ใบงานที่ 4.1 เรื่อง ความ ปลอดภัย ของระบบสารสนเทศ เฉลย

        ดังนั้นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือการส่งเสริม ให้ประชาชนมีคุณธรรม จริยธรรมในการใช้เทคโนโลยี ประกาศใช้พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ที่ชัดเจน ไม่คลุมเครือ ดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่กระทำผิดอย่างจริงจัง มีผู้ควบคุมดูและระบบใหญ่และระบบย่อยทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดการกระทำผิดขึ้น นอกจากนี้ต้องมีการส่งเสริมให้คนมีคุณภาพเข้ามาใช้อินเทอร์เน็ต และต้องสร้างเว็บไซต์ที่มีคุณภาพให้เกิดขึ้นมากๆ รณรงค์ให้ผู้บริหารฯ อาจารย์ นักวิชาการ หรือแม้กะทั่งนักเรียน นิสิต นักศึกษา ทำการเขียนบทความลง website  webblog เหล่านี้จะเป็นการส่งเสริมผลักดันให้มีเว็บไซต์คุณภาพ ที่สำคัญคือสถานศึกษาต้องปลูกฝังจิตสำนึกของนักเรียนในสถาบันของตนเองให้มี ความรู้ ความเข้าใจในการใช้Internet อย่างถูกต้อง

1. ส่ิงท่ีอาจจะก่อให้เกิดเสียหายต่อคุณสมบัติของข้อมูลดา้ น 7. บุคคลใดปฏบิ ตั ิตามมารยาทในการใช้อนิ เทอรเ์ น็ต

ใดดา้ นหนง่ึ หรือมากกวา่ หนง่ึ ดา้ น คือข้อใด 1. กา้ นเข้าไปซือเสือผา้ ลอกเลยี นแบบในเวบ็ ไซตข์ ายเสอื ผา้

1. ภัยธรรมชาติ 2. ก้อยคัดลอกภาพอาหารของผู้อื่นเพ่ือนามาทาเป็น

2. ภยั พบิ ัติ เมนอู าหารของร้าน

3. ภัยคุกคาม 3. กุ๊กพิมพ์ไลน์ต่อว่าเพื่อนด้วยถ้อยคาท่ีรนุ แรง เนื่องจาก

4. อุทกภยั เพื่อผิดนัดตน

2. การกระทาใดเป็นการใช้อนิ เทอร์เนต็ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 4. ไก่พบบุคคลน่าสงสัยในห้องคอมพิวเตอร์ของโรงเรยี น

1. ไม่ควรใช้อนิ เทอร์เนต็ ทกุ วัน จงึ นาเรอ่ื งไปแจง้ ให้ครผู ู้ดแู ลทราบ

2. ไมใ่ ชอ้ ินเทอร์เนต็ เพอื่ ทาร้านผู้อืน่ 8. การนาข้อมูลของผู้อื่นมาเป็นประโยชน์ต่อตนเอง จัดเป็น

3. ใช้อินเทอรเ์ นต็ เพื่อความบนั เทงิ เท่านนั อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ประเภทใด

4. ใช้อินเทอรเ์ น็ตเพอ่ื ผลประโยชนท์ างธุรกิจเท่านนั 1. การแทรกแซงขอ้ มูลโดยมชิ อบ

3. หากต้องการใช้คอมพิวเตอร์ในการเผยแพร่ภาพ สิ่งใดที่ 2. การละเมิดลขิ สิทธ์แิ ละปลอมแปลง

นักเรียนไม่ควรกระทา 3. อนั ธพาลทางคอมพิวเตอร์และผกู้ ่อการรา้ ย

1. เผยแพรภ่ าพลามกอนาจาร 4. การใช้เทคโนโลยคี อมพวิ เตอรด์ ัดแปลงข้อมูล

2. เผยแพร่ภาพกฬี าสี 9. ขอ้ ใดไม่ใช่ความหมายของอาชญากรรมคอมพวิ เตอร์

3. เผยแพรภ่ าพไปเท่ยี วลงใน Facebook 1. การกระทาใด ๆ ท่เี ปน็ ความผดิ ทางอาญา

4. เผยแพร่ภาพอาหารทก่ี าลังรับประทาน 2. การกระทาใด ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับคอมพิวเตอร์และเป็น

4. อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ทีเ่ ป็นการขโมยข้อมูลมีลักษณะ ความผดิ ทางอาญา

อยา่ งไร 3. การกระทาใด ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ ซ่ึงทาให้

1. ขโมยขอ้ มูลจากร้านสะดวกซอื ผอู้ ่นื ได้รับความเสียหาย

2. ขโมยข้อมลู จากห้างสรรพสินค้า 4. การกระทาใด ๆ ที่เก่ียวข้องกับคอมพิวเตอร์ ซ่ึงทาให้

3. ขโมยข้อมูลจากธนาคาร ผู้กระทาผดิ ได้รับผลประโยชน์

4. ขโมยข้อมลู จากผใู้ ชง้ านอินเทอรเ์ นต็ 10. จากบทความตอ่ ไปนี

5. นกั เรียนมีบทบาทอย่างไรในการมสี ่วนร่วมทจ่ี ะสง่ เสริมให้ “เป็ดต้องการซือรองเท้าคู่ใหม่แต่มีเงินไม่พอ ซันจึง

คนท่วั ไปใช้อนิ เทอรเ์ นต็ อยา่ งมีมารยาท ชักชวนเป็ดเข้าไปเล่นพนันฟุตบอลในเว็บไซต์หนึ่ง ต่อมา

1. ใชค้ อมพิวเตอร์ทารา้ ย หรือละเมดิ ผอู้ ื่น เปด็ เล่นพนันชนะ จงึ นาเงนิ ไปซือรองเท้าคใู่ หม่”

2. สอดแนม แก้ไข หรือเปิดดแู ฟ้มข้อมูลของผู้อื่น การกระทาของเปด็ เปน็ อาชญากรรมคอมพวิ เตอรป์ ระเภท

3. ใชค้ อมพวิ เตอร์รบกวนการทางานของผู้อืน่ ใด

4. ปฏิบัตติ นเปน็ ตวั อย่างทด่ี ี เคารพกฎระเบียบ 1. การฟอกเงินทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์

6. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ลักษณะของการก่ออาชญากรรมคอมพิวเตอร์ 2. การใชค้ อมพวิ เตอร์เผยแพร่ภาพ

1. การเจาะเขา้ ไปในระบบรกั ษาความปลอดภัยสว่ นบุคคล 3. การละเมดิ ลิขสทิ ธิแ์ ละการปลอมแปลง

2. การเจาะเข้าไปในระบบรักษาความปลอดภัยของเวบ็ 4. อาช ญากร ร มท่ีใช้การ สื่อส าร ผ่ าน เค รื อ ข่ า ย

