ใครที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

เมื่อผู้ประกอบการที่ขายสินค้าหรือให้บริการมีรายได้เกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องไปดำเนินการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากรภายใน 30 วันนับแต่วันที่มูลค่าของฐานภาษีเกินกว่า 1.8 ล้านบาท

ขั้นตอนการจดภาษีมูลค่าเพิ่ม

ใครที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถทำได้ 2 ช่องทาง ได้แก่

ก. การยื่นแบบคำขอด้วยกระดาษ

โดยยื่นขอจดทะเบียน ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ :ซึ่งเอกสารที่ใช้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมีดังนี้

1. แบบคำขอจดทะเบียนมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากร (ภ.พ.01) จำนวน 3 ฉบับ พร้อมลายเซ็นผู้มีอำนาจลงนาม
2. หลักฐานแสดงที่ตั้งของสถานประกอบการได้แก่  
2.1 สัญญาเช่าอาคารที่เป็นที่ตั้งสถานประกอบการปิดอากรแสตมป์ (กรณีเช่า) หรือหนังสือยิยอมให้ใช้สถานที่เป็นสถานประกอบการ (กรณีเจ้าของให้ใช้โดยไม่ได้ค่าตอบแทน)
2.2 สำเนาทะเบียนบ้านที่ตั้งสถานประกอบการ
2.3 สำเนาเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่า/ผู้ยินยอม เช่น การเป็นเจ้าบ้าน สัญญาซื้อขาย คำขอเลขที่บ้าน ใบโอนกรรมสิทธิ์ สัญญาเช่าช่วง
2.4 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านสถานประกอบการของผู้ให้เช่าหรือผู้ยินยอม หนังสือรับรองนิติบุคคล (กรณีนิติบุคคลเป็นผู้ให้เช่า)
3. แผนที่แสดงที่ตั้งของสถานประกอบการโดยสังเขป พร้อมภาพถ่ายสถานประกอบการที่แสดงให้เห็นบ้านเลขที่
4. หนังสือมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ
5. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ของผู้มีอำนาจลงนาม
6. สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทพร้อมวัตถุประสงค์

ข. การยื่นแบบคำขอผ่านทางอินเทอร์เน็ต

ผู้ประกอบการสามารถยื่นแบบคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านทางระบบอินเตอร์เนต โดยมีขั้นคอนดังต่อไปนี้

1. เข้าสู่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร www.rd.go.th   คลิกเลือก นิติบุคคล เมื่อเข้าสู่หน้าจอ บริการที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคล เลือก ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ใครที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

หน้าจอภาษีมูลค่าเพิ่ม

2. คลิกเลือก ระบบบริการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มทางอินเทอร์เน็ต

ใครที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
หน้าจอระบบบริการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มทางอินเทอร์เน็ต

3. เมื่อเข้าสู่หน้าจอ VAT-SBT ONLINE เลือก บริการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

ใครที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
บริการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

4. เมื่ออ่านคำอธิบายคุณสมบัติผู้มีสิทธิยื่นคำขอจดทะเบียนแล้ว ถ้าต้องการจดทะเบียนให้กดปุ่ม ‘ยืนยันการจดทะเบียน’

ใครที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
กดยืนยันการจดทะเบียน

เมื่อเลือกคุณสมบัติที่ต้องการ กด ‘ตกลง‘

ใครที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

5. กรณีผู้ประกอบการมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่ต้องจดทะเบียน 1.8 ล้านบาท หรือเป็นผู้ส่งออก ให้คลิก แบบภ.พ.01 และกด ‘ยืนยันการจดทะเบียน‘

ใครที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ยืนยันการจดทะเบียน

6. กรอกเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร 13 หลักแล้วกด ตกลง

ใครที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
กรอกเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร

7. ผู้ประกอบการกรอกข้อมูลในแบบ ภ.พ.01 ประกอบด้วย ข้อมูลสถานประกอบการ ได้แก่ ชื่อที่อยู่สำนักงานใหญ่ สาขาและชื่อที่อยู่สาขา (ถ้ามี) และข้อมูลอื่นๆ ได้แก่ วันที่ประสงค์จะเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน เงินทุนจดทะเบียน ประมาณการรายรับต่อเดือน ประเภทของการประกอบกิจการ เป็นต้น

ใครที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

ใครที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

ใครที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
แบบ ภ.พ.01 ข้อมูลสถานประกอบการ

ใครที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
แบบ ภ.พ.01 ข้อมูลอื่นของกิจการ

8. เมื่อบันทึกข้อมูลในแบบ ภ.พ.01 ครบถ้วนแล้วระบบจะให้ผู้ประกอบการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่บันทึกทั้งหมด แล้วกดปุ่ม ตกลง เมื่อต้องการยืนยันให้กดปุ่ม OK

ใครที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อความแสดงการยืนยันการจดทะเบียน

9. หลังจากยืนยันการจดทะเบียนแล้ว หน้าจอจะแสดงผลการยื่นแบบคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมคำแนะนำและแสดงรหัสผู้ใช้และรหัสผ่านจำนวน 1 ชุด ซึ่งเป็นรหัสสำหรับผู้ประกอบการในการตรวจสอบแบบ ภ.พ.01 ที่ได้กรอกไปแล้ว กรณีที่ต้องการแก้ไขข้อมูลสามารถใช้รหัสดังกล่าวในการแก้ไขก่อนเวลา 17.00 น.ของวันที่บันทึกยื่นคำขอจดทะเบียนไว้เท่านั้น หลังจาก 17.00 น. ข้อมูลที่บันทึกไว้จะไม่สามารถแก้ไขได้

ใครที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ผลการยื่นแบบคำขอจดทะเบียน

เมื่อได้รับการอนุมัติให้เป็นกิจการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ผู้ประกอบการมีหน้าที่ออกใบกำกับภาษี จัดทำรายงานภาษีซื้อภาษีขายเป็นประจำทุกเดือน รวมทั้งยื่นแบบภ.พ.30 ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป

ปัจจุบัน PEAK มีสำนักงานบัญชีพันธมิตรมากถึง 450 รายทั่วประเทศ ที่ให้บริการช่วยผู้ประกอบการในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม PEAK ยังมีบริการจัดหาสำนักงานบัญชี ให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs โดยแนะนำจากพื้นที่ให้บริการของสำนักงานบัญชี ประเภทธุรกิจที่สำนักงานบัญชีมีความถนัด และความต้องการอื่นๆของลูกค้า ซึ่งกิจการสามารถซื้อแพ็กเกจ PEAK ผ่านสำนักงานบัญชีในราคาพิเศษ