่มีจุดประสงค์หลักเพื่อให้การบริหารภาครัฐมีความทันสมัย มีประสิทธิภาพ และสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก การปฏิรูประบบราชการไทยจากแนวคิดการจัดการภาครัฐแนวใหม่ที่มุ่งถึงการจัดระบบบริหารราชการให้มีประสิทธิภาพทำให้รัฐบาลไทยในสมัยต่างๆ ได้มีแนวคิดให้การพัฒนาระบบบริหารราชการให้มีประสิทธิภาพโดยการปฏิรูประบบบริหารในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ ความจำเป็นในการปฏิรูประบบราชการไทยการบริหารราชการไทยนอกเหนือจากการปฏิรูปเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนและภารกิจของราชการอันเป้าหมายหลักแล้วปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เทคโนโลยีและวิทยาการก็ล้วนก็ล้วนมีอิทธิพลที่ส่งผลให้องค์การต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจำเป็นต้องมีการปฏิรูปเพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลง สำหรับประเทศไทยมีความจำเป็นในการปฏิรูประบบราชการ
แนวโน้มการบริหารราชการไทยจากแนวคิดการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ และการปฏิรูประบบราชการไทยย่อมส่งผลให้ระบบราชการไทยในอนาคตจะมีสมรรถนะและมีลักษณะ ดังนี้
จากแนวคิดการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ ส่งผลทำให้ระบบบริหารราชการไทยจำต้องมีการปฏิรูปตามยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ดังได้กล่าวมาแล้ว ในอนาคตระบบบริหารราชการไทยก็จะมีลักษณะการบริหารงานที่ยืดหยุ่น มีระบบกลไกตลาดเข้ามาเกี่ยวข้อง องค์การราชการจะต้องมีการแข่งขันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาการบริหารงาน มีข้าราชการที่มีสมรรถนะสูงเข้ามาปฏิบัติงาน รวมทั้งการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารงานมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อเป้าหมายในการตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ หลักการพัฒนาระบบราชการไทยการพัฒนาระบบราชการไทยมีวิวัฒนาการมาเป็นระยะเวลานานหลายยุคสมัย มียุคแห่งการพัฒนาการบริหารราชการได้เป็น 4 ยุคได้แก่ 1) ยุคก่อนการปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน พ.ศ. 2435 2) ยุคปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน พ.ศ. 2435 3) ยุคหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดิน พ.ศ. 2475 4) ยุคปฏิรูประบบราชการ พ.ศ. 2545 โดยเฉพาะในยุคล่าสุดนี้เป็นการพัฒนาระบบราชการเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการบริหารราชการทั้งด้านโครงสร้าง ขั้นตอน กฎ ระเบียบ คำสั่ง พฤติกรรมการบริหารราชการอันเกิดจากบุคลากรของรัฐ ทำให้ภาคราชการไทยต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกที่มุ่งพัฒนาการบริหารงานภาครัฐให้มีประสิทธิภาพภายใต้ชื่อว่าการจัดการภาครัฐแนวใหม่ แนวคิดการจัดการภาครัฐแนวใหม่เกิดมาจากการหลอมรวมแนวคิดที่แตกต่างกัน 2 กระแสโดยกระแสแนวคิดแรกคือเศรษฐศาสตร์สถาบันใหม่ (New Institutional Economics) ซึ่งเกิดมาจากทฤษฎีทางเลือกสาธารณะ (Public Choice Theory) ทฤษฎีผู้ว่าจ้าง-ตัวแทน (Principal-agent Theory) และทฤษฎีต้นทุน-ธุรกรรม (Transaction Theory) ซึ่งมองการเมืองเปรียบเสมือนปรากฏการณ์ทางการตลาดและอีกกระแสแนวคิดหนึ่งคือการจัดการนิยม (Managerialism) ซึ่งเป็นแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปการบริหารภาครัฐโดยนำเอาวิธีการหรือเทคนิคต่างๆของภาคธุรกิจเอกชนมาใช้หรือเป็นการบริหารงานที่เลียนแบบภาคธุรกิจเอกชนโดยมีลักษณะลดขั้นตอน ลดขนาดโครงสร้างองค์การ รวมทั้งพฤติกรรมการดำเนินงานโดยมุ่งผลลัพธ์สุดท้ายมากกว่าวิธีการทำงาน สรุป
อ่านเพิ่มเติมที่http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7910[เอกสารประกอบการสอนรายวิชาระบบบริหารราชการไทย] บทความก่อนหน้านี้https://pa.bru.ac.th/2021/09/12/goodgovernance/ ธรรมาภิบาลในองค์การภาครัฐ ระบบคลังข้อมูลวิชาการ[เอกสารอิเลกทรอนิกส์]เอกสารอ้างอิง
|