สาธารณะ คอมพิวเตอร์

3. การเจาะเข้าไปในระบบรักษาความปลอดภัยส่วนที่

เปน็ ระบบปฏบิ ตั ิการ

4. การเจาะเข้าไปในระบบส่ือสารและรักษาความ

ปลอดภัยของซอฟตแ์ วร์ข้อมลู

เฉลย

1. 3 2. 2 3. 1 4. 4 5. 4 6. 2 7. 4 8. 1 9. 1 10. 1

แบบทดสอบหลงั เรยี น

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4

คาชแ้ี จง : ให้นักเรียนเลือกคาตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. อาชญากรรมคอมพวิ เตอร์ที่เป็นการขโมยขอ้ มลู มีลักษณะ 7. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ลักษณะของการก่ออาชญากรรมคอมพวิ เตอร์

อยา่ งไร 1. การเจาะเข้าไปในระบบรักษาความปลอดภยั สว่ นบุคคล

1. ขโมยขอ้ มูลจากร้านสะดวกซอื 2. การเจาะเขา้ ไปในระบบรักษาความปลอดภยั สว่ นที่เป็น

2. ขโมยข้อมูลจากหา้ งสรรพสนิ คา้ ระบบปฏิบัติการ

3. ขโมยขอ้ มลู จากธนาคาร 3. การเจาะเข้าไปในระบบส่ือสารและรัก ษาความ

4. ขโมยขอ้ มลู จากผูใ้ ช้งานอินเทอรเ์ นต็ ปลอดภยั ของซอฟต์แวร์ขอ้ มลู

2. การกระทาใดเปน็ การใช้อินเทอรเ์ นต็ ได้อยา่ งเหมาะสม 4. การเจาะเข้าไปในระบบรักษาความปลอดภัยของเว็บ

1. ไมค่ วรใชอ้ ินเทอร์เน็ตทกุ วัน สาธารณะ

2. ใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตเพือ่ ความบันเทงิ เท่านัน 8. การนาข้อมูลของผู้อ่ืนมาเป็นประโยชน์ต่อตนเอง จัดเป็น

3. ใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ เพ่ือผลประโยชนท์ างธุรกิจเทา่ นัน อาชญากรรมคอมพวิ เตอร์ประเภทใด

4. ไมใ่ ชอ้ ินเทอรเ์ นต็ เพ่อื ทาร้านผอู้ ื่น 1. การแทรกแซงขอ้ มลู โดยมิชอบ

3. ส่ิงท่ีอาจจะกอ่ ให้เกิดเสยี หายต่อคณุ สมบัตขิ องข้อมูลดา้ น 2. การละเมิดลิขสทิ ธแ์ิ ละปลอมแปลง

ใดดา้ นหนง่ึ หรอื มากกว่าหนึ่งด้าน คอื ข้อใด 3. อนั ธพาลทางคอมพิวเตอร์และผู้ก่อการร้าย

1. ภยั ธรรมชาติ 4. การใชเ้ ทคโนโลยคี อมพิวเตอรด์ ดั แปลงข้อมลู

2. ภัยพิบัติ 9. บคุ คลใดปฏบิ ตั ิตามมารยาทในการใช้อินเทอรเ์ น็ต

3. อุทกภยั 1. ก้านเข้าไปซอื เสือผ้าลอกเลยี นแบบในเวบ็ ไซต์ขายเสือผ้า

4. ภัยคกุ คาม 2. ไก่พบบุคคลน่าสงสัยในห้องคอมพิวเตอร์ของโรงเรยี น

4. หากต้องการใช้คอมพิวเตอร์ในการเผยแพร่ภาพ ส่ิงใดที่ จงึ นาเรอื่ งไปแจ้งใหค้ รผู ู้ดแู ลทราบ

นกั เรียนไม่ควรกระทา 3. ก้อยคัดลอกภาพอาหารของผู้อื่นเพื่อนามาทาเป็น

1. เผยแพร่ภาพลามกอนาจาร เมนูอาหารของร้าน

2. เผยแพร่ภาพกฬี าสี 4. กุ๊กพิมพ์ไลน์ต่อว่าเพื่อนด้วยถ้อยคาท่ีรนุ แรง เนื่องจาก

3. เผยแพรภ่ าพไปเท่ียวลงใน Facebook เพ่อื ผิดนัดตน

4. เผยแพร่ภาพอาหารท่กี าลงั รับประทาน 10. จากบทความต่อไปนี

5. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ความหมายของอาชญากรรมคอมพวิ เตอร์ “เป็ดต้องการซือรองเท้าคู่ใหม่แต่มีเงินไม่พอ ซันจึง

1. การกระทาใด ๆ ที่เก่ียวข้องกับคอมพิวเตอร์และเปน็ ชักชวนเป็ดเข้าไปเล่นพนันฟุตบอลในเว็บไซต์หน่ึง ต่อมา

ความผิดทางอาญา เปด็ เล่นพนันชนะ จงึ นาเงนิ ไปซือรองเทา้ คู่ใหม่”

2. การกระทาใด ๆ ทเี่ กีย่ วขอ้ งกับคอมพิวเตอร์ ซงึ่ ทาให้ การกระทาของเป็ดเปน็ อาชญากรรมคอมพิวเตอรป์ ระเภท

ผ้อู ื่นไดร้ ับความเสียหาย ใด

3. การกระทาใด ๆ ทเี่ ป็นความผิดทางอาญา 1. การใช้คอมพวิ เตอร์เผยแพรภ่ าพ

4. การกระทาใด ๆ ทเี่ ก่ียวขอ้ งกับคอมพิวเตอร์ ซ่งึ ทาให้ 2. การฟอกเงินทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์

ผู้กระทาผิดไดร้ บั ผลประโยชน์ 3. การละเมิดลิขสทิ ธ์แิ ละการปลอมแปลง

6. นกั เรียนมบี ทบาทอย่างไรในการมีสว่ นรว่ มท่จี ะส่งเสริมให้ 4. อาช ญากร ร มที่ใช้การ ส่ือส าร ผ่ าน เค รื อ ข่ า ย

คนท่วั ไปใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ อย่างมีมารยาท คอมพิวเตอร์

1. ใชค้ อมพวิ เตอร์ทารา้ ย หรือละเมดิ ผู้อื่น

2. ปฏบิ ัติตนเป็นตวั อย่างทด่ี ี เคารพกฎระเบียบ

3. สอดแนม แกไ้ ข หรือเปิดดแู ฟม้ ขอ้ มลู ของผ้อู ืน่

4. ใช้คอมพวิ เตอร์รบกวนการทางานของผู้อ่นื

เฉลย

1. 4 2. 4 3. 4 4. 1 5. 3 6. 2 7. 4 8. 1 9. 2 10. 2

แบบประเมินผลงานผังมโนทัศน์

คาชแ้ี จง : ใหผ้ สู้ อนประเมนิ ผลงาน/ชนิ งานของนกั เรยี นตามรายการท่ีกาหนด แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ งทตี่ รงกับระดบั

คะแนน

ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คุณภาพ
4 3 21

1 ความสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์

2 ความถูกต้องของเนือหา

3 ความคิดสร้างสรรค์

4 ความตรงตอ่ เวลา

รวม

ลงชอื่ ................................................... ผ้ปู ระเมนิ
.............. /................. /..............

แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
เกณฑป์ ระเมินผงั มโนทัศน์

ประเดน็ ท่ีประเมิน 4 ระดับคะแนน 1
32 ผลงานไมส่ อดคลอ้ ง
1. ผลงานตรงกับ ผลงานสอดคลอ้ งกบั ผลงานสอดคล้องกบั ผลงานสอดคลอ้ งกบั กบั จุดประสงค์
จดุ ประสงค์เปน็ สว่ นใหญ่ จุดประสงคบ์ างประเดน็ เนือหาสาระของผลงาน
จดุ ประสงค์ท่ีกาหนด จุดประสงคท์ ุกประเดน็ เนือหาสาระของผลงาน เนือหาสาระของผลงาน ไมถ่ ูกตอ้ งเป็นสว่ นใหญ่
ถกู ตอ้ งเปน็ สว่ นใหญ่ ถกู ต้องเป็นบางประเดน็ ผลงานไม่แสดงแนวคิด
2. ผลงานมคี วาม เนือหาสาระของผลงาน ผลงานมแี นวคดิ แปลก ผลงานมีความนา่ สนใจ ใหม่
ใหม่แต่ยังไมเ่ ป็นระบบ แต่ยังไม่มีแนวคิดแปลก
ถูกตอ้ งสมบรู ณ์ ถูกต้องครบถ้วน ผลงานสว่ นใหญไ่ มเ่ ป็น
ใหม่ ระเบียบและมขี อ้
3. ผลงานมคี วามคดิ ผลงานแสดงออกถงึ บกพรอ่ งมาก
ผลงานสว่ นใหญม่ คี วาม ผลงานมคี วามเปน็
สรา้ งสรรค์ ความคดิ สร้างสรรค์ เป็นระเบียบ แต่ยงั มี ระเบยี บ แตม่ ี
ขอ้ บกพรอ่ งเล็กนอ้ ย ขอ้ บกพรอ่ งบางส่วน
แปลกใหมแ่ ละเป็น

ระบบ

4. ผลงานมคี วามเปน็ ผลงานมคี วามเป็น

ระเบยี บ ระเบียบแสดงออกถึง

ความประณีต

เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ

14–16 ดมี าก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ

คาช้แี จง : ใหผ้ ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในช่องท่ีตรงกบั

ระดบั คะแนน

ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 1
32

1 ความถูกตอ้ งของเนอื หา  

2 ความคิดสร้างสรรค์  

3 วธิ กี ารนาเสนอผลงาน  

4 การนาไปใช้ประโยชน์  

5 การตรงต่อเวลา  

รวม

ลงช่อื ................................................... ผปู้ ระเมนิ
............ /................. /...............

เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมินสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นส่วนใหญ่
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ

14–15 ดมี าก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ

คาชแ้ี จง : ให้ผูส้ อน แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล สงั เกตพฤตกิ รรมของ

นักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ✓ลงในชอ่ งที่ตรงกบั ระดับคะแนน

ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32

1 การแสดงความคิดเหน็  

2 การยอมรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผ้อู น่ื  

3 การทางานตามหน้าทีท่ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย  

4 ความมีนาใจ  

5 การตรงต่อเวลา  

รวม

ลงชือ่ ................................................... ผ้ปู ระเมนิ
............ /................. /...............

เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง ให้ 1 คะแนน

ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครงั

เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

14–15 ดมี าก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรุง

คาชี้แจง : ให้ผู้สอน แแบบบบปสรงัะเเกมตินพคฤุณตลกิ กั รษรมณกะาอรนั ทพางึ าปนรกะสลง่มุ ค์ สงั เกตพฤติกรรมของ

นกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในช่องทตี่ รงกับระดบั คะแนน

ลาดับที่ ชอ่ื –สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมีนา้ ใจ การมี รวม
ของนกั เรียน ความคิดเห็น ฟงั คนอนื่ ตามทีไ่ ดร้ บั 15
มอบหมาย สว่ นรว่ มใน คะแนน
การปรบั ปรงุ
ผลงานกล่มุ

321321321321321

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่ือ ................................................... ผู้ประเมนิ
ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ............ /................. /................

ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครงั ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครัง ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

14–15 ดมี าก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ

คาช้แี จง : ใหผ้ ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งที่ตรงกบั

ระดบั คะแนน

คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน
อันพงึ ประสงคด์ ้าน 321

1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้

กษัตริย์ 1.2 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทีส่ รา้ งความสามคั คปี รองดอง และเป็นประโยชนต์ อ่ โรงเรยี น

1.3 เข้ารว่ มกจิ กรรมทางศาสนาทตี่ นนับถือ ปฏบิ ตั ิตามหลักศาสนา

1.4 เข้าร่วมกิจกรรมทเ่ี ก่ยี วกับสถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ตามที่โรงเรยี นจดั ขนึ

2. ซื่อสัตย์ สุจริต 2.1 ใหข้ อ้ มูลทถี่ ูกตอ้ งและเป็นจริง

2.2 ปฏิบัติในส่ิงท่ีถูกต้อง

3. มีวนิ ัย รับผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคับของครอบครวั

มีความตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่าง ๆ ในชวี ติ ประจาวนั

4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 ร้จู กั ใช้เวลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์ และนาไปปฏิบตั ิได้

4.2 รู้จกั จดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม

4.3 เช่ือฟังคาสั่งสอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ยง้

4.4 ตังใจเรยี น

5. อยู่อย่างพอเพียง 5.1 ใช้ทรัพยส์ ินและสิ่งของของโรงเรียนอยา่ งประหยดั

5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยดั และรคู้ ณุ คา่

5.3 ใชจ้ า่ ยอย่างประหยดั และมีการเกบ็ ออมเงิน

6. มุง่ มั่นในการ 6.1 มีความตงั ใจและพยายามในการทางานที่ไดร้ ับมอบหมาย

ทางาน 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ ้อแทต้ ่ออุปสรรคเพอ่ื ใหง้ านสาเรจ็

7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มีจิตสานกึ ในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภมู ิปญั ญาไทย

7.2 เห็นคุณค่าและปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทย

8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รจู้ กั ช่วยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครูทางาน

8.2 รู้จักการดูแลรักษาทรัพย์สมบัติและสิง่ แวดล้อมของหอ้ งเรียนและโรงเรียน

ลงช่อื ................................................... ผู้ประเมนิ
............ /................. /................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ให้ 2 คะแนน 51–60 ดีมาก
พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั ชิ ัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 1 คะแนน 41–50 ดี
พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัติชดั เจนและบอ่ ยครัง 30–40 พอใช้
พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ตั บิ างครงั ต่ากวา่ 30 ปรบั ปรงุ

แผนการจัดการเรยี นรู้

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาการคานวณ ว21104 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 เร่อื ง การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 9 เรอื่ ง จรยิ ธรรมในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ เวลา 2 ชัว่ โมง

1. มาตรฐาน/ตัวช้วี ัด

1.1 ตวั ชี้วัด
ว 4.2 ม.1/4 ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย ใช้สอื่ และแหล่งขอ้ มูลตามข้อกาหนดและข้อตกลง

2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธบิ ายการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั ได้ (K)
2. อภิปรายเก่ียวกับความปลอดภยั ของระบบสารสนเทศ (P)
3. เห็นความสาคัญของความปลอดภัยในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (A)

3. สาระการเรยี นรู้

1. ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เชน่ การปกป้องความเปน็ สว่ นตัวและอตั ลักษณ์

2. การจัดการอตั ลกั ษณ์ เชน่ การตังรหสั ผา่ น การปกป้องข้อมลู สว่ นตวั

3. การพจิ ารณาความเหมาะสมของเนอื หา เชน่ ละเมิดความเป็นสว่ นตัวผอู้ ื่น อนาจาร วิจารณ์ผอู้ ื่นอย่างหยาบ

คาย

4. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

ในปัจจุบันด้วยประโยชนท์ ี่หลากหลายของระบบสารสนเทศในการเข้าถึงข้อมูลรวมทังข่าวสารต่าง ๆ อย่าง
รวดเร็ว ส่ิงสาคัญส่ิงหน่ึง คือ ความปลอดภัย ซ่ึงผู้ใช้งานจะต้องตระหนักอยู่เสมอ โดยไม่ละเมิดหรือกระทาการ

ใด ๆ ที่จะส่งผลให้ผู้อ่ืนได้รับความเสียหาย และต้องใช้งานสารสนเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด

5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียนและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มีวินยั

2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รียนรู้

1) ทกั ษะการสอื่ สาร 3. มงุ่ มั่นในการทางาน

2) ทกั ษะการทางานร่วมกนั

3) ทกั ษะกระบวนการคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณ

4) ทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

3. ความสามารถในการแก้ปญั หา

4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ

5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
ชว่ั โมงที่ 1
ข้ันนา

กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครูสนทนากับนักเรียนในหัวขอ้ การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศของนกั เรียน โดยครูตังคาถามเกยี่ วกบั การใช้
งานเทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจาวนั แล้วใหน้ ักเรียนชว่ ยกันตอบ
2. ครูถามนักเรียนว่า เคยเห็นหรือได้ยินข่าวเก่ียวกับอันตรายที่เกิดจากการใช้อินเทอร์เน็ตหรือไม่ อย่างไร
โดยใหน้ ักเรยี นแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งอิสระ
(หมายเหตุ: ครูเริม่ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล)
3. ครกู ล่าวเชอ่ื มโยงว่า การใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศมหี ลากหลายลกั ษณะทังท่เี ป็นประโยชน์ และอาจส่ง
ผลร้ายต่อผู้อื่น ดังนัน เราควรตระหนักถึงการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศท่ีถูกต้องและเหมาะสม เพื่อ
ปอ้ งกนั ภยั คุกคามรปู แบบต่าง ๆ และสามารถใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
4. ครูถามนักเรียนว่า นักเรียนทราบหรอื ไม่วา่ วันนีจะได้เรียนรู้เก่ียวกบั เรือ่ งอะไร โดยเปิดโอกาสให้นักเรยี น
ชว่ ยกันตอบคาถาม จากนนั ครแู จง้ ช่ือเร่อื งและผลการเรยี นรู้ให้นกั เรียนทราบ
5. ครใู ห้นกั เรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เพอ่ื วดั ความรู้เดมิ ของนกั เรยี นกอ่ นเขา้ กิจกรรม

ขั้นสอน

สารวจคน้ หา (Explore)
1. ครูถามคาถามกระตุ้นเพ่ือเปน็ การนาเข้าสู่เนือหาที่จะเรียน ว่า การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตอ้ งคานึงถึงส่ิง
ใดเป็นสาคัญ
(แนวตอบ: ความปลอดภยั จากภยั คกุ คามตา่ ง ๆ และไม่ละเมดิ หรือกระทาการใด ๆ ทจี่ ะสง่ ผลให้ผูอ้ ื่นไดร้ ับ
ความเสยี หาย)
2. ครูแยกกลุ่มนักเรยี นแบบคละความสามารถ (เก่ง-คอ่ นข้างเก่ง-ปานกลาง-ออ่ น) อยู่ในกลุ่มเดยี วกนั กลมุ่ ละ
5-6 คน โดยครเู ปน็ ผเู้ ลือกนักเรยี นเขา้ กลมุ่ แลว้ ใหน้ กั เรยี นร่วมกันศึกษาและสบื ค้นเกีย่ วกับความปลอดภัย
ของระบบสารสนเทศ หรอื แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ
3. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ รว่ มกนั พูดคุยและอภิปรายภายในกลุม่ จากขอ้ มลู ที่ไดร้ ว่ มกนั ศึกษา แล้วเขยี นสรุปลงใน
กระดาษฟลิปชาร์ต (Flip chart) โดยครูสังเกตการทากิจกรรมของนักเรียนแต่ละกลุ่มอย่างใกล้ชิด
พรอ้ มให้คาแนะกับนกั เรียนทมี่ ีขอ้ สงสัยระหวา่ งการทากิจกรรม
(หมายเหตุ: ครูเรม่ิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม)
4. ครูจับสลากเลือกลาดับของแต่ละกลุ่มให้ออกมานาเสนอผลการศึกษา โดยให้นักเรียนกลุ่มท่ีถูกเลือกเป็น
อันดับแรกส่งตวั แทนออกมานาเสนอผลการศกึ ษาทีละกลุ่มจนครบ เพือ่ ตรวจสอบความรู้ ความเข้าใจของ
นักเรยี นหลงั การศึกษาเกย่ี วกบั ความปลอดภยั ของระบบสารสนเทศ
5. ครูและนักเรียนกลุ่มอื่น ๆ ร่วมกันวิพากษ์เกี่ยวกับข้อมูลที่ตัวแทนนักเรียนออกมานาเสนอ จนทุกคนมี
ความรู้ ความเขา้ ใจทถ่ี กู ต้องและตรงกัน

ชัว่ โมงที่ 2
ข้นั สอน

อธบิ ายความรู้ (Explain)

1. ครูอธิบายเนือหาเพิ่มเติมหลังการอภิปรายของนกั เรียนในส่วนที่ขาดตกบกพรอ่ ง หรือส่วนท่ีเป็นประเดน็

สาคัญ ในหัวข้อความปลอดภัยของเทคโนโลยีสารสนเทศ จาก PowerPoint เรื่อง ความปลอดภัยของ
ระบบสารสนเทศ

2. ครูอธิบายประเด็นสาคัญในหัวข้อ รูปแบบภัยคุกคามต่อระบบรักษาความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ ว่า
สามารถแบ่งเป็น 5 รูปแบบ ดังนี

1) ภยั คกุ คามแกร่ ะบบ
2) ภัยคุกคามความเปน็ สว่ นตวั
3) ภยั คุกคามต่อผใู้ ชแ้ ละระบบ

4) ภัยคกุ คามทีไ่ ม่มเี ปา้ หมาย
5) ภยั คุกคามที่สร้างความราคาญ

3. ครูแทรกความรู้เสริมจากกรอบ Com Sci in Real Life ถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ต โดยโปรแกรม IE
(Windows Internet Explorer) วา่ อาจจะมไี วรสั แอบแฝงเข้ามาในเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ ซึง่ เปน็ ภัยคกุ คาม
รปู แบบหนึ่ง ดังนนั ในการใช้งานนักเรยี นจะต้องจดั การกับโปรแกรมทุกครงั ท่เี ขา้ ใช้งาน

4. ครูถามนักเรียนว่า ภัยคุกคามด้านข้อมูลในคอมพิวเตอร์ มีอะไรบ้าง แล้วให้นักเรียนช่วยกันตอบ โดยใช้
ความรทู้ ีไ่ ดศ้ กึ ษามาแลว้ และจากการอภปิ รายหนา้ ชันเรียน ในการตอบคาถามแบบไม่ดูเนือหาจากหนังสือ

เรยี น
5. ครเู ปิด PowerPoint เรอ่ื ง รูปแบบของภัยคกุ คาม แล้วอธิบายภาพรวมเพอ่ื ใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจมากย่งิ ขนึ
6. ครูสุ่มเรียกนักเรียนให้อธิบายความหมายของคาว่า social media โดยครูจะยังไม่เฉลยว่าคาตอบนันถูก

หรือผิด
7. ครใู ห้ความหมายและอธิบายคาว่า social media ในกรอบ Com Sci Focus

8. ครูใหค้ วามรู้และอธบิ ายเนน้ ยาเพิ่มเติมเกี่ยวกบั แนวโน้มของภยั คกุ คามในอนาคต
9. ครูชวนนักเรียนสนทนาเกีย่ วกับเร่ือง การป้องกันและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย โดยครู

เปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนได้เสนอวิธกี ารต่าง ๆ อยา่ งอิสระ

10. ครอู ธบิ ายเรอื่ ง แนวโนม้ ระบบรกั ษาความปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต แล้วส่มุ นกั เรียนเพ่อื ให้
ตอบคาถามว่า ระบบรกั ษาความปลอดภัยเทคโนโลยสี ารสนเทศ สามารถจาแนกรปู แบบได้เป็นอะไรบ้าง

(แนวตอบ: 1. ระบบรกั ษาความปลอดภัยสาหรบั เครือ่ งผใู้ ช้
2. ระบบปอ้ งกนั การโจรกรรมขอ้ มลู
3. ระบบการเขา้ รหสั ข้อมูล

4. ระบบป้องกนั การเจาะข้อมลู
5. ระบบปอ้ งกันแฟ้มขอ้ มูลส่วนบุคคล

6. ระบบรกั ษาความปลอดภยั สาหรับเครือขา่ ย
7. ระบบป้องกนั ไวรสั )
11. ครเู น้นยากับนักเรียนถึงความแตกตา่ งระหวา่ ง แฮกเกอร์ (Hacker) และแครกเกอร์ (Cracker) ซ่งึ นักเรยี น

สามารถศึกษาได้ในหวั ข้อ ความปลอดภยั ของระบบสารสนเทศในด้านความมัน่ คงของประเทศ
12. ครูแจกใบงานที่ 4.1 เรือ่ ง ความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ แล้วมอบหมายใหน้ ักเรยี นนากลบั ไปศกึ ษา

และลงมอื ทาเป็นการบา้ น

ขนั้ สรปุ

ขยายความเข้าใจ (Elaborate)

1. ครูอธิบายและลงข้อสรุปเก่ียวกับเนือหาที่นักเรียนได้ศึกษามาแล้ว และเน้นยาถึงวิธีการป้องกันการถูก
โจรกรรมข้อมลู

2. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเนอื หา เร่ือง ความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ ว่ามีส่วนไหนทย่ี งั ไม่
เข้าใจและครูให้ความรเู้ พิม่ เติมในสว่ นนนั

3. ครูให้นักเรียนเขียนสรุปเนือหา โดยการทาผังมโนทัศน์ (Concept Mapping) เรื่อง ความปลอดภัยของ
ระบบสารสนเทศ ตามความเข้าใจของตนเอง ลงในกระดาษ A4

ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูตรวจสอบผลการทาแบบทดสอบก่อนเรยี น เพ่อื ตรวจสอบความเข้าใจกอ่ นเรียนของนกั เรยี น
2. ครตู รวจสอบผลจากการทาใบงานที่ 4.1 เรื่อง ความปลอดภยั ของระบบสารสนเทศ
3. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบคุ คล การทางานกลุ่ม
และจากการนาเสนอผลการศึกษาเกย่ี วกับความปลอดภยั ของระบบสารสนเทศหนา้ ชนั เรยี น
4. ครูวัดและประเมินผลจากชินงานการสรุปเนือหาผังมโนทัศน์ เรื่อง ความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ ท่ี
นักเรยี นไดส้ รา้ งขึนจากขนั ขยายความรเู้ ปน็ รายบุคคล

7.การบูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง

หลกั ความ พอประมาณกบั เวลา นกั เรียนสามารถเรยี นรู้ เรือ่ งความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ
พอประมาณ ได้ทนั เวลา
พอประมาณกบั สมาชกิ นกั เรยี นสามารถแบง่ กลุ่ม เพยี งตอ่ การรว่ มกนั ทางานเป็นกล่มุ
หลกั มีเหตผุ ล พอประมาณกบั สถานที่ หอ้ งเรยี นคอมพิวเตอร์เพียงพอกับจานวนนกั เรียน

ในการจัดการเรียนการสอน นักเรยี นสามารถปฏิบัตแิ บบฝกึ หัด จากเรื่องความปลอดภัย
ของระบบสารสนเทศ ได้

หลักการสรา้ ง การจดั การเรยี นสอนแตล่ ะครงั นักเรียนเกดิ ความเข้าใจในการเรียน เนอื หา ได้เปน็ อย่าง
ภูมิคมุ้ กันในตวั ท่ีดี ดีทกุ คนมสี ว่ นร่วมในการเรยี นการสอนไดเ้ ปน็ อย่างดี

เงือ่ นไขความรู้ นักเรียนมคี วามร้คู วามเข้าใจเร่ือง ความปลอดภยั ของระบบสารสนเทศ ได้เป็นอย่างดี

เงื่อนไขคณุ ธรรม รจู้ ักการทางานร่วมกล่มุ ซื่อสัตย์ มคี วามรบั ผดิ ชอบ

8. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้

8.1 สอื่ การเรียนรู้
1) หนังสือเรยี น เรื่อง การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั
2) ใบงานท่ี 4.1 เรอื่ ง ความปลอดภยั ของระบบสารสนเทศ
3) PowerPoint เรอื่ ง การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั

4) กระดาษฟลิปชาร์ต (Flip chart)

8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) หอ้ งปฏบิ ตั ิการคอมพิวเตอร์
2) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ

9. การวัดและประเมนิ ผล วธิ วี ัด เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมนิ
- แบบทดสอบกอ่ นเรยี น - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
รายการวัด - ตรวจแบบทดสอบก่อน
เรยี น - ใบงานที่ 4.1 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
9.1 การประเมนิ กอ่ น - ผลงานทนี่ าเสนอ ระดับคณุ ภาพ 2
เรียน - ตรวจใบงานท่ี 4.1 - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑ์
- แบบทดสอบกอ่ น การทางานรายบคุ คล ระดับคุณภาพ 2
เรียน หนว่ ยการ - ประเมนิ การนาเสนอ ผา่ นเกณฑ์
เรยี นรู้ที่ 4 เร่อื ง ผลงาน
การใช้เทคโนโลยี - สงั เกตพฤตกิ รรม
สารสนเทศอยา่ ง การทางานรายบคุ คล
ปลอดภัย

9.2 การประเมนิ ระหว่าง
การจดั กิจกรรม
1) ความปลอดภยั
ของระบบ
สารสนเทศ

2) การนาเสนอ
ผลงาน

3) พฤตกิ รรมการ
ทางานรายบคุ คล

4) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2
ทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์

5) คณุ ลักษณะ - สังเกตความมวี นิ ัย - แบบประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 2
อนั พงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ ม่ัน คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
ในการทางาน อนั พึงประสงค์

ใบงานท่ี 4.1

เรือ่ ง ความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ

คาช้แี จง : นาคาทกี่ าหนดให้เติมลงในช่องว่างใหถ้ กู ตอ้ ง

ระบบเครือขา่ ย มัลแวร์ ฮาร์ดแวร์ แฮกเกอร์
ขอ้ มลู ความปลอดภัย แครกเกอร์ ตวั เลข
บุคคลภายนอก ตวั อกั ษร รหัสขอ้ มลู ไฟล์วอลล์
ซอฟต์แวร์ การสือ่ สาร โจรกรรม สแปม

1. ของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ คอื นโยบาย ขนั ตอนการปฏิบัติ และมาตรการ

ทางเทคนคิ ที่นามาใชป้ อ้ งกันการใช้งานจาก แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี 1)

ภยั คุกคามต่อ 2) ภยั คุกคามต่อ 3) ภยั คกุ คามต่อ

และ 4) ภัยคุกคามตอ่

2. ภยั คกุ คามทไี่ มม่ เี ปา้ หมายแน่นอน เช่น สง่ ขอ้ ความหรอื อีเมลรบกวนผู้ใช้งานในระบบหลาย ๆ คน เรืยกวา่

3. โปรแกรมที่ถูกสร้างขึนมาเพ่ือประสงค์ร้ายต่อเคร่ืองคอมพิวเตอร์ และจะขโมยข้อมูลหรือพยยามทาให้เครื่องที่

ตดิ ตงั ซอฟตแ์ วร์เกิดความเสยี หาย คอื

4. คือ โปรแกรมท่ีฝังตัวอยู่ในคอมพิวเตอร์ ทาให้ทราบข้อมูลของผู้ใช้งาน โดยท่ี

เจ้าของเคร่อื งคอมพิวเตอรน์ นั ไม่สามารถทราบไดว้ า่ มีการดกั ดขู ้อมลู การใชง้ านอยู่

5. วิธีการป้องกันและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามต่าง ๆ มีหลายวิธี ซ่ึงหน่ึงในนัน คือ

ตดิ ตงั เพื่อทาหน้าทีเ่ หมือนเปน็ กาแพงในการป้องกนั การบุกรกุ ของ

และ

6. การเข้า มีจุดประสงค์เพื่อรักษาความลับของข้อมูล ซึ่งข้อมูลนันจะถูกเปิดอ่านโดยผู้ท่ี

ไดร้ บั อนญุ าตเท่านนั

7. วธิ ีการป้องกันการถกู ข้อมูล ควรตังรหัสผ่านเพ่ือให้เกิดความปลอดภัย เช่น ควรจะตัง

รหสั ผา่ นใหม้ ีความยาว 8 และมีการผสมตกั อกั ษรกับ

ใบงานท่ี 4.1 เฉลย

เรือ่ ง การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย

คาชแ้ี จง : นาคาทีก่ าหนดใหเ้ ตมิ ลงในชอ่ งวา่ งให้ถูกต้อง

ระบบเครือขา่ ย มัลแวร์ ฮารด์ แวร์ แฮกเกอร์
ข้อมลู ความปลอดภัย แครกเกอร์ ตัวเลข
บุคคลภายนอก ตวั อกั ษร รหสั ขอ้ มลู ไฟล์วอลล์
ซอฟต์แวร์ การสอ่ื สาร โจรกรรม สแปม

1. ความปลอดภยั ของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ คือ นโยบาย ขนั ตอนการปฏิบัติ และมาตรการ

ทางเทคนิคทนี่ ามาใชป้ อ้ งกันการใชง้ านจาก บคุ คลภายนอก แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี 1)

ภยั คกุ คามตอ่ ฮาร์ดแวร์ 2) ภยั คกุ คามต่อ ซอฟตแ์ วร์ 3) ภยั คุกคามต่อ ระบบ

เครอื ขา่ ย และ การส่ือสาร 4) ภัยคกุ คามต่อ ขอ้ มูล

2. ภัยคกุ คามท่ีไม่มีเป้าหมายแนน่ อน เช่น สง่ ข้อความหรืออเี มลรบกวนผใู้ ชง้ านในระบบหลาย ๆ คน เรยื กว่า

สแปม

3. โปรแกรมที่ถูกสร้างขึนมาเพ่ือประสงค์ร้ายต่อเคร่ืองคอมพิวเตอร์ และจะขโมยข้อมูลหรือพยยามทาให้เคร่ืองท่ี

ติดตงั ซอฟตแ์ วรเ์ กดิ ความเสียหาย คอื มลั แวร์

4. ระบบเครือขา่ ย คือ โปรแกรมที่ฝังตัวอยู่ในคอมพิวเตอร์ ทาให้ทราบข้อมูลของผู้ใช้งาน โดยท่ี

เจ้าของเครือ่ งคอมพวิ เตอร์นนั ไมส่ ามารถทราบได้ว่ามีการดักดขู อ้ มลู การใชง้ านอยู่

5. วิธีการป้องกันและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามต่าง ๆ มีหลายวิธี ซึ่งหน่ึงในนัน คือ

ตดิ ตงั ไฟลว์ อลล์ เพ่ือทาหนา้ ท่เี หมือนเป็นกาแพงในการปอ้ งกันการบุกรุกของ แฮกเกอร์

และ แครกเกอร์

6. การเขา้ รหัสขอ้ มลู มีจุดประสงค์เพ่ือรักษาความลับของข้อมูล ซ่ึงข้อมูลนันจะถูกเปิดอ่านโดยผู้ท่ี

ไดร้ บั อนุญาตเทา่ นนั

7. วธิ ีการปอ้ งกันการถูก โจรกรรม ข้อมูล ควรตังรหัสผ่านเพ่ือให้เกิดความปลอดภัย เช่น ควรจะตัง

รหสั ผา่ นให้มีความยาว 8 ตัวอักษร และมีการผสมตักอักษรกับ ตัวเลข

แผนการจดั การเรียนรู้

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาการคานวณ ว21104 ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 เรือ่ ง การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2564

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2 เรอ่ื ง จริยธรรมในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ เวลา 1 ชั่วโมง

1. มาตรฐาน/ตวั ชว้ี ัด

1.1 ตวั ชี้วัด
ว 4.2 ม.1/4 ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั ใชส้ อ่ื และแหล่งขอ้ มูลตามขอ้ กาหนดและขอ้ ตกลง

2. จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. อธบิ ายเกี่ยวกับขอ้ กาหนด ขอ้ ตกลงในการใช้แหล่งขอ้ มูลได้ (K)
2. อภปิ ราการเลอื กใช้สอ่ื และแหล่งข้อมูลตามขอ้ กาหนดได้อย่างถกู ต้อง (P)
3. เหน็ ความสาคญั ของการใชส้ ารสนเทศอย่างมีจรยิ ธรรม (A)

3. สาระการเรยี นรู้

1. ข้อตกลง ขอ้ กาหนดในการใช้ส่อื หรือแหลง่ ขอ้ มลู ต่าง ๆ เช่น Creative commons

4. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทต่อการดารงชีวิตของมนุษย์มากขึน และจะเห็นได้ว่ายิ่งมี
ประโยชน์มากเพียงใด ก็อาจเป็นภัยมากเท่ากันหากผู้ใช้ขาดความรู้ ความรับผิดชอบ และการนาไปใช้ประโยชน์

ในทางสร้างสรรค์ จึงมีการควบคุมการใช้ และกาหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดคุณธรรมและจริยธรรมในการใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศ

5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี นและคุณลักษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มวี ินยั

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้

1) ทักษะการสอื่ สาร 3. มุ่งมั่นในการทางาน

2) ทักษะการแกป้ ญั หา

3) ทักษะการทางานรว่ มกัน

4) ทกั ษะกระบวนการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ

5) ทักษะการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ

3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา

4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ

5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขั้นนา

1. ครูชักชวนนักเรียนพูดคุย โดยถามนักเรียนถึงการใช้งาน social media ของนักเรียนในการรับ-ส่งข้อมูล
หรือการพดู คยุ กับเพ่ือน ๆ

2. ครูยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่มีบคุ คลอื่นทาการเข้าถึงขอ้ มลู หรือแฮกเข้าระบบ Facebook ท่ีเกิดขึนตามข่าว
ตา่ ง ๆ แล้วถามนกั เรียนว่า ปจั จยั ใดบา้ งทเี่ กีย่ วข้องและทาใหเ้ กดิ เหตกุ ารณ์แบบนีขึน

3. ครูกล่าวถึงประเด็นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศว่า นอกจากเรื่องความปลอดภัยของระบบสารสนเทศที่
นักเรียนควรทราบแล้ว ยังมีส่ิงใดอีกท่ีนักเรียนจะต้องทราบ โดยเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
ระหว่างครกู ับนกั เรยี น

4. ครูพูดถึงความปลอดภัยของระบบสารสนเทศท่ีเป็นความรู้เดิมจากช่ัวโมงที่แล้ว เพ่ือเช่ือมโยงถึงเร่ือง
จริยธรรมในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ ท่ีจะได้เรียนต่อไปในช่ัวโมงนี

ขน้ั สอน

1. ครูบอกขอบเขตเนือหาหรือประเด็นสาคัญที่จะเรียนในชั่วโมงนี ซ่ึงประกอบด้วย จริยธรรมในการใช้

เทคโนโลยีสารสนเทศ จรรยาบรรณในการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ ข้อกาหนด ข้อตกลงในการใช้
แหลง่ ข้อมูล และมารยาทของผู้ใช้ส่อื หรือแหล่งขอ้ มลู ตา่ ง ๆ บนอนิ เทอร์เน็ต
2. ครูถามคาถามกระต้นุ ความคิด วา่ Creative Commons เก่ียวขอ้ งกบั จรยิ ธรรมในการใช้เทคโนโลยีหรือไม่

อยา่ งไร โดยครเู ปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นไดต้ อบคาถามและแสดงความคดิ เหน็ อย่างอิสระ
(แนวตอบ : เก่ียวข้อง เพราะสารสนเทศที่ถูกสร้างขึนมาในปัจจุบันเข้าถึงได้ง่าย ซ่ึงมีการคัดลอก

หรอื นาไปใชง้ านโดยไม่ไดร้ บั อนุญาตจากเจา้ ของลิขสทิ ธิ์ จงึ มกี ารจดั ทา Creative Commons หรือสัญญา
อนุญาตขึนเพอ่ื ใหผ้ ทู้ ี่ตอ้ งการนาสารสนเทศไปใช้ได้คานงึ ถึงจรยิ ธรรม จรรยาบรรณ และเงื่อนไขของสญั ญา
อนญุ าตต่าง ๆ กอ่ นจะนาไปทาซา เผยแพร่ หรือดดั แปลง)

3. ครูสนทนากับนกั เรียนตอ่ ว่า จรยิ ธรรม คอื หลกั ประพฤตปิ ฏิบัตทิ ี่ถูกต้องเหมาะสม เพื่อเปน็ แนวทางในการ
ปฏิบตั ิตนอย่างสมบรณ์ และสอดคลอ้ งกับมาตรฐานที่ดงี ามอันเปน็ ที่ยอมรบั ของสังคม

4. ครูอธิบายเนือหาเกี่ยวกับ จริยธรรมในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และจรรยาบรรณในการใช้งาน
เทคโนโลยีสารสนเทศ ซ่ึงในขณะท่ีครูอธิบายให้นักเรยี นจดบันทึกลงในสมุดประจาตัว และเม่ือครูอธิบาย
จบ ครูถามคาถามนักเรียนเป็นรายบุคคลว่า จรรยาบรรณ คือ อะไร แล้วจรรยาบรรณในการใช้เทคโนโลยี

สารสนเทศ ประกอบด้วยอะไรบ้าง โดยแบ่งกันตอบคนละ 1 ข้อ เพื่อเป็นการตรวจสอบความสนใจของ
นักเรียนในการฟังครอู ธิบาย

5. ครูอธิบายถึงข้อกาหนด ข้อตกลงในการใช้แหล่งข้อมูล และเช่ือมโยงไปถึงการจัดทาสัญญาอนุญาต
(Creative Commons) จากนันให้นักเรียนศึกษาสัญญาอนุญาตและเงื่อนไขของแต่ละแบบ จากหนังสือ
เรยี น

6. ครูสุ่มตัวอย่าง Creative Commons ที่เป็นไอคอน แล้วสุ่มถามนักเรียนว่าไอคอนสัญญาอนุญาตดัง
กล่าวคืออะไร มีเงื่อนไขอย่างไร โดยให้นักเรียนปิดหนังสือเรียน เพื่อเป็นการตรวจสอบความเข้าใจใน

เนือหาท่ีได้ศึกษาไปแล้ว
7. ครูกล่าวถึงมารยาทของผู้ใช้ส่ือหรอื แหล่งข้อมูลต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต โดยสรุปว่า ผู้ใช้ส่ือควรตรวจสอบ

ความถกู ต้องของข้อมลู ตา่ ง ๆ ก่อนนาไปเผยแพร่ ควรใชภ้ าษาท่สี ภุ าพและเปน็ ทางการ ไม่เผยแพร่ข้อมูลท่ี

ไม่เป็นประโยชน์ในทางสร้างสรรค์ ควรระบุแหล่งท่ีมาให้ชัดเจน ไม่ควรเผยแพรข่ ้อมูลของผู้อื่นก่อนไดร้ ับ
อนญุ าต และไม่ควรเผยแพรโ่ ปรแกรมท่นี าความเสียหาย เชน่ ไวรสั เขา้ สูร่ ะบบคอมพิวเตอร์

ขน้ั สรุป

1. ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรยี นสอบถามเนือหา เร่ือง จรยิ ธรรมในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ วา่ มีส่วนไหนท่ียัง

ไมเ่ ขา้ ใจและครูใหค้ วามรูเ้ พ่ิมเตมิ ในส่วนนัน
2. ครแู จกใบงานที่ 4.2 เรื่อง จริยธรรมในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ ให้นกั เรยี นลงมอื ทา แล้วส่งคนื ครูท้าย

ชว่ั โมง

3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาอภปิ รายผลการทากิจกรรม การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง
ปลอดภยั หน้าชนั เรยี น

4. ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรปุ เนอื หาเกยี่ วกบั การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เพ่ือให้เกิดความเข้า
ในทีถ่ กู ต้องและเป็นไปในแนวทางเดยี วกัน โดยดูจากหนังสอื เรยี น

5. ครูใหน้ กั เรยี นตรวจสอบความเข้าใจของตนเอง จากกรอบ Self Check

6. ครมู อบหมายให้นักเรียนทาแบบฝกึ หัด Unit Question 4 ลงในสมดุ
7. ครใู ห้นักเรียนทาสรุปผังมโนทัศน์ (Concept Mapping) เรื่อง จรยิ ธรรมในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ลง

ในกระดาษ A4
8. ครใู หน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียน เพ่ือตรวจสอบความเข้าใจหลังเรยี นของนกั เรียน
9. ครตู รวจสอบการจดบนั ทึกเนอื หาที่ครอู ธิบายในสมุดประจาตัวนักเรียน

10. ครตู รวจแบบตรวจตอบตอนเอง (Self Check) ของนักเรียน
11. ครตู รวจสอบผลการทาแบบทดสอบหลงั เรียน เพ่อื ตรวจสอบความเขา้ ใจหลงั เรยี นของนักเรยี น

12. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบุคคล การทางานกล่มุ
และจากการนาเสนอผลการศึกษาเก่ียวกบั จรยิ ธรรมในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศหนา้ ชนั เรยี น

13. ครูวัดและประเมินผลจากชินงานการสรุปผังมโนทัศน์ เรื่อง จริยธรรมในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ที่

นกั เรียนไดส้ ร้างขึน

7.การบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

หลักความ พอประมาณกับเวลา นกั เรยี นสามารถเรียนรู้ เรอื่ ง จริยธรรมในการใชเ้ ทคโนโลยี
พอประมาณ สารสนเทศ ได้ทนั เวลา
พอประมาณกับสมาชิก นกั เรียนสามารถแบง่ กลุ่ม เพียงตอ่ การร่วมกันทางานเปน็ กล่มุ
หลักมเี หตุผล พอประมาณกับสถานที่ ห้องเรียนคอมพวิ เตอร์เพียงพอกับจานวนนกั เรยี น

ในการจัดการเรยี นการสอน นกั เรียนสามารถปฏิบัติแบบฝึกหัด จากเรื่อง จริยธรรมใน
การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ ได้

หลักการสรา้ ง การจดั การเรียนสอนแตล่ ะครงั นกั เรียนเกดิ ความเขา้ ใจในการเรียน เนอื หา ได้เป็นอยา่ ง
ภูมิคุ้มกนั ในตัวท่ดี ี ดีทกุ คนมีส่วนรว่ มในการเรียนการสอนได้เปน็ อยา่ งดี

เงือ่ นไขความรู้ นกั เรยี นมีความรู้ความเข้าใจเร่อื ง จรยิ ธรรมในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ ได้เป็นอยา่ ง
ดี

เง่ือนไขคุณธรรม รู้จักการทางานรว่ มกลุม่ ซื่อสตั ย์ มคี วามรับผิดชอบ

8. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้

8.1 สอ่ื การเรยี นรู้
1) หนังสือเรยี น หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย

2) ใบงานที่ 4.2 เร่ือง จรยิ ธรรมในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ
3) PowerPoint เรือ่ ง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย

8.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) หอ้ งปฏบิ ตั ิการคอมพวิ เตอร์
3) แหล่งข้อมลู สารสนเทศ

9. การวดั และประเมนิ ผล

รายการวัด วิธีวัด เครื่องมอื เกณฑ์การประเมนิ
- แบบทดสอบก่อนเรยี น - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
9.1 การประเมินหลงั เรียน
- ใบงานที่ 4.2 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- แบบทดสอบหลัง - ตรวจแบบทดสอบก่อน - ผลงานที่นาเสนอ
- แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2
เรียน หนว่ ยการ เรียน ผ่านเกณฑ์
การทางานรายบุคคล ระดับคณุ ภาพ 2
เรยี นรู้ท่ี 4 เรื่อง ผา่ นเกณฑ์

การใช้เทคโนโลยี

สารสนเทศอยา่ ง

ปลอดภัย

9.2 การประเมินระหว่าง

การจัดกิจกรรม

1) จรยิ ธรรมในการ - ตรวจใบงานท่ี 4.2

ใช้เทคโนโลยี

สารสนเทศ

2) การนาเสนอ - ประเมินการนาเสนอ

ผลงาน ผลงาน

3) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤติกรรม

ทางานรายบคุ คล การทางานรายบุคคล

4) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คณุ ภาพ 2
ทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์

5) คุณลกั ษณะ - สงั เกตความมวี ินัย - แบบประเมิน ระดับคณุ ภาพ 2
อันพึงประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มน่ั คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์
ในการทางาน อันพึงประสงค์

ใบงานที่ 4.2

เร่ือง จรยิ ธรรมในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ

คาชแ้ี จง : ตอบคาถามต่อไปน้ใี ห้ถกู ตอ้ ง

1. เงอื่ นไขในการให้อนุญาตของครีเอทฟี คอมมอนสม์ ีอยู่กี่เงื่อนไข อะไรบา้ ง และแต่ละเงื่อนไขเปน็ อย่างไร